๏ เมื่อนั้น โฉมนางประวะลิ่มศรีใส
ฟังพี่เลี้ยงตอบชอบฤทัย กระนั้นพี่มาไปทูลลา
ว่าแล้วเสด็จจรลี กับพระพี่เลี้ยงสันหยา
พร้อมด้วยสาวสรรกัลยา เสด็จมาปราสาทพระบิตุรงค์ ฯ

ฯ เพลง ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงก้มเกล้าวันชุลี พระชนกชนนีสูงส่ง
จึ่งกราบทูลไปดั่งใจจง ลูกจะทูลลาองค์พระทรงไชย
ไปชมมิ่งไม้ในอุทยาน บุหงาตระการงามไสว
เป็นฤดูผลออกดอกใบ บ่ายแสงสุริย์ใสจะกลับมา ฯ
๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวอุเรเซนนาถา
ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา ได้ฟังลูกยาพาที
จึ่งมีวาจาปราศรัย สายสวาดิจะไปสวนศรี
เจ้าระวังวรองค์ให้จงดี จะต้องแสงสุริย์ศรีตรัสไตร
แก้วตาอย่าอยู่ให้ช้านัก ลูกรักจะมีความไข้
สั่งพี่เลี้ยงทั้งสี่ทันใด จงระวังระไวพระลูกยา
ถ้าแม้นมีเหตุเภทพาล กูจะผลาญชีวังให้สังขาร์
อย่าอยู่จนสายัณห์เวลา จงกลับมาปราสาทรูจี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางประวะลิ่มโฉมศรี
ก้มเกล้าถวายอัญชุลี เทวีมายังปราสาทไชย
จึ่งสั่งสาวสรรกัลยา ให้เตรียมวอช่อฟ้าศรีใส
หอเฝ้าชาวที่ให้พร้อมไว้ เราจะไปชมสวนมาลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางกำนัลรับสั่งใส่เกศา
ลงจากปราสาทมิได้ช้า มาสั่งให้ตรวจตราเตรียมกัน
ครั้นได้เสร็จสรรพฉับไว สาวใช้กลับมาขมีขมัน
ถึงจึ่งก้มเกล้าอภิวันท์ เตรียมกันพร้อมแล้วพระบุตรี ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางประวะลิ่มโฉมศรี
ได้ฟังกำนัลพาที จรลีสระสรงคงคา ฯ

ฯ ชมตลาด ๒ คำ ฯ

๏ ทรงสุคนธ์ปนทองนพคุณ ให้นูนผิวผ่องมังสา
ทรงภูษาพื้นสุวรรณโอ่อ่า สะอิ้งแก้วรจนาพรายพรรณ
ทรงสไบปักทองผ่องใส ดั่งนางในฟากฟ้ากระยาหงัน
สร้อยสนตาบประสานสังวาลวรรณ ทองกรกุดั่นรูจี
สอดใส่ธำมรงค์รองเรือง แสงประเทืองอำไพใสศรี
ทรงมงกุฎแก้วมณี ห้อยพวงมาลีสุวรรณ ฯ

ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ

๏ ครั้นแล้วจึ่งชวนสกุณา มาไปกับแม่ยังสวนขวัญ
จึ่งเผยกรงแก้วแพรวพรรณ อุ้มเอาสุบรรณคลาไคล ฯ

