๗๘. โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชาและเจ้าพระยาพระคลังไปรบญวน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขัดเคืองญวนอยู่ จึ่งทรงพระราชดำริว่า ครั้งองค์จันทร์เขมรเป็นกบฏหนีไป ญวนก็รับไว้ อนุเป็นกบฏหนีไป ญวนก็รับไว้ แล้วกลับแต่งขุนนางพาอนุมาตั้งบ้านตั้งเมืองอย่างเก่า ทำเหมือนเมืองเขมรเหมือนกัน มีแต่คิดเกียจกันเขตต์แดนฝ่ายไทย ข่มขี่ยกตัวขึ้นเป็นดึกวองเด่ ให้องเลโบมีหนังสือมาว่า ให้ที่กรุงลงชื่อไปในพระราชสาสน์ว่าพระเจ้ากรุงเวียดนามดึกวองเด่ ฝ่ายที่กรุงเห็นแก่ทางไมตรีก็ทำให้ตามชอบใจ ภายหลังก็ให้เลโบมีหนังสือมาอีกว่า ให้เอาตราหลวงสำหรับแผ่นดินประทับสำเนาพระราชสาสน์ออกไป ด้วยยกตัวขึ้นเป็นใหญ่ดังนี้ จะเป็นไมตรีกันไปอย่างไรได้ จึ่งให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา เป็นแม่ทัพบกคุมไพร่พลทั้งในกรุงและหัวเมือง ๔๐,๐๐๐ ยกไปตีเมืองเขมร โปรดให้องค์อิ่มองค์ด้วงไปด้วย แล้วให้ไปช่วยพวกกบฏให้ถึงเมืองไซ่ง่อน ให้เจ้าพระยาพระคลังซึ่งว่าที่สมุหพระกลาโหมเป็นแม่ทัพเรือรบมีชื่อ คุมไพร่พล ๑๐,๐๐๐ ยกไปตีเมืองบันทายมาศ ให้เข้าทางคลองขุดใหม่ไปบรรจบทัพเจ้าพระยาบดินทรเดชาที่เมืองไซ่ง่อน ให้พระมหาเทพ (ป้อม) พระราชรินทร์ (ขำ) ขึ้นไปตีเมืองแง่อานคือเมืองล่าน้ำซึ่งขึ้นแก่ญวน ให้เกณฑ์คนหัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออกไปเป็นไพร่พลทหารด้วย

กองทัพได้ยกจากกรุงเทพมหานครณวันเสาร์เดือนอ้าย ขึ้น ๑๒ ค่ำ[๑] วันเดียวกันทั้ง ๓ ทัพ รุ่งขึ้นณวันอาทิตย์เดือนอ้าย ขึ้น ๑๓ ค่ำ[๒] เกิดแผ่นดินไหว ๆ ครั้งนั้นมากกว่าเดือน ๑๐ กรุงเทพมหานครก็ขาดทางพระราชไมตรีกับญวนตั้งแต่นั้นมา แล้วทรงพระราชดำริว่าเมืองหัวพันห้าทั้งหกที่ขึ้นแก่ญวนใกล้เมืองหลวงพระบาง ยังไม่มีกองทัพไปตี จึ่งสั่งให้กรมมหาดไทยมีตราขึ้นไปเกณฑ์ทัพเมืองแพร่หัวเมืองไทยฝ่ายเหนือด้วย ให้ได้ ๔,๐๐๐ โปรดให้เจ้าพระยาธรรมา (สมบุญ) เป็นแม่ทัพยกขึ้นไปพร้อมกันกับเจ้าเมืองหลวงพระบาง ถึงเมืองหลวงพระบางณเดือน ๓ แรม ๙ ค่ำ[๓] ปีมะเส็งเบ็ญจศก พักคอยกองทัพหัวเมืองอยู่

ฝ่ายทัพเรือเจ้าพระยาพระคลังยกไปตีเมืองบันทายมาศ สู้รบกันอยู่วัน ๑ ญวนก็ลงเรือหนีไปเมืองโจฎก กองทัพก็ข้ามไปทางคลองขุดใหม่ไปตีเมืองโจฎก ได้รบกันอยู่ ๒ วันกับคืน ๑ พวกไทยลุยบึงเข้าไปทางหลังเมืองได้ ญวนเห็นดังนั้นก็พากันอพยพลงเรือหนีไป ทัพไทยได้เมืองโจฎกขึ้นตั้งอยู่

