เพลงยาวชาววัง

๏ จารึกคำกำหนดเป็นจดหมาย
ให้ชาววังฟังเล่นเช่นนิยาย ลือขจายจนในเขตนิเวศวัง
พระครูแปลกแรกเริ่มประเดิมก่อน หม่อมแสงสอนเสือกกระเชอกะเหยอหยั่ง
เพราะไฟลุกรุกร้นพ้นกำลัง เหลือดันดังไก่ไข่จึงไล่ฟอน
ฝ่ายตัวเมียเคลียเคล้ากันเย้ายี้ ตัวผู้ขี่สุดกำลังไม่ยั้งหย่อน
ชั้นกระบวนเบนแง่ทำแสงอน คนแง่นง่อนจึงได้เง้นขึ้นเป็นทรง
ครั้งพระครูผู้มาตัณหาสด เที่ยวจ่อจดจับจองต้องประสงค์
เขม้นหมายวายวุ่นยี่สุ่นทรง ก็ไม่หลงเหลือกำลังเหมือนครั้งนี้
เมื่อเดิมดื่มก็แต่เดนพวกเกณฑ์รุ ประเดี๋ยวคุขึ้นมาติดเอามิดหมี
สมสมัครลักหลับเข้าทับยี เกิดความทีหนึ่งแล้วต้องแคล้วกัน
เดี๋ยวนี้ก่อข้อขำจะทำอิก สูดนาสิกบานบานรำคาญขัน
ให้หนูหุ่นรุ่นราวคราวคราวกัน ไปผ่อนผันเกี้ยวพานสื่อสารตรา
ฝ่ายอนงค์นางน้องไม่ข้องขัด ขอแหวนเพชรเจ็ดกะรัตในหัตถา
ทั้งสองวงทรงไว้ถอดให้มา ชั้นภูษาสไบก็ให้ปัน
แต่ความปิดคิดว่าใครจะไม่รู้ พิเคราะห์ดูดูเล่นก็เห็นขัน
ข้างนอกหน้าแล้วก็ว่าไม่หากัน ในหน้ามันแสนสนิทเฝ้าชิดชวน
ฝ่ายเจ้าทรงองอาจสมพาสยักษ์ กระบวนควักค้อนคมสมสงวน
เจ้าทรงสวยพักตราพูดจากวน กระบวนม้วนหน้าบูดไม่พูดจา
จามรีมีพิษฤทธิ์กำเริบ เพราะอิ่มเอิบอดอั้นซึ่งตัณหา
.....ขาดราชกิจระอิดระอา จึ่งเกิดกาลีวังกระดังลาง
ชักผองน้องร้องยอเที่ยวผลอพลอด ทำง่อนแง่นแค่นขอดหยอดไข่ขาง
นางหนูดำคล้ำคลับรับตะกาง ขายหน้าลาวชาววังล่างนี้เหลือใจ
ตัวผู้พี่นี้เมื่อยังอยู่วังหลวง เที่ยวแอ่นทรวงให้เขาสมภิรมย์สมัย
มากกว่าหมื่นดื่นแต่มิตรสนิทใน เป็นสุดใจจับต้องเจ้าของเดิม
เดี๋ยวนี้ออกมาอยู่ยังวังตลาด ดูองอาจอึกทึกทำฮึกเหิม
น้ำเขฬะไหลย้อยคอยจะเยิ้ม สั่นเทิ้มเทิ้มเกือบเท่าเสาโพงพาง
ออกเชิดชื่ออื้ออึงรู้ถึงทั่ว ช่างไม่กลัวฝีปากเขาถากถาง
ที่เขาทำจำมาได้มาไว้วาง จะทำบ้างเช่นเขาทำขยำตน
ชักยุบลคณนาเหมือนค้าขาย ต้นทุนหายปลายทุนหักขาดมรรคผล
ต้องติดตามทุนตัวที่มัวมล พอปะคนสิ้นคิดติดจะแกน
