๖
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงอสุรปานันยักษา |
เป็นทหารของท้าวอสุรา | มัตตะริมมะยุมาเป็นเจ้านาย |
ใจบาปหยาบช้าห้าวหาญ | รี้พลบริวารมากหลาย |
พระยายักษ์ตั้งไว้ให้เป็นนาย | มีค่ายคูป้อมล้อมวง |
แม้นใครเข้ามาในเขตขัณฑ์ | ชีวันมิได้หลอหลง |
เคยไปเที่ยวไพรในดง | พร้อมด้วยจัตุรงค์โยธา |
ครั้นเพลาบ่ายชายแสง | จัดแจงพร้อมพลถ้วนหน้า |
ล้วนถืออาวุธสาตรา | เที่ยวล่าตระเวนด่านดง ฯ |
ฯ กราว ๘ คำ ฯ
๏ เที่ยวเอยเที่ยวไป | ในไพรพฤกษาระหง |
แลเห็นมนุษย์สององค์ | เดินตรงเข้ามาที่ในแดน |
น้อยน้อยโฉมเฉิดเพริศเพรา | จะเป็นเหยื่อของเรามั่นแม่น |
มาทำจู่ลู่ดูแคลน | ขัดแค้นแน่นใจอสุรี |
ร้องบอกไพร่พลบริวาร | จงล้อมกุมารทั้งสองศรี |
ต่างคนสำแดงฤทธี | ยักษีเข้าล้อมรอบไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรัศมีศรีใส |
ครั้นเห็นหมู่ชาญชัย | ล้อมไว้ทำอิทธิฤทธี |
จึ่งถอดธำมรงค์ที่ทรงมา | ขององค์พระมารดาโฉมศรี |
ชูขึ้นให้ดูทันที | แล้วมีพจนารถว่าไป |
เราเป็นพระราชบุตรา | องค์มะยุมาศรีใส |
ชนนีพระยามารชาญชัย | ให้ธำมรงค์มาเป็นสำคัญ |
สั่งมาแม้นว่าพบพาน | จงส่งข้าให้พ้นด่านไพรสัณฑ์ |
ไม่เชื่อก็ไปด้วยกัน | บังคมคัลสมเด็จพระชนนี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | อสุรปานันยักษี |
ครั้นเห็นธำมรงค์รูจี | จึ่งห้ามพวกรี้พลบรรดามา |
พร้อมกันยอกรกราบไหว้ | เห็นแท้แน่ใจเป็นหนักหนา |
ด้วยโฉมยงองค์นางมะยุมา | เป็นพระมารดาของกุมภัณฑ์ |
จึ่งทูลทั้งสองกุมาร | ที่จะไปในด่านพนาสัณฑ์ |
จนสิ้นมรคาพนาวัน | ข้าจะนำทรงธรรม์ลีลา |
ขอเชิญหยุดพักก่อนพอคลายร้อน | ในด่านนครยักษา |
ให้สบายพระทัยจึ่งไคลคลา | ตัวข้าจะส่งพระองค์ไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรัศมีศรีใส |
ได้ฟังขุนมารชาญชัย | มีใจชื่นชมภิรมย์นัก |
จึ่งมีสุนทรวาจา | ซึ่งท่านเมตตาก็ประจักษ์ |
มรคาจะไปยังไกลนัก | หยุดพักจะช้าท่วงที |
ตัวข้าจะลาท่านไป | จงส่งให้พ้นแดนยักษี |
แม้นข้ากลับมาทางนี้ | จึ่งจะเข้าบูรีขุนมาร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | อสุรปานันห้าวหาญ |
ได้ฟังทั้งสองพระกุมาร | จึ่งขับทหารเข้าไป |
แต่ตัวปานันอสุรี | นำสองภูมีเข้าป่าใหญ่ |
ด้วยเจนมรคาพนาลัย | มิได้ลำบากอินทรีย์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งสองพระกุมารโฉมศรี |
