๑๘. เรื่องทูตไปเมืองจีนครั้งที่ ๑

ณ เดือน ๘ ปีมเมียโทศก พ.ศ. ๒๓๕๓ โปรดให้ทูตานุทูตเชิญพระราชสาสนออกไปยังพระเจ้าเกียเข้งณกรุงปักกิ่ง ทูลให้ทราบเหตุที่กรุงศรีอยุทธยาเปลี่ยนรัชกาลใหม่ แลเจริญทางพระราชไมตรีที่ได้มีมาแต่ก่อน ทูตานุทูตออกจากกรุงเทพฯ เมื่อณวันพฤหัศบดี เดือน ๘ ขึ้น ๔ ค่ำ

เรื่องทูตไทยไปเมืองจีน เคยมีมาแต่ครั้งพระนครศุโขไทยเปนราชธานี แลมีมาเนืองๆ ในครั้งกรุงเก่า กรุงธนบุรี ตลอดจนในรัชกาลที่ ๑ เหตุที่ไทยแต่งทูตไปเมืองจีน แม้แต่โบราณมา เพราะเหตุที่ไทยกับจีนไปมาค้าขายถึงกันโดยทางทเล ไทยได้ประโยชน์ในการค้าขายกับเมืองจีนมาก จีนตั้งเปนประเพณีให้เรือต่างประเทศทางตวันตกไปค้าขายได้แต่ที่บางเมือง คือ เมืองกึงตั๋งเปนต้น มิให้ไปเข้าเมืองท่าที่เมืองอื่นๆ ได้ทุกเมือง ใช่แต่เท่านั้น ชาวต่างประเทศชาติใดที่จะไปค้าขาย พระเจ้าแผ่นดินผู้เปนใหญ่ของประเทศนั้นๆ ต้องมีราชสาสนแลเครื่องราชบรรณาการไปเจริญทางพระราชไมตรีต่อพระเจ้ากรุงจีน เรือของชาวประเทศนั้นจึงจะได้รับประโยชน์การค้าขายกับเมืองจีนโดยสดวก ถ้าไปค้าขายแต่โดยลำพังมักถูกจีนห้าม หรือมิฉนั้นก็ถูกพวกเจ้าเมืองกรมการจีนกดขี่ข่มเหงต่างๆ อันนี้เปนเหตุที่ประเทศต่างๆ ที่ไปมาค้าขายกับเมืองจีน ต้องแต่งทูตานุทูตเชิญพระราชสาสนแลเครื่องราชบรรณาการไปถวายพระเจ้ากรุงจีน เมื่อฝรั่งมีโปตุเกตเปนต้นออกมาค้าขายถึงประเทศทางตวันออก จะไปค้าขายถึงเมืองจีนก็ต้องทำอย่างเดียวกัน[๑] ทูตานุทูตที่ไปต้องไปขึ้นที่เมืองกึงตั๋งเดินบกไปจนถึงเมืองปักกิ่ง เปนการลำบากไม่ใช่น้อย



[๑] ประเพณีการค้าขายดังกล่าวมานี้ เปนเหตุให้จีนเข้าใจไปว่า บรรดาเมืองที่แต่งทูตานุทูตไป ไม่ว่าชาติใดใด ยอมเปนเมืองขึ้นของจีน ความข้อนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์พระบรมราชาธิบายไว้ ดังแจ้งอยู่ในหนังสือชุมนุมพระบรมราชาธิบายในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ นั้น

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