ตอนที่ ๒ หงส์อาสาหาคู่ให้พระศรีเมือง

ร่าย

๏ บัดนั้น จึงพระยาหงส์ทองผ่องใส
ประคองปีกบังคมภูวไนย แล้วจึงทูลไปด้วยใจภักดิ์
ว่าพระองค์มาเรียนวิชาการ ก็ชำนาญข้างธนูศรศักดิ์
ยังแต่คู่สู่สมภิรมย์รัก พี่จักบังคมลาไป
เที่ยวแสวงดูทุกพารา นางหน่อกษัตรากรุงไหน
ที่จะควรคู่ภูวไนย อันทรงโฉมวิไลเสมอกัน
ถ้าพบองค์ทรงเบญจกัลยา จะกลับมาทูลบาทพระจอมขวัญ
ไม่ช้าจะมาในสามวัน ทรงธรรม์จงโปรดปรานี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมพระศรีเมืองเรืองศรี
ฟังพระยาปักษาก็ยินดี พ้นที่จะอุปมาไป
ดังได้สมบัติในฟากฟ้า จบสากลโลกาไม่เปรียบได้
ด้วยสมดังจิตที่คิดไว้ จึงตรัสไปแก่ราชหงส์ทอง
ขอบใจพระยาปักษี จงรักภักดีไม่มีสอง
มิเสียทีที่พี่รักน้อง ปองจักเป็นเพี่อนชีวัน
ซึ่งพี่จะไปเสาะหา องค์อัครชายาสาวสวรรค์
น้องนี้ยินดีไม่มีทัน จงรีบผายผันตามปัญญา
แต่ไปอย่าให้ช้านัก น้องรักจะละห้อยคอยหา
แม้สมคิดดังจิตจินดา พี่รีบกลับมาจงฉับไว ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หงส์ทองป้องปีกประนมไหว้
ลาพระโฉมยงทรงชัย ก็โผผินบินไปในอัมพร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เที่ยวทุกพาราอาณาจักร ปักษินบินเตร่เร่ร่อน
ทั่วภพจบทุกพระนคร จะสบองค์สายสมรก็ไม่มี
บินรีบลัดมาก็ล้าเลื่อย เหนื่อยสุดกำลังปักษี
ครั้นถึงยโสธรธานี จึงแลเห็นสวนศรีอุทยาน
ก็เขจรค่อยร่อนลงมา จับกิ่งพฤกษาในสวนสาณฑ์
จะพักอยู่แต่พอสำราญ ที่ในอุทยานของภูมี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

ช้า

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงจอมจักรนัคเรศเรืองศรี
ทรงนามพินทุทัตภูมี ได้ครอบครองบุรียโสธร
เลิศล้ำสุริย์วงศ์ทรงเดช ดังองค์พระราเมศวร์ทรงศร
ฤทธิรงค์ยิ่งองค์ทินกร ขจรจบลบเลื่องลือชา
ศัตรูหมู่ราชไพรี ก็เกรงกลัวฤทธีทุกทิศา
อันพระมเหสีโสภา ทรงนามว่าสุวรรณมาลี
โฉมยงทรงพักตร์ลักขณา วิลาศลํ้านางฟ้าในราศี
ท้าวมีพระราชบุตรี ทั้งเจ็ดเป็นที่เจริญใจ
อันโฉมยงนางสุวรรณเกสร อมรแมนแดนดินไม่หาได้
งามลํ้านางฟ้าสุราลัย ที่ในฉ้อชั้นดุษฎี
องค์น้องอันรองลงมา ทรงนามประภามารศรี
นางศรีสุดานารี นางจันทวดีทรามวัย
ถัดมานางบุษมาลี สูงศรีแอร่มแจ่มใส
นางสุดรจนาอำไพ ทรงโฉมวิไลโสภา
หกองค์ทรงลักษณ์เฉิดฉิน ดังอัปสรอินทร์ในดึงสา
ใครเห็นเป็นที่จำเริญตา ล้วนทรงเบญจกัลยาณี
เสด็จอยู่ยังปรางค์ปราสาทแก้ว อันพรายแพรวจำรัสรัศมี
เรืองโรจน์โชติฟ้าธาตรี ดังจะแข่งแสงศรีทินกร
อันที่นั่งแต่ละองค์ทรงประดับ สลับแก้วแววเลื่อมประภัสสร
หว่างห้องมีช่องบัญชร อลงกรณ์แง่งามรจนา
มีจัตุรมุขทุกชั้น หน้าบันทวยรับจับเวหา
นาคสะดุ้งพุ่งพวยใบระกา หางหงส์ช่อฟ้าบราลี
อันยอดทุกชั้นบันแถลง แก้วแดงประดับสลับสี
พรหมพักตร์จำหลักแก้วมณี นภศูลศรีจำรัสฉัตรชัย
หลังคาดาดาดมรกต เขียวขำสีสดแสงใส
ท้องพระโรงหน้าหลังข้างใน เพดานใส่ดอกจอกรายรับ
โคมเพชรเด็จย่อไม้สิบสอง ล้วนทองรองแก้วอัจกลับ
มีแท่นมุขกระสันบรรจงรับ กับที่นั่งมุขเด็จอันโอฬาร์
เกยแก้วซ้ายขวาหน้าพระลาน สำหรับทรงคชสารหาญกล้า
พื้นดาดลาดแล้วด้วยศิลา ทั้งข้างหน้าข้างในพรายพรรณ
เรืองทองรองเรืองรจนา งามดังเทวาบรรจงสรรค์
มีห้องสิบสองพระกำนัล ทั้งหมื่นหกพันกัลยา
ทิมโขลนพระฉนวนทางเสด็จ งามเสร็จเถ้าแก่โขลนจ่า
นางท้าวเจ้าของตรวจตรา วงวังรักษาไปทั้งนั้น
หน้าพระที่นั่งตั้งสีหรา ทิมดาบคดซ้ายขวาเฉิดฉัน
โรงเครื่องเนื่องแถวแนวกัน โรงม้าม้านั้นล้วนอาชา
โรงช้างล้วนช้างคชาธาร ตัวสารหักศึกเข่นฆ่า
โรงรถล้วนรถอลงการ์ จัตุรงค์โยธาอันชาญชัย