ไปด้วยปานันอสุรี | สุขกระเษมเปรมปรีดิ์ทั้งสองรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เดินในหิมวาป่าใหญ่ | ชี้ชมมิ่งไม้หรรษา |
รื่นรวยด้วยกลิ่นมาลา | ห้อยย้อยระย้าดอกดวง |
ลมพาพานพัดระบัดใบ | ดอกไม้หอมโหยโรยร่วง |
แคฝอยห้อยย้อยเป็นพุ่มพวง | กิ่งค้อมน้อมหน่วงเหนี่ยวโน้ม |
พฤกษาดั่งว่าระรวมรัก | ใบสะเทือนเหมือนว่าทักเชยโฉม |
ไม้พะยอมเหมือนจะเย้าเล้าโลม | ชมพลางทางโสมนัสนัยน์ |
ลิขิตขนิษฐาทูลถาม | ดอกอะไรนั้นงามสุกใส |
นั่นแก้วเกดไม้เทศเทียนไทย | นี่นมสวรรค์นั่นไม้โมกมัน |
ดอกอะไรนั่นน้องแคลงไม่แจ้งจิต | ยิ่งพิศก็ยิ่งงามเฉิดฉัน |
นั่นสร้อยฟ้ามหาหงส์เรียงรัน | สกุณาจับขันคู่เคียง |
นั่นนกอะไรคลอเคล้า | กระเหว่าฤๅกระวานประสานเสียง |
นั่นโกญจาวายุภักษ์ม่ายเมียง | โพระดกหลีกเลี่ยงเร่ร้อง |
นกอะไรเคียงคู่บนภูผา | เสียงสนั่นลั่นมากึกก้อง |
นั่นมยุรารํ่าร้อง | บอกน้องแล้วรีบไคลคลา ฯ |
ฯ เชิด ๑๔ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงวายุกันยักษา |
เป็นทหารของท้าวอสุรา | มีอิทธิฤทธาเกรียงไกร |
ตั้งไว้อยู่รักษาด่าน | ขุนทหารตระเวนป่าใหญ่ |
ครั้นเช้าชวนบ่าวทันใด | เที่ยวไปที่ในพนาวา ฯ |
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | อสุราปานันยักษา |
แลเห็นวายุกันอสุรา | ยักษาร้องเรียกไปแต่ไกล |
ฝ่ายยักษาวายุกันก็เข้ามา | ยอกรวันทาประณมไหว้ |
เห็นสองกุมารก็ดีใจ | คิดว่าจับได้พาตัวมา |
ถามว่าท่านได้มาแต่ไหน | เป็นมนุษย์ฤๅไรยักษา |
รูปโฉมประโลมโลกา | ขอให้ข้าคนหนึ่งเป็นไร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | อสุรปานันทหารใหญ่ |
จึ่งบอกวายุกันทันใด | เจ้านายเราไซร้ท่านใช้มา |
ลูกนางมะยุมาโฉมศรี | ซึ่งเป็นชนนีท้าวยักษา |
นางให้เจ้าไปพารา | ให้ธำมรงค์มาเป็นสำคัญ |
ตัวท่านจงส่งต่อไป | ให้สิ้นแดนไพรพนาสัณฑ์ |
จนถึงนันทสูรกุมภัณฑ์ | บอกกันให้ส่งต่อไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | วายุกันประจักษ์ไม่สงสัย |
บังคมกุมารชาญชัย | กราบไหว้ธำมรงค์ที่ทรงมา |
แล้วทูลทั้งสองโฉมยง | ขอพระองค์จงโปรดเกศา |
ไม่รู้ว่าเป็นพระลูกยา | องค์นางมะยุมาทรามวัย |
อันเป็นสมเด็จพระมารดา | เจ้านายของข้าไม่สงสัย |
ขอเชิญทั้งสองภูวไนย | หยุดพักพอให้สำราญก่อน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันชาญณรงค์ทรงศร |
