ตอนที่ ๘ พระศรีเมืองชมสวน

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงนางสุวรรณเกสรมารศรี
แต่สองอนุชาภูมี มาอยู่ยังธานีเป็นหลายวัน
นางให้มีจิตคิดฝันใฝ่ จักไปชมมิ่งไม้ในสวนขวัญ
จึงบังคมทูลพระทรงธรรม์ พันปีจงทรงพระเมตตา
แต่พระเสด็จมาปกเกศ ในนิเวศน์ก็นานหนักหนา
ยังมิได้เสด็จยาตรา ไปประพาสพฤกษาในอุทยาน
ขอเชิญเสด็จพระภูวนาถ ไปชมพรรณรุกขชาติในสวนสาณฑ์
ชวนสองอนุชาชัยชาญ ไปชมเล่นให้สำราญใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองรัศมีศรีใส
ได้ฟังสายสมรอรไท จะชวนไปชมสวนอุทยาน
พระเร่งชื่นชมภิรมย์ใจ แจ่มใสไพบูลย์เกษมศานต์
ประจงกรชวนชมยุพาพาล ภูบาลรับขวัญกัลยา
ซึ่งเจ้าจะชวนไปสวนศรี พี่มีความยินดีเป็นหนักหนา
ว่าแล้วลีลาศยาตรา มาตรัสสั่งเสนาทันใด
ให้เร่งเตรียมพลโยธา พรุ่งนี้เวลาปัจจุสมัย
จะออกไปชมพรรณมิ่งไม้ ยังในสวนศรีอุทยาน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาก้มเกล้ารับสั่งสาร
ออกมาสั่งทุกพนักงาน ให้เตรียมการตามมีพระบัญชา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นรุ่ง พระสุริยาพวยพุ่งพระเวหา
จึงชวนทั้งสองพระอนุชา มาเข้าที่สรงสนานวารี
ให้ไขสหัสธารา สุคนธาทิพรสรังสี
ทรงเครื่องเรืองรัตน์รูจี ล้วนแล้วมณีนิลใน
ทั้งนางสุวรรณกัลยา หกองค์กนิษฐาศรีใส
ต่างองค์ทรงเครื่องอันอำไพ วิไลลักษณ์บรรจงอลงการ์
ครั้นเสร็จพระเสด็จลีลาศ กับสองนุชนาฏเสนหา
ทั้งเจ็ดกษัตริย์ศรีโสภา มายังเกยรัตน์มณี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ขึ้นยังเกยแก้วอันโอภาส เสนาอภิวาทบทศรี
ส่วนองค์ผู้ทรงสวัสดี ขึ้นทรงพาชีชัยชาญ
เจ็ดนางนั้นทรงพระวอทอง อันปิดป้องบังแสงพระสุริย์ฉาน
พระสนมกรมในบริพาร พนักงานหน้าหลังพรั่งพรู
ตามพระประเทียบเรียบเรียง โขลนจ่าเดินเคียงเป็นคู่คู่
ทั้งดนตรีปี่กลองมลายู เดินงานตามหมู่เป็นหลั่นไป
อภิรุมชุมสายรายรัน พัดโบกทานตะวันสว่างไสว
เสนาแห่แหนแน่นใน เสด็จไปยังสวนอุทยาน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ มาถึง ยังสวนดอกไม้ไพศาล
ชวนสองอนุชาชัยชาญ ภูบาลเสด็จจรลี
เที่ยวชมมิ่งไม้ในสวนขวัญ ด้วยนางสุวรรณเกสรศรี
ทั้งหกกนิษฐานารี หมู่สนมสาวศรีกำนัลใน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ พระชมพรรณรุกขชาติดาษดวง ทรงผลพุ่มพวงงามไสว
