๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวอะรุมเรืองศรี
ครองไอศุริยาธานี กับมเหสีโสภา
ทรงนามมะยุมาโฉมเฉลา เยาวรูปเลิศลักษณ์ดั่งเลขา
ประกอบด้วยนักสนมดังดารา ครองขัณฑเสมามาช้านาน
อันเสนาประชาราษฎร ไม่มีความทุกข์ร้อนกระเษมสานต์
เสวยรมย์ชมแสนศฤงคาร ประมาณได้หลายปีมา
จนทรงพระชราทั้งสององค์ ไม่มีใครที่จะสืบพระวงศา
พระไร้โอรสธิดา ประยูรวงศาก็ไม่มี
พระเร่าร้อนอาดูรพูนโศก แสนวิโยคเศร้าสร้อยหมองศรี
ทรงพระชราลงทุกปี พระภูมีสวรรคาลัย
มเหสีแสนสาวพระกำนัล ก็ชวนกันโศกศัลย์ละห้อยไห้
จึ่งถวายพระเพลิงท้าวไท้ เสร็จแล้วได้เจ็ดราตรี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางมะยุมามารศรี
แต่แสนโศกศัลย์พันทวี ถึงพระสามีที่บรรลัย
เมื่อวันจะมีเหตุเภทพาล ให้เร่าร้อนรำคาญดั่งเพลิงไหม้
จึ่งเยี่ยมบานพระแกลแลไป หวังจะให้สบายในวิญญาณ์ ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงอสูรมัตตะริมยักษา
สถิตยังปรางค์ทิพรจนา ผาสุกอยู่ทุกทิวาวัน
เรืองฤทธีศักดาอานุภาพ อาจจะปราบเมืองแมนแดนสวรรค์
ด้วยเดชกระบองแก้วแพรวพรรณ จะนึกอันใดได้สารพัดมี
จะปรารถนาไพร่พลหญิงชาย ก็แกว่งกระบองชัยศรี
อีกทั้งโภชนาสาลี มีในกระบองสุริย์กานต์
อันว่าปราสาททองของกุมภัณฑ์ สนุกดั่งเมืองสวรรค์วิมานสถาน
มีทหารขององค์ขุนมาร สามตนเชี่ยวชาญฤทธี
ตนหนึ่งชื่ออสูรปานัน ตนหนึ่งชื่อยุกันยักษี
ตนหนึ่งนันทสูรอสุรี ให้รักษาทางที่พนาวัน
เป็นด่านสามชั้นมั่นคง ตระเวนในแดนดงไพรสัณฑ์
นักสิทธิ์วิทยาคนธรรพ์ หลงเข้ามามันจับกิน
อันองค์ขุนมารยักษา ครั้นเช้าเข้าป่าพนาสิณฑ์
เที่ยวจับโคถึกมฤคินทร์ กินเล่นสำราญบานใจ
อสุรีตริตรึกไปมา จะใคร่หาคู่ชิดพิสมัย
แต่กูเที่ยวไปในพงไพร ก็มิได้พานพบกระษัตรี
อย่าเลยจะเข้าไปในกรุง ก็จะสมมาดมุ่งของยักษี
นางมนุษย์โสภามากมี คิดแล้วอสุรีก็เหาะไป
ถึงแดนอะรุมนครา ก็เที่ยวหาตามชอบอัชฌาศัย
อสุรีแลเล็งเพ่งไป เห็นโฉมทรามวัยนั่งอยู่บัญชร
ผลกรรมของนางจะพรากพรัด จากสมบัติภิญโญสโมสร
จะได้ทุกข์โศกาอาวรณ์ จำจรไปจากนครา
เผอิญให้อสุรีลานจิต เพ่งพิศดั่งเทพเลขา
ก็เหาะตรงเข้าไปด้วยฤทธา อุ้มองค์กัลยาทันที ฯ

ฯ ๒๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางมะยุมามารศรี
ครั้นเหลือบแลเห็นอสุรี เทวีตระหนกตกใจ
หน้าซีดผาดเผือดพักตรา จะแลดูยักษาก็หาไม่
ดั่งหนึ่งจะสิ้นชีวาลัย อรไทก็ทรงโศกี ฯ