ได้ฟังปรีดาถาวร | จึ่งมีสุนทรตอบไป |
ซึ่งท่านจะให้หยุดพัก | เห็นจะช้านักไม่อยู่ได้ |
ตัวข้าจะลาคลาไคล | รีบไปให้เปลืองมรคา |
จึ่งสั่งปานันทันใด | จงกลับคืนไปยังเคหา |
วายุกันก็นำมรคา | ปานันอสุราก็กลับไป |
ล่วงเข้าด่านแดนนันทสูร | วายุกันจึ่งทูลแถลงไข |
ด่านนี้ตั้งนันทสูรไว้ | ถึงแล้วจะได้พบกัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงนันทสูรแข็งขัน |
เป็นทหารของท้าวกุมภัณฑ์ | ตั้งค่ายคูมั่นอยู่ด่านไพร |
กุมภัณฑ์รักษาปลายแดน | สามแสนตระเวนป่าใหญ่ |
โห่ร้องกึกก้องสนั่นไป | เที่ยวตระเวนในไพรพนาวา ฯ |
ฯ พิลาป ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | วายุกันออกยืนขวางหน้า |
กวักเรียกนันทสูรอสุรา | ซึ่งมาหน้าพลสกลไกร |
ฝ่ายนันทสูรวันชุลี | เห็นกุมารสองศรีก็สงสัย |
ครั้นจะไถ่ถามก็ขามใจ | พิศดูมิได้วางตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันชูนิ้วพระหัตถา |
จะดูฤทธิ์ธำมรงค์ที่ทรงมา | ยักษาจะว่าประการใด |
ฝ่ายนันทสูรเห็นธำมรงค์ | เรียกพวกจัตุรงค์ให้กราบไหว้ |
เกรงกลัวคร้ามครั่นพรั่นใจ | นิ่งอยู่มิได้จำนรรจา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | วายุกันชัยชาญหาญกล้า |
จึ่งบอกว่าสองกุมารา | เป็นโอรสาของทรามวัย |
องค์นางมะยุมาโฉมศรี | ชนนีกุมภัณฑ์เป็นใหญ่ |
นางใช้ให้ไปกรุงไกร | จงส่งให้พ้นแดนอรัญวา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นันทสูรได้ฟังยักษา |
จึ่งว่าทั้งสองกุมารา | จะพาไปให้พ้นแดนดง |
ตัวท่านจงกลับคืนไป | ไว้ธุระข้าไซร้จะไปส่ง |
จึ่งชวนกุมารโฉมยง | วายุกันลาองค์พระภูวไนย |
ต่างองค์ต่างออกจากกัน | ดัดดั้นเข้าในป่าใหญ่ |
ทั้งสองกุมารชาญชัย | ไปตามนันทสูรอสุรา |
ไปได้สามคืนสามวัน | สิ้นแดนเขตขัณฑ์ยักษา |
เกือบใกล้ฝั่งนํ้าคงคา | สุดสิ้นแดนป่าพนาวัน |
จึ่งทูลถามกุมารสองรา | ตัวข้าจะลาผายผัน |
ขอเชิญเสด็จจรจรัล | ด้นดั้นเข้าไพรแต่ลำพัง[๑] |
อันซึ่งแม่นํ้าพระคงคา | แลสุดสายตาไม่เห็นฝั่ง |
กว้างขวางลึกล้นพ้นกำลัง | ริมชลมีรังนกอินทรี |
โตใหญ่อยู่ปลายพฤกษา | จงระวังกายาทั้งสองศรี |
สั่งแล้วนันทสูรอสุรี | ลาพระภูมีกลับไป ฯ |
ฯ เชิด ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรัศมีศรีใส |
ครั้นนันทสูรคลาไคล | พอพระสุริย์ใสนั้นเย็นรอน |
สกุณาเข้าหารวงรัง | เงียบทั้งพนัสสิงขร |