แกล้งกลั่นสรรเอามาปลูกไว้ ล้วนไม้ทรงผลอันมีพรรณ
ต้นเตี้ยต่ำต่ำไม่พักสอย ลูกย้อยระย้าอยู่กับขวั้น
ลางต้นกิ่งระมาประกัน พิศดอกออกพรรณอันอำไพ
ที่สุกหอมห่ามงามงอม ขั้วค้อมน้อมลงพอเด็ดได้
ดอกดวงพวงห้อยแกว่งไกว ใต้ต้นหล่นกลาดอยู่เรี่ยราย
ปริงปรางนางคะนึงนานา จาอุไรไฟกาหว้าหวาย
มังคุดละมุดมังเรราย สวายสอลออผลงามขจี
ที่สุกแดงดังแสงสีชาด ที่ดิบดาษดังเนียรกัณฐี
พิศพรรณหลายหลากมากมี พระชวนชี้ชมพลางทางเด็ดมา
ยื่นให้พระน้องทั้งสองชม เป็นบรมสุขหรรษา
ลดเลี้ยวเที่ยวเก็บมาลา ใส่ชายภูษาดำเนินไป
เด็ดดอกไม้ทิ้งนางนารี ทำเอามาลีมายื่นให้
พระหยอกยวนชวนชมกรมใน เป็นสุขสนุกใจใครจะทัน
ฉวยกิ่งชิงเด็ดดวงดอก สัพยอกกับนางสาวสวรรค์
ชักฉุดยุดยื้อพัลวัน บันเทิงเริงใจไปมา ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรเสนหา
ทั้งหกนงนุชสุดโสภา พี่เลี้ยงกัลยากำนัลใน
พากันเที่ยวเก็บบุปผา ทุกพรรณมาลางามไสว
พุดจีบพุดลาชบาไทย พุดซ้อนหงอนไก่พิกุลกาญจน์
กระดังงาสารภียี่สุ่น บุนนาครื่นรสหอมหวาน
เด็ดดวงพวงสร้อยสุมามาลย์ ตระการด้วยรสเร้ากำจายจร
สุกรมยมโดยโหยหอม พะยอมแย้มคลี่คลายเกสร
ที่ตูมหุ้มกลีบผกากร อรชรดังแก้วเจียระไน
ที่แดงดังแสงมาถมยา รจนาแอร่มแจ่มใส
ที่เขียวเขียวขำอำไพ ดังนิลในแนมนวลขจี
มัดตร่ำจำปามหาหงส์ โยทะกากาหลงคลายคลี่
เกดแก้วกรรณิกามาลี มาลุลีลำดวนมาอวนกัน
ซ่อนกลิ่นกลิ่นเกลี้ยงรวยรื่น ชวยชื่นตลบทั้งสวนขวัญ
เก็บดอกจำปามะลิวัลย์ นางแย้มแซมกรรณกุณฑลทรง
เด็ดได้ยื่นให้กนิษฐา ทั้งหกกัลยานวลหง
ชมพลางทางพาฝูงอนงค์ เล่นระริกซิกทรงสำราญใจ ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระมณีรัตน์ศรีใส
ทั้งพระพัทธวงศ์ทรงชัย ตามเสด็จภูวไนยเก็บมาลา
แลลอบชมองค์นางนงลักษณ์ อัคเรศทั้งหกกนิษฐา
ทรงโฉมประโลมลานตา นางในใต้ฟ้าไม่เทียมทัน
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์ บรรจงดังองค์พระรังสรรค์
พิศวงด้วยทรงวิไลวรรณ ในองค์นางกัลยาณี
จำเริญจิตคิดความเสนหา โฉมนางประภามารศรี
พระพัทธวงศ์จงรักภักดี พิศวาสเทวีศรีสุดา
พระคอยลอบเลียงเมียงดู กลัวจะรู้ถึงองค์พระเชษฐา
แต่ชม้ายชายเนตรอยู่ไปมา สองตาต่อตาก็ต้องกัน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางประภาสาวสวรรค์
ทั้งนางศรีสุดาวิลาวัณย์ กัลยาเห็นสองพระอนุชา
ต่างองค์ทรงลักษณ์จำเริญสวัสดิ์ ลํ้าหน่อจักรพรรดิในแหล่งหล้า
