เพลงยาวสามชาย

บทที่ ๑ ของชายที่ ๑

๏ สงสารสามอนุชานิจาเอ๋ย
เชษฐาช่างไม่เห็นอกวิตกเลย มีแต่เย้ยเย้าเล่นอยู่เช่นนั้น
เฝ้าบอกแต่ธุระร้อนแกล้งผ่อนผัด ถึงสามนัดแล้วมิลงคงคำมั่น
ให้น้องคลั่งนั่งนึกปฤกษากัน จนนอนฝันว่าเชษฐาจะพาไป
น้องลืมเลยเคยศึกษาวิชาทหาร ทั้งงานการก็ไม่สู้เอาใจใส่
พากันร้อนร่านรักหนักฤไทย ด้วยจะใคร่พบภักตร์อิกสักคราว
ถึงลำบากยากอย่างไรก็ไม่ว่า จะสู้ฝ่าฟ้าฝนไปทนหนาว
พอได้สนิทชิดเชื่องเปนเรื่องราว ครั้นได้ข่าวให้มานัดเปนสัจจา
ว่าจะไปในราตรีวันนี้แน่ ก็กริ่งแต่จะไม่ต้องที่ปราถนา
ถึงกระนั้นก็ยินดีทั้งปรีดา ขอแต่อย่าหน่วงเหนี่ยวให้เหี่ยวใจ
อันที่จะให้น้องแน่พอแก้หนาว ก็ได้ข่าวคำฦๅว่ารื้อไข้
พี่เอนดูอนุชาช่วยพาไป จึงจะได้เห็นว่าเมตตาน้อง
จงพร้อมความตามประสงค์จำนงหมาย พอห่างหายคลายกังวลกระมลหมอง
อย่าหนีเร้นเช่นวันมิปรองดอง จะต้องร้องตะโกนเรียกกันเพรียกไป
อันเรื่องหนึ่งนั้นเชษฐาได้รับที่ มะเดหวีไว้นั้นลืมแล้วฤๅไฉน
ถึงจะขัดอยู่ด้วยเขินสเทินใจ น้องก็ไม่น้อยจิตรคิดขุ่นเคือง
แต่ธรรมดาว่าเปนมะเดหวี ต้องปรานีข้างอิเหนาตามราวเรื่อง
จะคิดไปให้ถึงเข้ามาเผาเมือง ก็อายชื่อจะฦๅเลื่องทั้งแดนดิน
จะขอแปลงแต่งอิเหนาเสียอย่างใหม่ เปนมะเดหวีช่วยให้ได้สมถวิล
ชำระเรื่องเปลื้องปลดหมดมลทิน จึงจะยินดีได้โดยใจนิยม
อันทุกข์น้องสองวิตกโอ้อกเอ๋ย ไม่เห็นเลยใครจะช่วยให้เสร็จสม
จะนอนนั่งตั้งแต่ร้อนฤไทยระทม ให้ปรารมภ์กลัวว่าพี่มิเมตตา
สิ่งใดข้องน้องขออไภยโทษ จงอวยโอษฐอนุญาตดังปราถนา
ขอเชิญไปเสียสักวันตามสัญญา ต่อกลับมาจึงค่อยพร้องสนองเอย

ฯ ๒๔ คำ ฯ

บทที่ ๒ ของชายที่ ๓

๏ ประสันตาคนคะนองสนองสาร
นี่เรื่องใหม่ใช่อิเหนาสำเนาบุราณ ได้คิดอ่านยินยอมกันพร้อมใจ
อันบาหยันนั้นสิของประสันตา ก็บุษบาของระเด่นนั้นจะเปนไฉน
มะดีหวีจึงมิว่าจะพาไป จนอิเหนาเฝ้าเปนไข้คนึงนาง
เตือนให้ช่วยด้วยเห็นดีกว่านิ่งอยู่ เผื่อว่าพี่จะเอนดูแก่น้องบ้าง
สงสารนายต้องตะกายไปนอกทาง ซึ่งว่านางบาหยันขันเข้ามา
ทั้งนวดพัดจะจัดแจงแต่งให้ แล้วกลัวว่าจะไม่ได้เหมือนเช่นว่า
อย่าเพ่อดำริห์ติเตียนประสันตา ผิดก็พามามอบไว้กับนาย
สุดแต่จะคิดสางให้สิ้นยุ่ง ถ้าอิเหนาสมมุ่งก็สมหมาย
ที่จะพร้องสองสามเปนความปลาย ขอเชิญไปชมเดือนหงายเล่นอิกเอย

ฯ ๑๐ คำ ฯ

บทที่ ๓ ของหญิง

๏ สดับบทที่กำหนดมาในสาร
ว่าเรื่องใหม่ใช่สำเนาอิเหนาบุราณ ท่านคิดอ่านเห็นพร้อมกันยอมใจ
อันบาหยันนั้นก็จริงเหมือนเช่นว่า แต่บุษบาเหลืออกจะยกให้
องค์อิเหนาเฝ้าประชวรป่วนพระไทย มะเดหวีมิใช่เช่นเรื่องราว
เพราะสุจริตคิดตามอารมณ์รัก ไม่เทียมภักตร์บุษบาจึงพาฉาว
ต้องขัดบทกำหนดนัดผัดคราว ไว้เปนหล่าวนางชเลยที่เคยเปน
เพราะนอกทางจึงค้างบทต้องงดเรื่อง ประทานโทษเสียอย่าเคืองเปนเรื่องเล่น
ที่นัดใหม่มิใช่เรื่องฉันขอเว้น ประสันตากับระเด่นเร่งตรึกตรอง
ต่อสี่กระษัตริย์นัดพร้อมในกาหลัง สมดังมาดมุ่งบำรุงสนอง
นางชเลยเคยเปนข้าฝ่าลออง จึงจะพาไปรองธุลีเอย

ฯ ๑๐ คำ ฯ

บทที่ ๔ ของชายที่ ๒

๏ ขนิษฐ์น้อยพลอยโสมนัศา
พี่แต่งตั้งเปนสังคามาระตา จะขอว่าให้เห็นความแต่ตามจริง
ฉันสำหรับพนักงานการแต่งถ้ำ อันเรื่องน้ำจะต้องหาแต่ท่าตลิ่ง
ใช่ฉันจะลามล่วงเข้าท้วงติง ด้วยคิดกริ่งอยู่ที่ข้อจะต่อไป
พี่รับที่มะเดหวีไว้วันนั้น ต่อหน้าฉันมั่นคำยังจำได้
ครั้นประสันตาเตือนเห็นเบือนไป ก็เสียใจแต่ว่ายังจะฟังดู
ด้วยเชษฐาได้แถลงไว้แจ้งประจักษ์ จึงถือว่ารักข้างอิเหนานี้มากอยู่
แม้นชอบช่องเข้าก็เห็นจะเอนดู อยากจะรู้ถึงปัญญาเชษฐาคิด
เมื่อไรหนอจะเสร็จสมอารมณ์หมาย น้องจะได้เคลื่อนคลายสบายจิตร
จะรับส่วนนางชเลยไปเชยชิด ให้เปนสิทธิ์สักสองสามตามจินดา
พี่ช่วยตัดลัดเรื่องให้สมหวัง ถึงสึกชีที่กาหลังเสียนัดน่า
นี่ปลายบทสังคามาระตา ขอเชษฐาหาให้อิกคนเอย

