สรรคที่ ๑๗

ฉบังแลสุรางคณางค์

พราหมณ์สุเทวทูล​พระราชมารดาว่า

๑๖ ฃ้า​แต่​พระราชอรไทย สิริวิไลย
นรินทะราชมารดา
๏ ยังมีภีมะราชเรืองปรา กฎฃามนามนา
ถะทุกประเทศเฃตเมือง
๏ ครองราษฎร์ครอบร่มรมย์เรือง เรียบราบปราบเปลือง
บ่มีอริริรณ
๏ ไอศวรรย์วิทรรภ์รัฐเลอบน เลิศล้ำดำกล
​พระเกียรติ์กระเดื่องแดนไกร
๏ เธอมีบุตรีทรามไวย เฉิดลักษณ์ไฉไล
​พระรูปก็เลิศนารี
๏ นางนี้​คือนางไภมี นางทัมะยันตี
วิทรรภะราชธิดา
๏ อนึ่งในนิษัธฃัติยา ธิบดินทร์ยินอา
นุภาพกระหลบภพไตร
๏ ​พระนาม​พระนลภูวไนย ริปูรู้​ไป
บ่อาจประชิดฤทธี
๏ นางนี้​คือนางไภมี ผู้​พระมหิษี
​พระนลนเรศร์เรืองณรงค์
๏ ​พระนล​พระน้องสององค์ สู่ป่าฝ่าพง
​เพราะเหตุพนันมันนำ
๏ ตกทุกข์​ได้ยากตรากตรำ แพ้สกาพาระกำ
มไหศวรรย์พลันผลาญ
๏ ฃ้านี้ภีมะราชบรรหาร หาองค์นงคราญ
นิคมศิขรดอนขวาง
๏ ตูเดียวเ​ที่ยวมาหานาง สบองค์สำอาง
บ่พลาดบ่พลั้งดังทูล
๏ ​คือนางองค์นี้ศรีบูรณ์ แจ่มล้ำจำรูญ
เสมอเสมือนเดือนหงาย
๏ มีพยาน​คือไฝประไพพราย หว่างขนงทรงฉาย
กำเนิดก็เกิด​กับองค์
๏ บัดนี้มลกลบลบลง ไฝนางหว่างขนง
​จะหาบ่เห็นเพ็ญศรี
๏ เหมือนจันทร์ดั้นเมฆหมอกมี มืดทั่วธาตรี
มิไสมิส่องผ่องพรรณ์
๏ ​แม้ฉนั้น​​พระธิดาลาวัณย์ ลักษณ์เลิศเฉิดฉัน
บ่โหดบ่ห่อนหย่อนงาม
๏ ผิวไร้เครื่องประดับวับวาม โฉมยงนงราม
วิไลยะไร้ราคี
๏ เทียบทองผ่องผุดสุดศรี ขุดจากปถพี
ก็ชูก็เชิดเพริศพรรณ์
๏ นางนี้โศภาลาวัณย์ ฃ้ารู้เร็วพลัน
ว่า​พระธิดานารี
๏ ​ความร้อนย่อมส่ออัคคี ฉันใดเทวี
ก็แจ้งประจักษใจตู ๚
๑๖ ​เมื่อนั้น​สุนันทาโฉมตรู ฟัง​ความงามดู
ดำริห์ระบอบสอบพยาน  
๏ ทรงอยิบขันทองรองพาน พลางองค์นงคราญ
ก็ล้าง​พระพักตรไภมี
๏ มลทินสิ้น​ไปไฝภี มะธิดานารี
ก็เด่นประดุจดวงเพ็ญ
๏ สมดังคำพราหมณ์งามเห็น แม่นแท้แน่เปน
วิสุทธะลักษณ์ลานตา
๏ จึงองค์​พระราชมารดา อีก​ทั้งสุนันทา
ก็ลูบก็ไล้ไภมี
๏ ขณะนั้น​​พระราชชนนี คำนึงคะ​ดี
​พระนางก็เดือดแดดาล
๏ โศกพลางนางเผยพจมาน ดูก่อนนงคราญ
วิไลยวิลาสเลอภู
๏ อันองค์นงคราญหลานตรู ลูกน้องของตู
มหิษีวิทรรภ์กันยา
๏ คนอื่นคนไกลไหนมา สาวสรรค์ขวัญตา
จงแจ้งประจักษ์ใจนาง
๏ ป้า​กับแม่เจ้าเยาวภางค์ สององค์สำอาง
ธิดาแห่งท้าวสุทามัน
๏ เปนปิ่นประเทศเฃตขัณฑ์ ทศารณ์ไอศวรรย์
สวัสดิ์วิบูลย์ภูลศรี
๏ แม่เจ้าวิวาหะ​พระภี มะผู้ภูมี
วิทรรภะรัฐราชา
๏ ป้าสู่เจทีวิวาห์ เปนราชชายา
​พระวีรพาหุเหิมหาญ
๏ ป้าไซร้​ได้เห็นนงคราญ ​เมื่อเจ้าเยาวมาลย์
