๓๑๘ ประกาศปฏิสังขรณ์วัดไชยพฤกษมาลาวัดเขมาภิรตาราม

มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเปนพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ที่ ๔ ในพระบรมราชวงศ์นี้ ให้ประกาศแก่พระภิกษุสงฆ์สามเณรบรรพชิตทั้งปวง ที่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระพุทธสาสนา แลมนุษย์เทพยดาที่มีศรัทธาในพระธรรมวินัย บรรดาที่ได้ฟังคำประกาศนี้ฤๅเฉภาะโดยวิเศษ ขอประกาศแก่พระเถรานุเถรที่อาราธนานิมนต์ประชุม เพื่อจะรับจีวรลาภไทยธรรมบริขาร ซึ่งจะพระราชทานในสมาคมนี้ให้ทราบทั่วกันว่าวัดไชยพฤกษมาลาที่อยู่ปากคลองบางขวาง ซึ่งพระราชทานนามใหม่ว่าคลองมหาสวัสดิ์แขวงเมืองนนทบุรีนั้น เปนวัดโบราณมาแต่ครั้งกรุงเก่าเมื่อธนบุรีตั้งขึ้นใหม่ ต้องรื้อเอาอิฐไปก่อกำแพงอันตรธานไปแล้วยังอยู่แต่ภูมวัด ครั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติปราบดาภิเษก ในปีขาลจัตวาศก จุลศักราช ๑๑๔๔ ได้มีพระบรมราชโองการดำรัสแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านพาลัย ซึ่งเวลานั้นเปนสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ใหญ่ ว่าวัดไชยพฤกษมาลาเปนวัดอยู่ใกล้สวนหลวงเดิมถูกรื้อแร่งทำลายมา ขอให้ทรงพระศรัทธาไปสร้างคืนขึ้นใหม่เปนพระอารามได้จะเปนการดี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงได้ทรงรับพระราชโองการ ว่าจะทรงสร้างพระอารามนั้นคืนขึ้นให้จงได้ จึงได้ทรงให้บริจาคส่วนทรัพย์สมบัติในกรมจำหน่ายเปนค่าไม้ ค่าอิฐ ค่าปูน แล้วให้ค่าในกรมไปทำเปนพระอุโบสถหลังหนึ่ง มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งเปนพระประธาน มีรูปพระสาวก ๒ องค์ พระวิหารหลังหนึ่ง มีพระพุทธรูป ๔ องค์ การเปรียญหลังหนึ่ง แลปลูกกุฎีถวายพระสงฆ์บ้าง วัดถุฐานนั้นก็เปนแต่เพียงพอพระสงฆ์จะได้ใช้บริโภคได้ การทั้งปวงก็ยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ดี เพราะครั้งโน้นบ้านเมืองยังไม่สมบูรณ์ ราชการทัพศึกก็มีมาก การที่ทำพระอารามนั้นก็งดไว้ให้ค้างอยู่เปนแต่ถึงฤดูพระกฐินทาน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้เสด็จไปทรงถวายกฐินบ้าง พระราชทานผ้าไตรจีวรบริขารให้พระโอรสพระธิดาทรงนำไปถวายบ้างทุกปีมิได้ขาด ครั้นเมื่อได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว ก็ยกวัดไชยพฤกษมาลาเข้าในจำนวนพระอารามกฐินหลวง มีเทียนพรรษาแลผ้ากฐินหลวงทุกปี แต่พระราชทานพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ทรงจุดเทียนพรรษา แลเสด็จไปถวายกฐินทุกปีมา ตั้งแต่ปีมเสงเอกศก ศักราช ๑๑๗๑ มาจนปีมแมเบญจศก ศักราช ๑๑๘๕ ครั้นเมื่อปีวอกฉศก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้ยกวัดไชยพฤกษ์ออกเสียจากจำนวนพระกฐินหลวง ครั้งนั้นกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ จึงได้ทรงรับทอดพระกฐินวัดนั้นสืบมาทุกปี ถึงผู้อื่นมีศรัทธาจะใคร่ทอดก็ต้องไปกราบทูลขอ ต่อโปรดแล้วจึงทอดได้ หลังภายมาปีวอก ฯลฯ