ฯ เพลง ๒ คำ ฯ

๏ แล้วเสด็จขึ้นทรงวอแก้ว อันเพริศแพร้วด้วยมณีศรีใส
พร้อมด้วยสาวสนมกรมใน ตามเสด็จอรไทไคลคลา
เสนาแห่แหนเป็นขนัด เบียดเสียดเยียดยัดเป็นหนักหนา
อันสี่พี่เลี้ยงพระธิดา ประคองเคียงสีวิกาจรัล ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ มาเอยมาถึง ยังสวนอุทยานอันพิศาล
โฉมพระบุตรีเยาวมาลย์ ลงจากสีวิการทันที
จึ่งเสด็จขึ้นบนพระตำหนัก นงลักษณ์ปรีดิ์เปรมกระเษมศรี
จะได้เห็นทรงธรรม์พันปี เทวีเบิกบานสำราญใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันรัศมีศรีใส
เห็นคนดาษดาเข้ามาใน พระแจ้งใจว่านางมาอุทยาน
จึ่งเรียกอนุชามาทันที ภูมีค่อยกระซิบสั่งสาร
พี่จะถวายเจ้าแก่เยาวมาลย์ เห็นจะได้การแล้วอนุชา
จะอยู่ด้วยองค์นางโฉมตรู จงดูที่ทางไว้ขนิษฐา
พี่จะเข้าไปหานางกัลยา แก้วตาจงรับฉับไว
สั่งแล้วจึ่งเรียกยายมาลา เข้ามาใกล้แล้วปราศรัย
พระบุตรีมาสวนมาลัย ยายจะออกไปเฝ้าเทวี
จงพาอนุชาไปด้วย ช่วยถวายแก่องค์โฉมศรี
จะได้เป็นพนักงานร้อยมาลี ตายายจะมีความสุขไป
ข้าจะซ่อนอยู่บนเคหา ใครจะทันสงกาก็หาไม่
ยายจงชวนกันลงไป เฝ้าองค์อรไทกัลยา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายมาลีดีใจเป็นหนักหนา
ข้าจะช่วยถวายพระน้องยา พ่ออย่าอาวรณ์ร้อนใจ
เจ้าอยู่บนที่เคหา อย่าเยี่ยมหน้าออกไปไม่ได้
ล้วนข้าสาวชาวแม่ข้างใน อย่าให้ใครเห็นกายาฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ สั่งเอยสั่งแล้ว คลาดแคล้วลงจากเคหา
กับเจ้าลิขิตอนุชา คอยท่ารับเสด็จนางเทวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สันหยาพระพี่เลี้ยงสาวศรี
จี่งทูลพระราชบุตรี เชิญเสด็จเทวีไคลคลา
เชยชมพุ่มพวงดวงมาลัย ให้สำราญพระทัยเป็นหนักหนา
ที่ข้างริมเรือนยายมาลา บุหงาต่างต่างอย่างดี
แล้วนางจึ่งสั่งไปทันใด แก่ฝูงกำนัลในสาวศรี
จงชวนกันเก็บมาลี ให้ได้มากมีทุกสิ่งอัน
จะร้อยถวายพระบิตุรงค์ ให้ได้ทุกอนงค์สาวสรร
ให้ร้อยต่างต่างละอย่างกัน ให้ทันเพลาพรุ่งนี้ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางกำนัลสาวศรี
ได้ฟังสันหยาพาที ต่างคนจรลีลงมา
เที่ยวเก็บบุปผามาลัย ต่างไปเล็ดลอดสอดหา
บ้างร้อยประกวดกันนานา หรรษาทุกหน้ากำนัลใน ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มเฉิดโฉมพิสมัย
ให้คิดขวยเขินสะเทิ้นใจ มิใคร่จะเสด็จจรลี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สันหยาพี่เลี้ยงมารศรี
ก็แจ้งประจักษ์ใจในที เห็นเทวีมิใคร่จะไคลคลา
จึ่งทูลปลอบโยนโอนอ่อน ดวงสมรจงฟังพี่ว่า
แม้นพระองค์ไม่เสด็จลีลา ผ่านฟ้าจะน้อยพระทัยนัก
พระอตส่าห์พยายามตามหิมเวศ ใคร่เห็นอัคเรศให้ประจักษ์
จะแคลงพระทัยว่าไม่รัก นงลักษณ์คิดดูให้จงดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มนิ่มเนื้อนวลศรี
แย้มยิ้มพริ้มพักตร์พาที แล้วอุ้มปักษีคลาไคล ฯ

ฯ พระทอง ๒ คำ ฯ

๏ สองคนแต่กับนางสันหยา เที่ยวชมบุหงางามไสว
เตร็ดเตร่เร่เก็บดอกไม้ เข้าไปใกล้เรือนยายตา
ให้คิดประหวั่นพรั่นใจ ลัดแลงแฝงไม้พฤกษา
นางสันหยาชักชวนเจรจา ชวนเก็บดอกมาลาสำราญใจ
นางชมรุกขชาติผลาผล สุกหล่นเกลื่อนกลาดดาษไสว
หอมหวนชวนชื่นชูใจ ฝ้ายเทศการะเกดกระดังงา
สารภีพิกุลหอมโหย ยมโดยกระถินกลิ่นกาหลา
นางแย้มยี่โถโยทะกา จำปามหาหงส์ประยงค์ยวน
มะลิซ้อนซ่อนกลิ่นเบญจ์วรรณ สารพันสรรไว้ที่ในสวน
กุหลาบก้านเกี่ยวกิ่งลำดวน เรณูนวลหอมอบตรลบมา
ชมพลางทางชายนัยน์เนตร หาองค์ทรงเดชในเคหา
แล้วใส่ไคล้ทำเด็ดดอกมาลา ยื่นให้สันหยาผู้ร่วมใจ ฯ

