เพลงยาวเจ้าพระ

บทที่ ๑ ของเจ้าพระพระองค์ที่ ๑

๏ ได้ยลยุบลลักษณ์ในอักษร
ซึ่งพระหลานบรรหารพจน์เป็นบทกลอน ก็อวยพรศรีสวัสดิ์ให้วัฒนา
จงเชี่ยวชาญการกระวีวิธีปราชญ์ เฉลียวฉลาดตรองตรึกที่ศึกษา
ให้จะแจ้งทุกแห่งเห็นเจนจินดา อย่าโรยราอุสาหะสละเพียร
ซึ่งไม้ม้วนมีถ้วนยี่สิบสรรพ กว่านั้นนับมลายล้วนไม่ควรเขียน
อักษรสามตามตำหรับฉบับเรียน ให้ชำเนียนชำนิชัดสันทัดแท้
ทั้งโทเอกเลขเจ็ดกับกากะบาท ทัณฑฆาฏต่ายคู้รู้จงแน่
สำเนียงสูงต่ำนั้นอย่าผันแปร ถ้าฉวยแชแล้วสิเชือนชักเปื้อนปน
อันสามสอพ่อจงท่องให้คล่องไว้ ชอบที่ใช้ตามบังคับไม่สับสน
สังเกตผิดลิขิตเพี้ยนเขียนนิพนธ์ นักปราชญ์ยลเย้ยสรวลจะชวนอาย
แม้นจักทำโคลงสุภาพอย่าหยาบคิด พึงพินิจจงชอบระบอบหมาย
ข้างเอกไซ้ใช้ได้อักษรตาย แต่ข้างฝ่ายโทนี้ไม่มีแทน
จงหาโทแต่ที่สิ้นมลทินโทษ จะอ้างโอษฐเขาคงชมคารมแม่น
ถ้าโทเพี้ยนมักติเตียนว่าปราชญ์แกน จะซ้ำแสนอัประมาณป่วยการทำ
จงดำริห์ตริตรองให้ต้องแบบ ยังอย่างแยบจะบอกพ่อที่ข้อขำ
ทุกสิ่งสรรพ์พรรณนาอุส่าห์จำ อย่าพลาดพล้ำสติเผลอเลินเล่อ เอยฯ
พึง พ่อหน่อนเรศผู้ ภาคิไนย นารถเฮย
เรียน ลักษณอักษรไทย ถ่องถ้อย
เพียร เพิ่มเริ่มพจนไข คำปราชญ์ เสนอนา
รู้ รอบกอบกลร้อย เรื่องอ้างทางเกษม ฯ

บทที่ ๒ ของนายนาก ถวายเจ้าพระพระองค์ที่ ๓

๏ ขอนอบนบเคารพบาทพระจอมเศียร
ซึ่งผนวชในพรหมพรตกำหนดเพียร จงทรงเรียนทางปราชญ์ชาติกระวี
กระหม่อมเล่าเผ่าพงศ์หินชาติ จะหมายมาดคู่พรหมไม่สมศรี
ด้วยเป็นไพร่จะให้ตอบพระวาที บาระมีเปนที่ยิ่งยังกริ่งครัน
แม้นพระไทยใคร่ทรงดำรงเรื่อง ที่ข้องเคืองโปรดให้อไภยฉัน
ด้วยกลอนตอบชอบผิดต้องติดพัน ซึ่งโทษทัณฑ์อนุญาตให้ขาด เอย ฯ

บทที่ ๓ ของเจ้าพระพระองค์ที่ ๓ ตอบนายนาก

๏ สดับรศพจนาเลขาสนอง
แสนดีใจด้วยได้สมอารมณ์ปอง แต่นอนตรองตรึกหามาช้านาน
พอได้ฟังฝีปากนายนากกล่าว เปนเรื่องราวรจนามาในสาร
จึงค่อยเรืองปัญญาปรีชาชาญ เดี๋ยวนี้พานจะยังอ่อนกลอนไม่ดี
ถ้าเห็นผิดอยู่ตรงไหนอย่าได้นิ่ง บอกตามจริงเถิดไม่รักถือศักดิ์ศรี
อย่าเกรงกลัวโทษอันใดมิให้มี จงบอกที่ผิดพลั้งมามั่ง เอย ฯ

