ตอนที่ ๔ พระศรีเมืองได้นางสุวรรณเกสร

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงนางสุวรรณเกสรเสนหา
เมื่อวันพระศรีเมืองเรืองฟ้า มาอยู่ในสวนมาลี
นางให้ร้อนรนสกนธ์กาย โฉมฉายสร้อยเศร้าหมองศรี
ในอกดังหมกอัคคี สมประดีแดดิ้นในวิญญาณ์
คิดถึงพระองค์ทรงลักษณ์ ให้อักอ่วนป่วนใจเป็นหนักหนา
เมื่อไรภูวไนยจะมา ให้น้องคอยท่าทุกราตรี
เอาแต่สาราธำมรงค์ มาไว้ต่างองค์พระโฉมศรี
เหตุไฉนจึงไม่จรลี มาให้น้องนี้คลายใจ
พระยาหงส์ทรงราชสารา นานแล้วจะเห็นมาก็หาไม่
รัญจวนครวญถึงพระทรงชัย มิได้นิทราในราตรี
แต่เวียนขลุกปลุกสองพี่เลี้ยงราช พรุ่งนี้จะประพาสสวนศรี
หวั่นหวั่นเหมือนจะพบสกุณี พี่เจ้าสั่งเสียอย่านอนใจ ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ ครั้นรุ่งรางสร่างแสงทินกร นางสุวรรณเกสรศรีใส
ชวนหกนงรามทรามวัย เราจะไปเที่ยวเล่นอุทยาน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จึงเข้าที่ชำระสระสรง อบองค์ด้วยชลอันหอมหวาน
เจ็ดองค์ทรงสุคนธ์โอฬาฬาร ทองธารทิพรสหมดมลทิน
ผ่องผัดจัดแจ่มพระพักตร์เพศ กวดกันพระจุเรศเฉิดฉิน
ภูษาโกไสยไจนิล ทรงประดับสรรพสิ้นสรรพางค์
งามองค์ทรงเครื่องเรืองรัตน์ แจ่มจัดจำรัสใสสว่าง
อ่อนระทวยนวยแน่งทั้งเจ็ดนาง เยื้องย่างมาทรงพระวอทอง ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ทั้งเจ็ดเสด็จเข้าพระวิสูตร รูดม่านมิดชิดปิดป้อง
พระสนมกรมในเนืองนอง เชิญเครื่องเรืองรองกันไป
นักเทศขันทีก็พรั่งพร้อม ห้อมล้อมแห่มาอยู่ไสว
พระพี่เลี้ยงเคียงวอนางอรไท เสด็จไปยังสวนมาลี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึงลงจากวอทอง เนืองนองพระกำนัลสาวศรี
ตามเสด็จทั้งเจ็ดกษัตรี เข้ายังสวนศรีทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เที่ยวชมพฤกษาบุปผาชาติ ดอกดวงเดียรดาษงามไสว
บ้างทรงผลกล่นกลาดเกลื่อนไป บ้างเข้าไคลสุกห่ามหอมขจร
บ้างเป็นดอกดวงพวงพุ่ม บานตูมยั่วแย้มเกสร
หมู่แมลงภู่ผึ้งประอึงอร ภมรมั่วกลั้วกลิ่นเสาวคนธ์
สุกรมยมโดยโหยหอม พะยอมแย้มแกมเกสรสน
อินทนิลดั่งนิลนฤมล เกดกลเกศแก้วกรรณิกา
สาวหยุดพุดลามาลุลี สารภีพิกุลกฤษณา
จำปียี่โถอโนชา ชบาลาเล็บนางลำดวนดง
ชงโคโยทะกาช้าหยุด พุดจีบจำปามหาหงส์
ปรูประกะทุมังปีบประยงค์ กาหลงซ่อนกลิ่นรำเพยดา
บ้างเด็ดดอกดวงช่วงชิงกัน เกษมสุขทุกกำนัลทั่วหน้า
แยกย้ายรายกันเก็บมาลา สรวลราระริกสำราญใจ ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเรืองภพสมัย
กับสี่พี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ ซ่อนอยู่ในกระท่อมยายตา
รู้ว่าโฉมยงทรงลักษณ์ เอกองค์อัคเรศเสนหา
เสด็จมาชมสวนมาลา พระแสนโสมนัสสาพันทวี
มีจิตรัญจวนครวญใคร่ จะใคร่ได้เห็นองค์มารศรี
จึงเปลื้องสร้อยห้อยศอสกุณี แล้วพาทีกระซิบสั่งไป
พี่จงเอาของของน้องนี้ ไปถวายเทวีจงได้
บอกว่าน้องมาถึงเวียงชัย อาศัยสำนักยายตา
อุตส่าห์บุกป่าฝ่าหนาม ได้ความลำบากเป็นหนักหนา
เพียงชีวิตจะม้วยมรณา จะขอได้เห็นหน้านางทรามวัย ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หงส์ทองผู้มีอัชฌาสัย
รับรสพจนารถพระภูวไนย ก็โผผินบินไปมิได้ช้า ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จึงเห็นสองศรีพี่เลี้ยง เดินเคียงกันเก็บบุปผา
บรรดานางกำนัลกัลยา ใครใครไม่มาแปลกปน
จึงบินลงตรงพุ่มดอกไม้ แฝงตัวบังใบสร้อยสน
บอกแก่พี่นางทั้งสองคน ว่าบัดนี้ภูวดลเสด็จมา
ให้ข้าเอาสร้อยสังวาล มาถวายเยาวมาลย์เสนหา
จงรับไปให้องค์พระธิดา ทูลว่าข้าถวายบังคมไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองนางพระพี่เลี้ยงศรีใส
ครั้นเห็นหงส์ทองอันอำไพ มีใจยินดีปรีดา
จึงว่าพระยาปักษี ทุกทิวาราตรีแต่คอยหา
เอาใจใฝ่ถึงทุกเวลา เหตุไรจึงช้าวันไป
บัดนี้พระองค์ทรงศักดิ์ เสด็จมาสำนักอยู่แห่งไหน