ก็สมมุ่งเหมือนอย่างมาดปรารถนา ค่อยชูเนื้อเกื้อหน้าขึ้นกว่าแขน
เพราะมีคู่มีคอคอยล่อแพน จนผ้าผ่อนร่อนแก่นทั้งแหวนเพชร
เฝ้าจัดแจงแต่งตัวมัวตัณหา ผัดพักตราร่าออกเหมือนดอกเห็ด
กระเหม่าควันเทียนใส่จุไรเช็ด พอสรรพเสร็จแล้วเที่ยวแส่รังแกกวน
ร้องตะโกนโอนอ่อนเรียกหล่อนจ๋า จงเยี่ยมหน้ามาให้ชมสมสงวน
แว่วสำเนียงเสียงกระแสงหม่อมแกงบวน ก็เดินด่วนมาทางผ่านบานบัญชร
นั่งเอี้ยมเฟี้ยมเยี่ยมหน้าต่างแล้วพลางพลอด เสียงฉอดฉอดชวนกันเข้าบรรจถรณ์
จนพี่น้องต่างพรากไปจากจร เที่ยวเร่ร่อนไปอยู่ทิมที่ริมประตู
ถึงเวรเข้าเล่าพอเสร็จเสด็จเข้าที่ แล้วลงไปนอนให้หม่อมพี่บี้แตงหนู
ยามพิโรธโกรธกันแล้วขันคู ขึ้นมึงกูก่อความพูดลามเลว
จนทราบถึงทูลละอองออกก้องกึก เห็นจะลึกลามกเหมือนตกเหว
รูปจริตติดจะคลายเสียดายเอว มิใช่เลวแหลมหลักยักลำลำ
แสนเสียดายดอกดวงที่ทรวงอก สไบปกปิดป้องเป็นของขำ
จะถูกมือถือเล่นต้องเคล้นคลำ คงชอกช้ำยิ่งกว่าเช่นเล่นผู้ชาย
เสียดายปรางอย่างผลมะปรางดิบ ช่างคันยิบยางอะไรหนอใจหาย
หอมแป้งสดรสจรุงปรุงประปราย จะหมองหม้ายเสียเพราะถูกจมูกมัน
ขอกล่าวกลอนย้อนความถึงสามสรรพ หม่อมเขียนกับหม่อมพี่ก่อนเกสรสรร
กระเษมทรวงดวงฤดีเป็นนิรันดร์ อยู่เหย้าเรือนร่วมกันทุกวันคืน
ต่างซื่อตรงจงจิตพิสมัย มิได้ไปสังวาสสวาดิอื่น
เข้าห้องกันนั้นสำเนียงเหมือนเสียงปืน คงดังดื่นไปทั้งเขตนิเวศเวียง
น่าเอ็นดูหนูอิ่มกับพริ้มพริ้ง ช่างอ้อยอิ่งออเซาะเสนาะเสียง
ผลัดกันชมสมสวาดิไม่ขาดเคียง อยู่เรือนเรียงเรียงกันเป็นหลั่นมา
แสนสงสารหนูหุ่นเที่ยววุ่นแว้ง คบอีแดงเต็มประดาษวาสนา
เหมือนแสบท้องเต็มทนพ้นปัญญา ต้องอตส่าห์ฝ่าฝืนกลืนข้าวแดง
เป็นวันขาดมาตุคามทั้งสามคู่ ก็ไม่สู้สองอนงค์เจ้าทรงแสง
สู้ทำการหาญหักเพราะรักแรง จึงได้แกงบวนกินเฝ้ายินยวน
พอแก้เงี่ยนเปลี่ยนกายชายสัมผัส[๑] เพราะเนาวังจังหวัดกระษัตริย์สงวน
ครั้นจะออกดอกกระถินกลัวกินกรวน จึงยั่วยวนเที่ยวตอแยพอแก้ใจ