ศัสตราอาวุธใหญ่น้อย ร้อยพันหมื่นแสนไม่นับได้
สำหรับยุทธ์ยิงชิงชัย ศัตรูบรรลัยไม่พริบตา
กำแพงป้อมล้อมราชนิเวศน์ ขอบเขตวงวังแน่นหนา
หว่างป้อมย่อมมีทวารา รจนายอดปรางค์สล้างไป
มีทั้งสนามหัดจัตุรงค์ อาจองเข้าหักศึกใหญ่
อันช้างม้าพหลพลไกร ย่อมเคยมีชัยแก่ไพรี
นัคเรศเขตขอบได้ร้อยโยชน์ เรืองโรจน์ด้วยกำแพงแสงสี
เชิงเทินดังเนินคีรี มีป้อมห้าชั้นเป็นหลั่นไป
แล้วมีหอรบประตู มีคูเขื่อนเสาศิลาใหญ่
ถนนรอบขอบขัณฑ์พระเวียงชัย รายไปด้วยทรายดังเงินยวง
ตึกกว้านบ้านเรือนก็ครึกครัน แน่นนันต์ตามแถวถนนหลวง
อันบ้านขุนนางทั้งปวง ทุกกระทรวงรายรอบพระบุรี
อันกลางพระนิเวศน์เวียงชัย แน่นไปล้วนบ้านเศรษฐี
ทั้งจีนจามพราหมณ์แขกเขวี คหบดีพาณิชนี่นัน
มีสระสวนทิพย์ปทุมมาศ เป็นที่ประพาสเกษมสันต์
พระตำหนักน้อยใหญ่ในนั้น เป็นลดหลั่นชั้นเชิงมากมี
พระแต่งไว้เป็นธารกำนัล ทุกสิ่งสารพันถ้วนถี่
ไพร่ฟ้าประชาชนมนตรี มีความผาสุกทุกเวลา
สิ่งใดมิได้มายายี พระภูมีแสนโสมนัสสา
ด้วยองค์อัคเรศชายา พระสนมซ้ายขวาสำราญใจ ฯ

ฯ ๕๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรศรีใส
เมื่อวันหงส์ทองอันอำไพ มาอยู่ในสวนศรีอุทยาน
นางให้เดือดร้อนอาวรณ์จิต ดังพิษอัคคีมาเผาผลาญ
ด้วยบุญนั้นดลบันดาล จึงให้เดือดร้อนรำคาญใจ
คิดจะไปชมสวนศรี อันมีพรรณมิ่งไม้น้อยใหญ่
จึงชวนหกกนิษฐายาใจ ขึ้นไปลาองค์พระบิดา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ครั้นถึง จึงก้มเกล้าบังคมเหนือเกศา
กราบลงแทบบาทบาทา ทูลพระบิดาไปทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ โปรดเกศ พระบิตุรงค์ทรงเดชเป็นใหญ่
ลูกน้อยร้อนรนเป็นพ้นไป วันนี้ไม่เป็นสมประดี
ขอบังคมลาพระภูวไนย ออกไปเที่ยวเล่นในสวนศรี
ให้สบายคลายใจลูกน้อยนี้ ขอพระพันปีจงเมตตา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพินทุทัตนาถา
ได้ฟังลูกรักทูลลา จะพากันไปชมอุทยาน
จึงมีพระราชบัญชา แก้วตาพ่อยอดสงสาร
ซึ่งเจ้าเร่าร้อนรำคาญ จะไปเล่นสำราญก็ตามใจ
แต่อย่าชวนกันอยู่ช้านัก ลูกรักผู้ยอดพิสมัย
ตะวันบ่ายชายแสงอโณทัย สายใจจงชวนกันกลับมา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรเสนหา
ฟังพระบิตุเรศบัญชา ทั้งหกกัลยาก็ยินดี
จึงถวายประณตบทบงสุ์ ลาพระบิตุรงค์เรืองศรี
ลงจากปรางค์รัตน์มณี หกพระบุตรีก็ตามมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึง จึงสั่งพระพี่เลี้ยงเสนหา
วันนี้น้องถวายบังคมลา จะพากันไปเล่นอุทยาน
พี่จงบอกกล่าวนางสาวสวรรค์ บรรดาเคยไปเล่นเกษมศานต์
แล้วสั่งแก่ชาวพนักงาน ให้ตระเตรียมการให้ทันที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกศี
มาสั่งดังมีเสาวนีย์ ให้เตรียมสีวิกากาญจน์ทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ชมตลาด

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรศรีใส
ทั้งหกองค์ทรงลักษณ์อันวิไล เข้าในที่สรงคงคา
ทรงสุคนธ์ปนทองเฟื่องฟุ้ง ปนปรุงด้วยทิพย์บุปผา
ทรงปรัดผัดผ่องพักตรา ภูษาโกไสยใยยอง
สอดสะอิ้งกิ่งเก็จเวจุวรรณ ประดับถันบรรจงกุก่อง
สังวาลวรรณบรรเทืองเรืองรอง สอดสนองกรองเชิงยศยง
ใบโพธิ์ห้อยพลอยพรายรายรับ กุดั่นแดงแสงระยับก่องก่ง
ทองกรบวรวรรณบรรจง สอดทรงพาหุรัตนามัย
ทรงโมลีเกศเตร็จตรัส แจ่มจำรัสด้วยดอกไม้ไหว
ทรงดอกไม้ทัดตรัสไตร กรรเจียกจรอำไพด้วยกุณฑล
งามอย่างนางเทพกินนร จะร่ายร่อนขึ้นในพระเวหน
ดังอัปสรจรจากวิมานบน เสด็จดลมาทรงพระวอทอง ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลง

๏ จึงรูดม่านทองป้องปิด มิให้แสงพระอาทิตย์ตรัสต้อง
พระพี่เลี้ยงเคียงวอเรืองรอง เป็นแถวท่องนางในไคลคลา
ท้าวนางจ่าโขลนนารี นักเทศขันทีแห่หน้า
ขอเฝ้าชาววังตรวจตรา เสด็จมายังสวนอุทยาน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ กลองโยน

๏ มาถึง สวนศรีมิ่งไม้ไพรสาณฑ์
ประทับเกยเผยม่านชัชวาล ทั้งหกองค์นงคราญก็ลีลา
พร้อมทั้งนางท้าวเถ้าแก่ ชาวแม่พระกำนัลซ้ายขวา
พระพี่เลี้ยงนางนมก็ตามมา เที่ยวชมบุปผาบรรดามี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ชวนองค์นงนุชกนิษฐา ชมพรรณมาลาในสวนศรี
หงอนไก่จำปาสารภี มะลุลีลำดวนยวนใจ
ทั้งสาวหยุดพุดซ้อนชบาลา ชงโคโยทะกางามไสว
สำรวลสรวลระริกซิกซี้ไป บ้างวิ่งไล่ช่วงชิงกันไปมา
อันหกองค์นงนุชนารี ทั้งสาวศรีพี่เลี้ยงซ้ายขวา
ชวนกันสระสรงคงคา ในสระปทุมาสำราญใจ
บ้างเก็บฝักหักดอกหยอกกัน สรวลสันต์นี่นันในสระใหญ่
บ้างเข้าแฝงตัวกับบัวใบ เล่นไล่ไขว่คว้าในวารี
บ้างโผกระทุ่มตุ้มติ้ม เลียบอยู่แต่ริมสระศรี
ลางนางบ้างเก็บมาลี ประดับองค์อินทรีย์ภิรมย์ใจ
ทั้งหกกนิษฐานารี พระพี่เลี้ยงสาวศรีแจ่มใส
สุขเกษมเปรมปรีดิ์เป็นพ้นไป ที่ในสระศรีปทุมมาลย์
แต่นางสุวรรณเกสร บังอรไปลงสรงสนาน
เที่ยวชมบุษบาเบิกบาน เยาวมาลย์ยุรยาตรประพาสมา ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง

๏ เมื่อนั้น พระยาหงส์วงศ์ราชปักษา
จับอยู่บนกิ่งอัมพา แลมาเห็นองค์นางเทวี
จึงค่อยเรียงร่ายไต่ไม้ บังตัวมาใกล้นางโฉมศรี
เห็นงามจริงยิ่งเทพกินรี อินทรีย์อ้อนแอ้นลออองค์
จะดูไหนให้เพลินจำเริญจิต พิศไหนให้คิดพิศวง
พิศวาสดังจะขาดใจลง พระยาหงส์เร่งคิดไปมา
โฉมพระธิดาองค์นี้ งามลํ้านารีในใต้หล้า
ควรคู่สู่สมภิรมยา พระศรีเมืองเรืองฟ้าธิบดี
จะงามศักดิ์งามสมสุริย์วงศ์ งามองค์กษัตริย์ทั้งสองศรี
คิดแล้วพระยาสกุณี ปักษีบินลงมาทันใด
ป้องปีกประณตบทบงสุ์ องค์พระบุตรีศรีใส
จึงถวายพวงทิพย์มาลัย แก่องค์อรไทด้วยยินดี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรโฉมศรี
ครั้นเห็นพระยาสกุณี มาถวายมาลีก็หลากใจ
นางเร่งพินิจพิศดู โฉมตรูพะวงสงสัย
หงส์นี้มีกายอำไพ สอดใส่เครื่องประดับเรืองรอง
ผิดนกในป่าพนาลี ดีร้ายจะมีเจ้าของ
เอาดอกไม้มาให้ดังใจปอง น่าจะต้องประสงค์สักสิ่งอัน
จึงว่าพระยาปักษี อันมีวรรณวิจิตรเฉิดฉัน
เอาพวงมาลัยพรายพรรณ มาให้เรานั้นก็ขอบใจ
อันประเทศถิ่นฐานของปักษี อยู่ป่าพนาลีหนไหน
มีกิจอนุสนธิ์กลใด จงเล่าไปแต่จริงสกุณา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึงเหมราชปักษา
ทูลตอบให้ชอบพระอัชฌา พระองค์จงได้ปรานี
ตัวข้าเป็นข้าฉลองบาท พระศรีเมืองเยาวราชรัศมี
ทรงโฉมประโลมโลกีย์ ในบุรีโขมราฐเรืองชัย
อันจะร่ำถึงองค์พระทรงศักดิ์ จบสากลไตรจักรไม่เปรียบได้
องค์พระบิตุเรศภูวไนย จะเสกให้ครอบครองพารา
ไร้องค์อัครราชเทวี อันเป็นที่สนิทเสนหา
พระทูลลาบิตุเรศมารดา ออกมาเที่ยวอยู่ในกลางไพร
สืบเสาะหาองค์อัคเรศ ทุกนิเวศน์กษัตริย์น้อยใหญ่
ไม่สบประสงค์ดังจงใจ จึงตรัสใช้ให้ข้าน้อยมา
เที่ยวดูสุริย์วงศ์ทุกธานี องค์ใดเป็นที่เสนหา
วันนี้เป็นบุญสกุณา มาพบบาทบงสุ์ดังจงใจ
เห็นโฉมพระองค์ทรงชื่น งามลํ้าเพียงจะกลืนไว้ให้ได้
กับโฉมพระศรีเมืองเรืองชัย ดูไหนก็สมเสมอกัน
งามองค์งามวงศ์สองกษัตริย์ ในหน่อเนื้อจักรพรรดิรังสรรค์
ข้าน้อยยินดีไม่มีทัน เป็นความจริงซึ่งบรรยายมา ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรเสนหา
ได้ฟังหงส์ทองสนองมา พรรณนาถึงองค์พระทรงชัย
แต่ออกนามพระองค์ทรงฤทธิ์ ให้มีจิตปฏิพัทธ์หวั่นไหว