ฯ ร่าย ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันรัศมีศรีใส
เสด็จอยู่ในเรือนยายมาลัย ได้ยินเสียงทรามวัยพาที
เล็งลอดสอดมองตามช่องฝา เห็นองค์กัลยาโฉมศรี
เลิศล้ำนางในธรณี พระภูมีเพ่งพิศไม่วางตา
งามกรงามทรงวงพักตร์ จำเริญรักยั่วยวนเสนหา
นวลละอองผ่องเพียงจันทรา นางในใต้ฟ้าไม่เทียมทัน
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ ทรงศรีประเสริฐเฉิดฉัน
ดั่งดวงโกมุทบุษบัน พึ่งผุดพ้นขอบขัณฑ์มุจลินท์
โฉมเฉลาเยาวลักษณ์ของเรียมเอ๋ย เมื่อไรเลยจะได้สมอารมณ์ถวิล
หอมรสมาลารวยริน หอมกลิ่นวรนุชพี่ชื่นใจ
อนิจจาแลลับพฤกษาแล้ว ใครจะช่วยเชิญแก้วมาให้ใกล้
แต่พอคลายร้อนอาวรณ์ใจ ปลื้มใจจงได้ปรานี
ชมพลางเคลิ้มไคล้ใหลหลง ตรัสเรียกโฉมยงมารศรี
มาเถิดมิ่งสมรนารี ขอชมเทวีให้อิ่มใจ
แต่ตรึกนึกเห็นเต่นเตือน ฟั่นเฟือนใฝ่ฝันไม่กลั้นได้
จึงกล่าวสุนทรฉะอ้อนไป ขับด้วยความใคร่ประลองโลม ฯ

ฯ สมิงทอง ฯ

๏ บังอรวรนุชของพี่เอ๋ย บำเพ็ญบุญไฉนเลยจึ่งเฉิดโฉม
เป็นที่ตรีโลกเล้าโลม ชมโฉมน้องน้อยกลอยใจ
เยื้องย่างดั่งนางกินนร ถึงนางเทพอัปสรไม่เปรียบได้
ยาหยีเจ้าเก็บมาลีไว้ ความงามกระไรน่าชมเชย
นางแย้มเจ้าแกมเล็บมือนาง ขอให้พี่บ้างเถิดน้องเอ๋ย
ไม่เหลียวมาข้างพี่นี้บ้างเลย น้องเอยยื่นมาพี่คอยรับ
ส่งแต่กลิ่นชวยอยู่รวยรื่น มายืนตรงนี้ฟังพี่ขับ
อกพี่ดั่งคีรีทุ่มทับ แม้นมิได้ไม่กลับไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมพระบุตรีศรีใส
ได้ฟังสุรเสียงพระภูวไนย อรไทชายเนตรชำเลืองมา
สบเนตรเสียวสันหวั่นไหว ยิ่งสะเทิ้นพระทัยเป็นหนักหนา
ลัดแลงแฝงองค์กัลยา ฟังเสียงผ่านฟ้ายิ่งจับใจ
ดั่งวารีเฉื่อยฉ่ำอำมฤต บึกบึกนึกหวนครวญใคร่
ทำชม้อยชม้ายชายตาไป ชูช่อดอกไม้ชมเชย
แล้วนางทำวางมาลาไว้ ความงามพ้นใจพี่เจ้าเอ๋ย
วางไว้อย่าเพ่อเอาไปเลย แล้วนางทำเฉยเมินไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันยิ้มแย้มแจ่มใส
แจ้งว่านางแกล้งมาให้ไว้ พระเดินออกไปให้ใกล้น้อง
ลอบหยิบแล้วกระซิบพาที คุณเจ้าอยู่พี่ไม่มีสอง ฯ
เทวามารับสินบนน้อง อย่าให้เคืองข้องระคายใจ
เอ็นดูด้วยเถิดเทพารักษ์ ช่วยชักนางเข้ามาให้ใกล้
แต่พอให้ชวยชื่นรื่นฤทัย คุณจะอยู่พี่ไปคุ้มวันตาย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมประวะลิ่มเฉิดฉาย
เชือนเก็บบุหงาซ่อนหน้าอาย ภิปรายชวนปักษาพาที
นั่นวิหคพลอดกันฉันใด เล่าให้แม่ฟังเจ้ารังสี
พี่สันหยามาดูสกุณี หมู่นี้พลอดกันฉันใด ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หัสรังจึ่งทูลแถลงไข
อันนกซึ่งจับอยู่ลับไป ร้องขอดอกไม้ที่ชิงกัน
จับพลอดฉะฉอดเซ็งแซ่ ชมโฉมเจ้าแม่ว่าเฉิดฉัน
ร้องขอมาลีที่ทรงนั้น รับขวัญเชยชมพระมารดา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มเฉิดโฉมเสนหา
ได้ฟังหัสรังเจรจา ยิ่งโสมนัสาพันทวี
นางกอดจูบลูบชมปักษา แล้วชำเลืองนัยนานางโฉมศรี
สบเนตรเบือนพักตร์เสียทันที เทวีรัญจวนป่วนใจ
แล้วนางจึ่งเก็บดอกสร้อยฟ้า ยื่นให้สกุณาศรีใส
นางสันหยาพี่เลี้ยงก็เข้าใจ จึ่งว่าไปแก่สกุณา
เจ้าจงเอาพวงดอกไม้นี้ รีบเร่งจรลีนะปักษา
ไปถวายแก่องค์พระราชา อยู่บนเคหายายมาลี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งหัสรังราชปักษี
ประณมปีกรับเอาทันที รีบรี่มายังเรือนตายาย
ครั้นถึงจึ่งตรงเข้าไป เอาดอกไม้ถวายพระโฉมฉาย
ทูลไปด้วยใจเปรมปราย ของเจ้าแม่ให้ถวายพระภูวไนย ฯ