ฝ่ายเจ้าพระยาบดินทรเดชายกลงไปถึงเมืองเขมร องค์จันทร์ไม่สู้รบ อพยพครอบครัวลงเรือหนีไปเมืองไซ่ง่อน จึ่งแบ่งกองทัพให้อยู่เป็นเพื่อนองค์อิ่ม องค์ด้วง ตั้งเกลี้ยกล่อมพระยาพระเขมรอยู่ที่เมืองพนมเป็ญ

เจ้าพระยาบดินทรเดชายกลงไปจะข้ามลำแม่น้ำโขง ที่เมืองบาพนม เดินบกไปเมืองไซ่ง่อน ครั้นรู้ข่าวว่าเจ้าพระยาพระคลังตั้งอยู่ที่เมืองโจฎก ก็ยกไพร่พลลงไปปรึกษาราชการกันที่เมืองโจฎก เจ้าพระยาบดินทรเดชาจึ่งปรึกษาเจ้าพระยาพระคลังว่า ทางลำแม่น้ำจะลงไปเมืองไซ่ง่อนเป็น ๒ แควอยู่ ด้วยลำแม่น้ำโขงลงมาถึงทะเลสาบเมืองเขมรแล้ว แยกออกที่บาพนมเป็น ๒ แคว ๆ ข้างซ้ายมือลงไปเมืองสะแดกถ่องโห้ออกปากน้ำเมืองไซ่ง่อน และทางนั้นตื้น ฤดูนี้เรือใหญไปไม่ได้ แควข้างขวามือลงไปเมืองโจฎกแล้วแยกเป็น ๒ แควไปออกปากน้ำเมืองปาสัก ลำ ๑ แยกไปออกปากน้ำเมืองสมิถ่อ ก็แผ่นดินในระหว่างแม่น้ำทั้ง ๒ แควขนาบนี้มีคลองเล็ก ๆ ลัดไปได้หลายตำบล เรือใหญ่เดินไม่ได้ เดินได้แต่คลองวามะนาวคลองเดียว ด้วยคลองโตเท่าแม่น้ำใหญ่ เกาะที่นั่นจึ่งเรียกว่าเกาะแตง แต่เป็นหน้าที่ของท่าน ก็ต้องเดินบกตัดไปทางบาพนมไปตีเมืองไซ่ง่อน แต่เดี๋ยวนี้มาพบเจ้าคุณเข้าแล้วจะทิ้งเสียก็ไม่ได้ ด้วยเจ้าคุณยังไม่เคยทัพศึก ก็จะต้องไปทางเรือด้วยช่วยกัน แต่ทางบกนั้นจะให้แต่เจ้าพระยานครราชสีมา พระยาราชนิกูล พระยาสีหราชเดโช พระยาพิไชยสงคราม และพวกทัพเมืองเหนือไปก็ได้ เจ้าพระยาพระคลังเห็นชอบด้วย เจ้าพระยาพระคลังจึ่งเรียนเจ้าพระยาบดินทรเดชาว่า ครัวญวนจับไว้ได้มากแต่ชายฉกรรจ์ ๘๐ คนเศษ การข้างหน้ายังมีต่อไปมากอยู่ จะจำไว้ที่เมืองโจฎกก็ไม่ไว้ใจ จะส่งเข้าไปกรุง เรือใหญ่ก็ไม่มี มีแต่เรือรบจะทำประการใดดี เจ้าพระยาบดินทรเดชาจึงว่า เจ้าคุณกลัวบาปอยู่ก็ไว้ธุระดิฉัน จึ่งเรียกพระสุรินทรามาตย์มาสั่งว่า อ้ายญวนผู้ชายฉกรรจ์มีอยู่เท่าไรให้แจกเหล้าไปสำเร็จโทษเสียให้หมด แต่ครอบครัวของมันนั้น ให้กวาดส่งลงไปเมืองบันทายมาศเสียให้สิ้น



[๑] วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน

[๒] วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน

[๓] อาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