ลำบากยากที่จะบทจร | ภูธรจึ่งชวนอนุชา |
เข้านั่งยังร่มพระไทรทอง | ทั้งสองภิรมย์หรรษา |
พระพายพัดกลิ่นมาลา | หอมฟุ้งนาสาชื่นใจ |
ลิขิตหักกิ่งพฤกษา | เอามาปูลาดเป็นอาสน์ให้ |
แล้วปรนนิบัตินวดฟั้นภูวไนย | บรรทมหลับไปทั้งสองรา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงนกอินทรีปักษา |
โตใหญ่ไพบูลย์มหึมา | ศักดาอานุภาพเกรียงไกร |
อินทรีมีบุตรสุดที่รัก | ปีกยังอ่อนนักไม่บินได้ |
ครั้นพวยพุ่งรุ่งแสงอโณทัย | เพลาจะไปหิมพานต์ |
จึ่งสั่งลูกรักดวงใจ | ว่าแม่จะไปไพรสาณฑ์ |
อยู่รังนั่งนอนให้สำราญ | ได้อาหารแล้วจะกลับมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งลูกอินทรีปักษา |
ได้ฟังแล้วสั่งมารดา | แม่ไปอย่ามาให้เย็นนัก |
ลูกรักจะอยากน้ำท่า | ใครเลยจะมาช่วยตัก |
ด้วยแสงทินกรร้อนนัก | อดน้ำลูกรักจะวายปราณ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าแม่ | สุดแต่ไปหาได้อาหาร |
แมไปไม่อยู่ให้นาน | รักเจ้าเปรียบปานดั่งดวงใจ |
ครั้นว่าไม่ไปก็จะอด | สุดที่แม่จะงดได้ |
จำเป็นจำจากเจ้าไป | แม่ไม่ทิ้งเจ้านะลูกน้อย |
ว่าพลางทางปลอบลูกรัก | แม่ไปไม่ช้านักอย่าเศร้าสร้อย |
สั่งแล้วโผผินบินลอย | ลมพลอยพัดส่งไปหิมพานต์ ฯ |
ฯ เชิด ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันฤทธากล้าหาญ |
กับเจ้าลิขิตชัยชาญ | ครั้นแสงสุริย์ฉานส่องฟ้า |
ตื่นจากบรรทมที่ร่มไทร | ภูวไนยชวนองค์ขนิษฐา |
ออกจากพระไทรไคลคลา | มรคายากแค้นแสนกันดาร |
ข้ามเถื่อนเนินเขาเข้าดง | แล้วก็ลงโกรกกรอกซอกละหาน |
ทินกรร้อนพ้นจะทนทาน | พระภูบาลถึงรังนกอินทรี |
ครั้นเห็นร่มงิ้วก็หยุดพัก | ไมรู้ว่าสำนักปักษี |
ทำรังอยู่บนยอดฉิมพลี | สองศรีอาศัยไม่สงกา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งนางลูกนกปักษา |
ร้อนแรงด้วยแสงสุริยา | คอยหามารดาเห็นช้าไป |
ให้อยากชลธีเป็นสุดคิด | ปิ่มประหนึ่งชีวิตจะตักษัย |
ร้อนรนสกนธ์กายภายใน | แลไปยังพื้นพสุธา |
จึ่งเห็นมนุษย์สองศรี | ความอยากชลธีก็ร้องว่า |
เอ็นดูช่วยตักชลธา | ให้ข้าสักหน่อยพระภูวไนย |
แม่ข้าไปหิมพานต์ | ช้านานแล้วหามาไม่ |
ข้าอยากน้ำนักจักบรรลัย | ช่วยชีวิตข้าไว้เถิดราชา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเฉิดโฉมเสนหา |
ได้ฟังลูกนกร้องมา | มีความเมตตาเป็นพ้นใจ |
อนิจจาปักษานี้อยากนํ้า | จำเราจะคิดแก้ไข |
