๏ เมื่อนั้น พระพิไชยมงกุฎผู้รุ่งฟ้า
วันเสียสำเภาเภตรา ฉวยคว้าได้ลูกทั้งสององค์
แลหาไม่พบองค์เทวี กำลังคลื่นอสุรีนั้นตีส่ง
ขึ้นขี่สังข์สิทธิ์ฤทธิรงค์ กับลูกสององค์เที่ยวดูไป
ขับสังข์ไปตามกระแสชล จะพบมิ่งนิฤมลก็หาไม่
หรือปลากินเสียประการใด หรือขึ้นฝั่งได้กระมังนา ฯ

ฯ ๖ คำ เพลง ฯ

๏ มาถึง ยังริมพระสมุทรทะเลใหญ่[๑]
เหลือบแลไปเห็นผ้าสไบ ทำธงปักไว้ริมหาดทราย
พระองค์ก็เสด็จเข้าไป ..........................[๒]
.......................... ..........................
จำได้ว่าของนางโฉมฉาย พิกุลทองตกมาเรี่ยรายอยู่
หลากแหลกแปลกใจเป็นพ้นรู้ หรือเจ้าซุ่มอยู่ที่แห่งใด
กู่ก้องร้องหาเมียแก้ว ตามแถวโตรกเตรินเนินไศล
รักยมพ่อเอ๋ยทำกระไร ชลนัยน์ฟูมฟองนองพักตรา
ได้ยินเสียงนกร้องก้องไพร แว่วไปเหมือนน้องร้องเรียกหา
ฟังไปใช่เสียงนางกัลยา ก็โศกาพิลาปร่ำไร
ได้ยินเสียงชะนีร้องโหยหวน เหมือนเสียงนิ่มนวลเจ้าร้องไห้
เจ้าเรียกพี่โน่นแล้วแก้วกลอยใจ พาลูกสายใจเที่ยวมองหา
ครั้นว่าฟังไปมิใช่แก้ว ข้อนทรวงเข้าแล้วกันแสงหา
สุดใจผัวแล้วเจ้าแก้วตา เดินทรงโศกาตามทางไป ฯ

ฯ ๑๔ คำ โอด ฯ

ทยอย

๏ เมื่อนั้น นางนกสาลิกาเสียงใส
ทำรังอยู่บนต้นไทรใหญ่ แลเห็นท้าวไทกับลูกยา
เดินทรงโศกาตามทางไป คิดสงสารใจเป็นหนักหนา
จึงร้องไปพลันมิทันช้า พ่อลูกโศกาด้วยเหตุใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมงกุฎหยุดฟังนกถามไถ่
จึงบอกนุสนธิ์แต่ต้นไป พรัดเมียเราไซร้ที่คงคา
พ่อลูกสามคนดั้นด้นไพร ติดตามทรามวัยขนิษฐา
ยังรู้บ้างหรือนางสาลิกา เมตตาจงบอกให้แจ้งใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ พันปี เรารู้คดีจะบอกให้
นางไปทางนี้จำชี้ไป นานแล้วก็ได้เจ็ดราตรี
นางร้องไห้สั่งเนื้อความไว้ แม้นเห็นท้าวไท้ลูกสองศรี
ให้เร่งติดตามจรลี ภูมีจงเร่งติดตามไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมงกุฎรู้แจ้งไม่สงสัย
..........................[๓] แม้นไปได้พบนางกัลยา
จะสนองคุณเจ้าเป็นที่เลิศ ค่อยอยู่ก่อนเถิดนางปักษา
อยู่เป็นผาสุกทุกเวลา อวยพรปักษาแล้วคลาไคล ฯ

ฯ ๔ คำ เชิด ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป พระวสิษฐ์ฤๅษีอันเป็นใหญ่
อยู่ในแว่นแคว้นแดนไพร สุริย์ใสพอค่ำย่ำเวลา
กองกูณฑ์พิธีระดมไฟ จะให้เรืองฤทธิ์แรงแสงกล้า
ตั้งพรตตบะประสมยา หลับตาอ่านเวทในกุฎี ฯ

