นิทานเรื่องที่ ๒ เรื่องพระเจ้าหุมายุนคิดเก็บภาษีผลทับทิม

เหลี่ยม ๒ นั้นจารึกไว้เปนนิทานว่า ยังมีพระมหากระษัตริย์องค์หนึ่ง ชื่อสมเด็จพระเจ้าหุมายุน เสวยราชสมบัติณเมืองบุศรา เธอทรงม้าเสด็จไปประพาศกวางกับรี้พล ไปอยากน้ำหาน้ำจะเสวยมิได้ พอพบสวนทับทิมจึ่งหยุดม้าตรัสถามผู้เถ้านายสวนนั้นว่า น้ำมีฤๅเราจะขอกินบ้าง ผู้เถ้านายสวนบอกว่าน้ำไม่มี ๆ แต่ทับทิม ถ้าท่านจะกินเชิญท่านเข้ามานั่งที่ศาลานี้เถิด เราจะบีบน้ำทับทิมให้กิน พระเจ้าหุมายุนก็เสด็จเข้าไปนั่งที่ศาลา แลนายสวนนั้นจึงปลิดเอาทับทิมมาลูกหนึ่งใส่ในผ้าขาวแล้วบีบได้น้ำเต็มชาม ส่งให้พระเจ้าหุมายุนเสวย ๆ แล้วจึงตรัสถามผู้เถ้านายสวนว่า ทับทิมนี้เสียอากรฤๅหามิได้ ผู้เถ้านายสวนบอกว่าทับทิมมิได้มีอากรแต่ก่อนมา แลซึ่งมีอากรนั้นแต่ที่ไร่นาผู้จะได้อื่น ๆ พระเจ้าหุมายุนจึ่งตรัสถามว่า ทับทิมสวนนี้ขายได้ปีละเท่าใด นายสวนบอกว่าปีก่อนนี้ขายได้เหลือกินเหลืออยู่เปนทอง ๓๐๐ สลึง พระเจ้าหุมายุนคิดแต่ในพระไทยว่า สวนทับทิมมีอยู่ในแว่นแคว้นที่นี้มากอยู่ ถ้าจะเรียกเอาอากรทับทิมสิบลดหนึ่งก็จะได้เปนอันมาก แต่คิดในพระทัยนั้นแล้ว จึงให้นายสวนบีบน้ำทับทิมให้เราอิกชามหนึ่ง นายสวนก็ไปปลิดเอาทับทิมมาบีบต่อหน้าพระเจ้าหุมายุน เปนทับทิมถึง ๑๐ ใบแล้วน้ำก็มิได้เต็มชาม พระเจ้าหุมายุนจึงตรัสถามผู้เถ้านายสวนว่า แต่แรกบีบทับทิมใบเดียวได้น้ำเต็มชาม บัดนี้บีบทับทิมถึง ๑๐ ใบแล้วน้ำก็มิได้เต็มชามนั้นด้วยเหตุอันใด แลผู้เถ้านายสวนบอกว่า ท่านเอ๋ยมั่นแม่น พระมหากระษัตริย์เมืองเรานี้คิดจะเรียกเอาอากรทับทิมแล้ว จึ่งน้ำทับทิมแห้งไปมิได้ถวาย พระเจ้าหุมายุนคิดแต่ในพระไทยว่า เรานี้ (คิด) จะเรียกอากรทับทิม แลน้ำทับทิมมาแห้งไปดังนี้ ถ้ามิได้เรียกอากรนั้นจะเปนประการใด พระองค์เจ้ามาคิดแต่ในพระทัยว่า อย่าเลยเราไม่เรียกอากรทับทิมแล้ว จึ่งตรัสแก่ผู้เถ้านายสวนว่า ไปปลิดเอาทับทิมมาบีบดูอิกใบหนึ่งเถิด ผู้เถ้านายสวนไปปลิดเอาทับทิมมาบีบได้น้ำเต็มชามแล้วยังเหลืออยู่อีก แลผู้เถ้านายสวนก็ยิ้มแย้มว่า ท่านเอ๋ยพระมหากระษัตริย์เมืองเรามิคิดว่าจะเรียกเอาอากรทับทิมแล้ว จึ่งน้ำทับทิมออกดังเก่า (เรา) ได้ยินธรรมเนียมผู้เถ้าผู้แก่เล่าสืบ ๆ มาว่า พระมหากระษัตริย์เมืองใดก็ดี ผลไม้ซึ่งมิได้มีอากรให้เรียกเอาอากรต้นไม้นั้นมิสู้เปนผล รศนั้นก็คลายลง อันสิ่งใดเคยเรียกเอาอากรนั้น ถ้าเรียกให้เหลือ (เกิน) ไปกว่าธรรมเนียม ต้นไม้เรือกสวนไร่นาจะร่วงโรยไป เห็นมากจะได้น้อย รักที่น้อยจะได้มาก พระเจ้าหุมายุนจึงตรัสถามว่า เหตุอันใดจึ่งว่าดังนี้ ผู้เถ้านายสวนว่า ถ้าเรียกอากรมากขึ้น ผู้จะทำเรือกสวนไร่นานั้นก็ร้างไป อากรก็ขาดลง ถ้าลดอากรลงผู้ใดซึ่งเคยทำเรือกสวนไร่นานั้น เห็นจะได้ภาษีก็ชักชวนกันทำ แลเคยปลูกแต่ต้นหนึ่งสองต้น ก็จะปลูกขึ้นคนละ ๙ ต้น ๑๐ ต้น เรียกอากรก็จะได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน พระเจ้าหุมายุนก็เห็นจริงด้วย ในกาลวันนั้นเสนาบดีรี้พลก็มาพร้อมกันณที่นั้น จึ่งผู้เถ้านายสวนรู้ว่าเปนพระมหากระษัตริย์ก็ตกใจหน้าเผือดไป พระเจ้าหุมายุนก็ตรัสแก่เสนาบดีให้แต่งตราคุ้มห้ามให้แก่ผู้เถ้านายสวน บรรดาแว่นแคว้นอยู่ในจังหวัดนี้ พระราชทานให้แก่ผู้เถ้านายสวนเปนอันขาดทีเดียว แล้วพระเจ้าหุมายุนเสด็จกลับเข้ามาถึงวัง แล้วสั่งแก่ชาวพนักงานว่า สิ่งใดแต่ก่อนแต่โบราณมิได้เคยเรียกอากรอย่าให้เรียก ขนอนตลาดซึ่งเคยเรียกนั้นให้ลดลงกว่าแต่ก่อน แลชาวพนักงานทั้งปวงก็ทำตามรับสั่ง ครั้นอยู่มาส่วยสาอากรก็ได้มากขึ้นทุก ๆ ปี แลราษฎรทั้งปวงก็อยู่เย็นเปนศุข ด้วยพระเจ้าทรงธรรมแก่อาณาประชาราษฎรนั้นแล ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