๒๔๔ ประกาศพระราชบัญญัติเรื่องนาตราแดงแลนาคู่โค

ณวันพุธ เดือนยี่ ขึ้นค่ำ ๑ ปีชวดฉศก

มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ให้ประกาศแก่ผู้สำเร็จราชการเมือง แลกรมการพันนาข้าหลวง เสนานายอำเภอ รั้วแขวงกำนันแลราษฎรชายหญิงนั้นๆ บรรดาที่เปนเจ้าของนา มีตราแดงในแขวงกรุงเก่า แลลพบุรี แลอ่างทอง แลสุพรรณบุรี บรรดาที่เคยเสียค่านาอย่างนาคู่โค ผูกขาดตามจำนวนตราแดงเสมอ ไม่มีประเมินตามอย่างธรรมเนียมแต่ก่อนมานั้น ให้ทราบทั่วกัน ตามคำประกาศมานี้ว่าพิสดารในตัวเล็กแล แต่ใจความในตัวอักษรใหญ่ใครคร้านจะอ่านมากก็จงอ่านแต่ที่ตัวอักษรใหญ่ข้างท้ายเถิด

ประกาศพิสดารดังนี้

ว่าการอย่างธรรมเนียมสำหรับแผ่นดินมาเรียกคานาคู่โค คือนาหว่านในแขวงที่ออกชื่อมาแล้วนั้น ให้เรียกเสมอตามจำนวนในตราแดงไม่มีประเมินตรวจเรียกแต่ตามที่ได้ทำอย่างนาปักเลย นาปักที่เรียกว่านาฟางลอยนาน้ำฝน ในแขวงที่ออกชื่อมาแล้วนี้ก็ดี แลนาที่หว่านที่ทำมาแล้วหลายปี ยังไม่มีบาญชีออกในตราแดงแล้วก็ดี ข้าหลวงเสนาไปประเมินเรียกแต่ตามที่ได้ทำทุกปีเหมือนอย่างสมพักสร การเช่นนี้ธรรมเนียมสืบแผ่นดินมา ค่านานั้นแต่ก่อนเรียกเปนหางเข้าตวงขึ้นฉางหลวงไร่ละ ๒ ถัง แล้วซ้ำจัดซื้อเปนราคาหลวงอิกไร่ละ ๒ ถัง พระราชทานเงินให้ไร่ละเฟื้อง เปนราคาหลวงถังละ ๒ ไพ แต่ราษฎรต้องขนมาส่งถึงฉางในกรุงเทพฯ แลฉางหัวเมือง ตามแต่เจ้าพนักงานจะบังคับ ราษฎรได้ความยากบ้างง่ายบ้างไม่เสมอกัน ที่ได้ความยากก็ร้องทุกข์กล่าวโทษข้าหลวงเสนาแลเจ้าพนักงานไปต่างๆ ต้องมีผู้ตัดสิน เปนถ้อยความอยู่เนืองๆ มาจนถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งนั้นทรงพระราชดำริห์พร้อมกับความคิดเจ้านายต่างกรมแลเสนาบดีเห็นว่า เรียกหางเข้าค่านาแลจัดซื้อเข้าเปนตัวเข้าแล้วก็บังคับให้มาส่งถึงฉาง ราษฎรได้ทำความลำบากมากบ้างน้อยบ้างไม่เสมอกัน ที่ถูกเกาะครองเร่งรัดก็มักร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าพนักงาน แลข้าหลวงเสนาเปนถ้อยความต่างๆ เนืองๆ จึงได้คิดอ่านตั้งอย่างธรรมเนียมเสียใหม่ เลิกเรียกหางเข้าค่านาแลจัดซื้อเปนราคาหลวงอย่างแต่ก่อนนั้นเสีย