๑๘๘ ประกาศเรื่องข้าเจ้าแขงบ่าวนายแรงข่มเหงราษฎร

ณวันจันทร์ เดือน ขึ้น ๑ ค่ำ ปีระกาตรีศก

มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทให้ประกาศแก่ข้าราชการแลราษฎรแขวงกรุงเทพมหานครให้รู้ทั่วว่า คนทุกวันนี้พากันคุมสมัคพรรคพวกชวนกันเสพสุราเมาแล้ว ถือตัวอวดตัวต่างๆ ว่าเปนมหาดเล็กหลวงตำรวจหลวงแลเปนทหารแลเปนไพร่หลวงอยู่ในส่วนหลวงบ้าง ว่าเปนข้าเจ้าแขงบ่าวนายแรงบ้าง แลเปนลูกจ้างพวกพ้องของชาวนอกประเทศบ้าง แลเปนสมัคพรรคพวกของเศรษฐีมีทรัพย์บ้าง แล้วก็อวดอ้างท้าทายว่าไม่กลัวใคร ถึงจะมีถ้อยความไปจะอ้างอิงพิงพาดราชการเอา แลว่าเจ้านายกงสุลจะช่วย ฤๅเพื่อนฝูงที่มีเงินจะเอาเงินง้างตระลาการหันเหไป เมื่อถือใจดังนั้นบ้างอวดเอาเปล่าๆ แล้วก็เที่ยวทำข่มเหงชกตีฟันแทงแย่งชิงคนเดินทางบ้าง บุกรุกเข้าไปในบ้านในเรือนโรงร้าน ทุบตีฟันแทงเจ้าของบ้าน เจ้าของเรือน เจ้าของโรง เจ้าของร้าน ให้มีบาดเจ็บบ้าง ทำสิ่งของต่างๆ ให้แตกหักหายฤๅแย่งชิงเอาไปเสียบ้าง การเปนความดังนี้เนืองๆ ฝ่ายทวยราษฎรที่โง่เขลาขลาดก็รังเกียจไปว่าในหลวงแลข้าราชการคงจะเข้าด้วยคนหลวง ไม่ทำโทษกันนักหนาจะเปนเวราอาฆาฏไป ฤๅเจ้าที่แข็งแรงเมื่อนานไปโตใหญ่ขึ้นจะพยาบาทอาฆาฏขัดเคือง ฤๅกลัวว่าตระลาการจะเกรงบุญเจ้านายที่แขงแรง ฤๅเกรงใจคนนอกประเทศอยู่ ฤๅจะเห็นแก่สินบนของกำนัล จะกลับให้ความตัวแพ้จะต้องเสียเบี้ยปรับ ฤๅจะไกล่เกลี่ยให้เปนเสมอเลิกแล้วกัน ก็กลัวจะเปนเวราอาฆาฏเพราะที่ฟ้อง ก็พากันอดออมนิ่งความเสีย ฤๅฝากตัวเข้าพวกพาลนั้นเสีย ด้วยเหตุนี้พวกพาลนั้นจึงกำเริบใจมากขึ้น อนึ่งถึงเจ้ากระทรวง เมื่อผู้ทำผิดเปนข้าเจ้าแขงบ่าวนายแรง ฤๅให้ของกำนัลแลสินบนก็อ้อแอ้ง่อนแง่นไปดังนั้นก็จะเห็นเปนอยู่บ้างจริง เพราะยังหนุ่มอยู่ก็คิดถึงตัว ที่แก่อยู่ก็คิดถึงบุตรหลาน การซึ่งเปนทั้งนี้ก็เพราะการแผ่นดินเมืองยังเจือปนระคนกับการเถื่อนการป่า เพราะฉนั้นประกาศไว้ว่าตั้งแต่นี้ไปเมื่อหน้า ถ้ามีคนคนใดพวกใดเปนคนหลวงข้าเจ้าบ่าวนายก็ดี เมาสุราคุมสมัคพรรคพวกตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป ทำข่มเหงราษฎรด้วยกลุ้มรุมชกตีฟันแทงคว่างทิ้งก็ดี บุกรุกเข้าไปในบ้านในเรือนโรงร้านก็ดี ด้วยการที่มิใช่รับบังคับไปจากนายอำเภอแลเจ้ากระทรวงกองจับผู้ผิดต่างๆ นั้นแล้ว ให้ผู้ต้องข่มเหงต้องพิพาททำเรื่องราวไปยื่นต่อกรมพระนครบาล ฤๅเจ้ากรมปลัดกรมกองตระเวนซ้ายขวา ให้ชันสูตรบาดแผลแลตราสินสิ่งของที่แตกหักหายทั้งปวงตามธรรมเนียม แลให้เจ้ากระทรวงกรมพระนครบาลตามเกาะสืบจับตัวผู้ผิดมาชำระไปตามเคยนั้นก่อนแล้ว ถึงความจะยังไม่ได้ชำระค้างอยู่ ให้ทำเรื่องราวอีกฉบับหนึ่ง ให้ความต้องกันกับที่ฟ้องไว้ แลให้เอาแต่ความจริงที่ควรจะสืบพยานรางวัดสมได้มาทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อเวลาเสด็จออกท้องสนาม หน้าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ในเร็วๆ ให้ทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทด้วย