ฯ คำวอน ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันยินดีจะมีไหน
รับพวงมาลาทันใด แล้วกอดจูบลูบไล้สกุณา
เจ้าจงทูลองค์พระชนนี ว่าข้านี้รัญจวนครวญหา
โศกเศร้าเร่าร้อนในอุรา ทุกทิวาอารมณ์ไม่สมประดี
เมื่อไรจะได้พบสบประสงค์ แสนจำนงมุ่งมาดสวาดิศรี
แม้นเจ้าแม่สกุณาปรานี เห็นจะมีชีวีสืบไปฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หัสรังประณมปีกไหว้
รับพจนารถพระภูวไนย แล้วลาคลาไกลกลับมา
ครั้นถึงจึ่งทูลนางเทวี ว่าพระองค์ยินดีเป็นหนักหนา
สั่งข้าให้ทูลพระมารดา ว่าเร่าร้อนอุราเป็นพ้นไป
จะใคร่พบองค์พระชนนี ภูมีรัญจวนครวญใคร่
ลืมเสวยลืมสรงคงคาลัย ภูวไนยไม่เป็นสมประดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางประวะลิ่มโฉมศรี
ได้ฟังปักษาพาที เทวีแย้มสรวลสำรวลไป
แล้วว่าแก่พี่สันหยา ดูดูปักษามาเสกใส่
ช่างพูดประสมนี้สุดใจ ไปได้ที่ไหนมาพาที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายเฒ่าผู้เฝ้าสวนศรี
หมอบคลานชวนหลานจรลี ไปเฝ้าเทวีทันใด
แล้วทูลถวายกุมารา แก่องค์พระธิดาศรีใส
นี่แลลิขิตช่างมาลัย ให้พามาถวายโฉมยง ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มนิ่มเนื้อนวลหง
นางเร่งพินิจพิศทรง จำได้ว่าองค์อนุชา
นรลักษณ์พักตราน่ารัก พิศพักตร์เหมือนองค์พระเชษฐา
แล้วนางจึ่งมีวาจา ว่าแก่กุมาราไปทันที
เราจะเลี้ยงเจ้าเป็นอนุชา มิให้น้องยาหมองศรี
ว่าแล้วจูงกรจรลี มาที่ประทับนางนงคราญ
แล้วสั่งพี่เลี้ยงทั้งสี่ จะคืนเข้าบูรีราชฐาน
บรรดาบุหงาอันตระการ ประมาณใดมากน้อยสักเท่าใด
เอามาให้พร้อมเพรียงกัน จะถวายทรงธรรม์เป็นใหญ่
เราจะกลับคืนเข้าเวียงไชย พระสุริย์ใสยังควรเวลา ฯ

ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางพี่เลี้ยงสันหยา
บอกแก่สาวสรรกัลยา ให้เอามาลามาทันที
บรรดาที่ร้อยไว้ทุกนาง บุหงาหลายอย่างต่างสี
เอามาถวายพระบุตรี มากมีทุกพรรณมาลา ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางประวะลิ่มเสนหา
จึ่งชำระสระสรงกายา ทรงเครื่องรจนาอำไพ
แล้วเสด็จลงจากพลับพลา จูงกรอนุชาศรีใส
พร้อมด้วยสาวสรรกำนัลใน เสด็จไปทรงสีวิกาการ
ชักพระสูตรทองบังทั้งสี่ทิศ ป้องปิดมิดแสงพระสุริย์ฉาน
แล้วเสด็จออกจากอุทยาน เฒ่าแก่บริวารก็ตามไป ฯ

ฯ เชิด ๖ คำ ฯ

๏ นางแหวกพระวิสูตรปิดป้อง แย้มมองมิให้ใครสงสัย
ดูเรือนยายเฒ่ามาลัย จนลับล่วงนัยน์เนตรนางเทวี
เสนหามารึงตรึงจิต ให้คิดถึงองค์พระโฉมศรี
อาดูรพูนเทวษพันทวี มารศรีเศร้าสร้อยละห้อยใจ
แล้วพูดจาปราศรัยเจ้าลิขิต หวังจะให้คลายจิตที่หม่นไหม้
เสแสร้งแกล้งกล่าวเซ้าซี้ไป จนถึงวังในฉับพลัน
วอประทับเกยรัตน์ชัชวาล ลงจากสีวิการเฉิดฉัน
นางเสด็จย่างเยื้องจรจรัล ดั่งสุวรรณหงส์ทองจรลี ฯ

ฯ เพลง ฯ

๏ จึ่งมีสุนทรวาจา แก่องค์อนุชาเรืองศรี
เจ้าอยู่ด้วยหมู่นารี พี่นี้จะไปเฝ้าสองกษัตรา
สั่งแล้วเสด็จจรลี กับพี่เลี้ยงสาวศรีซ้ายขวา
ครั้นถึงปราสาทแก้วแววฟ้า กัลยาก้มเกล้าบังคมคัล
จึ่งเอาบุปผามาลี บรรดาที่มีกลิ่นแกล้งสรร
ถวายสององค์ทรงธรรม์ แจ่มจันทร์ชื่นบานสำราญใจ ฯ

ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงภพเป็นใหญ่
ทั้งองค์มะรุดาอุไร ปราศรัยไปแก่พระธิดา
ไปเล่นอุทยานสำราญใจ เก็บพรรณดอกไม้มาหนักหนา
สุดสวาดิเจ้าเล่นจะเหนื่อยมา แก้วตาจงไปปราสาทไชย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มเทวีศรีใส
รับสั่งบังคมภิรมย์ใจ ลาไปปราสาทรจนา ฯ

ฯ สาลิกา ๒ คำ ฯ

๏ มาถึง ปรางค์แก้วสุวรรณเลขา
ประคองกรจูงพระอนุชา เสด็จมาเข้าที่ชำระองค์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ชำระสระสรงพระอนุชา ด้วยน้ำอบบุหงาโสรจสรง
เฟื่องฟุ้งตรลบอบองค์ หอมหวนยวนยงยั่วใจ
แล้วให้เสวยสาลี เทวีประดิษฐ์ประจงให้
กวดเกล้าเมาลีแซมมาลัย แล้วให้ทรงเครื่องลออองค์
ทรงภูษาเสร็จสรรพแล้วสอดสร้อย จิ้มลิ้มนิ่มน้อยนวลหง
ทั้งสองพระหัตถ์ให้สอดทรง ธำมรงค์เนาวรัตน์จำรัสฟ้า
แล้วเฉลิมเจิมผัดวรพักตร์ น้องรักผู้ยอดเสนหา
ผ่องเพียงบุหลันอันลอยฟ้า กัลยาชื่นชมภิรมย์ใจ ฯ