แล้วมีพระราชบัญญัตให้เรียกเปนค่านาไร่ละสลึงเฟื้องเสมอกันไปทั้งนาคู่โคแลนาน้ำฝนฟางลอย แต่การที่เรียกตามประเมินนาปักนาน้ำฝนฟางลอย แลเรียกตามจำนวนในตราแดงแลนาคู่โคนั้นยังคงอยู่ตามเดิมไม่ยักย้าย ก็เมื่อใดฝนแล้งน้ำน้อยฤๅน้ำมากเกินประมาณ ราษฎรเจ้าของนาคู่โคที่ต้องเสียตามจำนวนตราแดง มักร้องทุกข์ว่าทำนาได้ผลน้อย จะทนเสียค่านาตามจำนวนตราแดงไปไม่ได้ ที่เปนไพร่หลวงฝีพายแลพวกพ้องของพวกฝีพายมาเข้าชื่อกันถวายฎีกาในกรุงเทพฯ บ้าง ก็การที่สำเร็จแก่ผู้ร้องนั้นเปนไปต่างๆ เอานิยมลงไม่ได้ ลางทีก็โปรดฯ ให้ยกให้ลด ให้แต่ไพร่หลวงกรมฝีพายที่ลงมารับราชการ บางทีก็โปรดฯ ให้ประเมินเรียกเอาแต่ตามที่ได้ทำ บางทีก็โปรดฯ ลดให้ไร่ละเฟื้องเสมอไปในปีหนึ่งนั้น ตามครั้งคราวที่เปนใหญ่เปนน้อยหายืนลงเปนอย่างไม่ จนมาถึงปีชวดจัตวาศกเปนปีที่ ๒ ในแผ่นดินปัจจุบันนี้ฝนแล้งน้ำน้อยคล้ายกับในปีนี้ ได้ทรงพระราชดำริห์พร้อมกับท่านเสนาบดี ก่อนแต่ยังไม่มีใครมาร้อง ว่าในปีนี้ฝนแล้งน้ำน้อย จะเรียกค่านาคู่โคเสมอไร่สลึงเฟื้องตามจำนวนในตราแดงเห็นจะมีผู้มาร้องเปนแน่ เมื่อต่อมีผู้มาร้องแล้วจึงจะให้ไปประเมินเรียกแต่ตามที่ได้ทำก็จะรู้เปนแน่ได้ยากไป เพราะกว่าจะได้ประเมินนาคลอกเสียแล้ว จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งเจ้าพระยาพลเทพสรรพพลเสพยเสนาบดีขึ้นไปตั้งกองอยู่ที่กรุงเก่า แต่งข้าหลวงเสนาออกประเมินนาคู่โค ให้รู้จำนวนว่าได้ทำเท่าไรทำไม่ได้เท่าไร ค่าเส้นเชือกประเมินนั้นก็ไม่ได้คิด ครั้นประเมินเสร็จแล้วก็โปรดฯ ให้เรียกค่านาไร่ละสลึงเฟื้องแต่ที่ได้ทำ ที่ไม่ได้ทำโปรดฯ ยกพระราชทานให้ ครั้นปีเถาะสัปตศก โปรดฯ ให้เดินนาทำตราแดงใหม่จงได้ทรงพระราชดำริห์พร้อมกับความคิดท่านเสนาบดี เห็นว่านาคู่โคต้องเสียไร่ละสลึงเฟื้องเสมอตามจำนวนในตราแดงนั้น เสียเปรียบนาปักอยู่ เพราะนาปักเสียแต่ตามที่ได้ ซึ่งแต่ก่อนมีอย่างธรรมเนียมบังคับให้นาคู่โคเสียตามจำนวนในตราแดงเสมอนั้น ก็เห็นว่านาหว่านมีผลมากกว่านาปัก ถึงในปีนี้ฝนแล้งนาปักน้ำฝนฟางลอยเสียทำไม่ได้ น้ำเหนือมามากนาคู่โคก็ทำได้ อนึ่งประสงค์จะกดเจ้าของนาให้อุสาหะทำนาให้เต็มภูมิ จึงได้บังคับให้เรียกเสมอตามจำนวนในตราแดงไม่มีประเมิน

