พระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๒๗ กันยายน ร.ศ. ๑๒๙

วันที่ ๒๗ กันยายน ร.ศ. ๑๒๙

พระยาไพศาล

มีอะไรจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง เมื่อเฉลิมพระชนพรรษาคราวนี้ โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ส่งหนังสือแมคเอซินวัฒนาวิทยามาให้ ๖ เล่ม เป็นหนังสือประจำเดือน บางทีเจ้าก็จะได้เคยเห็นแล้ว เวลาเฉลิมพระชนมพรรษาเป็นช่องว่าง จึงได้มองดูหนังสือนั้นตลอดทั้ง ๖ เล่ม ความรู้สึกในใจเกิดอย่างไร

ชั้นต้นคะเนสำนวนว่า ฉบับไหนเป็นสำนวนฝรั่งแต่ง ฉบับไหนเป็นสำนวนไทยแต่ง แปลกกันสักกี่คน ได้กันลงเป็นพวกไว้ชั้นหนึ่ง แล้วจึงพิจารณาสัปเยกต์ว่า เขาเลือกเอาเรื่องอะไรมาใช้บ้าง ได้ความว่า ผู้ที่คิดทำหนังสือตั้งใจจะให้เป็นสุภาษิตอย่างหนึ่ง ให้เป็นวิธีรักษาไข้เจ็บแลรักษาความสะอาดอย่างหนึ่ง แต่ในความมุ่งหมายทั้ง ๒ อย่างนี้ จำจะต้องหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีข้อความกล่าวถึงผู้ประพฤติตัวดีนั้นเคร่งครัดในศาสนา ด้วยหวังจะให้เป็นตัวอย่าง เขาก็ช่างเลือกนักหนาเกือบจะได้สมปรารถนาหมด เว้นไว้แต่เพื่อจะไม่ให้หนังสือแห้งเกินไป ฤๅแคบเกินไป จึงเปิดให้เรื่องอื่นๆ ลงบ้าง เช่นคอเรสปอนเดนต์ กล่าวถึงสุจริตไตรทวารเป็นต้น กับมีอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นทีว่าเปิดความรู้ให้นักเรียนรู้การต่างประเทศ คือ กล่าวถึงเจ้าแผ่นดินอังกฤษที่ล่วงไปแล้ว แลองค์ใหม่กับทั้งมเหสีเป็นต้น จึงรวมความได้ว่า ทางที่แต่งเป็น ๔ อย่าง เช่นที่กล่าวมาข้างต้นนี้

ความรู้สึกในใจเมื่ออ่าน ตั้งต้นนึกว่า อ้อพวกมิชชันนารีนี้เขารู้ภาษาไทยดีอยู่ อ้อผู้หญิงนักเรียนของเราก็รู้ภาษาฝรั่งดีอยู่ แต่เมื่อพิเคราะห์ดูโดยละเอียดแล้ว เห็นว่าความรู้ของผู้ที่เขียนหนังสือนี้ รู้เท่าเพียงในวงที่ขีดให้รู้ เพราะมีข้อความที่พลาดพลั้งในนั้นมาก เช่น โยกราฟี่ ฤๅฮีสตอรี่ ไม่มีความรู้เลย เป็นต้น รู้แต่เรื่องที่เลือกลงเกณฑ์เกี่ยวด้วยศาสนา ซึ่งเป็นข้อพอของครูนั้น ดูก็น่าสงสารนักเรียนที่ต้องเขียนวงให้นั่งเช่นนั้น

อีกข้อหนึ่งซึ่งขาดมากนั้นคือ ไม่มีธรรมะอันใดซึ่งจะยั่วให้เกิดแปตรอยติค ไม่แต่ขาด กลับจะเป็นการทำลายเสียด้วย อรรถแห่งทางที่สอน คือทางเขาตั้งเอาก๊อดเป็นเหมือนเจ้าแผ่นดิน โลกเป็นเหมือนกับพระราชอาณาเขต ผู้ที่เกิดมาในโลกก็นับว่าเป็นพลเมืองของก๊อด ความซื่อตรงต่อก๊อดนั้นเป็นแปตรอยติค ธรรมดาบ้านเมืองไม่ใช่มีแต่เจ้าแผ่นดิน ต้องมีเจ้ามีนายลงมาเป็นลำดับ เจ้าแลนายเหล่านั้น เมื่อถืออาณาเขตของก๊อดเป็นที่ตั้งเช่นนี้ ก็ต้องแลดูผู้ซึ่งประพฤติตาม อันจะเป็นที่โปรดปรานสบเสียของก๊อดเป็นผู้มีอำนาจเป็นที่พึ่ง ด้วยเหตุฉะนั้น เจ้าแผ่นดินคริสตังทั้งหลาย จึงเป็นผู้ที่ควรเคารพอย่างสูง ถัดลงมาก็คริสตังทั้งหลายเป็นพลเมืองอย่างดี พวกที่ไม่เป็นคริสตังย่อมปรากฏเห็นเป็นพวกอันธพาลทั้งนั้น ความรู้สึกเช่นนี้ ดูเหมือนพูดจะหาความให้มากไป แต่ถ้าหากว่าผู้ใดอ่านหนังสือทั้ง ๖ เล่มนั้นแล้ว แลวางอารมณ์อย่าถือเราถือเขา ดูตามคุณสมบัติตามโวหารในหนังสือนั้น ความรู้สึกในใจจะเป็นอย่างเช่นที่ว่านี้

