นิทานเรื่องที่ ๑๑ เรื่องพระราชกุมารพี่น้องเวนราชสมบัติกัน

เหลี่ยม ๑๑ นั้นจารึกไว้เปนนิทานว่า ยังมีเมืองหนึ่งชื่ออิหราราชนครมีเมืองขึ้นเปนอันมาก พระเจ้าณรักเจสุได้เสวยราชสมบัติมีพระอรรคมเหษี ๔ พระองค์ ๆ หนึ่งให้เปนฝ่ายขวา องค์หนึ่งตั้งให้เปนฝ่ายซ้าย องค์หนึ่งตั้งให้เปนฝ่ายน่า องค์หนึ่งตั้งให้เปนฝ่ายหลัง แลพระมเหษีทั้ง ๔ พระองค์ มีพระราชโอรสองค์ละองค์ อยู่จำเนียรกาลมา พระเจ้าณรักเจสุประชวรพระวรรณโรคในนิ้วพระหัดถ์เบื้องซ้ายให้ปวดเปนกำลัง พระมเหษีทั้ง ๔ พระองค์นั้นผลัดกันรักษาองค์ละวันหนึ่ง ดูดพระบุพโพองค์ละยาม ครั้นอยู่วันหนึ่งเปนยามเย็น พระอรรคมเหษีฝ่ายหลังดูดหนองจนตลึงหลับไป กลืนหนองเข้าไปในทรวงก็ตกพระหฤทัยตื่นขึ้น ฝ่ายพระเจ้าณรักเจสุคิดในพระทัยว่า พระอรรคมเหษีผู้ใหญ่ทั้ง ๓ พระองค์นั้น รักพระองค์ไม่เสมอเหมือนพระอรรคมเหษีฝ่ายหลัง จึ่งตรัสว่าสืบไปเมื่อน่า ถ้าเจ้าจะปราถนาสิ่งใดพี่ไม่ขัด พระอรรคมเหษีฝ่ายหลังกราบทูลว่า ข้าพเจ้าจะรักษาพระองค์เจ้าไปกว่าสิ้นชีวิตร์ข้าพเจ้า อยู่มาพระวรรณโรคของพระเจ้าณรักเจสุกำเริบใกล้ถึงสวรรคต และพระอรรคมเหษีฝ่ายหลังกราบทูลว่าแต่ก่อนพระองค์เจ้าตรัสว่า ถ้าข้าพเจ้าจะปราถนาสิ่งใดพระองค์ไม่ขัด ถ้าพระองค์สวรรคตแล้ว ขอให้พระราชบุตรข้าพเจ้า (ได้ครองราชสมบัติ) รักษาพระราชมณเฑียร พระเจ้าณรักเจสุตรึกในพระทัยว่าพระอรรคมเหษีฝ่ายหลังกราบทูลว่าจะให้พระราชบุตร์รักษาพระราชมณเฑียรผิดอย่างธรรมเนียมแต่บุราณ บุตร์ผู้ใหญ่ยังมีอยู่จำให้รักษาพระราชวังก่อน ซึ่งจะให้บุตร์น้อยรักษานั้นมิควร อันธรรมเนียมพระมหากระษัตริย์ได้ตรัสแล้วเหมือนงาช้างไม่กลับคืน จึ่งตรัสแก่พระอรรคมเหษีฝ่ายหลังว่า ซึ่งจะให้พระราชบุตร์ว่าราชการเมืองก็ตามปราถนาเถิด แลพระอรรคมเหษีฝ่ายหลังกราบทูลว่า ซึ่งพระองค์เจ้าโปรดทั้งนี้ขอให้พร้อมพระราชบุตร์ทั้ง ๔ แลเสนาบดีทั้งหลายจึ่งจะไม่วิวาทกันเมื่อน่า ครั้นอยู่มาพระเจ้าณรักเจสุใกล้ถึงสวรรคาลัยให้หาพระราชบุตร์ทั้ง ๔ แลเสนาบดีพร้อมกันแล้ว