บทที่ ๔ ของนายนาก

๏ ยลลิขิตอิศรสารประทานแถลง
แสนเสนาะเพราะล้ำในคำแสดง ประจักษ์แจ้งเห็นจริงทุกสิ่งอัน
ซึ่งประทานโปรดอไภยไว้ธุระ พระคุณจะใส่เกล้ากระหม่อมฉัน
ทั้งผิดเพี้ยนให้ช่วยเปลี่ยนสารพัน ฝ่ายโทษทัณฑ์มิให้มีดีจริงจริง
กระหม่อมก็จะสนองลอองบาท ที่พลั้งพลาดคงไม่คิดจะปิดนิ่ง
เปนสัจจังดังสาราอย่าประวิง ด้วยจะพิงพึ่งพระเดชเกษบุรี
ซึ่งโปรดว่าฟังปากนายนากกล่าว เปนเรื่องราวคำกลอนอักษรศรี
จึงค่อยเปรื่องปรีชาชาญชำนาญดี ที่ข้อนี้ฉันยังแคลงไม่แจ้งใจ
ด้วยมิได้รับประชันกันบ้างเลย พระแกล้งเย้ยเยาะเล่นฤๅเปนไฉน
ยอมิหนำซ้ำถ่อมองค์ลงกะไร น่าสงไสยอกฉันหวั่นหวั่น เอย ฯ

บทที่ ๕ ของเจ้าพระพระองค์ที่ ๓

๏ พินิจสารนากทำคำอักษร
แสนเสนาะเพราะสนิทชิดทุกกลอน ท่านสุนทรแพ้ชัดไม่ทัดคำ
ซึ่งฝากกายหมายชิดไม่ปิดนิ่ง ขอบคุณยิ่งถ้ามิตายหมายอุปถัมภ์
มีธุระสิ่งไรอย่าได้อำ จะคงทำสนองไปมิได้เมิน
ซึ่งว่าข้อจะยอหยันนั้นหาไม่ ที่จริงในจิตรตั้งสั่งรเสริญ
มิใช่ว่าจะเจรจาให้ล่วงเกิน จะขอเชิญตอบสาราอย่าระแวง
เปนเรื่องรศพจนามาอิกเถิด จะได้เกิดปัญญาค่อยกล้าแขง
ในใจเราเหมือนสารามาแสดง อย่าได้แคลงทุกสิ่งครบจนจบ เอย ฯ

บทที่ ๖ ของนายนาก

๏ สดับสารหวานแสนเสนาะหู
ช่างเพราะกลอนอักษรทำดังคำครู ฉันขืนสู้คงจะแพ้แน่ในใจ
เปนนักเลงคงอดเพลงอยู่ไม่รอด จำต้องทอดทางไมตรีตามวิไสย
ด้วยสารทรงจักรีมีเยื่อใย เมตตาในกระหม่อมฉันไม่หันเมิน
ก็สมจิตรที่คิดสามิภักดิ์ พระคุณหนักยิ่งฟ้าเวหาเหิน
ล้ำสมุทสุดดินสิ้นทั้งเนิน เกือบสูงเกินพรหมแมนแดนอมร
ขอพระเดชปกเกษเปนที่พึ่ง อันคำซึ่งจะอุปถัมภ์นี้ใครสอน
จึงพระองค์ทรงคิดลิขิตกลอน ว่าสุนทรแพ้ฉันขันพอพอ
หนึ่งธุระประสงค์คงจะได้ พระโปรดให้เห็นจริงจริงเจียวหนอ
คงผาศุกทุกวันคืนกลืนลูกยอ ฉันร้อนคอขอษมาเสียเถิด เอย ฯ

