๑๐. พระราชกำหนด ห้ามมิให้สูบแลซื้อขายฝิ่น

กฎให้ไว้แก่พระสุรัศวดี ซ้าย ขวา ใน นอก ให้กฎหมายบอกแก่เจ้าพระยา แลพระยา พระ หลวง เมือง เจ้าราชนิกุล ขุนหมื่น พันทนาย ฝ่ายทหาร พลเรือน ชาวที่ มหาดเล็กขอเฝ้า ข้าเจ้าต่างกรม หากรมมิได้ กรมฝ่ายน่า ฝ่ายใน แลข้าหลวงกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง กรมการณหัวเมือง เอก โท ตรี จัตวา ปากใต้ฝ่ายเหนือ แลอาณาประชาราษฎรทั้งปวงจงทั่ว

ด้วยพระบาทสมเด็จพระบรมธรรมิกราชาธิบดี ศรีวิสุทธิคุณ วิบุลยปรีชา ฤทธิราเมศวรราช บรมนารถบรมพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงจัตุรงคพิธสังคหวัตถุ และทศพิธราชธรรม์ อนันตมหาประเสริฐ เสด็จออกณพระที่นั่งท้องสนามจันทร์ ฝ่ายประจิมาภิมุขแห่งพระที่นั่งมหาจักรพรรดิพิมาน พร้อมด้วยอรรคมหาเสนาโหราพฤฒามาตย์ราชมนตรี กระวีมุขมาตยา ปโรหิตาจารย์ ทูลลอองธุลีพระบาทโดยอันดับ จึงทรงพระราชดำริห์ว่า สมเด็จพระมหาบรมกระษัตราธิราชแต่ก่อน ตั้งพระราชกำหนดกฎหมายไว้ ห้ามมิให้ผู้ใดสูบฝิ่นกินฝิ่นซื้อฝิ่นขายฝิ่น จับได้ให้ลงพระราชอาญาทัณฑกรรมกระทำโทษเถิงทวนทะเวนริบราชบาทว์จำใส่ตรุไว้ ผู้สูบฝิ่นกินฝิ่นหาฟังไม่ จนเกิดความเคืองใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงในพระบรมโกษฐ ก็ได้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แจกกฎหมายประกาศป่าวร้องห้ามปรามไปอิกครั้ง ๑ เพื่อจะให้คนชั่วรู้โทษตัวละพยศอันร้าย พระราชหฤไทยหมายจะทรงสงเคราะห์สรรพสัตวตามบุราณราชประเพณี ทุกวันนี้ผู้สูบฝิ่นกินฝิ่นหากลัวพระราชกำหนดกฎหมายไม่ ล่วงพระราชอาญาคบหากันสูบฝิ่นกินฝิ่นชุกชุมขึ้นเปนอันมาก ที่ยากจนขัดสนทรัพย์หาอันจะซื้อฝิ่นกินมิได้ ใจเกิดกำเริบเปนพาล คบหาพากันกระทำโจรกรรมสกดสดมตัดช่องย่องเบาล้วงลักตีชิงวิ่งราวเอาทรัพย์สิ่งของเครื่องอัญญมณีมาขายจำนำเอาเงินซื้อฝิ่น พอจะได้กินได้สูบรักษาชีวิตรไว้ ที่มีทรัพย์สินอยู่แล้วก็ได้ซื้อฝิ่นกินสูบเปนนิจ คิดทนงหลงโลภมักใหญ่ใฝ่สูงนึกมั่งมีในใจ เห็นแต่จะได้เกิดศุขโสมนัศขณะเมา จำพวกก็นับเข้าในเมรัยประมาทกาล เหตุว่ามัวเมามิได้คิดอ่านกระทำมาหากินสะสมกองกุศลที่จะยกตนออกจากภพ มีแต่ก่อสร้างปัญจวิธเวรกรรมจะนำตนไปสู่ทุกข์หาประโยชน์ไม่ เถิงจะทำราชการณรงค์สงครามฉลองพระเดชพระคุณเล่า ก็อาไศรยฝิ่น ถ้าไม่มีจะสูบจะกินก็ให้เกิดอาเจียนคลื่นเหียนให้หาวหิวอ่อน หลบหลีกนอนเอาราชการมิได้ บ้างก็ให้ปวดมวนร้อนหนาวทุรนทุรายลงท้องตายก็มี เพื่อพิเคราะห์ดูอำนาจฝิ่นให้โทษแก่ผู้กินผู้สูบเถิงเพียงนี้ ถ้าจับได้ก็จะมีโทษต้องทุกขเวทนาในพระราชอาญาอาณาจักรอิกโสดหนึ่งเปนทิฐแต่ในปัจจุบัน ครั้นตายไปตกในมหาดาพนรก นายนิริยบาลลงทัณฑกรรมกระทำโทษต้องทุกขเวทนาโดยสาหัสหาที่สุดมิได้ ครั้นพ้นจากดาพนรกแล้ว ก็ต้องไปเปนเปรตวิไสย มีควันไฟพลุ่งออกจากทางปากจมูกเปนนิจ เพราะเสพผลที่ตนสูบฝิ่นกินฝิ่นผิดเปนมิจฉาชีวะ ไม่เห็นทุกข์โทษในอนาคตปัจจุบัน ครั้นจะละไว้ บุคคลที่เปนพาลสันดานทุจริต ก็จะคบคิดกันลักลอบซื้อขายฝิ่นสูบฝิ่นกินฝิ่น แลจะกระทำโจรกรรมกำเริบล่วงเกินพระราชอาญา จะไปทนทุกขเวทนาในอบายภูมิเปนอันมาก จึงมีพระราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม สั่งให้ตราพระราชบัญญัติไว้ เพื่อจะให้เปนหิตานุหิตประโยชน์ อนึ่งจะทรงพระราชสงเคราะห์ช่วยระงับดับทุกข์โทษแห่งคนร้ายในอนาคตปัจจุบัน แลในพระราชบริหารบัญญัตินั้นว่า แต่นี้สืบไปเมื่อน่า ห้ามอย่าให้ผู้ใดสูบฝิ่นกินฝิ่น ซื้อฝิ่นขายฝิ่น แลเปนผู้สมซื้อสมขายเปนอันขาดทีเดียว ถ้ามิฟังจับได้แลมีผู้ร้องฟ้องพิจารณาเปนสัจ จะให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยน ๓ ยก ทะเวนบก ๓ วัน ทะเวนเรือ ๓ วัน ริบราชบาทว์บุตรภรรยาแลทรัพย์สิ่งของให้สิ้นเชิง ให้ส่งตัวไปเปนตะพุ่นหญ้าช้าง ผู้รู้เห็นเปนใจมิได้เอาความมาว่ากล่าว จะให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยน ๖๐ ที ถ้าผู้ใดมีฝิ่นอยู่ก่อนยังมิได้ห้ามมากน้อยเท่าใด จะขายให้เร่งเอาออกไปขายแก่นานาประเทศเมืองนอกให้พ้นแว่นแคว้นกรุงเทพพระมหานคร แลให้ร้อยแขวงกรมการนายบ้านนายอำเภอ ประกาศป่าวร้องอาณาประชาราษฎรลูกค้าวาณิชทั้งปวงให้รู้จงทั่ว แลให้กระทำตามพระราชกำหนดกฎหมายมานี้จงทุกประการ ถ้าผู้ใดมิฟังจับได้จะเอาตัวเปนโทษโดยโทษานุโทษ

กฎให้ไว้ณวันเสาร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๔ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๓ ปีมแมตรีศก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