ฯ ๔ คำ ตระ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพิไชยมงกุฎเรืองศรี
เดินตัดลัดป่าพนาลี สุริย์ศรีเลี้ยวลับพระเมรุไกร
จันทรส่องสว่างพ่างพื้น ร่มรื่นเงียบสงัดทั้งป่าใหญ่
พาลูกเดินตามพนาลัย เห็นแสงไฟสว่างข้างคีรี
ลูกเอ๋ยเตรียมตัวจงฉับไว ดีร้ายแดนไตรของยักษี
มันจับแม่เจ้าไว้ไม่รู้ที พระขึ้นศรศรีค่อยย่องมา
ให้ลูกถอดถือพระขรรค์ไชย ท้าวไทสังเกตว่ายักษา
แม้นยักษ์พ่อจะฆ่าให้มรณา ชิงเอามารดาของเจ้าไป
ว่าแล้วดำเนินเดินมา แอบเงาชายป่าเข้าให้ใกล้
จึงเห็นดาวบสยศไกร เถกิงกูณฑ์อยู่ในที่ศาลา ฯ

ฯ ๑๐ คำ เจรจา ฯ

๏ พ่อลูกก็ชวนกันเข้าไป กราบไหว้บังคมเหนือเกศา
พระดาวบสจงทรงพระเมตตา ข้าขออาศัยสักราตรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระวสิษฐ์โคดมฤๅษี
จึงปราศรัยไถ่ถามด้วยปรานี โฉมศรีจะไปแห่งใด
สามคนพ่อลูกองอาจมา ในป่าระหงดงใหญ่
หรือเป็นกษัตริย์พรัดเมืองไกล บอกให้รู้แจ้งแห่งคดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมงกุฎบอกแจ้งเป็นถ้วนถี่
ข้าเสียสำเภาในวารี พรัดกับเทวีที่คงคา
ข้าจึงพาลูกขึ้นฝั่งได้ รู้ข่าวทรามวัยเพราะปักษา
จึงมาพบองค์พระอัยกา เมตตาจงโปรดปรานี ฯ

ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ

๏ เมื่อนั้น พระดาวบสรู้แจ้งแห่งโฉมศรี
หนทางยังไกลในพงพี ต่อรุ่งพรุ่งนี้จึงคลาไคล
จัดแจงที่บรรณศาลา ให้พระราชาอยู่อาศัย
หยุดพักหลับนอนสำราญใจ ตามไปก็จะพบเป็นไรมี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ได้ฟัง พระทรงสังข์ประณตบทศรี
พระเข้าปรนนิบัติพัดวี แล้วให้สองศรีเจ้านิทรา ฯ

ฯ ๒ คำ ตระ ฯ

๏ รุ่งแล้ว พาสองลูกแก้วเสน่หา
ทั้งสามก็ชวนกันวันทา กราบลาเจ้าตาจะคลาไคล
พระดาวบสค่อยอยู่จงดี ครองกิจพิธีให้ผ่องใส
จะขอพรพระอาจารย์ชาญชัย ทั้งสามจะได้เป็นมงคล
พระอาจารย์ช่วยพิจารณา ข้าจะไปพนาวาไพรสณฑ์
ยังจะพบนิ่มน้องนิฤมล จะไปตำบลหนทางใด ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระวสิษฐ์ผู้มีอัชฌาศัย
ดูในทิพญาณทันใด ก็รู้แจ้งใจในปัญญา
ตัวเจ้าจะได้คู่ครอง แต่จะต้องรบพุ่งกับยักษา
แล้วจะพบเมียรักของราชา ตามทิศบูรพาจงเร่งไป
กูจะให้แหวนน้อยใบหนึ่งนี้ ศักดิ์สิทธิ์ฤทธีแปลงตัวได้
แม้นว่าจะนึกเป็นอันใด จำแลงแปลงได้ทุกสิ่งอัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมงกุฎชื่นชมหฤหรรษ์
รับแหวนแล้วกราบลงฉับพลัน ทั้งสามอภิวันท์พระมุนี
แล้วทำประทักษิณสามรอบ นบนอบกราบกรานพระฤๅษี
ยาตราออกมาจากกุฎี ตามทิศมุนีให้ฤกษ์ไป ฯ