ฯ ๑๒ คำ ฯ

บทที่ ๕ ของหญิง

๏ ฟังสังคามาระตาน่าสงสาร
ต้องแต่งถ้ำทำท่ามาช้านาน กำหนดการก็ไม่แน่ยังแชเชือน
ฉันรับบทมะเดหวีไม่หนีคำ แต่บุษบาจะพลอยทำให้จำเปื้อน
ไม่แน่ไหนแต่อาไลยใหลเลือน อึ้งเอื้อนอยู่ไม่อาจจะขาดคำ
ให้ตัดกลางสร้างหนังแล้วแล้วฤๅ เกรงแอหนังจะรื้อฉันเข้าค่ำ
มะเดหวีไม่มีบทกำหนดทำ แท้บุษบาเจ้ากรรมของฉันเอย

ฯ ๖ คำ ฯ

บทที่ ๖ ของชายที่ ๑

๏ เนาในติกาหรังวังสถาน
เปนไข้ใจให้อาวรณ์ร้อนรำคาญ แต่คิดการที่ลอบประโลมลอง
พออนุชาคู่คิดขนิษฐา กับพี่เลี้ยงประสันตามาทั้งสอง
เข้าชี้แจงแถลงความตามทำนอง เอาอักษรสารสนองให้น้องยล
ทั้งสองฉบับสดับเรื่องเห็นเคืองขึ้ง ก็นิ่งอึ้งอัดจิตรด้วยคิดฉงน
เมื่อวอนว่าตามประสาเข้าตาจน ฤๅไม่พ้นความผิดมาติดตัว
น้องตอบโดยน้ำจิตรสุจริตรัก ระวังนักมิให้มีราคีกลั้ว
ด้วยว่าเปนงานประชันเข้าพันพัว จะเปลื้องตัวเสียก็อายแก่ชายชาญ
ฉันขอบคุณพี่การุญร่ำภ้อตัด น้องก็รู้อยู่ชัดว่าขมหวาน
ถึงสักหมื่นอื่นฤๅจะเทียมประทาน ก็ไม่นานดอกจะได้เห็นใจน้อง
ครั้นฟังฟังก็น่าสรวลสำรวลเล่น ว่านางชเลยนั้นไม่เปนเช่นสารสนอง
เหมือนตีปลาหน้าไซไม่ปรองดอง ถ้ารักน้องแล้วอย่าฉาวเสียคราวครวญ
ทุกวันนี้อนุชาอุส่าห์ชื่น ทั้งเช้าค่ำกล้ำกลืนแต่กำสรวญ
เปนหลายทุกข์หลายเท่าเข้าประมวล ให้รัญจวนใจสวาดิ์เพียงขาดใจ
ดังแผ่นทรวงพุพองเป็นหนองซาม อย่าได้ถามเลยว่าเจ็บสักเพียงไหน
ยิ่งเยียวยาโรครักยิ่งหนักไป ไม่เห็นใครที่จะมาพยาบาล
ชะรอยบุญบุพเพพาศนา จึงเชษฐาให้มีจิตรคิดสงสาร
มาถามดูรู้แน่ในอาการ รับเป็นภารธุระมั่นช่วยผันแปร
ว่าโรคทรวงพังพองเพราะข้องขัด เอาไม้กลัดเสี้ยมส่งให้บ่งแผล
ก็พลันหายคลายเจ็บในดวงแด ยังเปนแต่เฝ้าติดอยู่นิดเดียว
น้องมิได้มีจิตรคิดเข็ดขาม จะรื้อเข้าสู้สงครามสิหนามเกี่ยว
กลับอักเสบแสบยิ่งจริงจริงเจียว โอ้ใครจะเยียวยาเล่าคิดเศร้าใจ
ก็เห็นแต่พี่ซึ่งมีเมตตาน้อง จะตรึกตรองให้เห็นความหนามนี้ได้
ทั้งช่วยคิดประกอบยาทาหไทย นั่นแลไข้ใจฉันจะพลันคลาย
ที่เชษฐาปรานีนุชช่วยอุดหนุน ก็คิดคุณพี่อยู่ไม่รู้หาย
จะจงรักไปกว่าชีวาวาย น้องนี้หมายใจเปนหนึ่งจะพึ่งพา
อันกำเนิดเกิดมาเปนบุรุษ ได้ทุกข์สุดก็แต่สิ่งเสน่หา
กับมานะในสันดานการพูดจา สุดแต่ว่าเปนชายอย่าหมิ่นชาย
น้องจะสู้สงครามด้วยความคิด ถ้าสิ้นฤทธิ์รู้แน่จะแพ้พ่าย
ก็จะเชิดเรื่องนี้เปนนิยาย ขึ้นถวายไว้ให้เล่นลครรำ
ซึ่งสังคามาระตาขอตัดบท ก็ทราบหมดว่ายังเลื่อนแลเอื้อนอ้ำ
บุษบาราคาแพงควรแคลงคำ แต่ว่าจำจะรังแกให้แชเชือน
แต่รุ่นเยาว์เท่าบัดนี้นะเชษฐา ได้น้อยใจครั้งไรมาไม่มีเหมือน
ดังจารึกด้วยหมึกหมายถึงลายเลือน ยากจะเกลื่อนเกลี่ยไกล่ให้หายรอย
น้องสนองพจมานสารสวัสดิ์ สารพัดสัตย์ซื่ออย่าถือถ้อย
ถ้าข้อไหนไม่งามเงื่อนแลเลื่อนลอย จงตรองหน่อยอย่าด่วนแหนงระแวงเอย

ฯ ๓๖ คำ ฯ

บทที่ ๗ ของชายที่ ๑

๏ ได้ฟังข่าวกล่าวไข้ก็ใจหาย
ว่าจับสท้านหนาวเย็นเปนมากมาย ทั้งผิวกายก็ร้อนรุ่มคลุมสไบ
โภชนากระยาหารก็ลืมรศ อันโอสถซึ่งเคยประกอบหาชอบไม่
เห็นอาการจะนานคลายหลายวันไป ดังจิตรใจน้องจะขาดอนาถทรวง
แต่เวียนถามโรคาเชษฐาน้อง มิได้พร้องเลยในกิจการหลวง
ดังแสนเขาเท่าทับฤดีดวง ให้เหงาง่วงหงอยจิตรคิดคนึง
ครั้นจะใช้คนสนิทธิดาเลี้ยง มากล่าวเกลี้ยงคำงามถามข่าวถึง
ก็เกรงคนจะแหนงในสงไสยอึง ด้วยพี่พึ่งจะนับน้องครองไมตรี
ถ้าไปได้น้องจะไปให้ถึงสถาน พยาบาลโรคารักษาพี่
จะชอ้อนวอนถามไปตามที ให้ปรานีบอกโรคที่รึงกาย
ทั้งจะวอนให้อุส่าห์เสพอาหาร เห็นอาการเชษฐานั้นจะพลันหาย
นี่ตัวไกลใจเพียงจะขาดตาย ได้แต่คอยข่าวคลายไม่วายวัน
อันอกน้องที่ต้องหนามสองสามแผล ก็กำเริบขึ้นแหลแท้เวรฉัน
จึงพเอิญให้เจ็บป่วยลงด้วยกัน เห็นแสงจันทร์แล้วยิ่งแสนเสียดายเดือน
จะแก้ใจด้วยกาพย์กลอนลครคิด โคลงลิลิตกระบี่ปืนไม่ชื่นเหมือน
ยามนอนนอนกระสันนึกฟั่นเฟือน คิดจะเตือนก็พอทราบซึ่งอาการ
อนุชาพากันวิตกนัก จึงลิขิตลายลักษณ์อักษรสาร
มาต่างกายอยู่รักษาพยาบาล อย่าไข้นานเลยจงหายเคลื่อนคลายเอย