ปักษีจงเล่าให้เข้าใจ จะได้ไปทูลพระธิดา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หงส์ทองบอกสองเสนหา
ซึ่งช้าอยู่หลายวันมา ห้วยมรคานั้นไกลกว่าไกล
บุกป่าฝ่าหนามข้ามดง ขึ้นเขาลงห้วยละหานใหญ่
อันพระโฉมยงทรงชัย เสด็จมาอาศัยในสวนนี้
สำนักยายแก่กับตาเฒ่า ซึ่งใช้ให้เฝ้าสวนศรี
มาอยู่ได้สามราตรี จงทูลเทวีให้แจ้งใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย
ครั้นแจ้งเนื้อความตามนัย จึงว่าไปแก่พระยาสกุณา
ท่านจงกลับไปบังคมคัล ตามมูลคดีได้พบข้า
ฝ่ายเราจะไปแจ้งพระธิดา ว่าแล้วลีลามาฉับไว ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึง สองนางบังคมประนมไหว้
ทูลว่าข้าน้อยทั้งสองไซร้ เที่ยวไปเก็บพรรณมาลี
บัดนี้พระยาหงส์ทอง พบข้าผู้รองบทศรี
แจ้งว่าสมเด็จพระภูมี มาถึงบุรีนี้หลายวัน
พระเสด็จอาศัยอยู่สำนัก ที่สองเฒ่าพิทักษ์สวนขวัญ
ให้หงส์ทองเอาสร้อยสังวาลวรรณ มาถวายองค์กัลยาณี
ทูลแล้วถวายสังวาลทรง แก่องค์พระธิดามารศรี
พระแม่เจ้าจงแจ้งแห่งคดี ทีนี้เห็นจะค่อยบรรเทา
ข้าน้อยพลอยทุกข์ด้วยอยู่หัว ยิ่งกว่าทุกข์ของตัวได้ร้อยเท่า
แต่นี้นับวันจะบางเบา ที่อาวรณ์ร้อนเร่าแต่หลังมา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรเสนหา
ฟังสองพี่น้องกัลยา ว่าพระยอดฟ้าสุราลัย
เสด็จเข้ามาสวนศรี ยินดีไม่มีที่เปรียบได้
ซึ่งความเร่าร้อนอาวรณ์ใจ ก็ละลายหายไปเหมือนดังคิด
เพียงนํ้าอมฤกซึกซาบ อิ่มอาบในทรวงดวงจิต
รับเอาสังวาลประทานพิศ มาพินิจดูพลางจำนรรจา
จักรู้ที่ทำไฉนดี พี่เจ้าจงช่วยปรึกษา
ซึ่งพระเสด็จเข้ามา จะให้น้องว่าประการใด ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงเทียบทูลแถลงไข
อันซึ่งสารศรีที่มีไป พระแม่ว่ากระไรในสารา
สุดแท้แต่อย่าให้เป็นสอง คำหลังให้ต้องกับคำหน้า
พระสู้ทุกข์ยากลำบากมา ดั้นดงพงป่าพนาดร
มาหวังจะฝังฝากจิต จำเราจะคิดผันผ่อน
ถ้อยทีถ้อยมีอาวรณ์ เร่าร้อนรำพึงประหนึ่งกัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรสาวสวรรค์
ได้ฟังพี่เลี้ยงจำนรรจ์ กัลยาเร่งคิดไปมา
จะใคร่เห็นองค์พระทรงภุช อันงามลํ้ามนุษย์ในใต้หล้า
กับสองนางพลางร่ายเดินมา เที่ยวเก็บบุปผาบรรดามี
ครั้นใกล้กระท่อมยายมาลา ทำมารยาส่งสุรเสียงศรี
ร้องว่าแก่สองนารี มาลีดอกนี้ข้าหมายไว้
ดูรุมาทำหักหาญ จัณฑาลชิงเด็ดเอาไปไหน
แยบยลมิให้คนกินใจ หวังจะให้ได้ยินถึงภูมี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองผู้เรืองรัศมี
แต่นั่งตั้งตาคอยเทวี ได้ยินเสียงมารศรีเสนาะไป
พระจึงแหวกช่องมองดู เห็นโฉมตรูดำเนินเข้ามาใกล้
แสนพิศวาสจะขาดใจ ที่ในรูปทรงนางนงคราญ
ยิ่งพิศยิ่งเพลินจำเริญรัก เยาวลักษณ์ยั่วยวนในสงสาร
อรชรอ่อนองค์นงพาล พระภูบาลล้มหลงสมประดี
งามล้ำยิ่งเทพอัปสร อมรแมนแดนฟ้าราศี
ยิ่งกระสันฟั่นเฟือนพันทวี ฤดีด่าวดิ้นอยู่แดยัน
คิดจะมีมธุรสพจนารถ ก็เกรงพี่เลี้ยงราชสาวสรรค์
แต่อักอ่วนป่วนจิตอยู่รุ่มรัน พระทรงธรรม์ดูนางไม่วางตา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรเสน่หา
ผันแปรแลลักชำเลืองมา เห็นพระยอดฟ้ายาใจ
งามลํ้าเทวามนุษย์ นาคครุฑคนธรรพ์ไม่เปรียบได้
ทั้งหกห้องฟ้าสุราลัย จะหาไหนไม่เทียบเทียมทัน
นางเร่งกระสันปั่นป่วน ยั่วยวนหฤทัยเสียวสัน
แต่ชม้ายชายเนตรเมียงมัน ให้รัญจวนใจใช่พอดี
ความรักอักอ่วนครวญใคร่ ทำใส่ไคล้พี่เลี้ยงสองศรี
แกล้งวิ่งเข้าชิงเอามาลี ครั้นเห็นพระภูมีชำเลืองไป
ลอบลักลักแลแปรผัน ความรักไม่กลั้นไว้ได้
ชม้ายชายชมเป็นคมใน อาลัยไหวหวั่นรัญจวน
แสร้งเสเตร่เดินดำเนินไป เที่ยวเก็บดอกไม้ที่ในสวน
แยบคายสายสนปนกระบวน ทำชวนพี่เลี้ยงเดินมา
แล้วกลับเที่ยวทบตลบไป เลือกเด็ดดอกไม้ที่ตรงหน้า
แกมกลเข้าปนมารยา หวังว่ามิให้ใครกินใจ ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เห็นสายัณห์ตะวันคล้อยลง อัสดงจะลับเหลี่ยมไศล