ฤๅว่าถ้ามีราชการต่างๆ แลฝนตกไม่เสด็จออกท้องสนามหลายวันไป ก็ให้เอาเรื่องราวนั้นมาให้เจ้าขุนมูลนาย ฤๅญาติน้องพวกพ้องซึ่งเปนข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายใน ผู้ใดผู้หนึ่งทูลเกล้าฯ ถวายให้ความทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทด้วย ให้สืบสังกัดชื่อเสียงผู้ล่วงเกินทำผิดนั้น ให้ได้ความใส่ในเรื่องราวมาตามได้ เมื่อทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทแล้ว เมื่อทรงพระราชดำริห์เห็นว่าเจ้ากระทรวงควรจะชำระไป ก็จะได้ทรงตักเตือนให้เจ้ากระทรวงชำระ ถ้าทราบว่าเปนพวกพ้องมากโตใหญ่ ฤๅมีเหตุการเปนที่สงสัยว่าตระลาการเจ้ากระทรวงจะง่อนแง่นไป ก็จะได้ทรงแต่งตั้งตระลาการศาลรับสั่งที่ควรจะเชื่อได้ เร่งให้ชำระสืบตามจับผู้ผิดเปนการร้อน แลชำระความนั้นเปนความรับสั่งมิให้โยเย แต่ถ้าร้องดังนี้ให้ร้องแต่เรื่องราวเดิมอย่าเพ่อกล่าวโทษเจ้ากระทรวงว่ากดความเสียก็ดี ว่าไม่จับเลยก็ดี เพราะการยังเร็ววันนัก จะเปนที่ให้เจ้ากระทรวงบาดหมางเสียใจไป การที่ให้ร้องดังนี้คือให้ร้องเร็วๆ ภายในสิบวัน ตั้งแต่ความเกิดแล้วมา แต่ถ้าคำร้องนั้นเกินกว่าเหตุนั้น น้อยว่ามากจนสืบพยานรางวัดไม่สมเลย จะต้องให้มีโทษแก่โจทย์ผู้ร้องความไม่จริงเสียบ้าง ถ้าสืบพยานรางวัดสมว่าผู้ผิดมีสมัคพรรคพวกไปมากแท้แล้ว บ่าวไพร่ของผู้ใดไปคุมสมัคพรรคพวกข่มเหงราษฎรดังนี้ เจ้าหมู่มูลนายรู้แล้วถึงความจะไม่มีใครฟ้อง อย่าเพ่อดีใจว่าราษฎรเกรงบุญเกรงวาสนาไม่กล้าฟ้องร้อง เมื่อกลัวบ่าวของตัวก็จะมาสวามิภักดิ์เปนข้าเจ้าเดียวกันนายเดียวกันเสีย ด้วยเหตุนี้ ข้าแลบ่าวไพร่จะได้มากขึ้น อย่าเพ่อดีใจเพลินไปดังนี้ จงเร่งจับเอาตัวข้าเอาตัวบ่าวของตัวที่ทำผิดมากักขังไว้ก่อน อย่าให้ท้ายยุแยงให้หลบหนี เมื่อความมีแล้วอย่ามาผัดอ้อๆ แอ้ๆ ไปดังนี้ไม่เอา อย่างนี้เคยมามากจืดนักรู้เท่าสติปัญญาเสียหมดแล้ว อย่าพูดดังนี้เลยขี้เกียจฟัง ถ้าเกิดความขึ้นแล้ว เมื่อข้าแลบ่าวไพร่ของเจ้าใดนายใดมีผู้กล่าวหา ฤๅถูกซัดทอดต้องเรียกตัวมาเปนจำเลยในความอย่างนี้ถ้าส่งตัวไม่ได้ในภายในสิบวันแล้ว จะประกาศบนให้มีผู้จับตั้งแต่ ๑๐๐ บาทขึ้นไป ๔๐๐ บาทลงมา ตามวาสนาเจ้าแลนายที่แขงแลอ่อน ฤๅฝีมือชื่อเสียงผู้ผิดนั้นกล้าแลอ่อน ถ้ามีผู้ส่งฤๅนำจับได้นั้น แต่เจ้าหมู่มูลนายที่ทำให้คนหนีจะต้องเกาะเร่งให้ใช้เงินหลวงที่เสียเปนสินบนแลรางวัลไปนั้นจงเต็ม แต่ถ้าเรื่องความเปนแต่วิวาทคว่างปาฤๅลอบตีฟันแทงแย่งชิงวิ่งราวเปนแต่เรื่องเล็กน้อยลงไป ไม่มีใครเปนพยานเห็นว่าสมัคพรรคพวกมามาก ผู้ร้ายมามากถึง ๕ คนขึ้นไปแล้ว ก็ให้ไปร้องฟ้องตามกระทรวงว่าความกันไปก่อน ความยังว่ากันอยู่ยังไม่ขัดข้องเข้าก็อย่าเพ่อมาถวายฎีกาเลย ต่อเมื่อตระลาการพิจารณาเข้าข้างฝ่ายโจทย์ฝ่ายจำเลย ไม่ทำตามพระราชกำหนดกฎหมายประกาศใด จึงมาร้องถวายฎีกากล่าวโทษตระลาการเมื่อภายหลัง

ประกาศมาณวันจันทร์ เดือน ขึ้นค่ำ ๑ ปีระกาตรีศกศักราช ๑๒๒๓

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