แต่คำคนบนตึกพูดฦกซึ้ง ว่าเห็นจะถึงที่ฉบับตำรับใหญ่
ทรงคนนี้มิใช่ชั่วเขาตัวไว จอมสุดใจเคยเป็นครูเรียนรู้มา
วิสัยศิษย์มีครูเคยรู้รส ใหนจะอดออมอั้นซึ่งตัณหา
รูปหุ่นห้อล้อลอดทอดสกา คงหลับตาใช้ต่างอย่างอาวุธ
เหมือนเจ้าจอมหม่อมพี่นารีรุ่น ก็ถกถุนรสราคภาคบุรุษ
หม่อมน้องสาวคราวนี้ได้ยี้ยุด ต้องสิ้นสุดสายใจอาลัยวอน
ตัวเมียหมายคล้ายเสือที่ซ่อนเล็บ ตัวผู้เพื่อนเหมือนตะเข็บเมื่อไต่ขอน
ต้องเบ้าเต่งตามกันนิรันดร กระบวนงอนทรงงุยพอถุยกัน
ละม้ายเหมือนละครแขกเมื่อแรกหัด จะป้องปัดปกปิดไม่ผิดผัน
อาหวังเอ๋ยเงยหน้ามาหากัน ขนิษฐ์นั้นเปรียบเหมือนนุชบุษบา
แสงเจ้าทรงองค์อิเหนาเยาวรุ่น หม่อมหนูหุ่นนกต่อเหมือนหรอหรา
แต่ลอบลักรักใคร่เวียนไปมา พระบิดาทราบสารรำคาญคิด
เป็นลูกเจ้าชาวไร่ไพร่สถุล ที่สกุลสุริย์วงศ์ไม่จงจิต
จึงลอบให้ไปประหารผลาญชีวิต บุตรยายปิดหยีนั้นก็บรรลัย
เหมือนเรื่องนี้ไม่มีผิดสักนิดหนึ่ง แต่ไม่ถึงสาหัสต้องตัดษัย
เจ้าทรงแสงแกว่งเปล่าแสนเศร้าใจ เห็นนานไปจะพิกลกิริยา
มาตรแม้นมิฉะนั้นเหมือนพันกุ้ย ไม่รุกรุยร้ายกาจมีวาสนา
กินเง็กชอบใจจริงจึงทิ้งตรา พระเชษฐาไท่เผงเล็งแลดู
เห็นพันกุ้ยอุ้ยอ้ายชายจะแก่ จะร่วมแซ่สืบสายอายอดสู
แล้วมีมิตรติดจะเก่งชื่อเม่งจู ประคองคู่คบค้าสมาคม
แสนโกรธานารินเรียกกินเง็ก พวกจีนเจ๊กทีดีดีมีมี่ถม
มารักใคร่อ้ายพันกุ้ยช่างงุยงม เถิดก็สมน้ำหน้าสาแก่ใจ
ถ้าทิ้งตราหาคู่เจออุเอก แสนสมบัติอัติเรกจะเสกให้
นี่อุบาทว์ชาติชั่วไสหัวไป อย่าอยู่ในเมืองปักกิ่งอีหญิงพาล
กินเง็กงามทรามสงวนรัญจวนจิต ทูลทรงฤทธิ์เชษฐาน่าสงสาร
จงออมอดงดโทษได้โปรดปราน ขอประทานอยู่ที่เขตนิเวศเวียง
ท้าวไท่เผงเปล่งพระสิงหนาท ร้องตวาดไหวหวั่นสนั่นเสียง
เหวยอาตี๋พี่ชายไม่หมายเลี้ยง เร่งผันผายบ่ายเบี่ยงจากเวียงไชย
สงสารกินเง็กงามทรามสวาดิ ลงกราบบาทเชษฐานํ้าตาไหล
แล้วทูลลาอาเฮียสุดเสียใจ พันกุ้ยให้ขึ้นขี่พาชีชวน
มาถึงนอกนัคเรศประเทศถิ่น แล้วปลอบกินเง็กงามทรามสงวน