จึ่งมีพระราชโองการตรัสว่า อันธรรมเนียมไก่ปากยาวจะจิกปีกให้ตัดปากเสีย เล็บยาวจะบาดให้ตัดเล็บเสีย ธรรมเนียมปัถวีจำละลายก็เพราะน้ำ ให้รักษาปัถวีให้จงดี ถึงมาทว่าจะเอาเพลิงกองเทียมภูผาก็ไม่ละลายเท่าเมล็ดงา แลบ้านเมืองทั้งนี้ให้บุตร์พระอรรคมเหษีฝ่ายหลังรักษาทั้งสิ้น ตรัสเท่านั้นแล้ว พระโรคของพระองค์ยิ่งหนักขึ้น ก็ดับจิตร์เสด็จสวรรคาลัย แล้วพระราชกุมารแลพระอรรคมเหษีแลเสนาบดีพร้อมกัน ทำพระเมรุถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าณรักเจสุสำเร็จแล้ว แลเสนาบดีทั้งปวงปฤกษากันว่า นิ่งไว้นานเมืองนี้จะเปล่าอยู่ จึ่งกราบทูลพระราชกุมารทั้ง ๔ พร้อมกันว่า จะตั้งโรงพิธีทำการราชาภิเศก แลพระราชกุมารบุตร์พระอรรคมเหษีฝ่ายหลังกราบทูลพระเชษฐาธิราชผู้ใหญ่ว่า บ้านเมืองทั้งนี้พระราชบิดาพระราชทานให้แก่ข้าพเจ้าแล้ว (ก็จริง แต่ข้าพเจ้าเปนผู้น้อย) ไม่ควรที่จะรักษา ข้าพเจ้าขอถวายพระเชษฐาธิราชทั้ง ๓ ให้ช่วยกันรักษาตามผู้น้อยผู้ใหญ่ จึ่งพระราชกุมารทั้ง ๓ ตรัสเสมอกันว่า ซึ่งเจ้าให้สมบัติแก่พี่ ๆ ไม่เอา จะล่วงข้ามคำพระราชบิดามิได้ อันธรรมเนียมจะล่วงผู้ใหญ่ได้แต่พระมหากระษัตริย์ ซึ่งว่าเจ้าว่าเปนผู้น้อยผู้ใหญ่ยังอยู่จะล่วงผู้ใหญ่มิได้นั้นก็ชอบ แต่บัดนี้พระราชบิดาเจ้าอนุญาตแล้วจงเจ้ารักษาเมืองไปเถิด พระราชกุมารผู้น้อยกราบทูลว่าพระเชษฐาธิราชไม่รักษาราชสมบัติ ข้าพเจ้าก็มิรับรักษาสืบไป พระราชกุมารทั้ง ๔ ถ้อยทีถ้อยเวนสมบัติแก่กันแก่กันอยู่ แลเสนาพฤฒามาตย์ทั้งปวงจึ่งปฤกษากันว่า บ้านแห่งใดไม่มีผู้ใหญ่รักษาศัตรูย่อมเบียดเบียน อุปมาเสมือนแม่น้ำอันใหญ่แห้ง ผู้ไปมาย่อมจะข้ามไปได้ (มิฉนั้น) ประดุจสัตรีไม่มีผัว แม้นมีพี่น้อง ๙ คน ๑๐ คน (คนอื่น) ก็ไม่เกรงเท่ามีผัวคนหนึ่ง ซึ่งพระราชกุมารทั้ง ๔ ถ้อยทีถ้อยเวนสมบัติแก่กันเห็นจะช้าไป จึ่งตั้งโรงพิธีให้เชิญเสวตรฉัตร์มาปักไว้กลาง ขอให้พระราชกุมารทั้ง ๔ นั่งพร้อมกันทั้ง ๔ มุม อาราธนาเทพยุดาซึ่งรักษาเสวตรฉัตร์พระหลักเมืองทรงเมือง