ถ้ามีกำลังพอจะทำนุบำรุงได้ ก็ให้ทำนุบำรุงให้เปนวัดอยู่ ถึงปีให้จัดผ้าพระกฐินไปถวาย ถ้าผู้อื่นจะทอดก็ต้องให้มากราบทูลขอก่อน ต่อโปรดจึงจะทอดได้ อย่าให้สละละทิ้งเสียให้เปนที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศสาปสูญพระนามในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยไปได้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รับพระวาจาสั่งกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์พระบรมราชชนนีไว้ดังนี้แล้ว ก็ได้ทรงทำนุบำรุงพระอารามนั้นมาตามสติกำลัง จนสิ้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

อนึ่งวัดเขมาตำบลตลาดแก้วฝั่งตวันออกใต้บ้านหม้อบางขุนเทียนลงมานั้น แต่ก่อนเปนพระอารามพระกฐินหลวงในพระบวรราชวัง เมื่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิดหล้านภาลัย มีผู้กราบทูลสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ว่าวัดเขมาเปนวัดใหญ่แต่ครั้งแผ่นดินพระเจ้าอู่ทองมาทรุดโทรมยับเยินมาก มีคำผู้เถ้าผู้แก่กล่าวสืบมา ว่าวัดนี้เปนของพระเจ้าอู่ทอง ผู้มีบันดาศักดิ์น้อยจะสร้างให้สำเร็จไม่ได้ ต่อผู้มีบันดาศักดิ์มากบุญญาธิการยิ่งใหญ่จึงจะสร้างให้สำเร็จได้ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์จึงเสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรพระอุโบสถเก่าชอบพระทัยจะสร้าง จึงตรัสสั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นไปเฝ้ากรมพระราชวังบวรฯ กราบทูลขอเปนวัดสำหรับกฐินในกรม กรมพระราชวังบวรฯ ได้มีพระบัณฑูรสั่งหลวงสุทธิรัตนให้หักบาญชีชื่อวัดเขมา ยกมาเปนอารามของกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ขาดมาแต่นั้น ตั้งแต่นั้นมากรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ก็ได้ทรงบริจาคส่วนทรัพย์สมบัติให้จำหน่ายเปนค่าอิฐค่าปูน แลให้มีข้าในกรมไปขุดรากใหม่ก่อผนังขยายออกให้ใหญ่กว่าเดิมออกมา ถมพื้นในประธานพระอุโบสถขึ้นให้สูงจนเสมอบัวกลุ่มฐานพระประธาน เมื่อแรกเริ่มก่อรากครั้งหนึ่ง เมื่อแรกยกตัวไม้เครื่องบนครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิดหล้านภาลัย แลกรมพระราชวังบวรฯ ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเริ่มการเปนฤกษ์ทั้งสองครั้ง เพราะถมพื้นขึ้นไปสูงพระประธานต่ำไป ได้มีรับสั่งให้ช่างข้าในกรมก่อพระประธานพระองค์ใหม่สวมพระประธานพระองค์เก่าลงแล้ว ปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปทุกองค์จนสำเร็จ แล้วได้ให้ก่อกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ มีพระอัคคีย์เจดีย์ทั้ง ๔ ทิศ แล้วทรงสร้างการเปรียญฝากระดานหลังหนึ่งตรงหน้าพระอุโบสถออกมา ครั้นการพระอุโบสถการเปรียญสำเร็จแล้ว ก็ได้ทรงพระศรัทธาเสด็จไปทำมหะกรรมการฉลอง ทรงบำเพ็ญการพระกุศลในที่นั้นเปนอันมาก ในปีชวด สัมฤทธิศก ศักราช ๑๑๙๐

ครั้นเมื่อกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์สิ้นพระชนม์แล้ว พระอารามนั้นพระอุโบสถแลการเปรียญก็ชำรุดทรุดโทรมมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระอุสาหปราถนาจะใคร่ทรงปฏิสังขรณ์ให้คืนขึ้นแลดีขึ้น แต่กำลังครั้งนั้นยังน้อยก็ต้องรั้งรอมา จนสิ้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