ฯ ๑๘ คำ ฯ

บทที่ ๘ ของหญิง

๏ อภิวาทรับกระดาษบรรหารสาร
นิพนธ์ทรงแทนพระโอษฐโปรดประทาน ได้ทราบสารก็สิ้นแคลงระแวงวน
ดังสุหร่ายทิพย์โรยโปรยลออง ชำระหมองกระหม่อมฉันสักพันหน
มิเสียแรงที่เพียรพากฝากสกนธ์ ถวายชนม์ชีพไว้ใต้บาทมูล
สัจจังจิตรมิได้คิดรำพรรณภ้อ คิดว่าก่อไม่สานตามเกรงความสูญ
เมื่อตรัสประภาษสิไม่อาจสนองทูล เกรงจะภูลเพิ่มผิดเมื่อปลายมือ
จึงทูลฉลองโดยทำนองสุจริต กระหม่อมฉันนั้นคิดตามจิตรซื่อ
ไม่ลบล้างบทเบื้องให้เคืองครือ ใช่จะรื้อเสียไม่ริดำริห์ตรอง
ทุกวันนี้เว้นแต่หลับจึงลืมตรึก คนึงนึกถึงพระคุณการุญสนอง
ที่สิ่งชั่วมิให้กลั้วใต้ฝ่าลออง ที่สิ่งเคืองมิให้ข้องพระอัธยา
ประสาใจโดยที่สุจริต ระแวงผิดจะติดพันไปวันน่า
เหมือนทรงดำรัสตัดภ้อในอักขรา ว่าตีปลาน่าไซไม่ปรองดอง
ยามการุญก็เปนคุณอยู่ส่วนตัว แม้นไม่โปรดก็จะชั่วมัวหมอง
ใช่ทูลทัดให้ขัดเคืองใต้เบื้องลออง มาเกี่ยวข้องเปนเช่นนี้นี่เนื้อกรรม
ก็ทราบสิ้นอยู่ว่าปิ่นกระษัตริย์ศึก หมายนึกในสงครามจะห้ำหั่น
ก็ย่อมหมายชนะกะได้กัน กระหม่อมฉันฤๅจะกล้าเข้าฝ่าเกิน
ซึ่งหนามความรับสั่งมาครั้งนี้ ว่าหมอดียาชงัดตรัสสรรเสริญ
รับสอยส่งบ่งให้บุพโพเดิน ไม่ทันเนิ่นสิหนามเกี่ยวน่าเหี่ยวใจ
รับสั่งให้ประกอบยาทาแผลหนาม พิเคราะห์ความข้อนี้น่าสงไสย
พระโรคคลายย้ายยักกลับหนักไป จนแพทย์ไม่ทันตรึกรำฦกยา
เห็นเหลือหมอจะหายาทาพระแผล เกรงพระโรคจะแปรไปวันน่า
เมื่อแพทย์เดียวเวียนด้นค้นตำรา เฝ้าตรึกตราถึงพระโรคจนเจียนงอม
ซึ่งจะให้เสื่อมคลายหายแผลหนาม ทรงจับความเรื่องปลายที่หมายถนอม
เห็นพอจะคลายลงที่ทรงตรอม นั่นและทูลกระหม่อมเปนทิพยา
ใช่จะทูลเกี่ยงกันนั้นมิได้ ด้วยสุดใจเหลืออกจะยกว่า
ซึ่งออกพระโอษฐโปรดปรานประทานมา จะชุบเลี้ยงไปกว่าชีวันวาย
พระคุณเหลือเจือจอมกระหม่อมชุ่ม ดังโพธิ์พุ่มแม่นมั่นสำคัญหมาย
ขอรองบาทยุคลจนวันตาย ไม่หนีหน่ายหลีกเลี่ยงคิดเบี่ยงเบือน
จะทอดกายหมายว่าแทนฉลองบาท ธุลีพาดมิให้หมองลอองเปื้อน
อาสาโดยสุจริตไม่บิดเชือน ไม่ลอยเลื่อนหมายเปนหนึ่งจะพึ่งพา
เว้นเสียแต่ในภพนภาพื้น นั้นสุดฝืนที่จะฝ่าทูลอาสา
ที่จัดจริงทุกสิ่งสนองมา เปนสัจจาสารพัดจะขัดเคือง
อันสารสนองรองเบื้องบทรัช ไม่สันทัดทูลความไปตามเรื่อง
ที่ข้อไหนไม่ประจักษ์ยังยักเยื้อง ประทานโทษโปรดอย่าเคืองเบื้องบาทเอย

