กระบวนศึกตอนที่ ๒

ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี เห็นกองทัพพม่าที่ลงมาตีค่ายเลิกกลับไปทางเมืองพิศณุโลกหมด ก็ทรงเตรียมการที่จะตีกองทัพพม่าซึ่งล้อมเมืองพิศณุโลกบ้าง ถึงวันพุฒ เดือน ๓ ขึ้น ๑๓ ค่ำ มีรับสั่งให้พระยารามัญวงศ์คุมพลกองมอญผ่านทางในเมืองพิศณุโลก ขึ้นไปตั้งประชิดค่ายพม่าข้างด้านเหนือ ให้เจ้าพระยาจักรีเจ้าพระยาสุรสีห์เอากำลังที่รักษาเมืองออกตั้งประชิดค่ายพม่าข้างด้านตวันออก ข้างด้านใต้นั้นให้พระยานครสวรรค์ซึ่งตั้งอยู่ณวัดจันทร์ท้ายเมืองพิศณุโลก ตั้งค่ายชักปีกกาประชิดค่ายพม่าออกไปเปนหลายค่าย พม่ายกเข้าตีกองมอญที่พระยารามัญวงศ์คุมไป พวกมอญยิงปืนตับต้องพม่าเจ็บป่วยล้มตายถอยหนีกลับเข้าค่าย กองมอญก็ตั้งค่ายลงได้ ส่วนกองทัพเจ้าพระยาจักรีเจ้าพระยาสุรสีห์ที่ยกจากในเมืองพิศณุโลกไปตั้งค่ายประชิดค่ายพม่าข้างด้านตวันออกนั้น แต่แรกพม่ารบชิงเอาค่ายได้ เจ้าพระยาสุรสีห์เข้ารบเองชิงเอาค่ายคืนมาได้ แล้วขับทหารเข้าตั้งค่ายประชิดพม่าได้ตลอดทั้งด้าน พม่ายกมาตีค่ายก็ถูกไทยตีแตกพ่ายไปอิก พม่าจึงขุดคูเข้ามาเปนหลายสาย เอาคูบังตัวเข้ามาตีค่ายไทย ฝ่ายไทยก็ขุดคูออกไปให้ทลุถึงคูของพม่า รบพุ่งกันในคูทุกๆ ค่าย รบกันมาหลายวันไทยยังตีค่ายพม่าไม่แตก.

ครั้นณวันอังคาร เดือน ๓ แรม ๒ ค่ำ พระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จขึ้นไปถึงค่ายที่วัดจันทร์ท้ายเมืองพิศณุโลกเพลา ๔ ทุ่ม ให้กองทัพพระยายมราช พระยานครราชสิมา พระยาพิไชยสงครามยกหนุนไปช่วยพระยานครสวรรคข้างด้านใต้ แล้วดำรัสสั่งให้นัดสัญญาแก่นายทัพไทยที่ไปตั้งประชิดพม่าให้เตรียมตัวพร้อมกันทุกกอง พอถึงเพลา ๑๑ ทุ่ม (๕ ล. ท.) ก็บอกสัญญาให้กองทัพไทยเข้าระดมตีค่ายพม่าที่ล้อมเมืองข้างด้านตวันออกพร้อมกันทุกๆ ค่าย รบกันอยู่จนเช้า ไทยเข้าค่ายพม่าไม่ได้ก็ต้องถอยมา เห็นจะเป็นเพราะอะแซหวุ่นกี้ส่งกำลังเพิ่มเติมมารักษาค่ายมากขึ้น ด้วยไทยตั้งค่ายประชิดรบกับพม่าข้างด้านตวันออกมาหลายวัน พม่ารู้ตัวว่าไทยคงจะเพิ่มเติมกำลังไประดมตี พม่ามีรี้พลมากกว่า จึงเตรียมต่อสู้ไว้แขงแรงนัก.

พระเจ้ากรุงธนบุรีตีค่ายพม่าที่ล้อมเมืองพิศณุโลกข้างด้านตวันออกไม่ได้สมพระประสงค์ รุ่งขึ้นวันพุฒ เดือน ๓ แรม ๓ ค่ำ จึงมีรับสั่งให้ประชุมแม่ทัพนายกองพร้อมกันที่ค่ายวัดจันทร์ ทรงปฤกษาการที่จะตีกองทัพพม่าต่อไป คราวนี้ตกลงว่าจะเปลี่ยนไปตีค่ายพม่าข้างฝั่งตวันตก จึงกำหนดให้เจ้าพระยาจักรีเจ้าพระยาสุรสีห์รวมกำลังในเมืองยกออกตีค่ายพม่า ให้ตีเฉภาะแต่ค่ายทางด้านตวันตกเฉียงใต้ จะให้กองทัพอิกกอง ๑ แยกไปจากกองทัพหลวงให้ตีกระหนาบพม่าเข้าไปข้างด้านหลัง ให้พม่าแตกโดยกระบวนตีโอบเปนลำดับไป เมื่อปฤกษากันแล้วพระเจ้ากรุงธนบุรีก็เสด็จกลับจากค่ายวัดจันทร์ในค่ำวันนั้น ลงมาตั้งกองทัพหลวงอยู่ที่ค่ายท่าโรงอันเปนระยะที่ ๒ แต่ค่ายปากพิงขึ้นไปนั้น.