ฯ ร่าย ๘ คำ ฯ

๏ ชำระสระสรงสำเร็จแล้ว ไคลคลาพาแก้วพิสมัย
เข้าห้องสุวรรณทันใด ไถ่ถามความในที่จินดา
ครั้นถึงจึ่งอุ้มขึ้นใส่ตัก น้องรักจงแจ้งอย่ากังขา
เป็นวงศ์พงศ์ผ่านพารา บูรีเรืองเฟื่องฟ้าแดนใด
เหตุไฉนจึ่งได้พลัดพราก ลำบากปิ้มชีพเหลวไหล
สัญจรนอนในเขาเงาไม้ แรมดงพงไพรพนาวัน
ล่วงด่านผ่านแดนยักษา ข้ามเขตคงคาแข็งขัน
ไม่คิดชีวิตชีวาวัน ด้นดั้นดำเนินเดินไพร
แต่พี่กับน้องสองคน จะพากันดั้นด้นไปหนไหน
ต้องประสงค์จำนงสิ่งใด เชิญเจ้าเล่าไปให้แจ้งการ ฯ
๏ เมื่อนั้น ลิขิตก้มเกล้าสนองสาร
จึ่งทูลโฉมยงนงคราญ อยู่สถานอุรังยิดเวียงไชย
ได้ยินข่าวว่าอนงค์องค์หนึ่งเลิศ ลอยฟ้ามาเกิดในกรุงใหญ่
ล้ำโฉมนางฟ้าสุราลัย ในอุเรเซนมไหวิไลวรรณ
เป็นมิ่งมงกุฎกัลยา โฉมเฉิดเลิศฟ้ากระยาหงัน
จะเล็งเทียบหาเปรียบไม่เทียมทัน สุดสวรรค์แหล่งหล้าธาตรี
พระเชษฐาอาดูรพูนเทวษ ถึงองค์อัคเรศมารศรี
จนพระบิตุรงค์ทรงธรณี ให้หาพระบุตรีทุกกรุงไกร
สิ้นทั้งร้อยเอ็ดพระบูรี พระมิได้ยินดีพิสมัย
จึ่งทูลลาพระองค์ทรงไชย มาในไพรสัณฑ์กันดาร
เสวยแต่ผลไม้ทุกเช้าเย็น เคืองเข็ญมาในไพรสาณฑ์
ตรำฝนทนแดดทรมาน จนถึงสถานเวียงไชย
มาพบตายายที่ในสวน พระค่อยคลายรัญจวนที่หม่นไหม้
บรรยายแต่ต้นจนปลายไป ใส่ไคล้ต่อข้อคดี ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางประวะลิ่มโฉมศรี
ได้ฟังอนุชาพาที เทวียิ่งแสนสวาดินัก
จูบกอดรับขวัญอนุชา เจ้าช่างเจรจาแหลมหลัก
ค่อยสว่างอาวรณ์ร้อนรัก แต่เวียนซักไถ่ถามความใน ฯ

ฯ ช้า ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันรัศมีศรีใส
ครั้นนางเสด็จกลับไป ให้อาลัยถึงองค์พระบุตรี
โอ้เจ้าพุ่มพวงดวงใจ ควรหนีพี่ได้นะโฉมศรี
เปลื้องปลดรสรักไมตรี สายสุดสวาดิพี่ไม่เมตตา
ป่านฉะนี้เจ้าจะถึงปราสาทแล้ว น้องแก้วจะละห้อยคอยหา
จะเชยชมแต่องค์อนุชา ต่างพักตราพี่ยาจะค่อยคลาย
ยอดสุดาน่ารักของพี่เอ๋ย เมื่อไรเลยจะได้พบโฉมฉาย
ถึงสิ้นชนม์ชีพวางวาย แต่ให้สายสุดสวาดิเจ้าปรานี ฯ