จึงสั่งสองนางทรามวัย พี่เจ้าผู้ใจภักดี
อันพระโฉมเฉิดเลิศฟ้า อุตส่าห์สู้ยากมาถึงนี่
อยู่ด้วยยายตามาลี ในกระท่อมน้อยนี้มิบังควร
พี่จงแต่งที่ให้สำนัก ในตำหนักของน้องที่ท้ายสวน
เชิญเสด็จไปอยู่จะคู่ควร เวลาก็จวนจะกลับไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พี่เลี้ยงบังคมประนมไหว้
สองนางวางวิ่งไปฉับไว จัดตำหนักใหญ่นางเทวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พร้อมทั้งพระยี่ภู่ปูลาด ทอดที่บรรทมอาสน์ถ้วนถี่
แล้วทำไขสือนางนารี ว่าวันนี้พระราชธิดา
ไม่เสด็จเข้าที่ไสยาสน์ ให้ปูอาสน์ลาดที่ไว้ท่า
สาละวนก่นแต่จะปรีดา เก็บมาลาเล่นก็เพลินไป
แล้วลั่นกุญแจห้องที่ สาวศรีกลับมาไม่ช้าได้
เรียกเฒ่ามาลาไปทันใด ยายอยู่หรือไม่ให้ออกมา
บัดนี้พระเสาวนีย์ สั่งให้ข้านี้มาต่อว่า
เหตุใดวันนี้ยายตา จึงไม่ส่งมาลาเข้าไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองเฒ่าได้แจ้งแถลงไข
พากันตระหนกตกใจ ฝ่ายยายก็ใส่โทษตา
ดอกไม้วันนี้ข้าเก็บได้ งามงามกระไรเป็นหนักหนา
ให้ตามาลีเอามาลา ไปคอยท่าจะส่งเข้าไป
หรือกลับเอาไปแลกเหล้า เมามาไม่สมประดีได้
เมื่อกระนี้จะคิดประการใด ไอ้เฒ่าหัวงูมาดูเบา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึงตามาลีโฉดเฉา
สองขันไม่ทันจะส่างเมา ได้ยินยายเฒ่าก็เถียงไป
มิใช่กูกินแต่หนำปาก ยายอยากก็เอามาฝากให้
จะเอาตัวเหนือลมขึ้นข่มใคร อีเฒ่าจังไรประดาตาย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองนางพระพี่เลี้ยงโฉมฉาย
จึงห้ามทั้งสองตายาย แล้วภิปรายให้แจ้งกิจจา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนี้สมเด็จพระบุตรี เสาวนีย์ขอบใจมาหนักหนา
ซึ่งจงรักภักดีต่อผ่านฟ้า มาพึ่งพาอาศัยได้เอ็นดู
จงช่วยคิดปิดป้องอันตราย อย่าให้แพร่งพรายเป็นหลายหู
แต่ข้าตายายจะร่วมรู้ เห็นแก่โฉมตรูอย่าสูญใจ
แม้ว่ามีจิตคิดเมตตา เสื้อผ้าเงินทองจะกองให้
อันความชอบมีทั้งนี้ไซร้ จะปูนบำเหน็จให้ถึงที ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองเฒ่าจึงตอบสารศรี
ยายตาเป็นข้าพระบุตรี อันจะมิรักเจ้าอย่าสงกา
อย่าว่าความลับแต่เพียงนี้ ใช่ที่จะไม่ไว้ใจข้า
สิ่งใดมิให้เคืองบาทา ข้าจะขออาสาสืบไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงนารีศรีใส
ได้ฟังชื่นชมภิรมย์ใจ จึงเข้าไปเฝ้าองค์พระภูบาล
ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ พระสุริย์วงศ์จักรพรรดิไพศาล
แต่เคียมคมก้มพักตร์กราบกราน จะทูลความบทมาลย์ก็ขามใจ
ทั้งสองยังไม่เคยสนองบาท จึงมิอาจจักเจรจาได้
จำเป็นจำทูลคดีไป ขอพระภูวไนยได้เมตตา
บัดนี้สมเด็จพระบุตรี มีอาลัยถึงเป็นหนักหนา
จักขอถวายบังคมลา พระผ่านฟ้ากลับเข้าไปวังใน
ให้มาทูลองค์พระทรงศักดิ์ เสด็จไปสำนักที่อาศัย
ข้าจัดแจงแต่งที่ถวายไว้ เชิญพระเสด็จไปยังเรือนจันทน์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเลื่องลบสรวงสวรรค์
ฟังสองพี่เลี้ยงจำนรรจ์ ทรงธรรม์โสมนัสเป็นพ้นไป
ดังใครเอาอมฤตฟ้า มาโสรจสรงวิญญาณ์ให้แจ่มใส
จึงมีบัญชาไปทันใด ขอบใจพี่นางพันทวี
ด้วยน้องบุกป่าฝ่าพง ดั้นดงมาในพนาศรี
ลำบากยากใจใช่พอดี เพียงหนึ่งชีวีจะบรรลัย
ทีนี้ได้มาถึงสวนแล้ว จะค่อยแผ้วทุกข์ทนหม่นไหม้
วันนี้ศรีสวัสดิ์จะกลับไป ดังใจน้องจะขาดรอนรอน
หนักอกยิ่งยกเขาหลวง เจ็บทรวงยิ่งกว่าต้องศร
มิทันไรซัดไว้ไม่อาวรณ์ เมื่อไรสายสมรจะกลับมา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองศรีพี่เลี้ยงเสนหา
จึงทูลสนองพระวาจา ซึ่งว่าจะกลับเข้าไป
ข้าน้อยคิดเห็นไม่อยู่ช้า แต่จะทูลสัญญานั้นไม่ได้
แม้ว่าเห็นช้ามิคลาไคล จะทูลเตือนนางให้เสด็จมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทั้งสี่พระพี่เลี้ยงวงศา
เห็นสองพี่เลี้ยงกัลยา ต้องตาก็สะกิดให้กันดู
ต่างคนต่างยิ้มพริ้มพราย แต่ละเมียดละม้ายกันอยู่