ขอเชิญมิ่งนฤมลขึ้นบนจวน อย่าหมองนวลนักเลยน้องไม่ต้องการ
พอเม่งจูรู้ความก็ตามหึง ไม่มีซึ่งสุขสบายหลายสถาน
แสนลำบากยากยับอัประมาณ เพราะพ้องพานผัวเขาต้องเศร้าใจ
ตัวผู้นี้เหมือนกันกับพันกุ้ย ดูน่าหุยฮึกเหลือจนเหื่อไหล
เป็นเม่งจูผู้เจ้าผัวไม่กลัวใคร อุปรมัยเหมือนอย่างหม่อมทับทิบเล็ก
หม่อมหนูขริบสิบคมคารมจัด ผิวเนื้อทัดเทียมสีแก่นขี้เหล็ก
เหมือนยุพานารินชื่อกินเง็ก ออกแซ่เซ็กเสียจริงจริงชิงกันชม
มิฉะนั้นเหมือนอย่างท่านท้าวประดู่ โฉมประแดะเป็นคู่เคยสู่สม
บำรุงรื่นชื่นบานสำราญรมย์ ตื่นประทมโสมนัสสวัสดี
ทรงเสวยโภชนาสุธารส พระโอสถกันชาชักเป็นศักดิ์ศรี
แล้วเสด็จไปหาหญ้าเลี้ยงคาวี นอกธานีแสนสนุกสุขสำราญ
พระโฉมยงองค์ระเด่นลันไดราช ยูรยาตรเข้าไปยังวังสถาน
ปะประแดะแทะโถมประโลมลาน ขอข้าวสารแสบท้องร้องลำลำ
รับด้วยซอผลอพลอดฉอดฉอดเสียง พลางเข้าเคียงค่อยประคองที่ของขำ
พิไรร่ำพร่ำพร้องสองสามคำ ก็เสร็จสำเร็จประสงค์ที่จงใจ
ท้าวประดู่ผู้บำรุงกรุงประดู่ หม่อมแสงผู้เจ้าทรงไม่สงสัย
พระโฉมยงองค์สุวรรณลันได หม่อมแปลกไม่เพี้ยนผิดสักหนิดเดียว
หม่อมหนูขริบคมสมประแดะ เช่นนี้แหละเนื้อหนังมังสังเขียว
สุดแสนงอนค้อนขิ่งจริงจริงเจียว เหมือนม่าเหมี่ยวแต่ว่ามีซึ่งฝีมือ
ตัวเป็นไทใจกับกลายเป็นแขก ลันไดแปลกหลงใหลน้อยไปหรือ
อยากใคร่ชมสมสัมผัสเข้าฟัดครือ ใช้หนังสือแทนซอไปขอทาน
เพราะรุ่มรักรึงรังเหมือนอย่างนี้ จึงได้มีบทกลอนอักษรสาร
เที่ยวชลอล่อเจ้าทรงให้หลงลาน จึงเกิดการหวงหึงออกอึงวัง
แปลกก็คือว่าแต่แรกของแปลกก่อน แสงมาซ้อนลับสายเข้าภายหลัง
แต่แสงสำเร็จกิจไม่ปิดบัง แปลกนั่นคั่งคึกเปล่าไม่เข้าการ
แต่หนูหุ่นมุ่นหมกเหมือนอกจะแตก ครั้งหม่อมแปลกก็เป็นสื่อได้ถือสาร
มาภายหลังเล่าก็ตนเป็นคนตะพาน ย่อมทราบการทั้งสองฝ่ายร้ายแลดี
ดูกระบวนควรจะเปรียบประเทียบทัด เหมือนขุนพัฒน์พ่อค้าเจ้าภาษี
ใครประมูลทรัพย์สินแสนยินดี ข้างไหนมีผลมากแล้วอยากคบ