ฯ ร่าย ๘ คำ ฯ

๏ แต่อักอ่วนครวญใคร่ไปมา จนเพลารุ่งแจ้งแสงศรี
จึ่งเรียกยายมาลามาทันที ภูมีกล่าวรสพจนา
วันนี้จะร้อยมาลัย อย่างใหม่ให้งามหนักหนา
เอาไปถวายพระธิดา ในเวลาบ่ายวันนี้
ว่าแล้วทรงร้อยมาลัย แกล้งประดิษฐ์คิดใส่ถ้วนถี่
ร้อยเป็นกุมารฤทธี ยืนอยู่ข้างที่บัญชรไชย
นางสถิตบนแท่นทองทรง พี่เลี้ยงอยู่ข้างอาสน์ศรีใส
พระกุมารแน่งน้อยงามวิไล ประณมกรอยู่ใกล้นางเทวี
ครั้นแล้วจึงเอาพวงบุปผา ส่งให้ยายมาลาทาสี
ยายเร่งเอาพวงมาลัยนี้ ไปถวายเทวีพระธิดา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายมาลีดีใจเป็นหนักหนา
รับเอาพุ่มพวงดวงผกา ลงจากเคหาคลาไคล
ดุ่มเดาะเยาะเย้ามาเต็มพักตร์ ใครทักไขหูหาดูไม่
กระเดียดกระทายดอกไม้ เข้าไปถึงปราสาทกัลยา ฯ

ฯ ชม ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มเฉิดโฉมเสนหา
แลไปเห็นยายมาลา จึ่งเรียกมาให้นั่งกลางกำนัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายมาลีกริ่งใจให้ไหวหวั่น
ก้มเกล้าประณมบังคมคัล ถวายพวงบุษบันทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มยินดีจะมีไหน
จึ่งรับเอาพวงดอกไม้ ชื่นชมภิรมย์ใจพันทวี
นางแกล้งแสร้งเสเพทุบาย ประปรายทุกหน้านางสาวศรี
แล้วเสด็จเยื้องย่างจรลี ชวนพี่เลี้ยงเข้าที่ไสยา
ครั้นถึงแท่นทิพบวร จึ่งมีสุนทรกับสันหยา
พี่เอ๋ยครั้งนี้พวงมาลา งามประดิษฐ์รจนาเป็นพ้นไป
จัดเจียนประจงจำนงกรอง เป็นนารีทั้งสองศรีใส
ข้าสถิตยังแท่นบรรทมใน ถัดไปพี่นางบังคมคัล
นั่นลิขิตประณมกร อยู่ริมบัญชรเฉิดฉัน
นี้คือพระองค์ทรงธรรม์ ทรงศรพระขรรค์เรืองไชย
ยืนอยู่ตรงหน้าสิงหบัญชร นั่นกรแกะบานพระแกลใหญ่
มิรู้ที่จะเข้าทางใด ภูวไนยยืนพิจารณา
ชมพลางกับนางพี่เลี้ยง นั่งเคียงคู่คิดปริศนา
จะอุบายฉันใดนะพี่อา จึ่งจะเข้ามาถึงห้องใน
จำจะให้ไปอยู่ด้วยอาจารย์ เห็นจะพาภูบาลเข้ามาได้
ทำไฉนพระจะแจ้งประจักษ์ใจ ฤๅจะใช้วิหคหัสรัง ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงทูลไปดั่งใจหวัง
พระองค์จงคอยยับยั้ง ด้วยแจ้งความหลังประจักษ์ใจ
เป็นแรมเดือนดับลับลง จึงจะรับพระองค์เข้ามาได้
เอากระเหม่าชโลมยายมาลัย แล้วปล่อยไปให้แจ้งคดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มนิ่มเนื้อนวลศรี
ได้ฟังพี่เลี้ยงพาที เทวีชื่นชมภิรมย์ใจ
นางจึ่งเสด็จไคลคลา จากห้องไสยาพิสมัย
สถิตเหนือแท่นที่อำไพ อรไททำกริ้วโกรธา
วันนี้ทำไมจึ่งมาสาย จนขาดถวายพวงบุหงา
เร่งเร็วพี่เอากระเหม่ามา มอมยายมาลาให้ทั่วตัวฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พี่เลี้ยงสาวสรรก็ยิ้มหัว
ชวนกันเข้ารุมกลุ้มตัว เอามินหม้อทาทั่วทั้งกายไป
เห็นแต่สองตาอยู่แววแวว เหมือนหนึ่งกับแมวทโมนใหญ่
สาวสรรต่างสรวลแซ่ไป มี่ทั้งปราสาทนางกัลยา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น โฉมนางประวะลิ่มเสนหา
เห็นยายมาลีก็ปรีดา กัลยาแย้มสรวลสำรวลใจ
แล้วนางจึ่งมีวาจา อีเฒ่ามาลาช่างแก้ไข
ไปคบค้าพาใครเข้ามาไว้ ช่างร้อยมาลัยไม่ขอดู
ครั้งหนึ่งมิหนำซ้ำอีกเล่า ยายเฒ่าไม่อายอดสู
อย่าคบค้ามาไว้ในสวนกู จงไปอยู่กับฤๅษีชีไพร
อย่าให้เดินไปทางตรง ส่งลงตรงหน้าบัญชรใหญ่
ชาวแม่ช่วยแห่หามไป เร่งเร็วฉับไวบัดนี้ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เฒ่าแก่กำนัลสาวศรี
ชวนกันเข้าหามยายมาลี ให้นั่งลงยังที่สาแหรกยนต์
สอดส่งลงตามพระบัญชร เชือกหย่อนเฒ่าดิ้นสับสน
ยิ่งร้องเขารั้งไว้ข้างบน คิดจะโจนให้พ้นก็กลัวตาย
ครั้นหย่อนลงไปถึงดิน ลุกผินหน้าวิ่งออกใจหาย
ออกประตูเด็กกรูดูมากมาย เฒ่าเดินเมียงกายเบี่ยงบ่ายไป
ฝ่ายว่าฝูงเด็กเข้าโหมแห่ ยายแก่คนนี้มาแต่ไหน
ครั้งนี้ทาดำเราจำไว้ เข้ายื้อชักผลักไสทนด่าทอ
ฝ่ายยายยิ่งโกรธก็ด่าแช่ง สะบัดวัดแวงดั่งหันมอ
ยิ่งด่าเด็กเข้าต่อล้อ แกด่าทอแล้วรีบมาเรือนตัว ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตาเฒ่าแลเห็นก็ยิ้มหัว
ถามว่าเป็นไรจึ่งมืดมัว หัวหูก็ดำใครทำยาย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายยายโกรธาเป็นบ้าบ่น กระแทกก้นแล้วลอยหน้าส่าย
งามแล้วครั้งนี้แทบตาย หลานชายอยู่ไหนไม่มาดู
ครั้งหนึ่งมิหนำซํ้าอีกเล่า ทีนี้อีเฒ่ามิให้อยู่
ได้ความเจ็บอายเป็นพ้นรู้ ขืนอยู่เห็นเราจะพลอยตาย
เปล่าเปล่าก็พาลเอาผิดข้า โกรธว่ามาลาเที่ยงสาย
คาดโทษโกรธขึ้งมากมาย ให้หลานชายไปอยู่กับมุนี ฯ