ด้วยบุญเคยคู่ภูวไนย จึงบันดาลใจให้ยินดี
ครั้นจักพาทีด้วยมีจิต ก็คิดความละอายปักษี
จึงว่าพระยาสกุณี มากล่าวดังนี้เห็นผิดไป
พระเป็นสุริย์วงศ์กษัตรา ถึงนางในฟากฟ้าก็หาได้
จะไร้พระมเหสีด้วยอันใด ใช่ว่ากรุงกษัตริย์จะไม่มี
แม้จะประสงค์นางองค์ใด เห็นจะไม่เคืองขัดบทศรี
จะมีสารไปตามประเพณี โดยทางไมตรีก็ง่ายดาย
ตัวเรานี้น้อยวาสนา ปักษาอย่าเปรียบพระลือสาย
ไม่ควรองค์พระทรงลักษณ์อันเลิศชาย มาใส่ไคล้ภิปรายไม่เกรงใจ
นี่หากว่าเป็นปักษี ถ้าเป็นคนก็จะมีโทษใหญ่
ล่วงเกินวาทีดังนี้ไซร้ เห็นภัยจะถึงเวทนา ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระยาเหมราชปักษา
จึงทูลสนองพระวาจา ตรัสมาทั้งนี้ก็ควรนัก
เป็นความสัตย์จริงทุกสิ่งอัน ไม่แสร้งรำพันถึงทรงศักดิ์
ซึ่งได้เปรียบองค์พระทรงลักษณ์ จงอดโทษปักษาได้ปรานี
อันข้อพะวังกังขา ไม่เชื่อวาจาปักษี
จะบังคมลานางเทวี ไปทูลคดีพระภูวไนย
ให้แจ้งเหตุผลยุบลนี้ ตามพระเสาวนีย์ที่สงสัย
เห็นพระยอดฟ้าจะอาลัย จะใช้ให้ข้าน้อยกลับมา
เท็จจริงสิ่งใดที่ในกิจ จะเห็นจิตจงรักของปักษา
ว่าแล้วหงส์ทองก็อำลา โผผินบินมาทันใด ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น สุวรรณเกสรศรีใส
ครั้นพระยาปักษินบินไป พอพระสุริย์ใสสายัณห์
จึงชวนหกองค์นงคราญ พระสนมบริวารสาวสรรค์
เสด็จมายังวังจันทน์ แต่ในทันใดมิได้ช้า ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ กลองโยน

๏ ครั้นถึงวังจันทน์ทันใด ชวนหกทรามวัยกนิษฐา
เสด็จลีลาศคลาดคลา มาเฝ้าพระชนกชนนี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพินทุทัตเรืองศรี
ทั้งองค์พระราชชนนี เห็นเจ็ดบุตรีกลับมา
จึงตรัสประภาษด้วยสุนทร สายสมรพ่อสุดเสนหา
เจ้าไปเล่นสวนมาลา แก้วตาค่อยคลายสบายใจ
พ่อนี้ตั้งใจคอยท่า เห็นช้าร้อนรนหม่นไหม้
เห็นลูกแก้วกลับบัดนี้ไซร้ พ่อมีใจใสสุทธิ์เปรมปรีดิ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระยาหงส์เหมราชปักษี
บินร่ายว่ายฟ้ามาทันที ก็ถึงพระกุฎีด้วยฉับไว ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พอพระสุริยงสดงคต พระจันทร์ทรงกลดแขไข
ปักษาร่าร่อนลงทันใด ยังศาลาลัยพระมุนี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระศรีเมืองเรืองศรี
ครั้นเห็นพระยาสกุณี ชื่นชมยินดีเป็นพ้นไป
จึงตรัสเรียกราชปักษา พี่ถดเข้ามาให้ใกล้
น้องตั้งตาคอยละห้อยใจ พี่ไปยังได้การมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หงส์ทองป้องปีกด้วยหรรษา
ถวายบังคมคัลวันทา แล้วทูลผ่านฟ้าไปพลัน
ข้าน้อยบินเตร่เร่ไป ทุกบ้านน้อยเมืองใหญ่เขตขัณฑ์
เห็นราชธิดาทั้งนั้น ไม่ทรงเบญจกัลยาณี
ข้าจึงบินร่ายกรายไป จับอยู่ที่ในสวนศรี
ยังเมืองยโสธรธานี ท้าวมีบุตรีอันโสภา
ทรงนามชื่อสุวรรณเกสร โฉมงามดั่งอมรเลขา
ออกมาชมสวนมาลา ข้าน้อยเห็นองค์นางทรามวัย
จะพิศพักตร์ก็ลืมแลองค์ พิศทรงก็ให้หลงใหล
งามลํ้าเลิศลบภพไตร ใต้หล้าไม่หาเทียมทัน
ควรเป็นคู่ครองฉลองบาท องค์พระเยาวราชรังสรรค์
สุริย์วงศ์ทรงศักดิ์ก็สมกัน ข้าจึงบังคมคัลเทวี
แล้วถวายพวงทิพย์มาลา แก่องค์พระธิดามารศรี
นางตรัสสนทนาพาที ไต่ถามถ้วนถี่ทุกประการ
ข้าทูลถึงองค์พระทรงศักดิ์ ให้ตระหนักทุกสิ่งแถลงสาร
ยังกินแหนงแคลงใจเยาวมาลย์ จะว่าขานสิ่งใดไม่ไยดี
ข้าจึงประณตบทบงสุ์ มาทูลองค์พระผู้ทรงรัศมี
เล่าความตามมูลคดี ถ้วนถี่แต่ต้นจนปลายมา ฯ

ฯ ๑๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเลื่องลบจบทิศา
ฟังหงส์แถลงแจ้งกิจจา พระแสนโสมนัสสาเป็นสุดคิด