ต่างคนจนใจเป็นสุดรู้ ถ้อยทีอดสูละอายกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางพระพี่เลี้ยงสาวสรรค์
ถวายบังคมลาพระทรงธรรม์ ครั้นแล้วก็พากันไคลคลา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ มาถึง จึงทูลพระบุตรีเสนหา
ตามพระทรงสวัสดิ์ดำรัสมา ให้ทราบบาทานางเทวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรมารศรี
ฟังสองพี่เลี้ยงนารี เทวีทราบสิ้นในวิญญาณ์
มีความอาลัยใจจิต ถึงพระองค์ทรงฤทธิ์เป็นหนักหนา
เป็นหนึ่งมิใคร่จะไคลคลา เสนหารุมรึงตรึงใจ
เร่งคิดก็เร่งเป็นห่วง ให้รุ่มร้อนในทรวงคือเพลิงไหม้
อารมณ์ตรมเตรียมในอาลัย ขืนใจจำเป็นจะไคลคลา
จึงชวนหกองค์นงคราญ เยาวมาลย์แน่งเนื้อกนิษฐา
ขึ้นทรงวอทองรจนา เสด็จมายังนิเวศน์วังใน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองรัศมีศรีใส
ครั้นพลบค่ำย่ำสุริโยทัย เสด็จเข้ายังในตำหนักจันทน์
เอนองค์ลงเหนือไสยาสน์ พิศวาสรัญจวนป่วนปั่น
ถึงองค์วนิดาวิลาวัณย์ พระทรงธรรม์เศร้าสร้อยละห้อยใจ
คะนึงในไห้ช้างไม่ร้างคิด ระทดจิตดิ้นโดยโหยไห้
โอ้ดวงดอกฟ้าสุราลัย เมื่อไรพี่จะได้สมคิด
พี่สู้บุกป่าฝ่าหนาม ข้ามห้วยเหวผามาตามติด
หวังจะได้ร่วมรมย์ชมชิด ไม่คิดชีวิตเท่าใยยอง
ละแสนพระสนมนารี พระชนกชนนีทั้งสอง
ด้วยแสนสุดอาลัยในน้อง พี่ปองว่าจะฝากชีวี
ได้แต่ภูษาสไบทรง มาชมต่างองค์มารศรี
คะนึงนวลครวญหาทุกราตรี แสนทุกข์สุดที่พี่ทรมาน
วันนี้แต่พอได้เห็นเจ้า ก็กลับเข้าไปยังราชฐาน
ให้พี่ถวิลดิ้นแดดาล เจ้าจะสงสารใจก็ไม่มี
คล้ายคล้ายเหมือนจะเห็นพระพักตร์เพศ เมื่อชายเนตรชม้อยมาดูพี่
พระรัญจวนหวนหาในราตรี พระภูมีมิได้ไสยา ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สี่พระพี่เลี้ยงวงศา
เห็นพระโฉมเฉิดเลิศฟ้า ไม่สนิทนิทราในราตรี
คะนึงถึงองค์นงลักษณ์ อ่วนอักเศร้าสร้อยหมองศรี
จึงเข้าไปปลอบให้ชอบที ภูมีอย่าโศกาจาบัลย์
ใช่ว่าพระธิดามารศรี จะตัดรอนไมตรีไม่ใฝ่ฝัน
ดีร้ายจะได้ดังสำคัญ พระองค์อย่ารัญจวนใจ
ขอเชิญพระเสด็จไสยาสน์ เหนืออาสน์ท้าวน้องที่แต่งให้
พระผ่านฟ้าอย่าคิดอาลัย ข้าน้อยจะกล่อมให้นิทรารมย์ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ขอเชิญหมู่อมรเมศ อุ้มอัคเรศสอดสวยสม
มาแนบสนิทนิทรารมย์ ชมเจ้าฟ้าฝ่าฝันเอย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พระสุริย์วงศ์พงศ์จักรพรรดิ อย่ากลุ้มกลัดร้อนรุมรัน
ไม่ช้าจะพบกัน บรรสมรสปรีดาเอย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ โฉมเฉลาพระเยาวลักษณ์ เชิญน้องรักมานิทรา
เน้นแนบแอบอุรา ผาสุกให้สำราญเอย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรยอดสงสาร
ครั้นมาถึงปรางค์รัตน์ชัชวาล เยาวมาลย์รัญจวนป่วนใจ
เข้าที่นิทราในราตรี จะมีความสุขก็หาไม่
อุระร้อนรุมดังสุมไฟ อาลัยถึงองค์พระทรงธรรม์
โอ้พระยอดฟ้าของน้องแก้ว จะคิดถึงน้องแล้วเป็นแม่นมั่น
พระจะแสนโศกาจาบัลย์ รัญจวนครวญหาในราตรี
พระสู้ได้ยากจากนคเรศ มาทนเทวษอยู่สวนศรี
เพราะรักน้องต้องเดินพนาลี แรดร้ายเสือสีห์ก็ไม่คิด
เมื่อไรจะได้สนองคุณ ซึ่งการุญรักน้องสุจริต
รำลึกถึงองค์พระทรงฤทธิ์ จิตใจไม่เป็นสมประดี
ตั้งแต่จะทรงโศกา ครวญคร่ำน้ำตาหมองศรี
มิได้นิทราในราตรี เทวีกลัดกลุ้มคลุ้มใจ ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองนางพระพี่เลี้ยงศรีใส
เห็นนางกัลยาโศกาลัย มิได้เข้าที่ศรีไสยา
สองนางประณตบทบงสุ์ แม่จะทรงโศกไยหนักหนา
ทางไกลภูวไนยยังสู้มา อย่าสงกาที่ว่ามิพบกัน
แม้วาสนานั้นหาไม่ หรือจะมาได้ถึงสวนขวัญ
จะสมดังจินดาไม่ช้าวัน แม่จะรัญจวนใจไปไยมี
จงเสด็จเข้าที่ให้สำราญ จะขอรับเป็นภารธุระพี่
ปลอบพลางสองนางนารี กล่อมให้มารศรีนิทรา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ขอเชิญพระเยาวลักษณ์ อย่าโศกหนักกันแสงหา