ครั้นเมื่อพิเคราะห์ดูนาคู่โคมีผลมาก ราคาเข้าก็ต่ำกว่าเข้านาสวนนาปัก คิดดูก็พอชดเชยกัน แลซึ่งประสงค์จะกดให้ราษฎรทำนาให้เต็มภูมินั้น เห็นว่าบัดนี้เข้าจะเปิดให้ขายคนต่างประเทศ ไม่ได้ปิดเหมือนอย่างแต่ก่อน ราษฎรคงพอใจทำเต็มภูมิอยู่เอง ซึ่งราษฎรเจ้าของนาคู่โคต้องเสียไร่ละสลึงเฟื้องเสมออยู่นั้น เปนอันเสียเปรียบนาปักอยู่ ถ้าฝนแลน้ำเปนปรกติทำนาได้เต็มภูมิเสียแต่น้อยก็จะยอมเสียไป ถ้าเมื่อใดฝนแล้งน้ำน้อยก็คงจะร้องว่าทนค่านาไม่ได้ เพราะฉนั้นควรจะลดค่านาคู่โคทั้งปวง บรรดาซึ่งเรียกตามจำนวนในตราแดงนั้น พระราชทานให้ไร่ละเฟื้องทุกปีเสมอไป ใช้เนื้อล่วงหน้าแทนส่วนของนาที่ทำไม่ได้ ในลางปีมีบางครั้งบางคราวเมื่อฝนแล้งน้ำนั้นน้อยทีเดียว เมื่อปีฝนแล้งน้ำน้อยก็ดีเปนปรกติก็ดี ให้เรียกแต่ไร่ละสลึงตามจำนวนในตราแดง เหมือนกับให้ราษฎรเข้าชื่อทำนาผูกขาดตามจำนวนในตราแดงทีเดียว ไม่มีช่องที่จะร้องเพราะได้ลดไว้ให้ต่ำกว่านาปักอยู่แล้ว ถ้าใครยังเห็นอยู่ว่าจะทนเสียค่านาไปไม่ได้ ก็ให้เวนนาแก่กรมนาผูกเปนหลวงเสียทีเดียว

การที่โปรดฯ ให้ลดค่านาตราแดงพระราชทานราษฎร เพื่อไม่ให้เสียเปรียบในปีฝนแล้งน้ำน้อย ซึ่งจะมีบางครั้งบางคราวล่วงหน้ามาไว้ตั้งแต่ปีเดินนาใหม่นับได้ถึง ๑๐ ปี ๑๑ ปีมาแล้วราษฎรเข้าใจฤๅไม่ แต่ก่อนใครไม่เข้าใจให้คิดให้เข้าใจด้วยคำประกาศนี้ การที่ลดค่านาพระราชทานให้ราษฎรเจ้าของนาคู่โคไร่ละเฟื้องในแขวงกรุงเทพฯ กรุงเก่า อ่างทอง ลพบุรี สุพรรณบุรีนั้น คิดจำนวนนาถึง ๓๒๐๐๐๐ ไร่ แลเมื่อลดพระราชทานให้ไร่ละเฟื้องทุกปีเปนเงิน ๕๐๐ ชั่งขึ้นไป เพราะ ๓๒๐๐๐๐ เฟื้องเปนเงิน ๔๐๐๐๐ บาท คือ ๕๐๐ ชั่งทุกปี สิ้นปีเปนเงินถึง ๕๐๐ ชั่ง ว่าดังนี้ราษฎรเห็นด้วยฤๅไม่ อิกอย่างหนึ่งค่านา ๓๒๐๐๐๐ ไร่นั้น เมื่อเรียกไร่ละสลึงเฟื้องได้เงินปีละ ๑๕๐๐ ชั่ง เมื่อเรียกไร่ละสลึงได้เงินแต่ปีละ ๑๐๐๐ ชั่ง ก็ในปีนี้ฝนแล้งน้ำน้อย จะคงเรียกอยู่ไร่ละสลึงตามธรรมเนียมไม่ได้ฤๅ ราษฎรได้เปรียบในหลวงกว่าแต่ก่อนมาถึง ๙ ปี๑๐ ปีแล้ว