มาตรแม้นไม่ช่วยจะบรรลัย | เอ็นดูอย่าให้มรณา |
พระพี่น้องจึ่งหาปล้องไม้ | ไปได้โดยดั่งปรารถนา |
ลงไปยังฝั่งคงคา | ตักน้ำขึ้นมาทันที |
แลเห็นเถาลัดาวัลย์ | เลี้ยวพันริมรังปักษี |
จึ่งผูกกระบอกนั้นทันที | เรียกลูกสกุณีให้ชักไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ลูกนกยินดีจะมีไหน |
เอาเท้าเกี่ยวปากเหนี่ยวขึ้นไป | บัดใจถึงรังมิทันนาน |
ดื่มกินจนสิ้นวารี | มีความยินดีกระเษมสานต์ |
แล้วว่าแก่สองพระกุมาร | พระคุณปานบิตุเรศชนนี |
ไม่มีแก้วแหวนเงินทอง | จะสนองพระคุณทั้งสองศรี |
ช่วยไว้ให้รอดชีวี | ข้านี้จะขอถามภูวไนย |
ซึ่งสองพระองค์จำนงมา | มีธุระกิจจาจะไปไหน |
ไพรสาณฑ์กันดารเป็นพ้นไป | มาไยให้ลำบากกายา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันได้ฟังปักษา |
นกนี้รู้จักเจรจา | จึ่งกล่าววาจาตอบไป |
ตัวเราจะไปอุเรเซน | ยากเย็นเดินมาในป่าใหญ่ |
ไม่รู้ว่าจะอยู่ใกล้ไกล | มรคาจะไปก็กันดาร |
พระสุริย์ใสร้อนแสงก็หยุดพัก | หายเหนื่อยแล้วจักลาท่าน |
เราจักใคร่ข้ามมหานทีธาร | เหตุการณ์เท่านี้จงแจ้งใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ลูกนกจึ่งแจ้งแถลงไข |
ซึ่งว่าจะข้ามคงคาลัย | ยากนักที่จักไปพระภูมี |
กว้างขวางลึกล้นพ้นประมาณ | จะมอดม้วยวายปราณทั้งสองศรี |
ได้ทำคุณตัวข้าครานี้ | ภูมีอย่าร้อนอาวรณ์ใจ |
แม่ข้ากลับมาแต่หิมพานต์ | จะอ้อนวอนว่าขานแถลงไข |
จะให้ช่วยข้ามส่งภูวไนย | พระไปซ่อนอยู่ให้ลับตา |
แม้นได้ยินเสียงเรียกไป | เชิญเสด็จคลาไคลออกมาหา |
เวลาเย็นแล้วแม่จะมา | รักษาซ่อนกายให้จงดี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันทรงสวัสดิ์รัศมี |
ฟังลูกปักษินก็ยินดี | จะได้ข้ามนทีดั่งจินดา |
ชวนเจ้าลิขิตฤทธิรอน | ลานกไปซ่อนอยู่ในป่า |
คอยฟังแยบคายสกุณา | แฝงพุ่มพฤกษาพนาลี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งนางนกราชปักษี |
เที่ยวหาอาหารในพงพี | ลืมคำบุตรีที่สั่งมา |
ชมป่าหิมพานต์หลงไป | สุริย์ใสเย็นลงนักหนา |
รำลึกตรึกถึงลูกยา | ปักษาบินมาสู่รัง |
ถึงต้นฉิมพลีที่ลูกอยู่ | วางวู่ลงจับดั่งใจหวัง |
เห็นลูกโกรธล้นพ้นกำลัง | ร้อยชั่งขัดใจว่าไปช้า |
ปีกประคองป้องปลอบลูกแก้ว | โทษแม่ผิดแล้วเป็นนักหนา |
สารพัดอาหารแม่ได้มา | แก้วตากินเถิดอย่าน้อยใจ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฟังเอยฟังแม่ว่า | ลูกทำโกรธาแถลงไข |