มิร้างพระยอดฟ้า จะมาแนบบรรทมเอย ฯ
๏ พระโฉมงามทรามสายสมร อย่าอาวรณ์ทุกข์เตรียมตรม
จักพลันได้มาชม ภิรมย์รสดังใจเอย ฯ
๏ ขวัญอ่อนนอนแจ่มจันทร์ จักโศกศัลย์กันแสงไย
นอนเถิดอย่าอาลัย จักกล่อมให้เจ้านอนเอย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางสุวรรณเกสร
ครั้นสองพี่เลี้ยงบังอร กล่าวกลอนปลอบโยนให้คลายใจ
นางฟังพลั้งเพลินจำเริญจิต ดังเห็นองค์ทรงฤทธิ์พิสมัย
มาอิงแอบแนบน้องที่ห้องใน อรไทค่อยคลายสมประดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นรุ่งรางสว่างแสงโอภาส จึงเรียกพี่เลี้ยงราชทั้งสองศรี
พี่เจ้าจงได้ภักดี ปรานีแก่น้องอย่าสูญใจ
จงแต่งเครื่องต้นอันบรรจง ว่าน้องจำนงเอาไปให้
พี่นางทั้งสองจงรีบไป อย่าให้ใครรู้แพร่งพราย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองศรีพี่เลี้ยงโฉมฉาย
รับพระเสาวนีย์อภิปราย ถวายบังคมแล้วก็ออกมา
รีบรัดจัดแจงเครื่องต้น เสลือกสลนเป็นหนักหนา
พระสนมกรมในนานา จะล่วงรู้กิจจาก็ไม่มี
เสร็จแล้วก็พากันผันผาย มิให้เห็นแยบคายนางสาวศรี
รีบรัดลัดแลงจรลี มายังสวนศรีทันใด ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ครั้นถึง สองนางจึงถวาย (บังคมไหว้
ทูลว่าพระบุตรีตรัสใช้ ให้ข้ามาถวายพระภูมี)[๑]

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองบุญเรืองรัศมี
เห็นสองพี่เลี้ยงผู้ภักดี พระมีความโสมนัสพ้นไป
จึงมีมธุรสพจนารถ แก่สองพี่เลี้ยงราชอัชฌาสัย
ซึ่งให้ของมาแก่น้องชาวไพร ดังได้อมฤตฟ้าทาทรวง
แต่ทุกข์ที่ทุกข์ถวิลหา หนักกว่าน้องยกเขาหลวง
ยิ่งทุกข์กว่าทุกข์ทั้งปวง ดังดวงหฤทัยจะร้าวราน
พี่เจ้าผู้ใจอารี ภักดีจงช่วยคิดอ่าน
ให้น้องพ้นจากความทรมาน เมตตาจงวานได้เอ็นดู ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทั้งสองศรีไม่มีใครคู่
ได้ฟังบัญชาพระโฉมตรู สุดรักสุดรู้เป็นพ้นไป
ไพเราะเพราะรสพจนารถ ดังจะแหวกสวาทไว้ได้
จึงทูลสนองไปทันใด ภูวไนยอย่าได้สงกา
ข้าทั้งสองนี้ก็มีจิต คิดถึงพระองค์เป็นหนักหนา
ถึงอยู่วังดังข้าทั้งสองรา มาอยู่เฝ้าบาทาในสวนนี้
ว่าไปที่ไหนพระจะเห็น เป็นหนึ่งข้าแกล้งใส่สี
อันความอาลัยแลไมตรี ทั้งนี้ข้าน้อยก็แจ้งใจ
ใช่ว่าไม่เอาเป็นธุระ จะได้ละเมินเสียก็หาไม่
แม้พระจะทำประการใด จะได้ผ่อนผันตามปัญญา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองแสนโสมนัสสา
จึงมีมธุรสวาจา แก่สองกัลยาผู้ร่วมใจ
ซึ่งพี่มีจิตคิดจงภักดิ์ ก็ประจักษ์อยู่แล้วไม่สงสัย
อันความรักน้องซึ่งปองไว้ ทำไฉนจะได้ดังใจคิด
แต่จะแสนโศกวิโยคหนัก ด้วยความรักร้อนรุมสุมจิต
แม้มิได้สมชมชิด ชีวิตของน้องจะบรรลัย
ในอกหมกไหม้ดังไฟกัลป์ สุดที่จะกลั้นรักได้
พลบค่ำย่ำแสงอโณทัย จะไปให้ถึงองค์นางนงคราญ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองนางพระพี่เลี้ยงได้ฟังสาร
จึงก้มเกล้ากราบทูลพระภูบาล ผ่านฟ้าจงได้ปรานี
อันพระจะไปหาท้าวน้อง ยังห้องปรางค์รัตน์เรืองศรี
ผู้คนบริรักษ์อยู่มากมี พระสนมนารีก็อลวน
ย่อมอยู่พิทักษ์รักษา กำชับตรวจตราทุกแห่งหน
นั่งยามตามไฟทุกตำบล ข้าเห็นขัดสนเป็นพ้นไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองรัศมีศรีใส
จึงว่าพี่เจ้าอย่าร้อนใจ น้องไม่อาลัยแก่ชีวี
ทั้งนี้สุดแต่วาสนา บุญเคยสร้างมาทั้งสองศรี
ก็จะได้ดังใจด้วยไมตรี พี่อย่าปรารมภ์ตรมใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองนางผู้มีอัชฌาสัย
จึงทูลสนองบัญชาไป จนใจข้าน้อยจะพาที
ครั้นจะว่าขานทานทัด จะเคืองขัดใต้เบื้องบทศรี
ทั้งนี้สุดแต่พระเห็นดี จะได้พึ่งธุลีบาทา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ว่าแล้ว สองศรีพี่เลี้ยงเสนหา
ก้มเกล้าบังคมทูลลา รีบกลับเข้ามายังวังใน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึงทูลนางเทวี ตามมีบัญชาปราศรัย