เพียงได้เห็นองค์นางนงคราญ ดังได้ผ่านฟากฟ้าดุสิต
เหมือนได้อิงแอบแนบชิด แสนพิศวาสจะขาดใจ
จึงว่าพระยาปักษี มีคุณแก่น้องจะมีไหน
ได้ความลำบากยากใจ เตร็จเตร่เร่ไปทุกตำบล
ถูกลมระงมแดดแผดต้อง ทนละอองน้ำฟ้าหยาดฝน
เพราะรักน้องต้องเป็นกังวล จึงได้ทนเวทนาพ้นไป
อันยโสธรธานี พระบุรีนั้นอยู่ทิศไหน
หนทางนั้นใกล้หรือไกล จะไปมาสักกี่ราตรี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระยาหงส์ทองปักษี
จึงทูลทรงธรรม์พันปี อันบุรีโฉมยงนงคราญ
ชื่อว่าเมืองยโสธร อยู่ฝ่ายอุดรทิศาน
หนทางนั้นไกลกันดาร ขอพระภูบาลจงแจ้งใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงสวัสดิ์รัศมีศรีใส
ได้ฟังหงส์ทองอันร่วมใจ จึงบัญชาไปด้วยพลัน
อันยโสธรพารา มรคานั้นไกลเขตขัณฑ์
จะอุตส่าห์บุกป่าพนาวัน สัญจรนอนดงตรงไป
เกลือกนางจะไม่เมตตาจิต น้องคิดสิ่งนี้เป็นข้อใหญ่
คิดจะให้พี่ผู้ร่วมใจ จำทูลสารไปเป็นไมตรี
จักเอาสาราธำมรงค์ ไปถวายแก่องค์มารศรี
ให้รู้ระคายร้ายดี พี่เจ้าจะเห็นประการใด ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หงส์ทองผู้มีอัชฌาสัย
จึงทูลสนองให้ต้องใจ พระตริไตรดั่งนี้ก็ควรนัก
จะเอาสิ่งของทั้งนี้ไป ถวายองค์อรไทให้ตระหนัก
แม้นางอนุกูลไม่สูญรัก กลับมาจักพากันไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองยิ้มแย้มแจ่มใส
จึงเขียนลักษณ์อักษรทันใด แจ้งความไปในสารา
แล้วถอดธำมรงค์เนาวรัตน์ จากนิ้วพระหัตถ์เบื้องขวา
สวมศอผูกคอสกุณา พี่เจ้าเมตตาจงรีบไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระยาหงส์ทองผ่องใส
จึงลาพระองค์ทรงชัย ก็โผผินบินไปด้วยพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ มาถึง ยังสร้อยสระศรีสวนขวัญ
จึงจับกับกิ่งอำพัน คอยองค์นางกัลยาณี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ตะวันบ่ายชายแสงรอนรอน ทินกรจะใกล้สิ้นรัศมี
ไม่พบองค์อัครราชเทวี ปักษีจึงคิดไปมา
จะอยู่ช้าที่นี่ก็มิได้ จำกูจะเข้าไปหา
ให้พบสบองค์กัลยา ยังปราสาทรัตนานางเทวี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระยาหงส์วงศ์ราชปักษี
ก็บินมาจับแฝงบราลี อยู่ที่ยอดปรางค์ปราสาทชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ มองสงัดงัดเงียบเลียบดู ไม่เห็นหมู่พระกำนัลน้อยใหญ่
จึงบินลงตรงช่องบัญชรชัย เข้าในห้องที่นางเทวี
หงส์ทองนบนอบยอบกาย ถวายพระธำมรงค์กับสารศรี
แล้วว่าข้าทูลคดี แก่โฉมพระศรีเมืองเรืองชัย
ออกนามถึงองค์นางนงลักษณ์ พระทรงศักดิ์ยินดีจะมีไหน
แสนสุดเสนหาอาลัย จะใคร่ได้เห็นองค์นางนงคราญ
จะบุกป่าฝ่าหนามมาตามหา ตัวข้านี้คิดสงสาร
จึงกราบทูลขัดทัดทาน มิให้ภูบาลเสด็จมา
พระมาอยู่ป่าพนาลี จึงให้สารศรีเสนหา
ทั้งพระธำมรงค์อลงการ์ เอามาถวายเป็นไมตรี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรมารศรี
ได้ฟังสกุณาพาที นางถวิลยินดีในวิญญาณ์
แต่ปากนั้นหากเกียจกล แยบยลมิให้กังขา
จึงว่าไปแก่สกุณา เอาสารมาให้ข้าด้วยอันใด
ตัวเราก็เป็นสตรี จะรับสารศรีท่านกระไรได้
เห็นผิดจารีตบูราณไป อันประสงค์จะได้เป็นไมตรี
ชอบแต่จะแต่งบรรณามา ให้ทูตาจำทูลสารศรี
อันจะทำเล่นเช่นนี้ ปากคนกาลีจะนินทา
ซึ่งจะให้สาราธำมรงค์ พระโฉมยงก็ไม่รู้จักข้า
จงคืนไปถวายพระผ่านฟ้า ข้าจะรับไว้ก็ไม่ดี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หงส์ทองทูลสนองบทศรี
อันดำรัสตัดรอนมาดั่งนี้ เหมือนไม่ปรานีสกุณา
ได้ทูลแก่องค์พระทรงศักดิ์ ถึงองค์เยาวลักษณ์เสนหา
พระจึงจงรักภักดีมา หวังว่าจะฝากชีวี
จึงให้สารากับธำมรงค์ มาถวายแก่องค์มารศรี