ฯ ๓๔ คำ ฯ

บทที่ ๙ ของชายที่ ๑

๏ สดับสารแสนโสมนัศา
ปานจุลจักรพรรดิขัติยา ได้จินดาดวงรัตน์จำรัสเรือง
ทราบสุนทรที่อำนวยอวยโอษฐ์ เสนาะโสตรแสนประคิ่นจนสิ้นเรื่อง
สารพัดจะการุญไม่ขุ่นเคือง แต่ยักเยื้องอยู่ที่ข้อจะต่อความ
ขอเชษฐาอย่าได้แคลงแหนงฉงน อันอนุชานี้เปนคนเคยสนาม
ถ้าใครก่อพอเห็นเส้นคงสานตาม มิใช่จะลามย่ามใจไม่เกรงกลัว
ด้วยเห็นว่าเปนเนื้อน้ำธรรมชาติ ถึงจดมาศมิได้มีราคีกลั้ว
จึงสู้ออมตรอมจิตรไม่คิดกลัว จนพันพัวเพิ่มวิตกในอกน้อง
ฉันบอกพี่ว่าหนามเหน็บที่เจ็บเหลือ ก็มิเชื่อเนื้อกรรมมาจำสนอง
ที่ข้อแคลงแหนงฤไทยในทำนอง ไม่การุญขุ่นข้องหมองกระมล
น้องใจซื่อถือว่าพี่เปนที่หวัง จะปลูกฝังแล้วควรรักเปนพักผล
เหมือนหว่านกล้านาปลังริมฝั่งชล จะงามต้นไปทุกกอแตกหน่อรวง
อย่าประวิงกริ่งเหตุเลยเชษฐา ว่าน้ำน้อยจะเสียนาต้องคว้าสวง
จงเห็นรักประจักษ์แจ้งใช่แสร้งลวง ก้ควรท้วงแล้วที่กลัวจะมัวไป
ฉันขอบคำพี่ร่ำว่าเมตตาน้อง ช่วยตรึกตรองเว้นแต่หลับหาลืมไม่
ครั้งนี้น้องก็หมายมั่นสำคัญใจ จะรื้อไข้ก็เพราะพี่พยาบาล
ซึ่งให้จับเรื่องปลายจะคลายเจ็บ เมื่อหนามเหน็บอยู่ยังหาแต่ยาสมาน
เห็นเหลือกำลังประทังทุกข์ที่ทรมาน กระยาหารมื้อหนึ่งลงครึ่งช้อน
ถึงจะสูญสิ่งสวาดิสิ้นวาศนา น้องจะเอาใจไว้ท่าเชษฐาก่อน
จะสู้ยากพากเพียรไปเวียนวอน กว่าจะอ่อนผ่อนจิตรคิดเมตตา
ซึ่งเชษฐาตอบตัดว่าขัดข้อง ด้วยโรคน้องนี้ยังยากเหลือรักษา
ฉวยหายแล้วจะกลับเล่าเฝ้าขอยา ฟังพี่ว่าก็เห็นต้องทำนองความ
อันธรรมดาหญิงชายทั้งหลายหมด ควรกำหนดได้ฤๅหนอน้องขอถาม
ย่อมทุกข์โศกโรคร้อนทุกรูปนาม ใครไม่ห้ามหักได้ใจเจตนา
เป็นนิไสยประเพณีชาตรีบุรุษ มิรู้สุดสิ้นสวาดิ์แลปราถนา
ควรฤๅพี่ช่างไม่คิดอนิจา ให้อนุชาทุกข์ตรอมออมอาไลย
จงเห็นว่าน้องหมองจิตรคิดขัดสน เหมือนนอนว่ายสายชลชเลไหล
จะหมายฝั่งมหาสมุทก็สุดไกล จะพึ่งไม้ขอนน้อยไม่ลอยเคียง
จะอ่อนแรงสิ้นกำลังประทังว่าย ก็หมายใจว่าจะตายนี้แท้เที่ยง
ได้แต่กุศลผลสัตย์ไว้เปนเสบียง บำรุงเลี้ยงชีพว่ายอยู่หลายวัน
อันพี่นางอย่างเทพอับศร ซึ่งเขจรจากสถานพิมานสวรรค์
มาช่วยน้องในมหาสาครคัน ให้รอดชีวันพ้นชลทนเวทนา
ทุกวันนี้ไม่ลับล่วงเพราะห่วงน้อง ด้วยรักสองดรุณเรศกับเชษฐา
เหมือนถือสัตย์ว่ายวนในชลชลา จนนางฟ้ามาชูช่วยไม่ม้วยมรณ์
จะเปรียบปรายคล้ายพระลอรัญจวนจิตร เมื่อต้องวิทยาน้องสองสมร
ไม่อาไลยในสุรางค์แลนคร สู้สัญจรไปสมสองได้ครองกัน
อันเรื่องอิเหนานั้นก็คิดเปนนิจอยู่ จะพันตูสู้ศึกสงครามขัน
แต่ยังขัดอยู่ด้วยแผลนี้แก่วัน ฤๅแสงจันทร์นั้นไม่คอยน่าน้อยใจ
โอ้ดวงเดือนเลื่อนฟ้าวราฤทธิ์ ยังดลจิตรพี่นางบ้างฤๅไฉน
ให้พาน้องสองสมรเขจรไป พอพี่ได้พบภักตร์รู้จักเอย

ฯ ๔๐ คำ ฯ

บทที่ ๑๐ ของหญิง

๏ ชลีกรอ่อนศิโรตม์รับสั่งสาร
น้อมสดับจับโสตรโปรดประทาน พระบรรหารล้วนเลิศประเสริฐทรง
ดังตรีเนตรประเวศดาวดึงษ์หวัง ประสิทธิ์สังขวารินมาโสรจสรง
เฉลิมยศปรากฎขจรพงศ์ เปนฉัตรทรงร่มเกล้ากระหม่อมเย็น
พระเดชานุภาพเพียงปราบภพ ไม่เล็งลบในทวีปชมพูเห็น
พระเมตตาดังมหาพิรุณกระเซ็น มิได้เว้นว่างหน้าข้าลออง
น้ำพระไทยใสสุดจะเอื้อมอ้าง จะไว้หว่างเกล้าจอมกระหม่อมสนอง
ประภาษพจน์แต่ละคำดังจำลอง จารึกทองไว้กับแผ่นศิลางาม
ด้วยการุณังหวังพระไทยในนพมาศ แต่ธรรมชาตินี้เชื่อเพียงเนื้อสาม
เพราะน้ำย้อมช่วยถนอมจึงชูนาม เห็นไม่งามรับยาราชาวดี
ที่ตรงแท้แน่นพคุณถ้วน นั่นและควรเครื่องคู่ให้ชูศรี
อันเนื้อต่ำช้ำยาราชาวดี ที่ทูลนี้โดยรักไม่ชักแช
ก็ทราบสิ้นในระบิลพระโรครบ หนามกระทบยอกช้ำระกำแผล
ทำไมกับเสี้ยนนิดไม่คิดแปร วิตกแต่ข้างสงครามให้งามควร
ซึ่งนิไสยประเพณีชาตรีบุรุษ มิรู้สุดสิ้นมาดสวาดิ์หวน
ก็ชอบชื่อในระหัศตรัสประมวล ประทานถ้วนทูลถามด้วยความแคลง
อันธรรมดาว่ากุมารประธานโลก จะซูบโศกเฝ้าช้ำเปนคำแฝง
ด้วยสงครามนั้นสิค้างอยู่กลางแปลง ว่าศึกทรวงหน่วงแย่งไว้หว่างการ
จะยั้งทัพกลับรอพอประทะ รักษาแผลพระอุระเห็นผิดสาร
ฤๅเยื้องเล่นเช่นราชาธิราชชาญ นั่นทหารลองพระไทยให้แจ้งจริง
เมื่อทูลกระหม่อมนี้เปนจอมจรรโลงเลิศ พระโรคเกิดตรัสเยื้องอย่างเรื่องสมิง
เห็นไม่ต้องพระธรรมนูญทูลท้วงติง ประทานโทษโปรดอย่ากริ่งว่าทูลเกิน
พระวาจังหวังเกล้ากระหม่อมเปรียบ ประทานเทียบเทียมเทพสรรเสริญ
เปนอับศรรักษาชลาเนิน สำหรับเชิญช่วยชีพให้พ้นชล
ก็ควรขอบชอบพระกำหนดอ้าง แต่ใช่นางจะช่วยศุขทุกแห่งหน
จะขึ้นพ้นกระสินธุ์สายที่ว่ายวน นั่นกุศลส่วนพระองค์ดำรงชู
อันสองนางอย่างเรื่องพระลอดิลก ประทานยกบทห้ามยังคร้ามอยู่
จับเมื่อจากหมันหยามาพันตู จะได้ดูระเด่นโศกวิโยคโทรม
ศศิธรจรดลบันดาลเดช ก็สังเกตตามรับสั่งยังบังโฉม
ไม่เด่นดวงมืดมิดปิดโพยม สุดที่โทมนัศคอยน่าน้อยใจ
อนิจาแขดวงจะล่วงรีบ สี่ทวีปส่องกระจ่างสว่างไข
ที่มืดมนัศขัดข้องหมองฤไทย ไม่เรื่อไรเมฆปิดเจียนมิดดวง
ทั้งสูงโสดนับโยชน์เหลือโอษฐ์แถลง ชมแต่แสงไม่ทันสิ้นเมฆินหวง
สู้ทนมืดฝืดช้ำระกำทรวง จะถามท้วงเกรงจะเคืองเบื้องบาทเอย