แจ้งความแต่ต้นจนปลายไป ให้ทราบพระทัยนางเทวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรมารศรี
ฟังพระพี่เลี้ยงทูลคดี มีความชื่นชมเป็นพ้นไป
จะใคร่ได้เห็นองค์พระทรงศักดิ์ ด้วยความรักรัญจวนครวญใคร่
กับสองพี่เลี้ยงอรไท พูดจาปราศรัยกันไปมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเลื่องลบทุกทิศา
ครั้นค่ำย่ำแสงสนธยา พระถวิลจินดาถึงทรามวัย
จึงตรัสสั่งพี่เลี้ยงทั้งสี่ อันมีปรีชาอัชฌาสัย
วันนี้ตัวน้องจะเข้าไป หาองค์อรไทเทวี
พี่เจ้าผู้มีใจภักดิ์ จงพิทักษ์รักษากันอยู่นี่
ใกล้รุ่งสุริยาราตรี สร่างสุริย์ศรีแล้วจะกลับมา
ว่าพลางแต่งองค์ทรงเครื่อง รองเรืองด้วยมณีมีค่า
เสด็จนวยนาดยาตรา ดังพระยาไกรสรจรจรัล ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ มาถึง ทวารวังพระนิเวศน์เขตขัณฑ์
เห็นผู้คนล้อมวงกงกัน คึกคักทุกชั้นทวารใน
จึงยอกรขึ้นถวายประณต คุณพระดาบสเป็นใหญ่
แล้วอ่านพระเวทอันเรืองชัย มิให้ใครเห็นพระกายา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บังตาฝูงคนทั้งหลาย บรรดาหญิงชายถ้วนหน้า
สะเดาะบานพระทวารอันตรึงตรา เสด็จมายังปราสาททรามวัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ อันฝูงชาวแม่พระกำนัล จะเห็นองค์ทรงธรรม์ก็หาไม่
พระยุรยาตรนาดกรคลาไคล เข้าในวังรัตนมณี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เห็นองค์นงลักษณ์อัคเรศ สนิทเนตรบรรทมอยู่บนที่
ทรงโฉมประโลมโลกีย์ เป็นที่ยั่วยวนใจชาย
พิศพักตร์เพียงจันทร์ลอยเลื่อน จะเปรียบเดือนก็อับแสงฉาย
นัยน์เนตรยิ่งนิลนัยน์ตาทราย แพรวพรายยิ่งกว่าพลอยนิล
ขนงก่งดั่งวงวาดไว้ ล้ำคันศรชัยพระทรงศิลป์
อันงอนรถทรงองค์อินทร์ ไม่เฉิดฉินดั่งโลมเนตรนาง
พิศปรางยิ่งปรางมณีรัตน์ ปลั่งเปล่งเคร่งครัดทั้งสองข้าง
พิศกรรณงามกลอุบลบาง พ่างเพียงกลีบบุษบากร
จุไรเรียบเรียมริมรจนา ลํ้ามณฑาทิพย์เกสร
เฉิดฉินยิ่งนิลภมร ปลายงอนงามชวยยรรยง
ลำศอดังหล่อสุวรรณมาศ งามลํ้าคอราชวิหคหงส์
พิศถันยิ่งสุวรรณบุษบง ทรงทรวงดั่งดวงมณีนิล
พิศองค์งามองค์อินทรีย์ ดังลํ้ากัทลีทิพย์เฉิดฉิน
พิศกรอ่อนระทวยดังกินริน ยิ่งงวงหัสดินเอราวัณ
หรือโฉมเอกอัครลักษมี องค์พระศรีเลิศลํ้าสรวงสวรรค์
ทั้งองค์พระอุมาวิลาวัณย์ ปั้นโฉมอันงามทั้งสามองค์
มาประสมเป็นอุดมลักษณา ให้ล่วงฟ้ามาเป็นนวลหง
พระเร่งวินิจพิศทรง ใหลหลงงงงวยสมประดี
งามลบจบสากลโลกา ลํ้านางฟากฟ้าราศี
ยิ่งแสนพิศวาสพันทวี พระภูมีเพ่งพิศไปมา
จึงลดองค์ลงแอบแนบชม ปลอบปลุกบรรทมกนิษฐา
ทั้งสองพี่เลี้ยงกัลยา ให้ตื่นนิทราในราตรี ฯ

ฯ ๒๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางพระพี่เลี้ยงทั้งสองศรี
ครั้นตื่นฟื้นเห็นพระภูมี ถวายอัญชลีแล้วก็ออกไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรศรีใส
ครั้นตื่นฟื้นองค์ขึ้นทันใด ตระหนกตกใจใช่พอดี
แลไปเห็นองค์พระทรงศักดิ์ จอมจักรเสด็จมาในที่
ความอายเป็นพ้นพันทวี มิรู้ที่จะทำประการใด
ถอยองค์ลงจากแท่นแก้ว แล้วถวายบังคมประนมไหว้
ก้มพักตร์เมียงอยู่ไม่ดูไป อรไทมิได้พาที ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ น้องรัก เยาวลักษณ์คือดวงเนตรพี่
รักนุชสุดสวาทแสนทวี ละบุรีมาเดินในไพรวัน
แล้วมิหนำมาซ้ำได้ลำบาก ตกยากอยู่ในสวนขวัญ
พร่ำแค้นแสนสุดจะรำพัน พ้นที่จะกลั้นรักไว้
จึงสู้มาหาองค์นงลักษณ์ จะคิดรักชีวาก็หาไม่
มารศรีถอยหนีพี่ว่าไร อายเหนียมกันไยนางกัลยา
พี่อุตส่าห์มาหาถึงห้องใน เจ้าเคียดแค้นสิ่งใดไม่ดูหน้า
ร้อยชั่งมานั่งใกล้พี่ยา จะขอเจรจาด้วยเทวี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรมารศรี
ได้ฟังบัญชาพระภูมี เทวีขวยเขินสะเทินใจ
ความรักกลัดกลุ้มคลุ้มจิต แต่สุดคิดจะออกปากได้
นางนั่งตริตรึกนึกใน หฤทัยเร่าร้อนดังอัคคี
ครั้นจะมิตอบพระบัญชา ได้เสด็จเข้ามาถึงนี่