บทที่ ๗ ของเจ้าพระพระองค์ที่ ๓

๏ สดับถ้อยสุนทรอักษรแถลง
จะยอเล่นฤๅอย่างไรยังให้แคลง ที่กล่าวแกล้งว่าทำเหมือนคำครู
ไม่เวทนาบ้างเลยมาเย้ยเล่น เหมือนหนึ่งเปนใบ้บ้าน่าอดสู
มิใช่เราจะว่าเล่นจงเอ็นดู มันไม่สู้ดีดอกบอกจริงจริง
ซึ่งยกคุณของฉันนั้นชอบจิตร แต่ว่าคิดยังไม่เห็นเปนที่ยิ่ง
ปดกันไปแต่พอให้ใจประวิง ยังคิดกริ่งตรองไม่เห็นจงเจรจา
อันถ้อยคำนี้ใครมิได้สอน แต่บทกลอนอย่างนี้ดีนักหนา
จะเอาใครในกรุงศรีอยุธยา เห็นจะหายากราวกับดาวเดือน
ที่จะยอเย้ยหยันนั้นหาไม่ จะหาใครใจที่จะดีเหมือน
เช่นนี้ได้มาไว้เปนแม่เรือน ให้ตักเตือนสารพัดจัดการงาน
เปนความจริงทุกสิ่งอย่ากริ่งจิตร ดังลิขิตรจนามาในสาร
พอได้เล่นเปนสนุกศุขสำราญ แก้รำคาญเคืองข้องที่หมองใจ
ซึ่งกล่าวว่ากินลูกยอร้อนคอนัก จะตวงตักน้ำผึ้งดีที่หวานใส
เอายอที่เม็ดไม่มีสักสี่ใบ ประเคนให้นากฉันทุกวัน เอย ฯ

บทที่ ๘ ของนายนาก

๏ พินิจสารบรรหารเหตุพระเกษสยาม
ช่างพริ้งเพราะเหมาะใจได้เนื้อความ ถูกต้องตามปุจฉาน่ายินดี
ซึ่งตริตรึกนึกแหนงระแวงหวาด ขอเบื้องบาทปกเกล้าอย่าเศร้าศรี
ไม่ว่าเล่นเป็นสัจจังดังวาที กลอนเช่นนี้ผิดสังเกตเหตุพึ่งเรียน
ดูไวว่องไม่ข้องขัดหัดนิพนธ์ ไม่เวียนวนบาทบทที่จดเขียน
จึงได้ชมด้วยสมแบบทั้งแนบเนียน อุส่าห์เพียรเถิดพระองค์คงจะรู้
ซึ่งอยากได้ไว้ฉลองลอองบาท เดิมฉันมาดสิไม่พบประสบสู่
ครั้นได้ร่มโพธิ์เย็นท่านเอ็นดู ถวายตัวอยู่นานลับนับหลายปี
สุดจะคิดบิดเบือนให้เหมือนประสงค์ ขอจอมพงศ์โมเลศเกษกรุงศรี
โปรดอย่าเคืองข้องขัดตัดไมตรี จงปรานีนึกว่าเป็นข้าลออง
แม้นมีพระประสงค์ที่ตรงไหน กระหม่อมไซ้จะรับแทนพระคุณสนอง
กว่าจะม้วยชีวิตรคิดประคอง พระจงตรองดูให้งามตามบุราณ
ซึ่งสงไสยในคดีที่ว่ายิ่ง เปนความจริงตามโลกโวหาร
ว่าหญิงชายใดได้รับราชการ ต่อโปรดปรานจริงจริงดอกจึงหยอกเอิน
นี่บุญตัวฉันแท้แน่นักหนา พระได้มาตอบสารจึงสรรเสริญ
ทั้งมหาดเล็กเด็กชาไม่กล้าเกิน กุศลเชิญชักมาน่ายินดี
เหตุดังนั้นฉันจึงกล่าวว่าคุณยิ่ง สัจจังจริงจอมเมืองอย่าหมองศรี
จงแต่งตอบตามระบอบประเพณี ได้เปรมปรีดิ์ผาศุกสนุกสนาน
ซึ่งพระองค์ทรงประทานน้ำผึ้ง กับสิ่งซึ่งยอหมดเม็ดฉันเข็ดหวาน
ด้วยร้ายแรงแสลงยิ่งกว่าอ้ายตาล รับประทานไม่สบายถวายคืน
ด้วยของเสวยเคยฉันอยู่เปนนิจ อย่าปลดปลิดให้เขาเฝ้าข่มขืน
เชิญเสวยให้จุจุอายุยืน ฉันนี้ขืนเข็ดขยาดไม่อาจ เอย ฯ

