๒๑๖. ความอัศจรรย์ของพระยามหาเทพ

ในเดือน ๑๒ ข้างแรมนั้น มีการอัศจรรย์ควรจะกล่าวไว้ด้วย พระยามหาเทพ (ปาน) ทำผ้าป่าจะไปทอดที่วัดบวรมงคล มีนายเวรขุนหมื่นผู้คุมในกรม และขุนนาง เจ๊สัว จู้นจู๊ ขุนพัฒน์ และชาวแพ มาขออาสารับฎีกาไปทำมากกว่ามากจนเหลือพระในวัด ต้องเอาไปทอดวัดอื่น ๆ ต่อไป ผ้าป่านั้นทำประกวดประขันกันเป็นกระจาด ๓ ชั้นบ้าง ๔ ชั้นบ้าง เป็นยักษ์ใหญ่บ้าง เป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ บ้าง เป็นอศุภบ้าง มีเครื่องเล่นสำหรับกระจาดทุกกระจาด จะพรรณนาก็ยืดยาว ลงทุนเจ้าของหนึ่งก็หลายชั่ง ไม่เสียดาย คิดแต่จะให้เจ้าคุณมีความกรุณาอย่าให้ข่มเหงอย่างเดียว เจ้าคุณนั้นก็ทำยศเหมือนอย่างในหลวง ผูกแพใหญ่ ขึ้นบนเรือที่ปากคลองหน้าบ้านแล้วก็ลงมานั่งอยู่ในแพ มีหม่อม ๆ ละครและมะโหรีห่มแพรสีทับทิมลงมาหมอบเฝ้าดูผ้าป่าอยู่หน้าแพ ก็เป็นการเอิกเริกอย่างใหญ่ในแผ่นดินครั้ง ๑ ถึงโดยว่าเจ้าและขุนนางผู้ใหญ่จะทำบ้างก็ไม่ได้เช่นนั้น และเมื่อปีฉลูตรีศก นั้น กรมหมื่นอับษรสุดาเทพเป็นถึงพระราชบุตรีโปรดปรานมาก คนก็เข้าพึ่งพระบารมีแทบทั้งแผ่นดิน ทำผ้าป่ากระจาดใหญ่ขึ้นที่หน้าพระตำหนักน้ำครั้ง ๑ ก็ยังสู้พระยามหาเทพไม่ได้ พระยามหาเทพทำครั้งนั้น ก็เพื่อจะลองบุญวาสนาว่าตัวกับกรมหมื่นอับษรสุดาเทพ ผู้คนจะยำกลัวเกรงนับถือใครมากกว่ากัน จึงได้คิดทำประกวดประขันขึ้นบ้าง ทำการศพพี่หญิงก็ครั้ง ๑ ทำการศพบุตรหญิงก็ครั้ง ๑ แต่ผู้เอาผ้าและของไปช่วย ขุนนางดูเหมือนจะหมดทั้งแผ่นดิน เจ๊สัว เจ้าภาษี นายอากร จุ้นจู๊ และราษฎร ชาวแพแทบจะหมด ผ้าขาวใช้ในการศพทำบุญให้ทานก็ไม่หมด แต่เหลืออยู่ก็หลายพันพับ ครันทีตัวตายลงบ้าง ก็ไม่มีใครไปช่วย ได้ผ้าขาวไม่ถึงร้อยพับ แต่ชั้นหีบก็ไม่มีผู้ใดคิดต่อให้ บุตรภรรยาก็มัวแต่วิวาทจะชิงสมบัติกัน หลวงเสนาวานิชไปอยู่ที่นั่น เห็นว่าไม่มีผู้ใดทำหีบ ก็ไปเรียกบ่าวไพร่ของตัวมาช่วยต่อหีบขึ้น จึ่งได้ไว้ศพ อันนี้ก็เป็นที่น่าสังเวชอย่างหนึ่ง เมื่อมีชีวิตอยู่ผู้คนบ่าวไพร่ทั้งชายหญิงมีใช้อยู่ในบ้านกว่าพัน กล่าวไว้เพื่อจะให้ท่านทั้งหลายสืบไปภายหน้ารู้ไว้ ว่าการที่เบียดเบียฬข่มเหงคนทั้งปวงให้ได้ความเดือดร้อน เมื่อตนยังปกติมีชีวิตอยู่ก็พอเป็นสุขสบายไปได้ สิ้นชีวิตไปแล้ว ทรัพย์สินเงินทองเครื่องใช้บ่าวทาสก็ผันแปรเป็นอย่างอื่นไป บุตรก็ไม่ได้สืบตระกูล และบ้านเรือนโตใหญ่ก็เป็นป่าหญ้าไปทั้งสิ้น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