พระจะว่าไร้ใจเห็นไม่ดี คิดแล้วมารศรีจึงทูลมา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ พระเจ้า ใครสั่งเสียให้เข้ามาหา
บังอาจไม่กลัวพระอาญา หักหาญเข้ามาถึงห้องใน
มาทำจู่ลู่วู่วาม จะเกรงขามผู้ใดก็หาไม่
ลามลวนแต่ส่วนอำเภอใจ แม้แจ้งไปถึงองค์พระบิดา
ท้าวจะทรงพระโกรธพิโรธจิต พระจะได้ความผิดเป็นหนักหนา
จงรีบลงไปอย่าได้ช้า ฟังคำน้องว่าพระภูมี
แม้นางสาวสรรค์กำนัลใน ใครใครมาเห็นเข้าที่นี่
จะว่าข้าเป็นคนมิดี จะมีความติฉินนินทา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เจ้าพี่ มารศรีสุดแสนเสนหา
ขับพี่เสียไยนางกัลยา แก้วตาไม่คิดปรานี
พี่ไม่คิดกายเสียดายร่าง จะสู้ม้วยด้วยนางไม่หน่ายหนี
แม้พระบิตุรงค์ทรงธรณี พิโรธพี่จะฆ่าให้วอดวาย
จะขอมอดม้วยด้วยความรัก ให้ประจักษ์แก่คนทั้งหลาย
พี่สู้ลำบากยากกาย สายสวาทอย่าสลัดตัดรอน
ปลื้มใจจงได้ปรานี อย่าเพ่อขับพี่เสียก่อน
หรือเห็นว่าชาวป่าพนาดร สายสมรจึงไม่เมตตา
อันความติฉินยินร้าย ก็มีทุกหญิงชายทั่วหน้า
ใครเลยจะพ้นนินทา เป็นธรรมดาโลกประเพณี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ฟังเอยฟังวาจา คิดมาเป็นน่าบัดสี
ตัวข้าเกิดมาเป็นสตรี ยากที่จะครองตัวไว้
มิให้ได้ความอัปยศ อดสูแก่คนเป็นใหญ่
อันสิ่งนี้เป็นที่ไยไพ จะเอาหน้าไปไว้แห่งใดดี
แม้ม้วยชีวีดีกว่า อับอายไพร่ฟ้าทั้งกรุงศรี
ซึ่งพระจะให้ข้าปรานี น้องมิรู้ที่จะเมตตา
อันองค์พระชนกชนนี เป็นที่ก่อเกล้าเกศา
จะให้ได้อัประมาณแก่ไพร่ฟ้า ใครเลยจะนับว่าดี
ขอเชิญพระเสด็จลงไปก่อน ผันผ่อนคิดดูให้ถ้วนถี่
ให้พ้นคนนินทาราคี แก่ข้าน้อยนี้สืบไป ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ น้ำเอยน้ำคำ เจ้าช่างรำพันว่าได้
พี่หรือจะให้สายใจ ได้ความอัปยศอดอาย
ความรักเพียงจักกลืนไว้ เจ้าว่าไยฉะนี้นางโฉมฉาย
ซึ่งความนินทาว่าร้าย พี่มิให้ระคายเท่าใยยอง
อันติฉินแลชมเหมือนลมพัด จะเสื่อมหายด้วยสัตย์เราทั้งสอง
แม้ได้สมสู่เป็นคู่ครอง จะต้องคำนินทาด้วยอันใด
จงปรานีพี่เถิดนะสายสมร จะให้พี่อ้อนวอนไปถึงไหน
ย่อมแจ้งตระหนักประจักษ์ใจ แต่แรกพี่ให้สารมา
ได้ว่าจะขอฝากฝัง กว่าจะม้วยชีวังสังขาร์
แม้มิมีจิตคิดเมตตา จะครองชีวาไว้ไยมี
ไม่ขออยู่สู้ให้คนเห็นหน้า ตามกรรมเวราของพี่
เป็นความสัจจาพาที จงปรานีพี่เถิดนางกัลยา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ ผ่านเอยผ่านเกล้า อย่าพักมาเฝ้าวอนว่า
ข้าน้อยไม่เชื่อพระวาจา เบื้องหน้าจะได้ความอาย
จะมาลอบเล่นแต่เป็นมิตร อย่าพึ่งคิดว่าน้องใจง่าย
ถึงจะม้วยมิดไม่คิดกาย สู้ตายมิให้นินทา
อันสารศรีซึ่งมีมาแต่หลัง ว่าหวังจะฝากชีวิตข้า
จะให้งามตามวงศ์กษัตรา พระบัญชาว่าเล่นแต่เห็นดี
เหตุใดไม่เหมือนหนึ่งวาจา ซึ่งว่ามาในศุภสารศรี
แล้วจะกลับให้ข้าปรานี เป็นน่าบัดสีพ้นไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ดวงจิต เจ้าอย่าคิดพะวงสงสัย
รักนางพ่างเพียงดวงใจ สิ่งใดมิให้ราคี
ร่วมจิตอย่าคิดกินแหนง พี่ก็ได้แจ้งมาในสารศรี
ว่าพลัดพรากจากราชธานี มาอยู่ที่ในอรัญวา
ซึ่งจะให้งามแต่โดยด่วน ส่วนพี่เป็นคนอนาถา
ด้วยยังมิมั่นดังสัญญา จะกลับไปพาราฉันใด
เกลือกจะไม่สมคำดังจำนง สองพระองค์จะติโทษได้
แม้แจ้งตระหนักประจักษ์ใจ พี่จะกลับคืนไปพระบุรี
ใช่จะแกล้งลดเลี้ยวเกี้ยวพาน จงเห็นสัตย์ปฏิญาณของพี่
สาวสวรรค์ขวัญฟ้าจงปรานี มารศรีอย่าตัดเยื่อใย ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ผ่านฟ้า จะให้เชื่อวาจากระไรได้
จะเป็นที่อัปยศอดสูใจ ไปกว่าจะม้วยชีวี
พระเป็นถึงจักรพรรดิอันสูงศักดิ์ หรือจะไร้องค์อัครมเหสี
ซึ่งว่าไร้มิตรไมตรี แสร้งเอาแต่ดีมารำพัน
แม้หลงปลงใจด้วยง่ายง่าย เครื่องจะได้ความอายเป็นแม่นมั่น
จะระกำช้ำใจไม่วายวัน พระอย่าพักเสกสรรมาพาที ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ดวงสมร อย่าสลัดตัดรอนอาลัยพี่