บทที่ ๙ ของเจ้าพระพระองค์ที่ ๓

๏ ได้ฟังสารเพราะเหลือไม่เบื่อหู
ทั้งลายมือที่เขียนมาก็น่าดู อาลักษณ์ผู้ที่ว่าดีไม่มีทัน
ซึ่งกล่าวจริงทุกสิ่งยังกริ่งจิตร ในใจคิดอยู่ว่าแกล้งจะเย้ยหยัน
ฉวยลืมตัวสิเข้าไปหลายใบครัน เที่ยววิ่งหันแล้วสิอายเขาตายจริง
เปนสัจจังดังนั้นฤๅอย่าถือหนา สาบาลมาให้สักใบอย่าได้นิ่ง
จะเอาเปนหลักไหลได้อ้างอิง แล้วอย่ากริ่งเลยว่าล้อเล่นต่อไป
ขอโทษเถิดเกินไปไว้นิดหน่อย หม่อมจงถอยเสียเถิดหนาอย่าสงไสย
ซึ่งเปรียบว่าฉันนี้โตเหมือนโพธิ์ไทร ก็ขอบใจเปนที่ยิ่งไม่กริ่งเลย
อันวาศนาเรานี้พานมีน้อย ต้องเศร้าสร้อยเหมือนเดือนตกนะอกเอ๋ย
แสนระกำช้ำใจไม่เสบย เอากรเกยนลาตคิดประดิษฐ์กลอน
ค่อยสบายคลายในฤไทยหมอง แต่ตรึกตรองศุภลักษณ์ในอักษร
พอหายง่วงงุนเหงาที่หาวนอน ธุระร้อนจึงช้ามาหลายวัน
ที่ยอเม็ดหมดนี้มีจริงหนา อยู่บ้านป่าบางยี่เรือจงเชื่อฉัน
จะเอามาให้เห็นเปนสำคัญ ไม่ปดกันเล่นดอกบอกตามจริง
เรากินเบื่อเหลือเน่าเสียเปล่าเหม็น มันแสนเข็ญเช่นกะยามหาหิงคุ์
นายนากกินเถิดแกแก้ลมวิง ให้หนุ่มพริ้งขึ้นมาเที่ยวหาเมีย
ได้รับมือกับนางนากฝีปากกล้า ภรรยาจะขบเขี้ยวเคี้ยวกินเสีย
จนหมดเนื้อแล้วยังเหลือแต่เลือดเลีย กินเถิดเมียคงขยาดไม่อาจเกิน
แม้นอ่านสารเสร็จสิ้นระบินเรื่อง อย่าได้เคืองที่ข้อฉันสรรเสริญ
ถ้าธุระสิ่งไรอย่าได้เมิน ที่ตรงเกินนั้นอย่าเคืองเรื่องยอ เอย ฯ

บทที่ ๑๐ ของนายนาก

๏ คลี่สารอ่านกลอนอักษรแถลง
ฟังเสนาะเพราะล้ำในคำแสดง ประจักษ์แจ้งความจริงทุกสิ่งอัน
ซึ่งประสงค์ตรงสัตย์จะจัดถวาย แต่เกรงฝ่ายจอมเมืองจะเคืองฉัน
ด้วยความสัตย์สิ่งอื่นสักหมื่นพัน เห็นไม่ทันเหมือนจิตรอย่าปิดบัง
เออพระองค์จะสงไสยไปไยเล่า เชิญหน่วงเอาพระอารมณ์ให้สมหวัง
แม้นทูลมาสารพัดไม่สัจจัง ขอให้ชังเฉยฉันจนวันตาย
แม้นว่าจริงเหมือนสิ่งซึ่งมาพึ่งภักตร์ ขอให้รักฉันให้มากอย่าหากหาย
ให้คิดสงสารซากที่ฝากกาย อย่าเว้นวายห่วงฉันที่รัญจวน
จนสิ้นดินสินธูชมพูทวีป อย่ารู้รีบร้างโรยให้โหยหวน
แม้นสมคิดค่ำเช้าทุกคราวครวญ จะสงวนสัตย์ไว้ใต้ธุลี
หนึ่งพระประภาษว่าวาศนา ดังจันทราใกล้ดับลับแสงศรี
เพราะพระองค์ยังเยาว์เบาโพธี เมื่อบารมีแก่กล้าคงหล้าฦๅ
เปรียบดังพืชเข้าปลูกที่หว่านไว้ ยังไม่ได้สี่เดือนจะออกหรือ
ถึงรดน้ำพูนดินจนสิ้นมือ ก็คงชื่อสี่เดือนเหมือนประมาณ
อย่าเสียพระไทยไตรตรึกนึกถวิล คงจะภิญโญใหญ่ในสถาน
จงอุส่าห์ศึกษาวิชาการ ให้ชำนาญในกระบวนควรตระกูล
หนึ่งยอไม่มีเม็ดเสด็จโปรด ออกพระโอษฐ์ตรัสชมแก้ลมสูญ
ทั้งกายแก่แปรเปนหนุ่มจำรูญ บริบูรณ์ด้วยเนื้อหนังกำลังแรง
เปนของดีวิเศษอยู่ในหล้า พระเมตตาบอกเล่าเฝ้าแถลง
ที่จริงจิตรยังคิดข้างเคลือบแคลง จะต่อแย้งเรื่องเก่าเฝ้ารำพรรณ
ดูเหมือนคนสิ้นปัญญาจะหาเรื่อง ไม่ยักเยื้องย้ายว่าให้ขันขัน
ขอประทานผ้าขี้ผึ้งสักหนึ่งอัน ให้ห่อล่วมสลาฉันนั้นเถิด เอย ฯ