รุ่งขึ้นณวันพฤหัศบดี เดือน ๓ แรม ๔ ค่ำ จึงดำรัสสั่งให้กองทัพพระยานครสวรรค์ซึ่งตั้งอยู่ที่วัดจันทร์ถอยลงมายังกองทัพหลวง แลให้หากองทัพพระโหราธิบดีแลกองมอญพระยากลางเมืองขึ้นมาจากค่ายบางทราย แล้วรวมพลจัดเข้าเปนกองทัพ ๑ จำนวนพล ๕,๐๐๐ ให้พระยานครสวรรค์เปนกองน่า พระยามหามณเฑียรเปนแม่ทัพ หลวงดำเกิงรณภพ หลวงรักษ์โยธา เปนกองหนุน ให้ยกขึ้นไปซุ่มอยู่ทางด้านหลังค่ายพม่าฝั่งตวันตก ถ้าเห็นพม่ารบพุ่งติดพันกับกองทัพเจ้าพระยาจักรีเจ้าพระยาสุรสีห์เมื่อใด ก็ให้ตีกระหนาบเข้าไป แล้วโปรดให้พระราชสงครามลงมาเอาปืนใหญ่ที่กรุงธนบุรีเพิ่มเติมขึ้นไปอิกด้วย.

ฝ่ายกองทัพพม่าที่ตั้งอยู่เมืองศุโขไทย ๕,๐๐๐ ครั้นได้รับคำสั่งของอะแซหวุ่นกี้ก็แบ่งกำลัง ๓,๐๐๐ ยกเปนกองทัพลงมาทางเมืองกำแพงเพ็ชร ประสงค์จะให้มาตีตัดลำเลียงของกองทัพไทยทาง ๑ พลอิก ๒,๐๐๐ ก็ยกไปเมืองพิศณุโลกตามคำสั่ง กองสอดแนมของพระยาศุโขไทยได้ความว่า พม่าให้กองทัพยกไป ๒ ทางดังนั้น จึงมากราบทูลพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อณวันเสาร์ เดือน ๓ แรม ๖ ค่ำ เมื่อกองทัพพระยามหามณเฑียรยกไปแล้ว ครั้นทรงทราบก็เข้าพระไทยว่าพม่าหมายจะตีตัดลำเลียง จึงทรงแก้ไขกระบวนทัพให้ถอนกองทัพพระยาราชภักดีกับพระยาพิพัฒโกษา ซึ่งตั้งอยู่บ้านกระดาษอันเปนระยะที่ ๓ ให้ลงมาช่วยพระยาราชาเศรษฐีรักษาเมืองนครสวรรค์ แลให้กองมอญพระยาเจ่งสมทบกับกองหลวงภักดีสงคราม รวมกันเปนจำนวนพล ๕๐๐ รีบยกไปคอยสอดแนมข้าศึกอยู่ที่บ้านลานดอกไม้แขวงเมืองกำแพงเพ็ชร ให้รู้ว่าพม่าจะยกไปทางไหน ถ้าพบข้าศึกได้ทีก็ให้โจมตี ถ้าไม่ได้ทีก็ให้ล่าถอยมา ส่วนกองทัพพระยามหามณเฑียรที่ยกไปซุ่มคอยตีกระหนาบพม่านั้นคงให้ไป แลให้พระยาธรรมาหนุนไปอิกกอง ๑.

ฝ่ายเจ้าพระยาจักรีเจ้าพระยาสุรสีห์ยกออกไปตั้งประชิดค่ายพม่าที่ล้อมเมืองอยู่ข้างด้านตวันตกเมื่อวันเสาร์เดือน ๓ แรม ๖ ค่ำ ตามรับสั่งพระเจ้ากรุงธนบุรี ก็ได้รบกับพม่าแต่ในค่ำวันนั้น เจ้าพระยาสุรสีห์ให้เอาไม้ทำคบปลายผูกผ้าชุบน้ำมันยาง เอาต้นคบยัดในกระบอกปืนใหญ่ เอาไฟจุดปลายคบแล้วยิงเข้าไปในค่ายพม่า เผาค่ายพม่าไหม้ค่าย ๑ ถูกหอรบไหม้ทำลายลงก็หลายหอ พม่าออกมาดับไฟถูกไทยยิงตายแลลำบากไปเปนอันมาก แต่ตีค่ายพม่าหาแตกไม่ ด้วยกองทัพที่กะว่าจะไปช่วยตีกระหนาบอิกทาง ๑ ยกไปไม่ถึงตามกำหนด เพราะกองทัพพระยานครสวรรค์อันเปนกองน่าของพระยามหามณเฑียรยกไปถึงบ้านส้มป่อยไปพบทัพพม่า (บางทีจะเปนกองทัพพม่า ๒,๐๐๐ ที่ยกมาจากเมืองศุโขไทยนั้น) ต้องรบพุ่งติดพันกันอยู่ จึงไปติดอยู่เพียงนั้น เจ้าพระยาจักรีเจ้าพระยาสุรสีห์ก็ต้องรักษาค่ายมั่นอยู่ ส่วนกองทัพพระยามหามณเฑียรจะทำอย่างไรต่อไปไม่ปรากฎในหนังสือพระราชพงษาวดาร ปรากฎแต่ว่ากองทัพพระยานครสวรรค์กลับมาตั้งที่บ้านแขก จึงเข้าใจว่าเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีเห็นว่าจะตีโอบพม่าโดยไม่ให้รู้ตัวไม่ได้แล้ว ก็ให้กลับมาทั้งกองทัพพระยานครสวรรค์แลพระยามหามณเฑียร.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