นางใดพี่ไม่ไยดี จะขอฝากชีวีแต่ทรามวัย
พี่ไม่ล่อลวงดวงจิต เจ้าอย่าคิดพะวงสงสัย
แม้มิสมจิตที่คิดไว้ พี่ไม่กลับไปพระพารา
เอ็นดูพี่เถิดนะนงเยาว์ เสียแรงพี่เข้ามาหา
แม้มิรักแก้วแววตา จะดั้นดงพงป่ามาไย
ว่าพลางลดองค์นั่งแนบ พาดพิงอิงแอบพิสมัย
พระกรกุมกรนางทรามวัย ไขว่คว้าแนบในไปมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ทรงเดช พระไม่โปรดเกศเกศา
มาทำเลียมไล่ไขว่คว้า อนิจจาผ่านฟ้าไม่ปรานี
จงวางข้อมือน้องก่อน พระภูธรจงโปรดเกศี
พระจะมาลวนเล่นเช่นนี้ น่าที่จะได้อัประมาณ
ส่วนปากพระหากว่าเมตตา แสร้งแต่งวาจาแต่คำหวาน
มาทำอาจอุกรุกราน หักหาญไม่คิดเกรงใจ
ว่าพลางป้องปัดสะบัดกร ควักค้อนหยิกข่วนไม่ปราศรัย
แต่ปากหากว่าไม่อาลัย ใจนางกระสันอยู่ไปมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ปลื้มใจ เจ้าหยิกข่วนพี่ไยเป็นหนักหนา
เป็นรอยเล็บเจ็บช้ำทั้งกายา อนิจจาไม่คิดปรานี
จะต้องยาสิ่งไรนางโฉมยง เจ้าประสงค์แต่เลือดกับเนื้อที่
พระทางอิงแอบแนบนาภี ฤดีเดือดดิ้นอยู่แดดาล
สองกรเกี่ยวกรตระกององค์ ทรวงทรงแนบทรวงบรรสมสาน
ชมเนตรเกศกลสุมามาลย์ ผกากาญจน์กรรณแก้มแกมกัน
นาสาสูบซดรสเรณู ชื่นชูซับซาบเสียวกระสัน
สองชงฆ์เกี่ยวชงฆ์พัลวัน บันเทิงเริงรสกรีฑา
บุษบงระบายคลายคลี่ ภูมรีร่อนลงประจงหา
สองสุขในสร้อยไสยา ดังได้ฟากฟ้าดุษฎี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรมารศรี
ได้ภิรมย์สมสู่ด้วยภูมี สุขเกษมเปรมปรีดิ์เป็นสุดคิด
แรกเริ่มแรกรู้รสรัก นงลักษณ์พลั้งเพลินจำเริญจิต
แฝงเฝ้าเคล้าองค์พระทรงฤทธิ์ แสนพิศวาสจะขาดใจ
ให้กระสันปั่นป่วนชวนชิด จะคลาดคลาสักนิดก็หาไม่
ลืมอายลืมองค์นางอรไท ลืมกลัวโพยภัยพระบิดา
ลืมสองพี่เลี้ยงนารี เทวีไม่ระลึกตรึกหา
ด้วยความยินดีปรีดา พ้นที่จะอุปมาไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเรืองฤทธิ์ดังสุริย์ใส
แสนภิรมย์ชมน้องที่ห้องใน สุขเกษมเปรมใจไม่มีทัน
ดังได้สมบัติในฟากฟ้า ฉ้อชั้นกามาสรวงสวรรค์
แต่อิงแอบแนบน้องพัลวัน เกลียวกลมชมกันในราตรี
บันเทิงเริงรสฤดีสมร จนทินกรใกล้รุ่งรัศมี
ไก่ขันซั้นเสียงสกุณี ดนตรีเซ็งแซ่ประโคมยาม
สดับเสียงปักษาคณานก ตกตะลึงหฤทัยใจหวาม
จะจำไปไกลองค์นงราม พระมีความอาลัยที่ในนาง
พระยอกรช้อนองค์ค่อยประคอง กอดน้องไว้แนบแอบข้าง
รื้อสะท้อนถอนใจไห้ช้าง ตรัสพลางรับขวัญกัลยา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เจ้าพี่ มารศรีผู้ยอดเสนหา
จะรุ่งรางสร่างแสงสุริยา จะลาแก้วแววตากลับไป
แสนสุดที่รักนางโฉมตรู ครั้นที่จะอยู่ก็ไม่ได้
จำเป็นจะลาคลาไคล สายใจค่อยอยู่จงดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรโฉมศรี
ฟังรสพจนารถพระภูมี เทวีสลดระทดใจ
กราบลงกับบาทพระภูวเรศ ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล
เสียแรงน้องรักได้หักใจ ร่วมสนิทพิสมัยพระโฉมตรู
ล่วงเกินบิตุรงค์ทรงศักดิ์ หาญหักความอายอดสู
ควรหรือภูวไนยไม่เอ็นดู จะทิ้งน้องให้อยู่เอกา
โอ้กรรมสิ่งใดมาปลงปลิด ไม่คิดความอัประมาณแล้วมิสา
(จะจรจากพรากไปไกลตา)[๒] ว่าแล้วกัลยาก็โศกี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองผู้เรืองรัศมี
จึงตระโบมโลมปลอบนางเทวี แก้วพี่อย่าโศกาลัย
ผิวพักตร์ละอองดังทองทา จะเสียศรีโรยราตาไหม้
เจ้าจงระงับดับใจ ใช่พี่ไปแล้วจะไม่มา
ยอกรช้อนเช็ดชลนัยน์ เจ้าจะร้องไห้ไยหนักหนา
พระอาลัยมิใคร่จะไคลคลา แต่กลับหน้ากลับหลังสั่งน้อง
ราตรีวันนี้พี่จะมา เจ้าอย่าทุกข์ทนหม่นหมอง
พระโลมเล้าเฝ้าปลอบนวลละออง ปากพร้องรับขวัญกัลยา
สั่งแล้วก็เสด็จลินลาศ จากห้องไสยาสน์เลขา
ดังไกรสรสีห์ลีลา มายังอุทยานสำราญใจ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ


[๑] ต้นฉบับขาด

[๒] ที่วงเล็บไว้ ต้นฉบับขาด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