ฯ ๓๔ คำ ฯ

บทที่ ๑๑ ของชายที่ ๑

๏ สำเนาลักษณ์อักขรานุชาสนอง
โดยระบอบชอบความตามทำนอง สิ่งใดข้องคำขัดอย่าตัดใจ
ซึ่งสรรเสริญอนุชามาทั้งเรื่อง ก็กระเดื่องดินฟ้าสุธาไหว
สมพรปากให้เปนจริงทุกสิ่งไป น้องจะได้โกยกองสนองคุณ
ว่านพมาศชาติทองคำเปนน้ำสาม ช่วยชูนามย้อมเนื้อเกื้อหนุน
ฟังก็งามตามประสาไม่การุญ เหมือนน้ำขุ่นแต่กลั้วกลิ่นจึงกินเย็น
อันที่กำเนิดเกิดบ่ออุไรร่อน ทั่วนครที่มีอยู่น้องรู้เห็น
ได้ร่อนแล้วแล้วก็ได้ไปไว้เปน จะชี้เช่นน้ำเนื้อเห็นเหลือประมาณ
ถึงบ่อบางตะพานใหญ่ก็ได้ฟื้น ก็ไม่ยืนเนื้อน้ำซ้ำแตกฉาน
อันอัตปือเขาฦๅแร่แต่บุราณ น้องก็พานพบบ่อได้พอเพียง
แต่ร่อนลองสองตำบลจนล้นเหลือ จะถือว่าเนื้อแปดที่ไหนนั้นไม่เที่ยง
บ้างสูงน้ำต่ำนิดพอชิดเคียง บ้างก็เพียงสี่เศษสังเกตตา
อันบ่อบางตะพานน้อยนี้ลอยเลิศ เปนที่เกิดชมพูนุทเห็นสุดหา
ถึงร่อนได้ก็แต่ล้วนคู่ควรราคา จึงอุส่าห์สู้ลำบากพากเพียรกาย
จะสูงต่ำน้ำเนื้อนั้นทราบสิ้น แต่รักถิ่นธรรมชาติจึงมาดหมาย
ทำไมกับการสงครามเปนความปลาย ซึ่งจักนิยายรามัญรำพรรณมา
นั่นยกไว้ต่อเมื่อแน่จะแพ้ฤทธิ์ จึงจะคิดหาเหตุลองเชษฐา
เปนมั่นแม่นแม้นมิเฮก็ได้ฮา พี่แต่งตาไว้คอยดูเงี่ยหูฟัง
เมื่อหนามเหน็บเจ็บสวาดิ์เพียงขาดชีพ ฤๅกลับบีบให้แผลช้ำเนื้อกรรมหลัง
สงสารตัวมัวรักพี่จริงจัง พี่หากชังน้องนี้แน่จึงแปรปรวน
โอ้อาไลยประหนึ่งใจจะจากร่าง ฤๅพี่นางก็มาเอื้อนให้เตือนหวน
แม้นรู้ว่าถ้ามิได้แล้วไม่กวน จะสู้ม้วนหน้าเศร้ากอดเข่าตรอม
นี่เวรเคยได้เชือนชักสมัคสมาน ทรมานมิใช่คู่เข้าชูถนอม
มาตามทันชาตินี้มีแต่ตรอม สุดจะอ้อมอกช้ำระกำใจ
ครั้นคิดคำที่ร่ำว่าเมตตาน้อง สิ่งประสงค์มิให้ข้องอัชฌาไศรย
เว้นแต่ดวงดอกฟ้านภาไลย ในต่ำใต้แล้วคงเสร็จสำเร็จรัก
ยังจับจิตรคิดคุณมิรู้หาย ฤๅมากลายเปนแสลงพึ่งแจ้งประจักษ์
เพราะดวงเดือนไม่เลื่อนล่องจึงหมองภักตร์ ครั้นส่องนักเกลือกจะเบือนให้เดือนอาย
น้องขอถามถึงความไข้ด้วยเชษฐา ได้ยินข่าวกล่าวว่าโรคาหาย
จงอยู่ชมธิดาสามแต่ตามสบาย อันน้องชายนี้อย่าคิดให้จิตรพะวง
โอ้สองสมรมิตรขนิษฐนาฎ แม้นสิ่งสวาดิ์พี่ไม่เสร็จสำเร็จประสงค์
จะจาบัลย์รันทดกำสรดทรง เชษฐาจงกรุณาเมตตาเอย

ฯ ๓๒ คำ ฯ

บทที่ ๑๒ ของชายที่ ๓

๏ ฉันทราบข่าวเล่าฦๅกันอื้อฉาว
ว่ามีโจทย์กล่าวโทษด้วยเรื่องราว ขอกราบท้าวเรียนฟ้องทำนองความ
เปนสาหัสคัดข้อต่อสาเหตุ ปฏิเสธกลับความให้งามสนาม
ในข้อหาว่าฉันขันประชันงาม ไม่ต่อตามราคาว่าเต็มแพง
ข้อหนึ่งว่าของดีไม่มีชั่ว ฉันปลุกปล้ำจำให้มัวด้วยลมแสลง
จะแบกบาปหาบหักจนหนักแรง แยกแย้งไม่เกรงผิดจนติดพัว
สู้ฟันฝ่าสามิภักดิ์รักสินจ้าง มณีนางแผ้วผ่องว่าหมองสลัว
เอาเท็จแฝงแต่งคำให้จำมัว แกล้งถมชื่อฦๅทั่วจนมัวนวล
ในข้อหาทราบมาพอสมนึก ที่ตรอมตรึกจะใคร่ให้คุณไต่สวน
ที่ข้อแฝงแต่งคำยังอำยวน ให้ถามทวนเบิกความตามข้อฟ้อง
แต่คอยฟังตั้งท่าทิวาเนิ่น กำหนดเกินนั้นเลื่อนจึงเตือนสนอง
ข้อคดีนี้ได้ทราบกราบฝ่าลออง ฤๅเกี่ยวข้องอยู่เพียงเท้าเจ้าคุณเธอ
คือตัวใครกล่าวโทษเปนโจทย์อ้าง ที่เรื่องร่างข้อคำนำเสนอ
แม้นเจ้าคุณได้อำนวยอวยเออ โปรดอย่าเพ่อฟังความถามฝ่ายเดียว
จงวินิจฉัยไตร่ตรองให้ถ่องแท้ โปรดแปรสำเนาความตามซีกเซี่ยว
ให้สะส่างสว่างอกที่รกเรี้ยว เดือนหงายจะได้เที่ยวเล่นอิกเอย