จึงมาสันนิษฐานในใจได้ว่า การสั่งสอนของพวกมิชชันนารีนี้ ทำให้คนเรามีความรู้แลมีความฉลาดได้บางอย่าง แต่มีโทษซึ่งดูเหมือนจะปลูกแปตรอยติค เพราะได้ทำลายเสียโดยที่ตั้งแห่งทางสั่งสอนแล้ว เป็นข้อที่ควรจะพิจารณาอยู่ มีแห่งหนึ่งซึ่งได้กล่าวเกือบจะว่าถึงลิบเบอตี ซึ่งน่าที่ไทยเราจะไม่เข้าใจ เมื่อกล่าวถึงจลาจลในประเทศอินเดีย สังเกตดูว่ายังไม่เคยสอนกันในทางนั้น พึ่งจะออกมาใหม่

มีสำนวนหนึ่งซึ่งอีเหละเปะปะ จ่าหน้าว่าความเห็นของผู้รู้ ซึ่งได้ติดสินบนว่า ถ้าใครแปลเป็นอังกฤษให้ให้แจ่มแจ้งได้จะให้ ๑๐ ปอนด์ ถ้าแปลเป็นภาษาไทยให้แจ่มแจ้งจะให้ ๑๐๐ บาท เหตุด้วยไม่ได้แต่งในภาษาไทยฤๅภาษาอังกฤษแลไม่ใช่แอสปารันโต เป็นภาษามัสควิโต ผู้แต่งจำสำนวนได้ เว้นแต่ท่อนข้างท้ายที่ยายแหม่มจะเห็นรุ่มร่ามหนักจึงเติมความลงไปให้ สำนวนจึงได้เป็น ๒ ตอน ไม่กินกัน

ทำไมจึ่งได้เขียนหนังสือออกยืดยาวเช่นนี้ เพราะเหตุที่ได้อ่านแล้วไม่รู้ที่จะใช้อะไรได้ นึกว่าก็จะเป็นคติของเรา ซึ่งจะได้ตรึกตรองวางทางเล่าเรียน เราควรจะมุ่งหมายตั้งประณิธานบำรุงพระราชอาณาจักรของโลกซึ่งเราอยู่เฉพาะ ไม่ใช่อาณาจักรของพระเจ้า เช่นมิชชันนารีตั้ง ซึ่งจะเทียบกับประเทศใดประเทศหนึ่ง ก็คงผิดจากปรินซิปลของการเล่าเรียนสั่งสอนประจำเมืองนั้น เว้นไว้แต่มิชชันนารีทั่วไปจะสอนกันเช่นนี้ทั้งสิ้นฤๅ แลจะสำเร็จได้จริงฤๅ ไม่เชื่อว่าทำได้ในที่อื่น นอกจากหลอกผู้หญิงที่ใจอ่อนๆ แลไม่มีความรู้จะเดินตามไปได้จริงบ้าง ถึงดังนั้นก็ยังน้อย ดูเหมือนว่าพวกที่เรียนความรู้จากสำนักนี้จะตกในที่เก้อเขินมากกว่า จะไหว้พระก็อายฝรั่ง จะบอกตัวถือศาสนาฝรั่งก็กระดากไทย คนเช่นนี้มีมาก ไม่ใช่พลเมืองอย่างดีของเราที่จะเป็นเช่นนั้น ขอให้จำไว้การศาสนาไม่สำคัญอะไร ศาสนาไหนๆ ก็เก่าเกินไปทุกอย่าง ที่จะเอามาลงกับการปัจจุบันไม่ได้ เว้นไว้แต่จะตั้งขึ้นใหม่ให้อัปตูเดต แต่เราตั้งศาสนาไม่ได้ เราจึงควรวางแผนทางดำเนินให้ควรแก่สมัย แทนศาสนาที่อัปตูเดต จะไปเอาเรื่องที่ ๒,๐๐๐ ปีล่วงมาแล้ว มาเถียงกันป่วยการเวลาเปล่า ๆ.

(พระบรมนามาภิไธย) สยามินทร์

(คัดจากวารสารศิลปากร ปีที่ ๓ เล่ม ๓ พ.ศ. ๒๔๙๒ หน้า ๑-๑๘)

หมายเหตุ พระราชหัตถเลขาและสำเนาหนังสือกราบบังคมทูลของพระยาไพศาลศิลปศาสตร์ทั้งหมดนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อจากทายาทของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี กรุณาคัดสำเนาส่งมาเก็บรักษาไว้ในหอสมุดแห่งชาติ โดยความขอร้องของพระยาอนุมานราชธน เมื่อยังอยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