ฯ ๔ คำ เชิด ฯ

๏ ตามมา ในป่าระหงดงใหญ่
เทพเจ้าเมืองบนเข้าดลใจ เข้าแดนภพไตรอสุรา
พลบค่ำย่ำเย็นลงอยู่ไรไร ภูวไนยก็ลุถึงสวนขวา
ของพระบุตรีศรีโสภา ลับตามารหมู่อสุรี
พาพระลูกยาเข้าอาศัย สุมทุมพุ่มไม้ในสวนศรี
แต่พอลับหมู่อสุรี ต่อรุ่งพรุ่งนี้จะคลาไคล ฯ

ฯ ๖ คำ ตระ ฯ

ช้า

๏ มาจะกล่าวบทไป นางอรุณวดีศรีใส
เป็นบุตรท้าววิรุฬจักรฤทธิไกร ชันษาเจ้าได้สิบห้าปี
จำเริญรุ่นสุนทรลักขณา พักตราช้อยแช่มแจ่มศรี
อันองค์สมเด็จพระชนนี เทวีสู่สวรรคาลัย
เมื่อจะได้คู่ครองของบังอร ให้เดือดร้อนในจิตไม่ผ่องใส
เคยไปเล่นอุทยานใน ที่สวนดอกไม้อย่างทุกที
จึงเรียกพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ เราจะออกไปสวนศรี
พี่ไปสั่งนักเทศขันที ให้เตรียมวอมณีจินดา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกศา
เดินผาดนาดนวยออกมา จากวังฉายาภิรมย์ใน
จึงสั่งขอเฝ้าเจ้ากรม นักสนมสาวศรีน้อยใหญ่
พระบุตรีจะเสด็จออกไป ให้จัดแจงไว้ในบัดนี้ ฯ

ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ

๏ ครั้นว่าจัดแจงได้พร้อมแล้ว คลาดแคล้วมาทูลพระโฉมศรี
ได้พร้อมเสร็จแล้วพระเทวี โฉมศรีจงทราบในพระทัย ฯ

ฯ ๒ คำ ชมตลาด ฯ

๏ เมื่อนั้น นางอรุณวดีศรีใส
สระสรงสนานสำราญใจ เอาสุคนธ์ลูบไล้ละลายทา
ใส่นํ้ามันกุหลาบอาบกลิ่น ให้ซาบสิ้นทุกเส้นเกศา
ผัดผ่องละอองพักตรา กรีดกันเกศาบรรจงไร
ภูษาก้านแย่งพื้นดำ เลิศล้ำไม่มีใครเปรียบได้
ทรงสไบตาดทองยองใย เนาวรัตน์ตรัสไตรจินดา
ใส่สร้อยตาบประดับทับทรวงทรง สอดพระธำมรงค์ทั้งซ้ายขวา
ทองหลามอร่ามรจนา ทรงพาหุรัดตรัสไตร
ใส่ฉลองรัดเกล้าเพราเพริศ ฉลุเลิศรักร้อยดอกไม้ไหว
ทรงเสร็จเสด็จคลาไคล ขึ้นเฝ้าท้าวไทพระบิดา ฯ

ฯ ๑๐ คำ เพลง ฯ

๏ มาถึงจึงตั้งบังคม ด้วยมโนภิรมย์หรรษา
จะขอลาสมเด็จพระบิดา ไปชมสวนขวาสำราญใจ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญามารผ่านภพผู้เป็นใหญ่
ได้ฟังลูกน้อยกลอยใจ จะลาไปเล่นสวนอุทยาน
เจ้าอย่าเล่นอยู่ให้ช้านัก นงลักษณ์พ่อยอดสงสาร
จะไปเที่ยวเล่นให้สำราญ สุริย์ฉานบ่ายคล้อยจงกลับมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางอรุณวดีเร่งหรรษา
จึงถวายบังคมทูลลา พี่เลี้ยงซ้ายขวาห้อมล้อมไป ฯ