บทที่ ๑๑ ของเจ้าพระพระองค์ที่ ๑

๏ แสนสงสารหลานรักเปนนักหนา
เห็นจริตนั้นก็ผิดกับกิริยา ทั้งภักตราเศร้าศรีฉวีวรรณ
น่าจะมีทุกข์นักแต่สักสิ่ง จงแจ้งจริงอย่ารังเกียจเดียดฉัน
ควรจะสั่งสนทนาปฤกษากัน ไม่ควรพรั่นดอกพอไว้ฤไทยวาง
เมื่อก่อนงานเห็นสำราญสำเริงเล่น ทุกเช้าเย็นราตรีไม่มีว่าง
ครั้นถึงวันมหรศพได้พบสุรางค์ สาวสำอางอ่าองค์บรรจงกาย
ล้วนแรกรุ่นดรุณราวคราวชัณษา ฟื้นโสภาพักตร์เพี้ยนวิเชียรฉาย
ดูอาการเห็นพานไม่สู้สบาย ชรอยหมายมุ่งมาดสวาดิครวญ
ถึงขึ้นมาเล่าก็ทำเหมือนจำชื่น ไม่เริงรื่นหฤไทยว่าใจสรวล
ซังตายเล่นเห็นเล่ห์ดูเรรวน ประหนึ่งป่วนเปนจะสึกรำฦกวัง
ซึ่งสัญญาอิกวษาจักทรงพรต แล้วออมอดสืบไปไม่ได้มั่ง
เอ็นดูสองอนุชาเชษฐายัง อยู่ภายหลังจะโหยไห้อาไลยคนึง
ด้วยเคยเล่นเจรจาเป็นผาศุก ต่างจะทุกข์โศกสร้อยลห้อยถึง
จงตรองตัดสลัดร้อนอาวรณ์รึง อย่าด่วนดึงเด็ดเดี่ยวไปเดียวองค์
หนึ่งวิชาเล่าเรียนที่เพียรพาก ก็ยังมากไม่เจนจบสบประสงค์
อุส่าห์ก่อนผ่อนรำพึงถึงอนงค์ ไหนก็คงจะเสร็จสมอารมณ์ เอย ฯ
อย่า รุมสวาดิเร้า โรยศรี สลายแฮ
ร้อน ราครมย์ฤดี ดับบ้าง
ผ่อน ทุกข์ผ่อนเทวศทวี วายว่าง ถวิลนา
คลาย คิดกระนิษฐ์ฤๅร้าง รอดพ้นกลไฉน ฯ