เป็นทางพระราชไมตรี ด้วยมีความปฏิพัทธ์พ้นไป
ซึ่งมิรับไว้ดังใจปอง จะกลับคืนสิ่งของนี้ไปให้
น่าที่จะมีโทษภัย ที่ไหนจะพ้นพระอาญา
พระจะตำหนิติโทษ กริ้วโกรธแก่ข้าเป็นหนักหนา
ว่าเอาความเท็จมาเจรจา ให้ผ่านฟ้าลุ่มหลงปลงใจ
ซึ่งจะกลับไปทูลพระภูมี ปักษีจะตายเสียก่อนไข้
ถึงนางกัลยาไม่อาลัย จงรับไว้ตามมีบัญชามา
อันพระธำมรงค์วงเพชร ต่างองค์พระเสด็จมาหา
ซึ่งข้อสงสัยในสารา ข้าได้ทูลไว้แต่เดิมที
ว่าพระเสด็จทรมานมา อยู่ที่ในป่าพนาศรี
โยธาข้าใช้ก็ไม่มี แต่ข้าปักษีกับพี่เลี้ยง
จะได้ทูตที่ไหนใช้มา ข้าน้อยจักว่าเหมือนทูลเถียง
พระแม่สงสัยจักไล่เรียง สุดที่จะบ่ายเบี่ยงบรรยาย
แม้นพระองค์มิเชื่อวาจา เหมือนไม่เมตตาพระฦๅสาย
น่าที่พระจะทอดตนตาย นางโฉมฉายจงได้ปรานี ฯ

ฯ ๒๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สุวรรณเกสรโฉมศรี
ฟังหงส์ทูลวอนวาที เทวีเสแสร้งจำนรรจา
ครั้นจะไม่รับสารธำมรงค์ คิดสงสารหงส์เป็นหนักหนา
จำเป็นด้วยเห็นเวทนา จึงรับเอามาทันใด
ดั่งหนึ่งเห็นองค์พระทรงฤทธิ์ อันเลิศลํ้าทศทิศไม่เปรียบได้
แสนพิศวาสจะขาดใจ อาลัยถึงองค์พระภูมี
แล้วว่าแก่ราชปักษา ตัวท่านจักช้าอยู่ที่นี่
สาวสรรค์กำนัลนารี มาเห็นเป็นที่กินใจ
จงไปซ่อนอยู่ยังสวนศรี พรุ่งนี้เวลาปัจจุสมัย
จึงจะให้สาวศรีออกไป แจ้งในยุบลกิจจา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หงส์ทองได้ฟังก็หรรษา
จึงเคารพนบนอบอำลา บินมายังสวนมาลี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรโฉมศรี
ครั้นหงส์ทองล่องฟ้าจรลี จึงคลี่สารอ่านดูทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ในลักษณ์ว่าสารพระศรีเมือง ฤทธิเรืองเฟื่องฟ้าดินไหว
สถิตกรุงโขมราฐเวียงชัย หน่อไทโขมพัสตร์ภูมี
เสด็จจากพระนิเวศน์มาเรียนศิลป์ พระโควินท์อยู่ในไพรศรี
เสี่ยงใจใช้หงส์จรลี เที่ยวทุกธานีมาช้านาน
เป็นบุพเพนิวาสพาสนา เหมราชกลับมาสนองสาร
แจ้งข่าวพระยอดเยาวมาลย์ เพียงพี่ได้ผ่านดุสิดา
แสนคำนึงถึงนุชไม่ว่างเว้น คล้ายคล้ายเหมือนจะเห็นกนิษฐา
หวังสวาทนาฏนุชสุดโสภา เป็นมหามิ่งมิตรไมตรี
จึ่งโอภานด้วยสารสุนทร ให้แจ้งร้อนธุระในอกพี่
ด้วยจงเจตน์อัคเรศนารี ไปเป็นศรีโขมราฐพระนคร
ให้งามเมืองงามเรืองสุริย์วงศ์ ด้วยเอกองค์ทรงลักษณ์สายสมร
จะงามยศปรากฏขจายจร ถาวรทั้งสองนครา
บัดนี้พี่ฝากพระธำมรงค์ องค์หนึ่งมาให้กนิษฐา
ชมพลางต่างพักตร์พี่ยา กว่าจะได้ประสบพบองค์
เมตตาอย่าตัดพระไมตรี จงตอบสารศรีมากับหงส์
พอเป็นสำคัญมั่นคง ทรงแล้วแย้มยิ้มพริ้มพราย ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ จึงม้วนอักษรซ่อนไว้ ในทรวงสะพักโฉมฉาย
พระพักตร์เพียงจันทร์พรรณราย สายสมรอาวรณ์ถึงภูมี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางพี่เลี้ยงโฉมศรี
สะกิดกันกระซิบพาที เมื่อกี้เราเห็นประหลาดนัก
หนังสืออะไรจะใคร่รู้ จะถามโฉมตรูให้ประจักษ์
ว่าแล้วทูลไปด้วยใจภักดิ์ อักษรอะไรนั่นพระเทวี
ทำไมไม่บอกให้ข้ารู้ ดูดังไม่ไว้ใจพี่
เสียแรงจงรักภักดี หรือมิให้รู้แล้วก็แล้วไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรศรีใส
ฟังพระพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ ยิ้มพลางอรไทพาที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พี่เจ้า น้องจะเล่าให้แจ้งใจพี่
เมื่อเราไปสวนมาลี มีหงส์ตัวหนึ่งนั้นบินมา
คาบพวงดวงดอกปทุเมศ งามล้ำวิเศษมาให้ข้า
ว่าพระศรีเมืองเรืองฟ้า ถวายมาเป็นทางไมตรี
บัดนี้พระยาหงส์ทอง กลับเอาของกับสารศรี