ยิ่งมนุษย์บุรุษในโลกา ดังเทวาในชั้นดุษฎี
โฉมงามดังจะกลืนกินได้ พิศวาสขาดใจทั้งสองศรี
ลอบชำเลืองดูพระภูมี กลัวว่าพี่นางจะรู้ไป
ต่างองค์มีจิตคิดกระสัน ป่วนปั่นรัญจวนครวญใคร่
แต่ผินพักตร์ลักยิ้มอยู่ละไม ชายใช้นัยน์เนตรเมียงมัน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สององค์สุริย์วงศ์รังสรรค์
แกล้งกรายร่ายเดินมาตามกัน ชมพรรณมิ่งไม้นานา
ครั้นเสด็จมาใกล้นางโฉมตรู ทำไม่ทันดูกนิษฐา
แสร้งเสียดเข้าเด็ดมาลา แล้วชายตาชมนางทรามวัย
ครั้นสององค์นงลักษณ์แลมา พระทำดมบุปผาที่เด็ดได้
ชูชมมาลีเป็นทีใน ด้วยใจปฏิพัทธ์นางโฉมยง
แล้วเอาดอกไม้มารจนา เป็นรูปมยุรากับราชหงส์
แกล้งประดิษฐ์พิสดารบรรจง ทรงปักกับกิ่งไม้ราย ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองพระบุรีโฉมฉาย
เห็นพระเด็ดดอกไม้เป็นแยบคาย แล้วชายชำเลืองแลมา
สองเนตรต่อเนตรผสานสม แต่แย้มยิ้มพริ้มคนอยู่ในหน้า
แลเห็นรูปหงส์กับมยุรา ที่กิ่งพฤกษาบังใบ
หยิบเอามาชมแล้วทำว่า บุปผานี้งามจะมีไหน
จะว่าเป็นเองก็ผิดไป ใครหนอคนไรเจ้าปัญญา
ช่างเอาดอกไม้มาต่อติด เป็นเจ้าความคิดหนักหนา
ชมพลางทางแสร้งมารยา ว่าแก่พี่เลี้ยงนารี
ใครช่างมาเด็ดดอกไม้ไป ไม่เกรงใจเจ้าของสวนศรี
เก็บสรรทุกพรรณมาลี ที่มีตระการก็ไม่เว้น
จะทำไมหนักหนากับดอกไม้ นี่เนื้อใจจัณฑาลจะเด็ดเล่น
ช่างไม่ห้ามตามใจให้เป็น เห็นดีแล้วหรือไม่ว่ากัน ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงยิ้มพลางทางสรวลสันต์
ทูลว่าจะห้ามก็ไม่ทัน นางกำนัลนี้ร้ายมือไว
เห็นดอกไม้ดีมีประหลาด ไม่เกรงบังอาจมาเด็ดได้
บรรดาอย่าเห็นสิ่งใด เพอิญชอบใจทุกตัวตน
มิว่าก็ท่าไม่พ้นผิด จะเจียมจิตไว้ตัวก็ขัดสน
ครั้นว่าก็ไม่ชอบชะตาคน จนใจมิรู้ที่เจรจา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางศรีประภาเสนหา
ทั้งองค์นงลักษณ์ศรีสุดา ฟังพี่เลี้ยงว่าก็ต้องใจ
ยิ้มพลางทางเดินเมินเมียง หยิกเอาพี่เลี้ยงทำผลักไส
จูงมือยื้อชักดำเนินไป ให้ไกลฝูงกำนัลนารี
แล้วค่อยกระซิบจำนรรจา ว่าพระอนุชาทั้งสองศรี
ข้าเห็นเป็นน่าปรานี อุตส่าห์ดั้นดงพงพีมา
อันเมืองโขมราฐธานี ก็ไกลกับบุรีเราหนักหนา
ท่านเป็นแขกมาต่างพารา มิทักทายจะว่าไร้ใจ
พี่เจ้าทั้งสองจงเมตตา เอาหมากของน้องยานี้ไปให้
ว่าน้องบังคมถวายไป แก่สองภูวไนยบัดนี้ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองนางพระพี่เลี้ยงสาวศรี