ครั้นเมื่อปีกุญตรีศก ศักราช ๑๒๑๓ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว จึงทรงบริจาคพระราชทรัพย์เปนอันมากหลายร้อยชั่งให้ปฏิสังขรณ์วัดไชยพฤกษ์แลวัดเขมา พระราชทานนามเพิ่มเข้าทั้งสองพระอาราม ว่าวัดไชยพฤกษมาลา วัดเขมาภิรตาราม ที่วัดไชยพฤกษมาลา มีพระบรมราชโองการโปรดให้กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศเปนแม่กองทำ ให้จัดซื้อที่สวนถวายเพิ่มเติมเข้าให้ใหญ่กว้างออกไป แลขุดคูรอบวัด ให้ทำพระอุโบสถ พระวิหารของค้างเดิมของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิดหล้านภาลัยให้สำเร็จ แล้วทรงสร้างการเปรียญลงในข้างหน้าหว่างพระอุโบสถพระวิหาร มีพระเจดีย์ใหญ่ลงในด้านหลัง หว่างพระอุโบสถพระวิหาร มีพระเจดีย์น้อยใน ๔ ทิศ แลคฤหสำหรับเปนที่บูชาพระเจดีย์ด้วย แลทรงสร้างกุฎีหมู่กุฎีที่อยู่พระภิกษุสงฆ์ หอสวดมนต์หอระฆัง สพานท่าน้ำสพานข้ามคลอง ศาลาสำหรับพระอารามพร้อมมูลบริบูรณ์เสร็จแล้ว วัดเขมาภิรตารามมีพระบรมราชโองการดำรัสให้กรมหมื่นมนตรีรักษา พระยาราชภักดีศรีรัตนสมบัติเปนแม่กอง ให้จัดซื้อที่สวนถวายเพิ่มเติมเข้าให้ใหญ่กว้างออกไป แลขุดคูรอบวัด แลปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมเพิ่มเติมการในพระอุโบสถบริบูรณ์แล้ว ทรงสร้างรูปพระอสีติมหาสาวกล้อมพระประธานเพิ่มเติมเข้า เพราะทรงพระราชดำริห์เห็นว่าพระอุโบสถใหญ่กว้างนักที่ว่างเปล่าอยู่ พระสงฆ์ในพระอารามนั้นน้อย แล้วได้ทรงสร้างพระมหาเจดีย์ใหญ่ในด้านหลังพระอุโบสถมีพระเจดีย์ทิศ ๔ พระองค์เปนบริวาร แล้วให้เลื่อนพระเจดีย์เดิมของกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตร์ทรงสร้างไว้แต่ก่อนนั้น ให้ไปตั้งอยู่ใน ๔ มุมพระมหาเจดีย์ด้วย แล้วทรงสร้างพระวิหารน้อย ๒ หลังที่มุมกำแพงด้านข้างหน้าพระอุโบสถเปนที่ไว้พระพุทธรูป แล้วได้ทรงสร้างการเปรียญเปนตึกใหม่ เพราะการเปรียญเดิมซึ่งกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ทรงสร้างนั้นทรุดโทรมสูญไปเสียแล้ว แลกุฎีที่อยู่พระภิกษุสงฆ์ หอพระไตรปีฎก หอสวดมนต์ หอระฆัง สพาน ศาลา โรงไฟที่พระสงฆ์จะได้อยู่ใช้สอยใดๆ ได้ทรงสร้างสำเร็จบรีบูรณ์แล้วแลกุฎีใหญ่สามหลังเปนที่อยู่พระราชาคณะฤๅพระครูซึ่งเปนอธิบดีในพระอารามนั้น เปนพระตำหนักเดิมของกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิดหล้านภาลัย โปรดให้ช่างสร้างขึ้นพระราชทานในพระบรมมหาราชวังนี้แต่ครั้งแผ่นดินนั้น ครั้นมาถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์สิ้นพระชนม์แล้ว พระตำหนักตึกหมู่ใหญ่ว่างอยู่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงยกพระราชทานกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ เคยเสด็จอยู่แต่ก่อนมาช้านาน ครั้นพระราชทานตำหนักหมู่ใหญ่แล้ว พระตำหนักเดิมนั้นจึงทรงขอรื้อไปปลูกถวายพระพุทธโฆษาจารย์ณวัดโมลีโลก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