อนึ่งในปีนี้เมื่อเดือน ๑๑ เสด็จขึ้นไปทอดพระเนตร์น้ำกรุงเก่าทรงเห็นว่าน้อย ได้มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้กะเกณฑ์ข้าราชการไปปิดน้ำ แล้วจำหน่ายพระราชทรัพย์แจกเปนเงินค่ากับเข้าผู้ทำการคนละบาท แลจ่ายเข้าสารเสบียงคนละ ๑๐ ทนาน แลจ่ายจัดซื้อไม้เพิ่มเติมไม้เกณฑ์ตัดให้ทันการ สิ้นพระราชทรัพย์ ๕๐ ชั่งเศษ โดยทรงพระมหากรุณาช่วยนาของราษฎรทั้งแขวงกรุงเก่า แลลพบุรีแลอ่างทองตามกำลังจะทำได้ เปนพระเดชพระคุณแก่ราษฎรอยู่ ควรราษฎรจะคิดถึงพระเดชพระคุณบ้างอย่าให้ต้องลำบากนัก

ครั้งนี้มีพระบรมราชโองการให้ปฤกษาท่านเสนาบดีเห็นพร้อมกันกราบทูลพระกรุณาดังนี้ว่า ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ พร้อมกันว่า แต่ก่อนราคาเข้าถูกเกวียนละ ๑๐ บาทเกวียนละ ๓ ตำลึง ราษฎรทำนาก็น้อย ค่านาก็เรียกไร่ละสลึงเฟื้อง ตั้งแต่ ๙ ปี ๑๐ ปีมาโปรดเกล้าฯ เปิดเข้าให้ราษฎรได้ซื้อขายไปแก่ลูกค้าต่างประเทศ ราคาเข้าก็ขึ้นเกวียนละ ๕ ตำลึงเปนพื้น ราษฎรทำนาก็มากขึ้น ค่านาคู่โคลดลงเรียกแต่ไร่ละสลึง ราษฎรได้เปรียบเงินค่านามากกว่านาน้ำฝนนาฟางลอยอยู่แล้ว แต่นาคู่โคเปนนาผูกขาดเรียกค่าที่ไร่ละสลึง ตามน่าโฉนดตราแดง ณปีชวดฉศกฝนแล้งราษฎรทำนาไม่เต็มภูมิ์ ข้าหลวงเสนาจะไปเรียกเงินค่านาตามหน้าโฉนดตราแดง ราษฎรก็คงจะร้องถ้าถึงเกาะกุมเร่งรัดก็จะพากันได้ความเดือดร้อน ขอรับพระราชทานให้มีหมายประกาศแก่ราษฎรให้ทราบทั่วกันว่า ถึงกำหนดข้าหลวงเสนาจะมาเรียกเงินค่านาคู่โค ถ้าราษฎรยอมเสียตามหน้าโฉนดตราแดง ก็ให้ข้าหลวงเสนาเรียกเงินค่านาให้เต็มไร่ละสลึง ถ้าราษฎรรายใดจะขอเสียเงินค่านาให้แต่ที่ได้เก็บเกี่ยวไร่ละสลึง ก็จะยอมรับที่ไม่ได้เก็บเกี่ยวจะขอค้างไว้นั้น ก็จะยอมให้ค้าง แต่ที่ค้างนั้นจะเปนเนื้อที่มากน้อยเท่าใด ต้องให้ข้าหลวงเสนาประเมิน ถึงปีฉลูสัปตศกจะเรียกเอาเงินค่านาที่ค้างไร่ละสลึงเฟื้อง เพราะด้วยเหตุ ๓ ประการประการ ๑ เพราะต้องป่วยการข้าหลวงเสนาประเมิน ประการ ๑ เงินหลวงค้างไปนานถึงปีหนึ่ง ประการ ๑ ราคาเข้าก็แพงกว่าแต่ก่อนเกวียนหนึ่งถึง ๕ ตำลึง ๖ ตำลึงเปนพื้น เพราะดังนั้นจึงต้องเรียกไร่ละสลึงเฟื้อง เหมือนประเมินนาฟางลอย แต่หนังสือประกาศนั้นขอให้มีสำหรับข้าหลวงเสนาไปด้วยจงทุกนาย ซึ่งจะมีแต่ท้องตราถึงเจ้าเมืองกรมการนั้น ราษฎรจะไม่รู้ทั่วกันก็จะเข้าใจไปต่างๆ เห็นด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมดังนี้ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ขอเดชะ