เมื่อหม่อมแปลกแรกสวาดิปรารถนา ได้แต่ผ้าพันตัวหัวประจบ
ด้วยยากยับอับจนพ้นพิภพ ที่ก้นกบกุศราชขาดสองรู
เดี๋ยวนี้เจ้าทรงใหม่ให้หนักหนา ทั้งภูษาภูษิตปิดแตงหนู
นางแม่สื่อคนสวยรวยปลาทู หม่อมแปลกสู้แต่สักเสี้ยวไม่เกี่ยวกัน
เหมือนอนงค์องค์เอกเมขนาฏ ที่ลินลาศลอยล่วงในสรวงสวรรค์
รามสูรสิทธิศักดิ์เป็นยักษ์นั้น ก็เหมือนกันกับหม่อมแสงตำแหน่งทรง
พระอรชุนมุ่นหมกอกจะแตก เหมือนหม่อมแปลกปลอมกายด้วยลายหลง
ออกเชิดชื่อที่ในชั้นสวรรค์วง เพราะอนงค์นางฟ้าหน้าไม่อาย
รามแสงแกว่งถุงพุ่งเอาแปลก[๒] เหมือนเศียรแตกเจ็ดภาคไม่อยากหาย
ทั้งชิงชื่นรื่นภิรมย์ชมสบาย ต่างตะกายอกอัดเพราะกลัดมัน
แล้วเที่ยวเล่าความลับกับหม่อมหม่อม ว่าได้คร่อมหม่อมหนูหุ่นทั้งถุนถัน
ดูท่วงทีลดเลี้ยวเห็นเกี่ยวพัน พูดเชิงชั้นเหมือนได้ชมภิรมย์รัก
เขาย่อมว่าถ้าแม่สื่อที่ถือสาร ไม่เกี้ยวพานผู้ใดไม่สมัคร
แม้นมิได้ตัวตนเอาคนชัก ต่างเอางัวพันหลักคงจักจุน
วิสัยแปลกแทกแทะแกะจนได้ ทั้งมิใช่โง่เง่าเต่าในตุ่น
ดูว่าการพานจะชุลมุน หม่อมหนูหุ่นเห็นจะยับคงอับปาง
เหมือนผิดอย่างนางหม่อมเปลี่ยนเจียนสนับ แปลกยังจับจูบเล่นไม่เหม็นหมาง
ลงขอแก้วกดกระแทกค่อยแหวกวาง เปรียบเหมือนอย่างหนึ่งกระต่ายหมายสัตว์โต
แต่กุญชรถ่ายก้อนอุจจาระ ก็โตกว่าศรีษะเป็นอักโข
แต่ว่านางคชสารพาลจะโซ จึงยงโย่ให้กระต่ายพอหายคัน
เหมือนหนึ่งอย่างนางยักษ์รักมนุษย์ ชื่อผีเสื้อสมุทรสุดกระสัน
แสนตรองตรึกนึกกำหนัดเพราะกลัดมัน เฝ้าผูกพันพิสมัยอภัยมณี
เธอแสนกลัวตัวเป็นยักษ์มักกะสัน เที่ยวติดพันพอเป็นผัวเอาตัวหนี
ก็ขืนคิดติดตามข้ามวารี พระฤๅษีเธอก็ว่าให้สากะใจ
นางนารีผีเสื้อที่เหลือเงี่ยน เหมือนหม่อมเปลี่ยนหมายหม่อมแปลกเฝ้าแถกไถ
ทั้งภาษาเล่าก็แปลกแขกกับไท ผิดวิสัยควรฤสมให้ชมชิด

(หมดเนื้อความในต้นฉบับ)



[๑] มีรอยแก้เป็น “แต่พอแก้ขาดแคลนแทนสัมผัส”

[๒] มีรอยแก้เป็น “รามแสงแกว่งขวานสังหารแปลก”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