ฯ ๒ คำ เชิด ฯ

๏ มาถึง ลงจากวอทองอันผ่องใส
พร้อมทั้งนักสนมกรมใน เที่ยวไปในสวนอุทยาน
พระทองลดเลี้ยวเที่ยวชมไม้ ตกกลาดดาษไปล้วนบุปผา
พิศดอกช่อแย้มผกา จำปาลำดวนหอมยวนใจ
การะเกดกระดังงาสารภี ซ่อนชู้มะลุลีบานไสว
สายหยุดพุดตานตระการใจ ล้วนพรรณดอกไม้นานา
บ้างมาเล่นซ่อนเล่นไล่ อื้ออึงคะนึงไปในสวนขวา
ร้องลำขับโต้กันไปมา ปรีดาภิรมย์ชื่นชมใจ ฯ

ฯ ๘ คำ เพลงฉิ่ง ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพิไชยมงกุฎพิสมัย
มองตามสุมทุมพุ่มไม้ แลไปเห็นโฉมพระบุตรี
เล่นอยู่กับฝูงนางใน สายสุดสวาดิใจอาลัยพี่
ทรงโฉมแช่มช้อยร้อยมาลี อยู่กลางสาวศรีกัลยา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เห็นแล้ว บอกสองลูกแก้วเสน่หา
เราจะซ่อนอยู่ฉะนี้มิลับตา ยักษาตรวจตราระวังไว
พ่อจะจำแลงเป็นสาลิกา กับสองลูกยาพิสมัย
ขึ้นอยู่บนพฤกษาให้พ้นภัย เสกด้วยพระเวทศักดา
................................. .................................[๔]
................................. กลายเป็นสกุณาด้วยฤทธี
สามตัวพ่อลูกก็บินวน จับบนกิ่งไม้ตรงโฉมศรี
พลอดเป็นภาษาสกุณี หวังจะให้เทวีเจ้าชอบใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ลำ สาลิกา ฯ

๏ เจ้าสาลิกาแก้วพ่อ ค่ำวันนี้หนอแก้วพ่อจะนอนไหน
ลูกนกนั้นเล่าก็ว่าไป .....................[๕]
แม่เราหาไม่ ไหนไหนก็นอนเถิดรา
................................. .................................
พ่อนกบอกลูกสองมา ว่าพ่อจะหาแม่ให้ใหม่ครานี้
ลูกนกตอบพลันทันที .................................
................................. พ่อจะหาที่นี่เป็นเห็นชอบกล
พ่อนกร้องตอบบัดเดี๋ยวดล พ่อเห็นจะเป็นผลแล้วลูกยา
................................. ฝ่ายว่าลูกนกก็ร้องมา
อยากกล้วยหนักหนา บิดาจะคิดประการใด
................................. พ่อนกตอบลูกบัดใจ
ร้องขอลงไป ใจบุญจะให้ทานกิน ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมศรีมีจิตคิดถวิล
ฟังเสียงนกหลอดให้ยวนยิน โฉมฉินพิศวาสจะขาดใจ
รู้พลอดดั่งคนรู้เจรจา ชะรอยว่าพรัดตรงมาแต่ไหน
สุรเสียงไพเราะเพราะจับใจ พิศวงหลงใหลด้วยสาลิกา
จึงสั่งสาวสรรกำนัลใน ให้เอากล้วยไปให้เจ้าปักษา
ให้จัดของหวานใส่พานมา ตามแต่สาลิกาจะขอบใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สาวที่รับสั่งบังคมไหว้
ออกมาจัดของด้วยบัดใจ สาวใช้ก็ยกเข้ามา
นวลนางพี่เลี้ยงร้องเรียกไป พ่อจะกินอะไรเจ้าปักษา
ลงมากินเถิดเจ้าสาลิกา ลงมาเร็วเร็วจากต้นไทร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุวรรณสาลิกาเสียงใส
ร้องตอบสาวศรีไปทันใจ จะเอากล้วยมาให้กูไม่เอา
กูเป็นนกท้าวนกพญา ไม่สมควรจะลงมาหาเจ้า
ถ้าแม้นโฉมยงนงเยาว์ นั้นแหละตัวเราจะลงไป ฯ

ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ

๏ เมื่อนั้น นางอรุณวดีศรีใส
โฉมนางเสด็จเข้าไป ทรามวัยร้องเรียกเจ้าสาลิกา
โอ้เจ้าขุนทองของแม่เอ๋ย ทรามเชยจงบินลงมาหา
กล้วยอ้อยของกินเราเอามา เจ้าปรารถนากินสิ่งไร
อยู่ด้วยกันเถิดเจ้าสาลิกา แม่จะหากรงทองอันผ่องใส
ลงมาเถิดพ่อมาเจ้ายาใจ แม่จะเลี้ยงเจ้าไว้ทั้งสามตัว ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ได้ยิน สาลิกาก็ยิ้มแย้มหัว
ทำดั่งจะโผเข้าจับตัว ร้องหัวแล้วพลอดเป็นคำใน
มั่นคงแล้วหรือจะเลี้ยงกัน จอมขวัญยังจะจำคำสั่งได้
ลวงล่อแต่พอให้ลงไป แล้วจะไม่เหมือนดั่งวาจา
ข้าคิดรักตัวกลัวภัย ด้วยทรามวัยเป็นเชื้อยักษา
ขัดใจแล้วจะฆ่าให้มรณา แม้นให้สัจจาจะลงไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ฟังปักษี เทวีจะรู้กลก็หาไม่
น้อยหรือถ้อยคำน่าเจ็บใจ ช่างรู้กลอะไรพ้นปัญญา
จึงว่าดูราเจ้าขุนทอง คำของเราสัจจะไม่มุสา
แม่จะเลี้ยงเจ้าไว้โดยสัจจา หรือจะหนีลงมาก็ตามใจ ฯ

ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ

๏ จึงสั่งมหาเสนา ขึ้นคล้องสาลิกาให้จงได้
แม้นได้สามตัวพ่อลูกไซร้ เราจะให้ประทานรางวัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งขมีขมัน
หาบ่วงหาข่ายได้ครบครัน ชวนกันขึ้นคล้องสกุณา ฯ

ฯ ๒ คำ เชิด ฯ

๏ เมื่อนั้น จึงพระสุวรรณปักษา
ตรัสสั่งทั้งสองพระลูกยา ให้เสนาเขาคล้องเอาตัวไป
แล้วทำเป็นเชิงมิใคร่จะบิน ปักษินให้คล้องเอาตัวได้
ค่อยค่อยโลดโจนไม่บินไป อยู่บนกิ่งไม้ชม้อยตา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีปีนขึ้นบนพฤกษา
ได้ทีคล้องพลันมิทันช้า จับได้สาลิกาบัดเดี๋ยวใจ ฯ

ฯ ๒ คำ เชิด ฯ

๏ จึงพาเจ้านกนั้นเข้ามา ถวายนางกัลยาไม่ช้าได้
โฉมนางชื่นชมภิรมย์ใจ รับเอานกไว้ด้วยยินดี
ทั้งลูกนกน้อยก็ได้มา แม่จะหากรงทองอย่าหมองศรี
สั่งให้รางวัลแก่เสนี ให้มีบำเหน็จผู้ได้มา ฯ

ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ

๏ เมื่อนั้น นางอรุณวดีเสน่หา
เย็นรอนอ่อนแสงพระสุริยา กัลยาจะกลับเข้าวังใน
พานกสาลิกาขึ้นวอทอง ปิดป้องกำบังพระสุริย์ใส
พร้อมพรั่งนักสนมกรมใน ตามเสด็จทรามวัยเข้าพารา ฯ

นางอรุณวดีนำนกสาลิกาทั้งสามตัวเข้าไปเลี้ยงในวัง เมื่อเข้าไปอยู่ในวังแล้วพระพิไชยมงกุฎแปลงกายเป็นคน ได้นางอรุณวดีเป็นชายา และเกิดการสู้รบกับท้าววิรุฬจักร ห้าววิรุฬจักรพลาดพลั้งถูกศรสิ้นชีวิต[๖]