ฯ ๑๖ คำ ฯ

บทที่ ๑๓ ของชายที่ ๒

๏ สนทนาอยู่กับนายถึงรายหนาม
พอพี่ใช้ให้มาแจ้งแถลงความ พิเคราะห์ตามคำว่าก็น่าแคลง
แต่เวียนอ่านสารสำนวนทวนหลายกลับ ดูเลื่อนลับคมขำเปนคำแฝง
เห็นความนิดที่ข้อว่าราคาแพง ไม่โจ่งแจ้งต้นปลายให้ทายเดา
เหลือปัญญาตรึกไตรจะไต่สวน ด้วยความทวนทบเยื้องไปเรื่องอิเหนา
ไม่ได้เห็นไม่ได้รู้เลยหูเรา นี่ใครเล่าประหลาดหนอมาก่อการ
จึงนำสำเนาเค้ามูลขึ้นทูลสนอง ตามเรื่องฟ้องโจทย์หาให้ว่าขาน
เกรงเกลือกจะไม่มีสักขีพยาน ตระลาการถูกอุทธรณ์แน่นอนใจ
ท่านยิ้มเยื้อนเอื้อนโอษฐ์โปรดประภาษ ฟังประหลาดเหลือสังเกตนี่เหตุไฉน
ทั้งข้อหาก็น่าแหนงแคลงฤไทย เมื่อใครมิได้มากล่าวโทษเปนโจทย์ยัน
ครั้นจะว่าแสร้งสงไสยก็ใช่ที่ เห็นจะมีผู้กระตุ้นให้หุนหัน
ช่างต่อติดผิดถูกเข้าผูกพัน ยังมิทันที่จะเชิดสิเกิดความ
แล้วท่านกลับหารือรื้อปฤกษา กับตัวฉันประสันตาด้วยเปนสาม
รู้ฤๅไม่อย่างไรอยู่ดูงุ่มง่าม ใครต่อตามให้จนขึ้นราคาแพง
เมื่อเราสำรวลอยู่ไม่รู้เรื่อง เขาฦๅเลื่องที่ตรงใครก็ไม่แจ้ง
ทั้งไม่มีผู้จะกล้ามายุแยง มิรู้แห่งจะตรึกไตรใคร่ครวญ
ถ้าหากว่ามีผู้บอกออกตัวให้ เห็นพอจะวินิจฉัยไต่สวน
นี่เปนแต่ฦๅอื้อฉาวกล่าวทบทวน จะเก็บประมวลเอามาฟ้องแลร้องฎีกา
กฎหมายห้ามตามธรรมนูญกระทรวงศาล ตระลาการผู้บังคับอย่ารับว่า
แต่เปนความมลทินเขานินทา ผูกสาเหตุเชษฐาว่าน้อยใจ
อนุชาก็คิดแค้นแสนพิโรธ แต่หารู้ที่จะโกรธผู้ใดไม่
ฤๅพี่หากชังฉันนอนฝันไป ก็ผิดนิไสยใช่ที่จะควรเปน
ฉันใดจะได้ตัวคนโกรธพี่ ใครตาทิพหนอช่วยชี้ออกให้เห็น
จะสืบสาวลมปากนี้ยากเย็น ประหนึ่งเล่นปิดตาเที่ยวหากัน
ท่านให้น้องสนองมาว่าความพี่ ถ้าแม้นมีผู้ถ้อยยำคำมั่น
จะออกเปนตัวว่ากล้ายืนยัน ก็ให้ไปว่ากันในวันแรม
อันข้อฟ้องน้องฟังกระแสตรัส มิให้ผัดนัดเลื่อนถึงเดือนแจ่ม
ทั้งท่านบ่นอยู่ด้วยความหนามเหน็บแนม ไม่มีแย้มยิ้มสรวลสำรวลเลย
เห็นพระจริตปรวนแปรกว่าแต่ก่อน เฝ้าอาวรณ์ถอนพระไทยไม่สรงเสวย
สารพัดจะผิดจริงทุกสิ่งเคย จนลืมเลยเรื่องอิเหนาคิดเผาเมือง
น้องขอเชิญไปตรวจงานการวัดใหม่ พอชูพระไทยที่กำสรดให้ปลดเปลื้อง
เหมือนพี่ได้การุญอย่าขุ่นเคือง อย่าให้เปลืองวันคืนไปหมื่นปี
ทั้งทุกข์ฉันจะบันเทาที่โหยหา ประสันตาก็คลายหายปวดฝี
น้องชะอ้อนวอนว่าจงปรานี ในราตรีพรุ่งนี้เชิญดำเนินจร
อันข้อดำรัสตรัสประภาษนั้นอาจหาญ ตามทำนองตระลาการไม่โอนอ่อน
เชษฐาจงอวยโอษฐ์ที่โทษกร อย่าตัดรอนเลื่อนนัดผัดผ่อนไป
ฉันขอกระซิบความลับกำชับพี่ ที่หนามนี้คิดถวายให้จงได้
เบื้องน่าถ้ามิงามความชอบไซ้ จึงอย่าได้นับหน้าอนุชาเอย

ฯ ๓๘ คำ ฯ

บทที่ ๑๔ ของชายที่ ๓

๏ ลิขิตสารโดยการสุจริต
ได้แจ้งร้อนใช่นอนอารมณ์คิด สัจจังจิตรใช่จะเฉลยละเลยความ
แต่คอยฟังตั้งท่าทิวานับ โสตรสดับคอยความสงครามสนาม
ตาตั้งระวังประตูคอยดูงาม ตามสั่งมิให้คลาศประมาทเมิน
เห็นวาวแววแล้วไม่แน่อารมณ์เล่า เรียนใต้เท้าทวนถามกลับขามเขิน
คุณอ้ำเอื้อนเหมือนฉันถามข้อความเกิน มีกรรมพเอิญแล้วฤๅหนอน่าท้อใจ
สำคัญคิดจิตรจงแต่ตรงซื่อ โอ้ยามนี้สิท่านรื้อนี่เหตุไฉน
ก็แล้วเถิดคุณอย่าให้วุ่นฉันต่อไป จะเจียมใจเจียมตัวด้วยกลัวพราง
สารพันในอกหยิบยกแจ้ง นี่ระแวงข้อใดหนอไม่พอหมาง
ไม่พอที่จะมามัวชั่วอยู่กลาง อันเรื่องนางไม่ขอเพียรเรียนแล้วเอย

ฯ ๑๐ คำ ฯ

บทที่ ๑๕ ของหญิง

๏ สรวมชีพข้าบาทบรมนารถ
ควรมิควรขออย่าเคืองใต้เบื้องบาท อันชีวาตม์อยู่ใต้ธุลีลออง
จะเท็จจริงไฉนไม่ทราบเกล้า เปนแต่คำฦๅเล่ากล่าวสนอง
ว่าจอมเจ้าอิเหนานารถนั้นสมปอง กระหม่อมฉันก็พลอยผ่องอารมณ์ครัน
เห็นศศิส่องผ่องแผ้วนภาพื้น โดยแต่ชื่นแสงเดือนจนเชือนฝัน
ว่าจากถิ่นสู่ท่าสาครครัน ประทับมั่นบางจากข้ามอารามตรง
จนฟื้นฝันแล้วยังมั่นไม่วายชื่น เปนหลายคืนตั้งเพ้อละเมอหลง
ฝันประหลาดอนาถจิตรคิดพะวง ฤๅจะส่งยศยิ่งภิญโญเรือง
ฤๅจะถอยอัพลานิรายศ จะกำหนดลงไฉนไม่ได้เรื่อง
ฤๅจะผิดราชกิจระแวงเคือง ประทานเปลื้องแก้นิมิตรประสิทธิ์พร
เหมือนพระอิศโรราชประสาทพจน์ ชำระรดอุปัทวะสละสลอน
เจริญสวัสดิ์สารพัดสถาวร จะได้จรไปชมเดือนเหมือนฝันเอย