มาให้แก่น้องในวันนี้ พี่เจ้าอย่าเล่าไปมา
แม้แจ้งถึงองค์พระทรงศักดิ์ จะติโทษน้องรักหนักหนา
แล้วหยิบธำมรงค์อลงการ์ กับสาราให้พี่เลี้ยงดู
สิ่งนี้พระให้มากับน้อง เป็นของสำคัญทั้งคู่
พี่เจ้าของน้องผู้ร่วมรู้ เอ็นดูจะทำไฉนดี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พี่เลี้ยงบังคมเหนือเกศี
รับพระธำมรงค์อันรูจี กับสารามาคลี่พิเคราะห์ดู
เห็นสมองค์พระทรงศรีสวัสดิ์ หน่อเนื้อจักรพรรดิก็จริงอยู่
งามประเสริฐเลิศล้นพ้นรู้ ควรคู่ด้วยองค์นางนงคราญ
ข้าน้อยก็พลอยยินดี ธุระนี้พี่จะช่วยคิดอ่าน
อันพระธำมรงค์อลงการ เป็นของประทานพระให้มา
ครั้นจะมิตอบแทนฉันนั้นเล่า ดังเราไร้ใจเป็นหนักหนา
จะไม่เห็นสำคัญเป็นสัญญา จะตรีชาว่าได้เมื่อปลายมือ
อันภูษาทรงขององค์นาง มิถวายไปบ้างจะดีหรือ
พระจะได้แอบอุ่นต่างบุญลือ จงหารือใจดูให้ดี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรโฉมศรี
ฟังพี่เลี้ยงตอบชอบที จึงมีเสาวนีย์ไปทันใด
อันพี่ว่าขานมาทั้งนี้ เห็นดีน้องชอบอัชฌาสัย
จำจะมีสารตอบไป ถึงพระภูวไนยธิบดี
แต่บัดนี้พระยาหงส์ทอง น้องให้ไปท่าอยู่สวนศรี
พี่เจ้าผู้ใจอารี จงแต่งของกินที่โอชา
ทั้งน้ำผึ้งข้าวตอกอันตระการ ออกไปประทานแก่ปักษา
สั่งแล้วเท่านั้นมิทันช้า ก็ทรงเขียนสาราทันใด ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย
มาแจงจัดมธุรสอันพึงใจ เสร็จแล้วไปทูลนางเทวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณเกสรมารศรี
ชื่นชมโสมนัสพันทวี จึงเปลื้องภูษาศรีออกจากองค์
ส่งให้พี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ กับสารนี้พี่ให้พระยาหงส์
อันภูษาผ้าสไบน้องทรง ว่าต่างองค์ถวายบังคมไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองนางพระพี่เลี้ยงศรีใส
รับเอาสาราผ้าสไบ บังคมแล้วรีบไปยังอุทยาน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึง สวนศรีมิ่งไม้ไพรสาณฑ์
จึงเอาของกินอันตระการ ซึ่งยอดเยาวมาลย์ประทานมา
ให้แก่พระยาสกุณี ทั้งศุภสารศรีแลภูษา
แจ้งความตามเสาวนีย์มา แก่พระยาหงส์ทองทุกประการ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ปักษีมีจิตเกษมศานต์
รับสารามามิทันนาน ทั้งของประทานด้วยปรีดา
จึงว่าขอบคุณพระแม่เจ้า ดังบังเกิดเกล้าปักษา
ทั้งสองสาวสรรค์กัลยา ก็มีคุณแก่ข้าพ้นไป
แม้ว่าทีหลังได้กลับมา จะเก็บดอกมณฑามาให้
ค่อยอยู่เถิดข้าจะลาไป จงทูลองค์อรไทเทวี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางพระพี่เลี้ยงทั้งสองศรี
ฟังหงส์จงรักด้วยวาที มีความยินดีไม่รู้แล้ว
พิศเพ่งเล็งดูทั้งกายา รจนาดังทองแกมแก้ว
ขนขำอำไพเพริศแพร้ว ผ่องแผ้วไม่มีเทียมทัน
เป็นน่าเอ็นดูสกุณา อัธยาปรีชาก็คมสัน
แต่นกยังรู้จำนรรจ์ คิดแล้วยิ้มกันไปมา
จึงว่าพระยาปักษี ผู้มีใจภักดีอาสา
จงกลับไปทูลพระผ่านฟ้า ตัวข้าจะไปแจ้งนางเทวี
ว่าแล้วสองนางกัลยา ก็ลีลามาจากสวนศรี
รีบรัดลัดแลงจรลี มิให้ใครรู้กิจจา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ครั้นเข้ามาถึงวังใน พระพี่เลี้ยงร่วมใจเสนหา
จึงทูลความตามได้จำนรรจา ให้ทราบบาทานางเทวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สุวรรณเกสรมารศรี
กับสองพี่เลี้ยงผู้ภักดี มีความชื่นชมภิรมย์ใจ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระยาราชหงส์ทองผ่องใส
ครั้นออกจากสวนดอกไม้ ร่อนรีบมาในอัมพร
ข้ามดงคงคาป่าไม้ ข้ามแสนพนมในสิงขร
ตะวันบ่ายชายแสงทินกร ร่อนมายังคันธกุฎี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึงราปีกลง ตรงเข้าไปเฝ้าพระโฉมศรี