๏ เมื่อนั้น[๗] พระพิไชยมงกุฎนาถา
เห็นองค์สมเด็จพระมารดา จึงยอกรวันทานางเทวี
แล้วทูลว่าอย่าไห้อาลัยนัก หน่อยจักประชวรไม่ควรที่
ลูกไม่หมายว่าแม่ของเทวี ลูกนึกว่าชนนีของลูกยา
อันองค์อสุรีที่ม้วยมิด ลูกก็ผิดเธอก็พลั้งจึงสังขาร์
ลูกงอนง้อขอรักสมัครสมา ท้าวยิ่งถือโทษาคิดฆ่าตี
เหลือทนพ้นที่จะอดกลั้น จึงหยิบศรกรกันท้าวยักษี
เผอิญเคราะห์จำเพาะถูกภูมี ถึงที่ชีวาตม์ขาดชะตา
จงคิดปลงส่งสการเถิดผ่านเกล้า อย่าสร้อยเศร้าอาลัยให้นักหนา
เกิดกรรมจะสนองลูกสองรา พระมารดายกโทษได้โปรดปราน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางพญากำสรดน่าสงสาร[๘]
เห็นลูกเขยมาประณตบทมาลย์ นงคราญรับคมประนมกร
พิศวงทรงบางร่างรัด งามทัดอรุณดวงสมร
ท่วงทีกิริยาว่าวอน โอนอ่อนเอาใจไม่หยาบคาย
ที่วิโยคโศกเศร้าถึงสามี เทวีค่อยเบาบรรเทาหาย
จึงตรัสกับลูกเขยภิเปรยปราย ไม่ควรขุ่นวุ่นวายถึงเพียงนี้
จริงแล้วหนอเพราะเพื่ออกุศล เข้าดลใจจอมจักรท้าวยักษี
แม่ไม่ถือโทษาอย่าราคี เหตุทั้งนี้ก็กรรมได้ทำมา
แล้วว่ากับบุตรีศรีสมร ไม่ห้ามปรามบิดรชังน้ำหน้า
จนวุ่นวายตายเปล่าไม่เข้ายา อายเขาหรือว่าเจ้าไม่อาย ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ฟังมารดา กัลยาประหวั่นขวัญหาย
กราบทูลรำพันบรรยาย เธอวางวายสำหรับลูกอัประมาณ
ลูกห้ามท้าวไทก็ไม่โปรด คาดโทษกริ้วตรัสประหัตประหาร
ลูกทำชั่วกลัวตัวจะวายปราณ เหมือนพาลฆ่าพ่อให้มรณา
มาตุรงค์ทรงขรรค์นี้ฟันฟาด ถึงเศียรขาดก็ควรกับโทษา
อยู่ก็อายไม่วายคำนินทา กัลยาทูลพลางทางโศกี ฯ

ฯ ๖ คำ โอด ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมารดรวอนปลอบลูกสาว
แต่แม่ห้ามยังไม่ฟังเลยครั้งนี้ หรือจะฟังเทวีเจ้าห้ามปราม
จะโทษอื่นโทษไกลไม่เป็นผล เพราะพระชนม์เธอสิ้นอวสาน[๙]
แล้วหันหน้าว่ากับพระภูบาล พ่อเป็นภารธุระด้วยช่วยจัดแจง ฯ

ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ

๏ เมื่อนั้น จึงองค์บดินทร์ทูลแถลง
ราชการมารดาอย่าระแวง ทุกตำแหน่งจะให้เสร็จสำเร็จการ
ทูลพลางทางจับศรสาตร์ อภิวาทตั้งจิตพิษฐาน
ยืนแยงแผลงโดยคัคนานต์ ไปพิมานเนรมิตวิสสุกรรม์ ฯ

ฯ ๔ คำ เชิดฉิ่ง ฯ

๏ ตกลงตรงสุวรรณมิทันช้า เสียงสะท้อนฟากฟ้าโกลาลั่น
ทุกองค์เทวฤทธิ์ปิดพระกรรณ องค์ก็สั่นไม่เป็นสมปฤๅดี ฯ

ฯ ๒ คำ ยานี ฯ

๏ เมื่อนั้น พระวิษณุกรรมเรืองศรี
แลเห็นศรสิทธิ์ฤทธี ภูมิหยิบทอดทัศนา
ศรทรงขององค์สังข์ศิลป์ไชย มอบให้กับพระโอรสา
จะมีเหตุเภทภัยในโลกา เทวาส่องเนตรสังเกตไป
แจ้งว่าพระไชยสุริย์วงศ์ ใช้ศรมาเชิญองค์เป็นการใหญ่
ให้ทำเมรุยักษีที่บรรลัย จะต้องไปให้ทันท่วงที ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ แล้วจัดแจงแต่งองค์ทรงเครื่อง อร่ามเรืองจำรัสรัศมี
กรกุมมหาจินดาดี ถือหางมยุรีระเห็จไป ฯ