ฯ ๑๒ คำ ฯ

บทที่ ๑๖ ของชายที่ ๑

๏ เปนน่าสรวลสำนวนคำช่างทำเส
เดิมไม่แจ้งก็สำคัญว่าฝันคะเน มิรู้เล่ห์สุกระสารจึงเสียกล
ซึ่งเชษฐาว่าอิเหนานั้นสมหวัง น้องฟังฟังก็แหนงนึกตรึกฉงน
บัดนี้ระเด่นเปนขุนแผนแสนขลังมนต์ ผูกภาพยนต์มาหาน้องวันทองไป
อันท่านแท้องค์อิเหนาอสัญหยา ย่อมเรืองณรงค์ทรงปัญญาจะหาไหน
ทั้งสมบัติพัศถานออกลานใจ ควรจะได้นางดาหาวราทรง
ด้วยมะเดหวีก็รับรักช่วยชักเย่อ ไหนพวกพ้องจะอือเออเสนอส่ง
รู้จักภักตร์ตระหนักนามอยู่สามอนงค์ ล้วนแต่จงใจพุ้ยตะกุยตะกาย
ขี้คร้านฟังขี้คร้านเชื่อมันเหลือยุ่ง จะใส่ถุงถ่วงให้ละลายหาย
แต่เสียแรงที่กำเนิดเกิดเป็นชาย จำจะส่ายเสียให้เฟื่องตามเรื่องราว
เจ้าข้าเอ๋ยนักเลงเล่นจงเห็นประจักษ์ อยากปลูกรักไว้กันกาจะพาฉาว
ถ้าแม้นได้เปนเพื่อนชมเดือนดาว จึงค่อยกล่าวขอสู่ได้ดูใจ
ประการหนึ่งฟังให้รู้ในเชิงด้วย ถ้าแต่งมวยแล้วเราอย่าเข้าใกล้
เล็บจะหักเสียดอกพ่อฉันขออะไภย ขอเชิญไปพูดกันสักวันเอย

ฯ ๑๔ คำ ฯ

บทที่ ๑๗ ของชายที่ ๑

๏ ขนิษฐน้องหมองฤไทยไห้หวน
ด้วยพี่นางขนางจิตรคิดมิควร ฤๅมาปรวนแปรสวาดิ์เหมือนขาดรัก
จะว่าไปไหนเลยจะเล็งเห็น ประหนึ่งเช่นว่าหงษ์หลงตกปลัก
สุบรรณบินรีบรุดไม่หยุดพัก จนปีกหักตกตมระทมใจ
แต่เสร็จศึกสมนึกน้องได้ครองชื่น ไม่มากคืนก็ใจจางทางพิศมัย
ด้วยข้อขำอำเอื้อนชายเกลื่อนไป จึงเห็นว่าใจจะเกรงจิตรคิดคำปราม
ก็ใช่น้องจะฟื้นฝอยหารอยตะเข็บ ใช่หนามเหน็บแล้วจะคงบ่งด้วยหนาม
คอยจะเยียวยาให้มิดผนิดความ ได้ทำตามถึงสามครั้งไม่พังเค
ครั้นจะปรามห้ามกันไปก่อนพร้อง เห็นพวกพ้องเขาจะชวนกันสรวลเส
ที่น้องว่าถ้ามิฮาก็ได้เฮ จะต้องเร่เรื่องสงครามไปตามชิง
แต่เกรงผิดคิดตัวด้วยกลัวจะหมอง ถึงหนาวเนื้อจะต้องกองอัคคีผิง
อนุชากาฝากนี้ยากจริง แต่ความนิดหนึ่งก็กริ่งประวิงประแวง
แม้นคืนคายได้ดังจันทคาธจับ เปนแต่เลียมเทียมทับพอลับแสง
จะบอกบริสุทธิ์ให้อย่าได้แคลง มิให้แล้งฝนฟ้าทั้งนาดอน
ได้รู้เช่นเห็นงามสิ้นยามชื่น น้องไม่คืนคิดเพียรมาเวียนหลอน
จะได้ดูเล่นสบายฝีพายคอน ให้นายอากรผูกขาดเขามาดประมูล
โอ้อาไลยไยเชษฐานิราสวาดิ์ มิทันสมอารมณ์มาดจะขาดสูญ
เมื่อเคยเอนดูชูช่วยอนุกูล ให้เพิ่มภูลสิ่งเสน่ห์ไม่เรรวน
เห็นเฉยเชือนครั้นจะเตือนก็เกรงจิตร แต่ใคร่คิดทุกคืนค่ำกินกำสรวญ
เหมือนจะแสร้งแกล้งกลบให้รบกวน เมื่อไม่ควรฤๅมาเคืองกระเดื่องใจ
น้องรับผิดแล้วที่ปลิดนางดาหา จนเชษฐาได้หมองหมางทางพิศมัย
ก็สาเจ็บสิที่คิดให้ผิดไป สาแก่ใจสิที่ช่างไม่รั้งรอ
ซึ่งพี่นางปรานีน้องไว้สองนัด ก็เห็นชัดแล้วสวาดิ์สิทธิ์ขาดหนอ
อายุสัตว์เจ็ดสิบปีนี้มิพอ ทำไมจะขอต่อชีวันได้พันปี
บุรุษฤๅควรถือเช่นไว้เปนอย่าง เหมือนแอหนังท่าเรือจ้างกับปันหยี
สู้พากเพียรเวียนระไวเปนไมตรี ได้สมนึกสึกชีชรารา
อันเดือนพิธีตรุษแม้นหลุดเลิก เห็นสิ้นฤกษ์แล้วหนอต่อปีน่า
ฉวยจะเลยลับเลื่อนเดือนแรกนา พระวสาสารทซ้ำอัมพวาย
ประจบจนชนเดือนสี่สิ้นปีเถาะ ก็เปนเคราะห์จึงไม่สมอารมณ์หมาย
ใช่น้องจะคิดแก่ยากลำบากกาย จะเพียรพายไปจนเสร็จสำเร็จรัก
แม้นชาตินี้มิได้ครองประคองชื่น ด้วยได้อื่นรื่นสำราญสมานสมัค
ควรจำเภาะเจาะจงเอาทรงสพัก ทำธงปักขึ้นบูชาจุฬามณี
จะตั้งจิตรพิศฐานการกุศล เดชะผลสามิภักดิ์ที่รักพี่
จะเกิดเปนบุรุษไปในโลกีย์ ขอให้มีปรีชาเฉลียวการเกี้ยวพาน
บรรดาหญิงใช่ญาติสนิทให้จิตรประวัติ เหมือนลมพัดถูกธงจงใจสมาน
จะนึกไหนได้สมหวังจิรังกาล อย่ารู้รานรักร่ำระกำตรอม
การวิวาห์อย่าหน่วงเนิ่นให้เหินหาว ต้องนอนหนาวนึกแพรดำร่ำกลิ่นหอม
ขอชมเดือนเหมือนเมื่อยังประนังประนอม ประชุมพร้อมเช่นเชษฐาเคยพาพาย
อันเรื่องอิเหนานี้ขยาดไม่อาจต่อ แต่เรื่องพระลอลิลิตนั้นยังมั่นหมาย
ถึงพงศ์เผ่าเขาห้ำหั่นชีวันวาย ก็นับว่าชายตายด้วยรักประจักษ์จริง
ต้องถืออย่างเรื่องอุเซ็นไว้เปนทำเนียบ จะทานเทียบเปรียบปรายคล้ายทุกสิ่ง
เพราะแรงรักหักรอนสู้วอนวิง ถึงเจ็ดปีมีแต่นิ่งไม่นึกจาง
อนุชาพจมานสารสุจริต ขอเชษฐาอย่าได้คิดอางขนาง
มาก่อกวนชวนเชิญไว้พลางพลาง พอเดือนสว่างจะได้จรเช่นก่อนเอย