กำเนิดจากองค์ชนนี
๏ ไฝนางหว่างเนตรมารศรี สำคัญมั่นมี
ตระหนักบ่แหนงแจ้งจง
๏ นงคราญหลานฃ้าอย่าทรง โศกเศร้าเหงาองค์
ประสบประเสริฐเถิดนาง
๏ ปลดทุกข์ปลิดทิ้งสิ่งหมาง หมองหมายคลายระคาง
​และเสพย์​แต่สุขสวัสดี ๚
๑๖ ​เมื่อนั้น​อรไทยไภมี ยิน​พระมาตุลี
ก็ชื่นก็แช่มแจ่มใจ  
๏ ประนมก้มกราบทูล​ไป ฃ้า​แต่อรไทย
นรินทะราชชนิกา
๏ ฃ้านี้มีสุขทุกวา ระพึ่ง​พระบา
รมี​พระองค์ทรงคุณ
๏ แผ่ผลล้นเหลือเกื้อหนุน อรไทยใจบุญ
บ่รู้จักฃ้าว่า​ใคร
๏ ยังทรงเม็ตตาอาไลย ​เอาอก​เอาใจ
บ่ชอกช่ช้ำรำคาญ
๏ บัดนี้รู้ว่าฃ้าหลาน เสิมส่งสงสาร
​จะทรงพิทักษ์รักษา
๏ ฃ้าฃอ​พระคุณกรุณา ​โดยเหตุเจตนา
​จะ​ใคร่คืนสู่บูรี
๏ เฝ้าองค์​พระชนกชนนี ดรุณดรุณี
ลูกฃ้าทารก​ทั้งสอง
๏ กำพร้าพ่อแม่แดหมอง หม่นล้ำลำยอง
​จะโศก​จะเศร้าเหงาทรวง
๏ ​พระป้าการุณคุณปวง โปรดเรียกวอหลวง
​และโปรดให้ฃ้าลา​ไป
๏ คืนสู่วิทรรภ์เวียงชัย สมหวังดังใจ
​โดยเจตนาฃ้าเทอญ ๚
๑๖ ​เมื่อนั้น​​พระนางล้ำจำเริญ ฟังคำซ้ำเพลิน
​พระพจมานหลานขวัญ
๏ ​พระนางพลางเรียกวอสุวรรณ์ ​พร้อมพหลพลสรร
​แต่ล่ำ​แต่เรี่ยวแรงณรงค์
๏ ฝ่าย​พระราชบุตรยุทธยง ​พระสุพาหุองค์
นรินทะปิ่นเจที
๏ อำนวยช่วย​พระชนนี ส่ง​พระไภมี
คืนสู่วิทรรภ์เวียงชัย
๏ พงไพรไพร่พลกล่นไกล แห่หามตาม​ไป
สพรึบส​พร้อมล้อมนาง ๚
๑๖ ​เมื่อนั้น​​พระวิทรรภ์กันยางค์ เลิศล้ำสำอาง
วิไลยวิลาสเลอศรี
๏ สมถวิลอรพินท์ยินดี เฝ้า​พระชนนี
​พระบิตุราชเรืองไกร
๏ ยงยศฃัติยาธิปตัย อ่าเอี่ยมอำไพ
ศุภาภิรมย์สมบูรณ์
๏ พรั่ง​พร้อมพันธ์พงศ์วงประยูร เอื้อเฟื้อเกื้อกูล
สนับสนุนเนืองนัย
๏ นางตระกองสองบุตรสุดใจ กอดทับ​กับหทัย
ประคับประคองสองศรี
๏ บูชาสุรารักษ์ศักดี ประณามพราหมณ์ชี
บ่บกบ่พร่องคลองธรรม
๏ ร้อยสุขทุกข์หนึ่ง​พึงนำ สุขหลายมลายลำ
เค็ญข้อ​ที่ก่อกองเข็ญ
๏ พราก​พระสวามีพีรเพ็ญ คำนึงพึงเห็น
​จะสุข​จะสันต์ฉันไร
๏ รำลึก​พระนลพลไกร นงรามทรามไวย
ก็กอบระกำช้ำแด
๏ รำพึงตลึงลาญแล กรรมกั้งรังแก
ละห้อยละเหี่ยเปลี้ยองค์
๏ ปาง​พระชนนีมีจง ในจิตคิดพวง
​พระราชธิดาลาวัณย์
๏ เห็นนางระคางจาบัลย์ ทรงถาม​ความพลัน
​เพราะเหตุไฉน​ใคร่ยิน
๏ ฝ่ายราชธิดาอาจิน จงหาสวามินท์
ก็ทูล​พระราชมารดา
๏ ฃ้า​แต่​พระแม่มีกา รุญเอื้อ​เอาภา
ระไฝ่​และเฝ้าเช้า​เย็น
๏ ​แม้น​พระชนนีมีเอ็น ดูตูผู้เข็ญ
จำนงสงวนชีวี
๏ จงตาม​พระวิศามบดี คืนมาธานี
​และฃ้า​จะยิ่งชนม์ยืน