ฯ ๒ คำ กลม ฯ

๏ ครั้นถึงจึงนั่งร่วมอาสน์ เทวราชกล่าวความถามไถ่
ใช้ศรไปหามาทำไม ท่านประสงค์สิ่งไรเร่งบอกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงทรงฤทธิ์ทุกทิศา
บอกพระวิษณุกรรมมิทันช้า เชิญมาโปรดช่วยอำนวยการ
ครั้นจะกะเกณฑ์ทำเมรุใหญ่ ก็ลำบากบ่าวไพร่ในไพรสาณฑ์
พ่อนางโฉมฉายนั้นวายปราณ เห็นแก่เยาวมาลย์ก่อนคราวนี้ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เทวัญสำรวลสรวลศรี
มันต้องอย่างนั้นแหละพันปี ชั่วดีขุนยักษ์ศักดิ์พ่อตา
ถึงไม่รักหากเห็นกับลูกสาว จริงนะท้าวเรื่องบุราณการอาสา
นี่หากเหิมเริ่มรักกัลยา ต้องเอาหน้าประกวดอวดแม่ยาย
ตรัสพลางทางเสด็จโยนแก้ว แสงสว่างพร่างแพร้วเฉิดฉาย
นึกเอาเมรุสุวรรณพรรณราย แพรวพรายบนยอดคีรีศรี ฯ

ฯ ๖ คำ ตระ ฯ

๏ เกิดเป็นพระเมรุมรฑป สารพันครันครบต่างสี
ตรีมุขช่อฟ้าบราลี เมรุทิศตั้งที่ประจำทิศ
สำซ่างวางสวดธรรมขันธ์ ราชวัติฉัตรชั้นไพจิตร
ประทีปตั้งจังหวะชวลิต รอกติดระย้าแก้วแววระยับ
รูปสัตว์ตั้งถัดพานผ้าไตร สังเค็ดใส่ใช้ฐานตั้งอันดับ
มีโรงเลี้ยงคาวหวานประทานทรัพย์ พลับพลาศรีที่ประทับข้างหน้าใน
ช่องระทากำมพฤกษ์ก็มีครบ ไม่ใคร่จบท้าวนึกรำลึกใส่
โรงหวานคาวของเคียงเรียงกันไป เสร็จดังเทพไทจินตนา ฯ

ฯ ๘ คำ เจรจา ฯ

๏ จึงตรัสกับโฉมยงพระทรงศักดิ์ เมรุนี้งามหนักเกินรักษา
แล้วลากษัตริย์ขัตติยา เหาะไปฟากฟ้าด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๒ คำ เชิด ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมงกุฎปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ตรัสสั่งยักษาธิบดี ให้เชิญศพอสุรีขึ้นเมรุทอง ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาบังคมประนมสนอง
ออกมาตราตรวจทุกหมวดกอง เลือกรองพลไพร่ไล่จัดกัน
บ้างเทียบรถคอยประทับรับโกศ บ้างก็โจษทุ่มเถียงกันเสียงสั่น
เกณฑ์ให้ใส่ลอมพอกบอกทั่วกัน ยกสุวรรณยานุมาศมาลาดปู
จัดพระญาติของยักษ์ชักพระศพ แต่งเครื่องครบเปล่งปลั่งอยู่ทั้งคู่
ไปนิมนต์สิทธาขรัวตาครู ที่ท่านรู้เชี่ยวชาญอ่านพระธรรม์
เชิดโกศอำไพใส่รถแก้ว ขนัดแถวนางห้ามตามโศกศัลย์
กลองตีปี่แจ้วเยือกแก้วกรรณ สังข์แตรแซ่สนั่นเข้าเมรุทอง ฯ

ฯ ๘ คำ นางหงส์ ฯ

๏ ยกโกศวางมหาเบญจามาศ โอภาสรังสีไม่มีสอง
นางร้องไห้ครวญคร่ำทำเป็นร้อง เสียงโพธิ์แก้วโพธิ์ทองพร้อมพร้อมกัน ฯ

ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ

๏ ฝ่ายพวกหุ่นงิ้วละครโขน ก็ตั้งท่าท้าตะโพนกลองรัวลั่น
มาดหมายเขม้นเล่นประชัน เสียงครื้นครั่นสนุกทุกโรงงาน
ยามเย็นเทวดาปาทานทิ้ง บ้างช่วงชิงล้มลุกพลุกพล่าน
เพลาค่ำกลองฟังก้องกังวาน พวกคนพาลเมาเหล้าวิ่งราวกัน ฯ

ฯ ๔ คำ กราว ฯ

๏ มีงานเบ็ดเสร็จเจ็ดราตรี พระภูมีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
จึงตรัสกับกัลยาวิลาวัณย์ จะปลงศพกุมภัณฑ์เวลานี้
บรรดาสาวสรรกำนัลใน เสนาน้อยใหญ่ของยักษี
ญาติวงศ์พงศาบรรดามี จงจัดแจงอัคคีให้พร้อมไว้
พระองค์ทรงประทีปบุปผา ขอสมาแล้วพระองค์ประจงใส่
มารดากัลยาพวกหน้าใน ก็จุดไฟรุ่งโรจน์โชตนา ฯ

ฯ ๖ คำ ปี่กลอง ฯ

๏ เสร็จงานการศพยักษี สามกษัตริย์เปรมปรีดิ์เป็นหนักหนา
ตรัสสั่งมหาเสนา เร่งตรวจตราตัวเราจะเข้าเมือง
สามองค์เสร็จทรงเครื่องประดับ แวววับเปล่งปลั่งมลังเหลือง
ชวนฝูงกำนัลนางย่างเยื้อง ทรงรถเรืองจำรัสชัชวาล
ช้างม้าร่าเริงบันเทิงเสียง สำเนียงรี้พลทวยหาญ
โกฏิแสนแน่นพงดงดาน คืนเข้าสถานพระพารา ฯ

ฯ ๖ คำ กราว ฯ

๏ ครั้นถึงจึงประทับรถทรง พร้อมฝูงอนงค์ซ้ายขวา
ต่างองค์ลีลาศยาตรา ไปยังปรางค์ปราพรรณราย ฯ

ฯ ๒ คำ เพลง ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมงกุฎสุริย์วงศ์ฦๅสาย
ทั้งสองกุมารสำราญกาย ค่อยสบายยินดีปรีดา
อาทิตย์อัสดงลงลับไม้ ชวนโฉมทรามวัยขนิษฐา
กับสองลูกรักร่วมชีวา สู่ที่ไสยาในราตรี ฯ

ฯ ๔ คำ ตระ ฯ



[๑] สัมผัสไม่รับกับคำกลอนสุดท้ายของบทก่อนหน้านี้

[๒] เนื้อความในหนังสือสมุดไทยหายไป

[๓] เนื้อความในหนังสือสมุดไทยหายไป

[๔] เนื้อความในหนังสือสมุดไทยหายไป

[๕] เนื้อความในหนังสือสมุดไทยหายไป

[๖] เนื้อความตอนนี้ไม่ปรากฏในหนังสือสมุดไทย เข้าใจว่าต้นฉบับน่าจะขาดหรือชำรุด จึงทำคำอธิบายแทรกไว้เพื่อขยายความให้ต่อเนื่องกับเนื้อหาในหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๒๗ (สวป.)

[๗] เริ่มความในหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๒๗

[๘] เนื้อความตอนนี้กล่าวถึงมเหสีของท้าววิรุฬจักร ซึ่งขัดแย้งกับเนื้อความตอนต้นเรื่องที่กล่าวว่าชายาของท้าววิรุฬจักรสิ้นชีวิตแล้ว ดังความว่า

“...เธอมีพระราชบุตรี ชื่ออรุณวดียอดสงสาร
ฝ่ายพระมเหสีนงคราญ เยาวมาลย์สู่สวรรคาลัย...”

[๙] สัมผัสไม่รับกับคำกลอนสุดท้ายของบทก่อนหน้านี้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