ฯ ๔๔ คำ ฯ

บทที่ ๑๘ ของหญิง

๏ สงสารจิตรเหลือผัดแล้วอกเอ๋ย
ทรงพระคุณไม่การุญกระหม่อมเลย มีแต่เปรยปรายเปรียบประเทียบมา
เมื่อสุจริตจิตรจริงทุกสิ่งซื่อ มีกรรมฤๅกลับเห็นเปนโทษา
อนาถจิตรคิดคิดน่าอนิจา โอ้ชาตาคล้ายจันทร์มณีพราหมณ์
ก็เพราะทรงอนุกูลการุญเลี้ยง จึงเรียบเรียงศุภอรรถมาตรัสถาม
ได้ทูลสนองโดยทำนองสำเนาความ ตามจริงสิ่งสัตย์ไม่ดัดแปลง
พเอิญเปนกุศลเข้าดลแทรก แย้งแยกความจริงเปนสิ่งแฝง
ความสัตย์ที่วิบัติเปนคำระแวง กลับเปนแกล้งแย้งแยกแหวกกัน
สู้สามิภักดิ์รักเบื้องบทรัช ด้วยความสัตย์ใจจริงทุกสิ่งสรรพ์
โอ้ยามหนาวคราวระดูเหมันต์ เวลานั้นลืมหนาวเปนคราวเพลิน
จึงชวนเชิญโฉมอัปศรไปชมชล เสาวคนธ์จึงได้ฟุ้งจรุงเหิน
ฤๅมีโทษที่พาจรสาครเกิน กระนั้นแน่แท้พเอิญว่าเวรจอง
โอ้เทวาองค์ใดมาให้โทษ จึงส่างโปรดเคืองคำที่นำสนอง
ที่สุจริตคิดเปนข้าใต้ฝ่าลออง กลับเปนเปลือกท่านเลือกดองไม่เปนอัน
กว่าจะต้องคำบุราณว่านานเห็น สิจวนเจียนจะไม่เปนกระหม่อมฉัน
กว่าจะเห็นสิท่านเล่นเสียครันครัน ถ้ากระนั้นก็ตายเปล่าน่าเศร้าใจ
โอ้สัตว์ผู้ยากไร้ปากยากทุกสิ่ง สัจจังจริงก็ไม่กู้ชูตัวไหว
ท่านยังไม่สมก็ตรอมตรมด้วยเกรงไภย ครั้นท่านได้ยิ่งโทษทับกลับความ
ได้พึ่งพระเดชปกเกษเป็นฉัตรกั้น รวีวันเดือนสิบเอ็ดขึ้นสิบสาม
จึงขึ้นชื่อฤๅเลื่องกระเดื่องนาม งามด้วยชุบเกล้าย้อมกระหม่อมชู
ครั้นยามเคืองเบื้องบาทสิคาดโทษ โอ้แสนโหดชั่วช้าน่าอดสู
มืดมิดปิดสิ้นทุกประตู จนอุดอู้เพียบล่มลงจมลำ
เดชะผลกตัญญูนั้นชูช่วย กับสัตย์ด้วยนั้นเปนที่อุปถัมภ์
ชาตาพ้นอำพุอุระระยำ กุศลนำขึ้นนระสละเคือง
จึงทรงดำริห์ถึงความเมื่อยามหลัง มีรับสั่งทวนถามมาตามเรื่อง
จะกราบทูลให้ประจักษ์ไม่ยักเยื้อง ซึ่งจะเปลื้องฤๅมิเปลื้องสุดแต่ใจ
ที่รอรั้งหวังจะให้ประมูลเพิ่ม เหมือนเช่นเดิมฦๅกันสนั่นไหว
จึงหน่วงนัดผัดเดือนเลื่อนออกไป เห็นมากไหนจึงจะล่มนิยมยอม
อันแอหนังท่าเรือจ้างอย่างเช่นตรัส นั่นท่านชัดคู่คงจะจงถนอม
ถึงสักหมื่นพระวษาชรางอม ก็ประนอมจิตรจงอยู่คงงาม
ที่ทูลกระหม่อมทรงตรอมด้วยนัดเนิ่น เกรงพระชนม์นั้นจะเกินกำหนดห้าม
เปนปะวังทะศกยกข้อความ พิกัดห้ามความคู่สู้สืบพยาน
ประการหนึ่งถึงจะสู้สงครามเล่า ก็ไม่เพราเคล่าคล่องทำนองหาญ
จึงรีบร้นขนไปให้ทันกาล แต่ชนมานยังหนุ่มสาวคราวรื่นรวย
แม้นทราบลงตรงแท้แน่กระนั้น กระหม่อมฉันผู้ไปเล่นก็เห็นด้วย
ว่านางใดดังใบไม้ได้ลมชวย ก็เออเอยลงให้เห็นเปนใจดี
เจ้าข้าเอ๋ยหญิงใดอย่าใจดื้อ ไม่ทันอือก็ให้ปรึงถึงข้างที่
นั่นแลแน่แท้ว่ายอดกระสัตรี ลูกหลานมีจะสอนใหม่ให้ใจลอย
ซึ่งทรงขยาดตัดขาดเรื่องชวา ก็บุษบาที่ไหนนี่มีบ่อยบ่อย
ประภาษตรัสต้องขาดความไปตามรอย ใช่ฟื้นฝอยหาตะเข็บให้เหน็บแหนม
ซึ่งทรงศรัทธาเอาผ้านั้นทำธง ต้องประสงค์เช่นหลังครั้งเดือนแจ่ม
ทรงสละมัจฉริยะไม่ปะแปม ต่อเดือนแรมจึงจะค่อยไปโมทนา
แพรดำร่ำนั้นจะทำคัมภีร์รัด จะตั้งสัตยอะธิฐานพานภพน่า
จะเกิดไหนขอให้งามตามเจตนา เหมือนดังผ้าห่อมั่นพันคัมภีร์
อย่าให้หมองลอองวายุพาพาด อย่ารู้หวาดไหวตรงอยู่คงที่
ประสายากบริจาคได้ตามมี กุศลนี้ขอถวายใต้บาทมูล
ขอให้ทรงภิญโญยิ่งทุกสิ่งศุข ชื่อว่าทุกข์เคืองระคายจงหายสูญ
ถ้วนหน้าข้าลอองสนองทูล จงเพิ่มภูลสิ่งศุขทุกหน้าอนงค์
ซึ่งจะทรงเรื่องพระลอต่ออิเหนา ตามสำเนาลิลิตนั้นฉันต้องประสงค์
นั่นพระลอมิได้ปองสองนางจง พระลอหลงคุณสาตรจึงอาจจร
ที่ต่อไปนั้นไฉนไม่ทราบเรื่อง ประทานโทษโปรดอย่าเคืองว่าทูลหลอน
ใช่จะหวงหน่วงไว้ให้ทรงวอน จนต้องผ่อนตามทำเนียบเปรียบอุเซ็น
เปนเหลืออกที่จะยกรำพรรณแจ้ง จะชี้แจงทูลถวายไม่หมายเห็น
แสนเทวศนองเนตรทุกเช้าเย็น จะไปเล่นเกรงจะเคืองเบื้องบาทเอย

ฯ ๕๔ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