เพราะฉนั้นบัดนี้ให้ประกาศเปนคำสั้นๆ ดังนี้ ปีนี้เพราะฝนแล้งน้ำน้อย นาหว่านคู่โคแขวงกรุงเก่า แขวงอ่างทอง ลพบุรี สุพรรณบุรี ก็ให้คงเรียกเสมอไร่ละสลึงตามเคย เต็มตามจำนวนมีในตราแดงสำหรับนาคู่โคอย่างแต่ก่อน แต่ให้กรมการข้าหลวงเสนากำนันนายอำเภอพร้อมกันผันผ่อนหย่อนตามใจราษฎร ซึ่งเปนเจ้าของนาของผู้ใดยอมส่งค่านาไร่ละสลึง เต็มตามจำนวนในตราแดงตามเคย ก็ให้รับทำให้เสร็จให้เปนแล้ว ถ้าผู้ใดร้องว่าขัดสนเงินไม่มีจะเสียเต็มตามจำนวนมีในตราแดง เพราะปีนี้ทำนาไม่ได้ผล จะขอค้างไปก็ให้ยอมให้ค้าง ถ้าจะขอค้างทั้งจำนวนได้ทำแลไม่ได้ทำก็ให้ทำบัญชีตั้งค้างไว้ให้แน่ ถ้าจะขอเสียแต่ที่ได้ทำจะขอค้างในที่ไม่ได้ทำ ก็ให้ประเมินได้จำนวนแน่แล้ว ก็ให้เรียกไร่ละสลึงตามแต่ที่ได้ทำ จำนวนที่ไม่ได้ทำก็ให้ตั้งค้างไว้ เมื่อปีต่อไปจึงให้ใช้รายค้าง แต่รายค้างจะต้องขอเรียกให้ใช้ไร่ละสลึงเฟื้อง เพราะเงินหลวงคั่งค้างปีอยู่ แลต้องลำบากข้าหลวงเสนาที่ประเมิน ราคาเข้าเดี๋ยวนี้ก็ขายแพงกว่าแต่ก่อน ในหลวงก็ไม่ได้ตั้งพิกัดอัตราสำรวจกวดขันอะไรเลย ตามใจราษฎรจะตั้งราคาขายกัน ขายไปต่างประเทศก็ได้ไม่ได้ปิด ชาวนาได้เงินมากกว่าแต่ก่อน ซึ่งจะเรียกไร่ละสลึงเฟื้องนั้นให้เรียกแต่นาที่ตั้งค้างปี ก็ค่านาในจำนวนสำหรับปีในปีต่อไป คงเรียกไร่ละสลึงยืนตามจำนวนในตราแดง แลตามอย่างที่มีมาแล้วในปีหลังๆ แต่นานอกจำนวนบวกในนาคู่โคมีในตราแดงแขวงทั้ง ๔ นั้น ถ้าเปนนาขึ้นในเร็วๆ ให้เรียกตามลักษณนาขึ้นเร็วๆ ถ้าเปนนาเก่ายังไม่ได้บวกในตราแดง ก็ให้ข้าหลวงเสนาประเมินเรียกตามแต่ที่ได้ทำได้ในปีนี้ก็ดีปีอื่นก็ดี ให้ราษฎรเข้าใจตามประกาศนี้ อย่าหลงด้วยเรื่องค่านาค้าง แลค่านาสำหรับปี เข้าใจให้ผิดไปเลย

ประกาศมาณวันพุธ เดือนยี่ ขึ้นค่ำ ๑ ปีชวดฉศก ศักราช ๑๒๒๖ ฤๅเปนวันที่ ๔๙๗๗ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