๏ พรากนลพรั่งน้ำตากลืน โศกซั้นวันคืน
มิช้า​จะวอดชนม์วาย
๏ ปางนั้น​​พระแม่แดดาย ฟังคำซ้ำระคาย
ก็เฝ้า​พระราชสามี
๏ ทูล​ความตามข้อคะ​ดี ดังทัมยันตี
ทำนูลจำนงองค์นาง
๏ ​เมื่อนั้น​วิทรรภ์ราชเรืองวรางค์ ยินฃ่าวร้าวระคาง
กรุณ​พระราชบุตรี
๏ รับสั่งให้ตามพราหมณ์ที ชะเชี่ยวเชาวน์ชี
นรินทะเล่าเลา​ความ
๏ เฃาทราบประสงค์นงราม ทุกผู้ทุกพราหมณ์
สดับก็รับอาสา
๏ ต่างด่วนชวนกันพลันลา ​ไปเฝ้าเยาวะภา
​พระราชบุตรีศรีสมร
๏ ทูลว่าฃ้าจักลาจร เดิรป่าฝ่าดอน
ลำเนาละเมาะเสาะนล
๏ ​เมื่อนั้น​​พระบุตรีนิรมล ฟัง​ความตามยุบล
ก็มี​พระราชเสาวนีย์
๏ ดูราคณาจารย์ชาญวี รยะว่องเวที
​จะเสาะ​พระนลพลไกร
๏ พบชนชุมนุมกลุ่มใด จงเดิรเฃ้า​ไป
​และกล่าวฉนี้เนืองเนือง
  ๒๘ โอ้โอ๋นักเลง
ลืมคำพร่ำเพรง เล่นเบี้ยเสียเมือง
เริศร้างกลางไพร ห่อนไฝ่ชำเลือง
ว้าวุ่นขุ่นเ​คือง คับแค้นแสนใจ
  ๒๘ ทิ้งเมียกลางป่า
ทรามไวยศัยยา ตัดผ้าพา​ไป
สงสารกานดา น้ำตาหลั่งไหล
อ้างว้างกลางไพร กลัวพิษนานา
  ๒๘ นุ่งผ้าครึ่งผืน
จาบัลย์วันคืน สอื้นโศกา
เดิรเปลี่ยวเดียวปลง จิตม่งมองหา
ห่อนพบภรรดา เปือกฝุ่นขุ่นเ​คือง
  ๒๘ โอ้โอ๋นักเลง
ลืมคำพร่ำเพรง เล่นเบี้ยเสียเมือง
ทิ้งเมียเสีย​ได้ ห่อนไฝ่ชำเลือง
เคยกล่าวเนืองเนือง ให้สัตย์แก่นาง
  ๒๘ ว่าตราบม้วยมรณ์
หมายออมสมร ฤๅห่อนอางขนาง
บัดนี้หนี​ไป อยู่​ไหนอย่าพราง
น้องน้อยคอยกลาง ดงเดือดอาดูร
  ๒๘ เม็ตตานางน้อง
ชอกช้ำร่ำร้อง ราวในไฟกูณฑ์
หมองมัวผัวร้าง ทุกข์นางร้อยคูณ
คืนค้ำกำลูน ปลดทุกข์ประเทือง
  ๒๘ โอ้โอ๋นักเลง
ลืมคำพร่ำเพรง เล่นเบี้ยเสียเมือง
เมียอยู่​กลางไพร เชิญไฝ่ชำเลือง
ปลดเศร้าเปล่าเปลือง อย่าปราศเม็ตตา ๚
๑๖ ดูราอาจารย์ชาญมา รคะ​ทั่วทิศา
นุทิศประเทศแถวทาย
๏ จงจำคำฃ้าบรรยาย พบชุมนุมชาย
จงขับดัง​ซึ่งตูสอน
๏ แล้ว​ยั้งสังเกตุทวยนร ​ใคร​ได้ยินกลอน
​จะเงี่ยสดับคำฃาน
๏ ​ใครพร้องสนองพจมาน จงจำอาการ
​และคำ​ที่พูดตอบมา
๏ สังเกตุอากัปกิริยา ชนชนิดใดภา
ระกิจประกอบการใด
๏ มั่งมีดีจนเข็ญใจ ประสงค์สิ่งไร
จำมาให้แจ้งใจเรา ๚
๑๖ ปางนั้น​ปวงพราหมณ์งามเชาวน์ รับสั่งโฉมเฉลา
ก็ลา​และรีบจรจรัล
๏ บุกชัฎลัดป่าอารัญ ทุกเทศเฃตขัณฑ์
นิคมนครดอนฉวาง
๏ พบคนพราหมณ์ขับกลอนพลาง ดังซึ่งพระนาง
ธสอนให้ขับจับใจ
๏ ห่อนพบ​พระนลพลไกร ​ใครฟังห่อน​ใคร
​จะรู้ระหัสชัดดี ๚

จบสรรคที่ ๑๗ ในนิทานเรื่องพระนล

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