ฯ เขาทะลุย ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงทรงสวัสดิ์รัศมี
ประจักษ์แจ้งแห่งกลนางเทวี มอมยายมาลีออกมา
ว่าดวงบุหลันนั้นลับแสง มิได้แจ่มแจ้งพระเวหา
หวังจะให้พี่ไปในพารา สาแหรกหย่อนยายมานั้นทางลับ
ซึ่งให้ไปอยู่กับฤๅษี จะให้แจ้งคดีเสร็จสรรพ
ด้วยดาวบสเป็นที่คำนับ กับเราจะได้เข้าวังใน
ตรึกพลางเห็นแจ้งประจักษ์จิต ลดองค์ทรงฤทธิ์ลงนั่งใกล้
จึ่งมีวาจาว่าไป ปลอบโยนเอาใจยายมาลี
มิให้ข้าอยู่ที่เคหา เพราะกลัวอาญานางโฉมศรี
ตัวข้าก็จะจรลี ค่อยอยู่จงดีจะลาไป
แล้วพระจึ่งถอดธำมรงค์ ในนิ้วพระองค์ออกมาให้
ค่าสนองคุณยายมาลัย เอาไว้ขายเลี้ยงกายา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายตาทั้งสองก็หรรษา
จึ่งรับเอาธำมรงค์อลงการ์ สงสารผ่านฟ้าเป็นพ้นไป
พระองค์ไปอยู่กับมุนี จำเริญศรีสวัสดิ์ผ่องใส
แล้วถวายเครื่องทรงภูวไนย น้ำตาหลั่งไหลทั้งสองรา ฯ

ฯ โอด ฯ

๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงฤทธิ์ทุกทิศา
รับเอาเครื่องทรงอลงการ์ สอดทรงกายาเข้าทันที
เหน็บกฤชฤทธิไกรเฉิดฉาย ลงจากเรือนยายทาสี
งามประจงดั่งหงส์จรลี ภูมีเลี้ยวลัดตรงมา ฯ

ฯ เชิด ๔ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