ถ้าเสวตรฉัตร์จะควรแก่พระองค์ใด ให้เสวตรฉัตร์เลื่อนไปหาพระองค์นั้น จะได้ให้ครองราชสมบัติสืบไปตามประเวณีกระษัตริย์บุราณราช แลเสนาพฤฒามาตปฤกษาพร้อมกันตั้งพิธีให้มีบายศรีซ้ายขวาประโคมดุริยดนตรี แล้วอาราธนาเทวดาแลเทพยุดาเจ้าซึ่งสิงสู่ในกำภูฉัตร์ ๆ ก็เลื่อนเสวตรฉัตรไปตรงน่าพระที่นั่งพระราชกุมารผู้น้อย จึ่งเสนาพฤฒามาตย์ทั้งปวงก็ร้องว่า กเรสุ ๆ ว่าพระมหากระษัตริย์ตรัสไว้แต่ก่อน เทพยุดาเจ้าก็พร้อมภายหลัง ควรให้พระราชกุมารองค์น้อยครองราชสมบัติ ครั้น (พระราชกุมารองค์น้อยได้ราชสมบัติดังนั้นแล้ว) รุ่งเช้าก็ขึ้นทรงราชยานกั้นเสวตรฉัตร์ไปเฝ้าพระเชษฐาทั้ง ๓ พระองค์เปนอันดับกันแล้วเสด็จมาพระราชวัง จึ่งเสนาบดีมาเฝ้าตามประเวณีสบมามาแต่ก่อน แต่พระองค์ไปเฝ้าพระเชษฐาธิราชทั้ง ๓ พระองค์ประมาณปีหนึ่ง แลเชษฐาทั้ง ๓ พระองค์จึ่งปฤกษากันถึงพระอนุชาธิราชกั้นพระเสวตรฉัตร์มาเฝ้าเห็นมิบังควร ชอบเราทั้ง ๓ จะไปเฝ้าจึ่งจะควร แต่ครั้นเราจะไปเฝ้าก็จะเลื่องฦๅไปทุกประเทศ จำจะให้ทำตำหนักท่ามกลางเมืองอันหนึ่ง แลเราจะไปนั่งที่นั้น แลจะให้เชิญพระอนุชามานั่งพร้อมกัน ให้เสนาบดีมาเฝ้าว่ากิจราชการเวลาหนึ่ง จึ่งบ้านเมืองอาณาประชาราษฎรจะอยู่เย็นเปนศุข แลพระเชษฐาทั้ง ๓ พระองค์ เห็นพระอนุชาธิราชซึ่งเปนเจ้าแผ่นดินมายอมกราบถวายบังคมพระเชษฐาทั้ง ๓ พระองค์เปนคำรบ แลเครื่องบรรณาการซึ่งมีในแผ่นดินปันเปน ๔ ภาค ได้แก่พระองค์ภาคหนึ่ง ได้แก่พระเชษฐาทั้ง ๓ พระองค์องค์ละภาค แลพระองค์ทรงทศพิธราชธรรม อยู่จำเนียรมาพระเชษฐาทั้ง ๓ พระองค์ปฤกษากันว่า จะให้เจ้าแผ่นดินกั้นเสวตรฉัตร์ออกนอกพระราชวังทุกวันเห็นไม่บังควร เราจะเข้าไปเฝ้าถึงพระราชวังจึ่งจะควรแก่บ้านเมือง แต่นั้นไปพระเชษฐาทั้ง ๓ พระองค์ก็ไปเฝ้าถึงพระราชวังในท้องพระโรงนั่งตามอันดับลูกหลวง แลพระเชษฐามิได้ถวายบังคม พระองค์รักษาแผ่นดินอยู่รักษาปัถวีตามคำพระราชบิดา อาณาประชาราษฎรอยู่เย็นเปนศุขเพราะพระเจ้าทรงธรรมนั้นแล ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