วันนี้แม่ย่อมแจ้งอยู่แก่ใจ | สุริย์ใสร้อนยิ่งกว่าทุกวัน |
ลูกนี้อยากน้ำเป็นสุดคิด | แทบประหนึ่งชีวิตจะอาสัญ |
แม้นลูกมิได้กินนํ้านั้น | ชีวันจะม้วยมรณา |
แม่มาจะเห็นแต่ซากผี | ข้านี้น้อยใจเป็นนักหนา |
แล้วกลับมาว่าลูกโกรธา | มารดาทิ้งเสียไม่อาลัย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฟังเอยฟังลูกว่า | ปักษาก็คิดสงสัย |
จึ่งถามลูกน้อยกลอยใจ | เหตุไฉนจึ่งได้กินคงคา |
คือใครจงรักมาตักให้ | แม่นี้สงสัยเป็นหนักหนา |
เจ้าจงบอกเล่าแก่มารดา | มาแต่แห่งหนตำบลใด |
แม้นใครมีคุณแก่ลูกยา | ถึงจะเอาดวงตาจะควักให้ |
ขอบคุณท่านนั้นเป็นพ้นไป | ดวงใจเจ้ารอดชีวา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ได้ฟัง | แม่ว่าสัจจังไม่กังขา |
ลูกนกจึ่งมีวาจา | บอกแก่มารดาแต่จริงไป |
ยังมีพระกุมารพี่น้อง | ทั้งสองเที่ยวมาในป่าใหญ่ |
จะไปอุเรเซนเวียงไชย | แวะมาอาศัยอยู่ใต้รัง |
อยากน้ำลูกร้องลงไป | ช่วยตักนํ้ามาให้ดั่งใจหวัง |
พระคุณเป็นพ้นกำลัง | เธอยังซ่อนอยู่ทั้งสองรา |
ว่าแล้วลูกนกอินทรี | ร้องเรียสองศรีเสนหา |
เชิญเสด็จสององค์ไคลคลา | เสด็จมานี่เถิดพระภูมี ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันฟังลูกปักษี |
ชวนเจ้าลิขิตจรลี | ออกหาสกุณีทันใด ฯ |
ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางนกสกุณีก็ผ่องใส |
เห็นโฉมเฉิดเลิศฟ้ายาใจ | จะรักใคร่พันผูกเป็นลูกยา |
ปักษินโบยบินลงไป | เข้าใกล้ด้วยใจหรรษา |
ซึ่งจะไปอุเรเซนพารา | มารดาจะส่งอย่าร้อนใจ |
มีคุณลูกข้าครานี้ | ชีวีไม่ม้วยตักษัย |
แม่จะรักเป็นลูกดวงใจ | ความสัตย์แม่จะให้ลูกยา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันได้ฟังก็หรรษา |
กับเจ้าลิขิตอนุชา | ยอกรวันทาแม่อินทรี |
มารดาว่ามาทั้งนี้ไซร้ | จะใส่ไว้เหนือเกล้าเกศี |
ส่งให้ลูกพ้นชลธี | พระคุณพ้นที่จะพรรณนา |
ข้าจะเป็นลูกของแม่ไป | กว่าจะม้วยบรรลัยสังขาร์ |
อย่าได้คลางแคลงวิญญาณ์ | สัจจาจะให้ชนนี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อินทรีมีความกระเษมศรี |
เชิญสองกระษัตริย์ธิบดี | ขึ้นหลังสกุณีฉับพลัน |
ระวังพระองค์ให้จงดี | ยึดขนปักษีไว้ให้มั่น |
แล้วบินโบยขึ้นโดยเมฆัน | เสียงปีกสนั่นลั่นฟ้า |
รวดเร็วประหนึ่งจักรพัด | สองกระษัตริย์ทรงราชปักษา |