จึงเชิญพานหมากของเทวี ซ่อนนางนารีกำนัลใน
ลัดแลงแฝงไม้ไคลคลา บังพุ่มพฤกษาเข้ามาใกล้
ประณตบทบงสุ์พระทรงชัย ทูลสองภูวไนยธิบดี
บัดนี้ท้าวน้องทั้งสององค์ จงใจให้ข้าบทศรี
เชิญสลามาถวายพระภูมี อัญชลีทั้งสองพระองค์มา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองกษัตริย์ได้ฟังพี่เลี้ยงว่า
พระชื่นชมโสมนัสเปรมปรา รับหมากมาเสวยในทันใด
ดังได้รสอมฤตฟ้า มายาทรวงดวงจิตให้แจ่มใส
จึงว่าแก่สองพี่เลี้ยงไป ขอบใจท้าวน้องทั้งสองรา
ซึ่งเจ้าเมตตาการุญ คุณอยู่ครั้งนี้ก็หนักหนา
แต่ตกยากจากบ้านเมืองมา อนาถาสิ่งใดก็ไม่มี
ซึ่งจะได้ทดแทนเป็นค่าหมาก ฝากไปให้น้องทั้งสองศรี
แล้วถอดธำมรงค์อันรูจี ส่งให้พี่เลี้ยงนางกัลยา
จงช่วยถวายนางโฉมยง ว่าน้องจงในเสนหา
สิ่งใดพี่ได้กรุณา เบื้องหน้าไม่ลืมคุณกัน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองนางพี่เลี้ยงสาวสรรค์
รับพระธำมรงค์ทรงธรรม์ แล้ววันทาทูลไปทันใด
อันพระธำมรงค์สององค์นี้ เพราะมีประสงค์จึงถอดให้
จะทูลความตามมีบัญชาไป ว่าภูวไนยให้มาเป็นสำคัญ
ทั้งนี้สุดแต่วาสนา ไม่รู้ที่จะสัญญาเป็นคำมั่น
ว่าแล้วถวายบังคมคัล มายังสองกัลยาณี
ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ ถวายพระธำมรงค์เรืองศรี
ว่าสององค์จงรักภักดี ภูมีให้ตอบขอบคุณมา
แล้วตรัสสั่งซ้ำเป็นคำใน น่าสงสารใจหนักหนา
ถึงจะกลับคืนไปพระพารา ข้าเห็นจะพะว้าพะวังใจ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองพระบุตรีศรีใส
รับเอาธำมรงค์อันอำไพ อรไทพินิจพิศดู
ทั้งสององค์ละม้ายคล้ายกัน พรรณรายพรายพรรณทั้งคู่
จึงว่าแก่พี่เลี้ยงอันร่วมรู้ พี่เจ้าผู้ใจอารี
จงเอ็นดูน้องทั้งสอง ช่วยป้องปิดความนางสาวศรี
อันภูบาลประทานมาทั้งนี้ จำจะมีตอบแทนสนองไป
ตรัสพลางทางดูนางนารี เห็นเก็บมาลีเข้ามาใกล้
จึงพากันลีลาคลาไคล เดินชมดอกไม้รายมา
พระพี่เลี้ยงเดินเคียงแล้วทำวิ่ง ชิงกันเก็บพรรณบุปผา
สำรวลสรวลเล่นอยู่ไปมา กัลยามิให้ใครกินใจ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเรืองศรีดังสุริย์ใส
เที่ยวประพาสชมพรรณมิ่งไม้ จนจะใกล้สุริย์แสงสายัณห์
จึงชวนสองราชอนุชา ทั้งเจ็ดกัลยาสาวสวรรค์
นักสนมกรมในทั้งนั้น คืนเข้าวังจันทน์ทันใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