ประคองป้องปีกอัญชลี ถวายสารศรีกับสไบ
ทูลความตามเรื่องไปถึงสวน ทบทวนถ้วนถี่แถลงไข
ทีนี้เห็นจะสมพระฤทัย พี่ไปได้สิ่งสำคัญมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเรืองรุ่งเวหา
รับทรงสะพักกับสารา มาจากพระยาหงส์ทอง
ภูมีคลี่ชมสมหวัง ดังได้เห็นพักตร์เจ้าของ
งามนวลเนื้อสไบใยยอง กรองเป็นดอกดวงรจนา
หอมตลบอบองค์ทรงกลิ่น รวยรินรื่นซาบนาสา
หวนคิดถึงองค์วนิดา หงส์ว่าเลิศลักษณ์ประโลมใจ
สไบน้องกรองเนื้อถึงเพียงนี้ จะนวลเนื้อมารศรีสักเพียงไหน
คิดแล้วคลี่สารอรไท ภูวไนยทรงอ่านด้วยความรัก ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ในสารว่าน้องบังคม ถึงบรมบาทพระทรงศักดิ์
ซึ่งให้ปักษีมีใจภักดิ์ นำลักษณ์อักษรธำมรงค์
ให้มาถึงข้าเป็นสำคัญ ว่ามีจิตติดพันพิศวง
อยู่อยู่จู่มาไม่รู้องค์ จะฟังนกหคหงส์ก็ผิดที
แจ้งว่าพระองค์ผู้ทรงเดช ละนิเวศน์มาอยู่พนาศรี
คู่ครองสองสมก็ไม่มี จะขอฝากไมตรีชีวาวัน
จึงให้สารศรีธำมรงค์ มาต่างองค์พระยอดฟ้านราสรรค์
ผิดทีมีจิตจะผูกพัน ช่างบรรยายมาน่าอายใจ
ซึ่งข้ารับสารกับธำมรงค์ ใช่จะจงใจจริงก็หาไม่
ว่าขัดสนทนเทวษอยู่ในไพร ตกไร้ได้ยากลำบากกาย
ข้าจึงใช้ผ้าเป็นค่าแหวน ทดแทนมาถึงพระฦๅสาย
ถึงมิควรจะเปรียบเทียบทาย ตามมีก็ถวายพระองค์มา
อันหัวใจไมตรีประการใด มิรู้ได้ไม่เคยเดียงสา
พระองค์ให้ไปจึงให้มา มิรู้จะว่าข้าไร้ใจ
ถ้าชาวป่ามาได้จนถึงเมือง ขัดเคืองจะช่วยแก้ไข
นี่อยูในดงพงไพร จึงให้สไบตอบมา
ทั้งนี้เพราะข้าการุญ จะทำบุญกับคนอนาถา
ความจริงทุกสิ่งข้าวาจา เหมือนในสาราจงแจ้งใจ ฯ

ฯ ๑๘ คำ ฯ

๏ คลี่สารอ่านสิ้นอักษร ภูธรยิ้มแย้มแจ่มใส
ท่วงทีคมขำเป็นคำใน ควรเป็นหน่อไทธิบดี
จึงปรึกษาพี่เลี้ยงทั้งสี่คน ว่าเล่ห์กลยุบลสารศรี
ว่าขานมารยามาอย่างนี้ ทั้งสี่พี่จะคิดประการใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงทูลแจ้งแถลงไข
นางว่าข้าเห็นเป็นคำใน จะให้เสด็จไปพระบุรี
เห็นจะผ่อนตามความสวาท ไม่บำราศรักคลายหน่ายหนี
น่าที่จะได้เป็นไมตรี ข้าเห็นดังนี้พระภูบาล ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระศรีเมืองเรืองฤทธิ์ดังสุริย์ฉาน
ฟังสี่พี่เลี้ยงผู้ปรีชาญ จึงมีพจมานไปทันใด
ซึ่งพี่ดำริตริตรอง เห็นสอดคล้องต้องตามอัชฌาสัย
จะหนักหน่วงท่วงทีอยู่มิไป ที่ไหนจะได้เป็นไมตรี
จำจะถวายบังคมลา องค์พระมหาฤๅษี
ไปตามวาสนาครานี้ เดชะบุญมีจะพบกัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ว่าแล้ว พระลีลาศคลาดแคล้วผายผัน
กับสี่พี่เลี้ยงพร้อมกัน มาวันทาลาพระอาจารย์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงประณตบทบงสุ์ องค์พระมหาฤๅษีสาร
กราบลงแทบบาทบทมาลย์ บอกพระอาจารย์ทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ โปรดเกล้า พระอัยกาเจ้าเป็นใหญ่
บัดนี้หลานใช้ให้หงส์ไป เที่ยวหานางในทุกนคร
กลับมาว่าเห็นนางโฉมยง ทรงนามสุวรรณเกสร
อยู่ยังพารายโสธร สายสมรให้สารสไบมา
หลานรักจักขอลาไป หาองค์อรไทเสนหา
ตามได้สร้างสมอบรมมา ขอพระอัยกาจงปรานี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโควินท์มหาฤๅษี
ได้ฟังนัดดาพาที พระมุนีสลดระทดใจ
เอ็นดูหลานรักเป็นหนักหนา จะกลั้นน้ำตามิใคร่ได้
ด้วยเจ้าจะพรากจากไป ดังใครมาเด็ดเอาชีวี
ครั้นว่าจะขัดทัดทาน ห้ามปรามหลานไว้ก็ใช่ที่
จึงว่าเจ้าจะไปก็ตามที จงศรีสวัสดิ์อย่ามีภัย
ซึ่งสิ่งประสงค์จำนงจิต ให้สมความคิดจงได้
อันศัตรูหมู่ราชพาลภัย ให้อัปราชัยทุกเวลา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