บทที่ ๑๒ ของเจ้าพระพระองค์ที่ ๓

๏ สงสารองค์โกเมศผู้เชษฐา
ด้วยร้อนรุ่มกลุ้มใจในอุรา เพราะโรคาขุ่นข้องให้หมองใน
ทั้งเจ็บปวดยวดยิ่งสิ่งสาหัส ให้เบาขัดบุพโพคั่งลงหลั่งไหล
จนผ้าเปื้อนประเปรอะเลอะเทอะไป เพราะตามใจเร่งร้อนไม่ผ่อนเพลา
ดังเรือดั้งคู่ชักหนักทุกเล่ม ฝีพายเต็มกระทุ้งถี่ทุกฝีเส้า
ไม่รอรั้งกำลังไล่มิได้เบา สดุดสเด่าตอหลักจนหักค้าน
แต่รักษาห้าหกเจ็ดแปดหมอ เปนหลายหม้อยาย้ายก็หลายขนาน
ถึงสี่เดือนเงือดงดอดมานาน พยาบาลเป็นนิรันตร์ทุกวันมา
เดี๋ยวนี้คลายก็ยังหายไม่สู้สนิท เวียนแต่ผิดสำแดงครุ่นวุ่นรักษา
กลับเปื่อยพังบังเหตุให้เวทนา เพราะโรยยาก็ยิ่งเปนไม่เว้นวาย
ถ้าแม้นไม่ไปวังยังอยู่วัด จักบำบัดโรคร้อนค่อยผ่อนหาย
งดไปวังเสียเถิดยังไม่เคลื่อนคลาย อันภิปรายห้ามปรามด้วยความรัก
ซึ่งพาทีชี้แจงสำแดงโทษ อย่ากริ้วโกรธชอกช้ำว่าคำหนัก
อันของดีนี้ควรสงวนนัก อย่าให้หักบุบค้านเสียการ เอย ฯ

บทที่ ๑๓ ของเจ้าพระพระองค์ที่ ๒

๏ สงสารองค์อนุชานักหนาหนอ
ดูจริตนั้นเห็นผิดติดข้างบอ ทำอ้อต้อเกี้ยวเด็กเล็กเล็กชม
ทัดบุหรี่สองหูดูฉุยฉาย ตบแต่งกายแต่ล้วนสีอันดีห่ม
ฝีปากกล้ามิใช่เบาเจ้าคารม ทำสรวยสมใส่แหวนก้อยน้อยน้อยเดิน
พระไทยหวังเจ้ามั่งก็ไม่ได้ ความอึงไปแล้วก็หมางออกห่างเหิน
กระดากกระดักกระเดื่องเฉยทำเลยเกิน ครั้นเห็นเขาเล่าก็เมินไม่แลดู
เดี๋ยวนี้จิตรคิดจะไปวัดน่าพระธาตุ ที่ตำหนักสังฆราชเสด็จอยู่
ชะช่างหมายจะเล่นหลานเจ้าลำภู น่าอดสูคนบ้าขายหน้า เอย ฯ

บทที่ ๑๔ ของเจ้าพระพระองค์ที่ ๑

๏ น่าสมเพชเวทนานัดดาจ้าน
มาลอบเล่นกระดางลางเอาอย่างพาล ทำอาการวิปริตผิดแต่ไร
ไม่เอาเยี่ยงขัติยาบ้าอุบาทว์ เกี้ยวสวาดิเรียนรู้แต่ครูไหน
ฉวยฉายชื่อระบืออึงถึงกรมไกร เป็นความใหญ่เห็นไม่มิดต้องพิดทูล
แม้นทรงทราบเรื่องนี้คงมีโทษ ไหนจะโปรดรำงับให้ดับสูญ
จะกริ้วว่าทุจริตผิดประยูร เสียสกูลอัปรยศปรากฎขจร
ไปเที่ยวรักเขาทุกแห่งพึ่งแจ้งเหตุ ทั้งเณรเนตรเณรมั่งใครสั่งสอน
ยั้งดื้อดึงขึงขัดไม่ตัดรอน จะผูกกรตียับให้อับอาย
เขาร้องฟ้องมากมายเป็นหลายเรื่อง จนขุ่นเคืองถึงข้างในไม่รู้หาย
ไม่รักยศสงวนศักดิรักษากาย ทำแต่ขายภักตราน่ารำคาญ
ในวัดนี้แล้วมิหนำซ้ำวัดโน้น ให้เขาโพนทนาเที่ยวว่าขาน
ล้วนข้อขำระยำยับอัประมาณ เหมือนประจานปวดเจ็บเหน็บสกนธ์
เมื่อความวัวยังไม่หายความควายเพิ่ม ความต่อเติมความขุ่นวุ่นหลายหน
จะภาคทัณฑ์ไว้สักครั้งระวังตน เอาทานบนมิให้เล่นเช่นนั้น เอย ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