บินข้ามสายชลพ้นมา | ด้วยฤทธิ์สกุณานกอินทรี ฯ |
ฯ กราว ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงฟากฝั่งมหรรณพ | บินตรลบลงหยุดยังไทรศรี |
ใกล้กรุงอุเรเซนบูรี | สกุณีจึ่งมีวาจา |
มารดาระลาคลาไคล | เมื่อไรจะให้กลับมาหา |
ลูกรักจงให้สัญญา | แม่จะได้มารับภูวไนย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรัศมีศรีใส |
จึ่งตอบปักษาทันใด | ลูกไปไม่อยู่ช้านัก |
ประมาณสักสามเดือนตรา | กว่าจะได้ปักษาอันมีศักดิ์ |
แม่จึ่งกลับมารับลูกรัก | จักได้ข้ามมหาวารี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | อินทรีมีศักดิ์ปักษี |
รับรสพจนาวาที | แล้วลาภูมีกลับมา ฯ |
ฯ กลม ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันลิขิตขนิษฐา |
คลาไคลไปตามมรคา | พบคนเดินมาเดินไป |
พูดจาปราศรัยกันต่างต่าง | บ้างว่าจะเข้าไปกรุงใหญ่ |
ดูการสมโภชในเวียงไชย | มีงานมาได้หกวัน |
พรุ่งนี้จะดูให้หนักหนา | บ้างพาลูกเมียผายผัน |
ชวนกันรีบรัดจรจรัล | เข้าในเขตขัณฑ์พารา |
โฉมองค์ยุขันกับลิขิต | ได้แจ้งจิตใสโสมนัสา |
จรดลตามคนทั้งปวงมา | ถึงในนคราทันใด |
จึ่งแลเห็นสวนอุทยาน | ผลไม้ตระการอยู่ไสว |
ทุกสิ่งสารพันดั่งสรรไว้ | จึ่งเสด็จเข้าไปมิได้ช้า ฯ |
ฯ ชมไพร ๑๐ คำ ฯ
๏ พระชมรุกขชาติหอมหวล | ชี้ชวนองค์พระขนิษฐา |
พลางเด็ดพุ่มพวงดวงผกา | ยื่นให้อนุชาผู้ร่วมใจ |
ทั้งดอกสร้อยฟ้าจำปาสวรรค์ | ลำดวนมะลิวัลย์มาทัดให้ |
กลิ่นตรลบอบอวลยวนใจ | ดั่งดอกไม้ทิพอันโอฬาร |
พิกุลเกดแก้วกาหลง | ประยงค์ส่งกลิ่นหอมหวาน |
สายหยุดพุทธชาดตระการบาน | ฟุ้งซ่านเสาวคนธ์ขจรมา |
ซ่อนกลิ่นกุหลาบนางแย้ม | รสแกมซับซาบนาสา |
เรียบเรียงเคียงกันเป็นหลั่นมา | ล้วนพรรณบุปผามาลัย |
มีตำหนักน้อยในอุทยาน | รโหฐานเป็นที่อาศัย |
สองพระองค์ชื่นบานสำราญใจ | เก็บพรรณมิ่งไม้นานา |
โน้มหน่วงช่วงชักหักกิ่ง | ต่างช่วงชิงกันด้วยหรรษา |
แม้นเจ้าของมาเราสองรา | จะว่ายังไรดีนะน้องรัก |
ลิขิตจึ่งทูลพระเชษฐา | แม้นเจ้าของบุหงาแจ้งประจักษ์ |
น้องเห็นจะไม่เป็นไรนัก | แต่จักต้องเฝ้าสวนมาลี |
ยุขันแย้มยิ้มกระหยิ่มใจ | ไม่รู้ว่าของใครนะเจ้าพี่ |
เราจะอยู่อาศัยในที่นี้ | ให้เปรมปรีดิ์เป็นสุขทั้งสองรา ฯ |
ฯ ร่าย ๑๖ คำ ฯ
[๑] ต้นฉบับว่า “ด้นดั้นเข้าไปในไพรวัน” แต่สัมผัสไม่ส่งตามบังคับ ในการตรวจชำระครั้งนี้จึงปรับแก้เป็น “ด้นดั้นเข้าไพรแต่ลำพัง”