ฯ โอด ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อสุรามัตตะริมยักษี
ตรงเข้าอุ้มองค์นางเทวี อสุรีก็เหาะระเห็จมา
ครั้นถึงปรางค์รัตน์ชัชวาล จึ่งเปิดทิพพิมานเลขา
วางองค์เหนืออาสน์รจนา อสุราเพ่งพิศพินิจไป
งามสิ้นทั่วสารพางค์พักตร์ จำเริญรักเป็นที่พิสมัย
เสียดายองค์แต่ทรงชราไป คิดไฉนเป็นเช่นนี้นะอกอา
กูจะร่วมภิรมย์สมสวาดิ ก็จะอายเทวราชทุกทิศา
สมควรที่จะเป็นพระมารดา คิดแล้วพระยาอสุรี
จึ่งยอกรถวายอภิวาท แทบบาทมะยุมาโฉมศรี
จึ่งทูลไปด้วยใจภักดี พระชนนีอย่าทรงโศกาลัย
เดิมลูกตั้งจิตแสวงหา เอกอัครไฉยาศรีใส
เห็นนั่งอยู่ริมบัญชรไชย ต้องใจมิได้พิจารณา
ทั้งนี้เพราะเวรมาแต่หลัง จึ่งกำบังนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวา
ลูกขอเป็นบุตรในอุรา พระมารดาอย่าร้อนอาวรณ์ใจ ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางมะยุมาศรีใส
ได้ฟังพระยามารชาญชัย ค่อยคลายสบายใจที่รุมร้อน
แล้วมีสุนทรวาจา ตามแต่จะเมตตาผันผ่อน
จะรักดั่งบุตรในอุทร แม่จะคลายเดือดร้อนในวิญญาณ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระยามารมีจิตหรรษา
อยู่ด้วยสมเด็จพระมารดา ช้านานมาได้หลายปี
อตส่าห์ปรนนิบัติรักษา มิให้กัลยาหมองศรี
ไม่มีอันตรายราคี สุขกระเษมเปรมปรีดิ์ทุกเวลา
เสวยทิพโภชนาอาหาร สิ่งของตระการเป็นหนักหนา
วันหนึ่งพระยาอสุรา จะไปประพาสป่าพนาลี
จึ่งทูลสมเด็จพระมารดา ลูกจะไปเที่ยวป่าพนาศรี
ล่าไล่โคถึกมฤคี บ่ายแสงสุริย์ศรีจะกลับมา
ทูลแล้วถวายอภิวาท ลงจากปราสาทอันเลขา
ตรงไปในอรัญวา จับคชาโคถึกมฤคี
ทั้งหมู่มหิงส์กระทิงไพร ได้แล้วพระยายักษี
แสนสนุกสุขกระเษมเปรมปรีดิ์ อสุรีกินเล่นสำราญใจ ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันรัศมีศรีใส
กับเจ้าลิขิตฤทธิไกร แรมนอนมาได้หลายราตรี
แลไปเห็นยอดปราสาท อันโอภาสจำรัสรัศมี
ผู้คนไปมาก็ไม่มี สองศรีคิดอัศจรรย์ใจ
ทำไฉนจะได้แจ้งประจักษ์ ว่ายักษ์ฤๅมนุษย์อาศัย
คิดพลางย่างเยื้องคลาไคล เสด็จเข้ายังในพระทวาร ฯ

ฯ เพลง ๖ คำ ฯ

๏ ชมปรางค์มณีแก้วแพรวพรรณ งามดั่งเมืองสวรรค์วิมานสถาน
เนาวรัตน์จำรัสชัชวาล กำแพงแก้วแถวชานชาลา
มีสระสี่มุมปราสาท พื้นดาดด้วยทองมีค่า
ชมพลางทางเสด็จไคลคลา มายังทวาราทันใด
จะเผยพระทวารบัญชร สองกรจะผลักก็ไม่ไหว
พระเร่งคิดอัศจรรย์ใจ จึ่งตรัสไปแก่พระอนุชา
เราจะดูให้รู้ประจักษ์ น้องรักผู้ยอดเสนหา
จะเข้าไปก็ไม่ได้ดั่งจินดา ทวาราปิดมั่นลั่นกลอนไว้
จำเราจะเอาพระขรรค์ ฟาดฟันเข้าไปให้จงได้
ว่าแล้วทรงพระขรรค์ทันใด ฟันพระทวารไชยมิช้า ฯ

ฯ เชิด ๑๐ คำ ฯ

๏ ใบดาลมิอาจจะทานทน ด้วยพระขรรค์ฤทธิรณคมกล้า
สององค์เสด็จไคลคลา เข้าในทวาราทันใด ฯ

ฯ โทน ๒ คำ ฯ

๏ พระเที่ยวชมปรางค์มณีรัตน์ แสงจำรัสแอร่มแจ่มใส
อัจกลับพู่พรายกระจายไป ล้วนสุวรรณอำไพจินดาดี
เพดานม่านกั้นฉากพับ งามสลับดั่งวิมานโกสีย์
มีแท่นทิพอาสน์รูจี เห็นนารีบรรทมไสยา
รูปทรงส่งสัณฐานบริสุทธิ์ จะเป็นมนุษย์ฤๅยักษา
สององค์เข้าใกล้กัลยา เพ่งพิจารณาดูแยบคาย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางมะยุมาโฉมฉาย
ครั้นนางนั้นฟื้นตื่นกาย ชายเนตรเห็นสองกุมารา
กล้องแกล้งแน่งน้อยทั้งสององค์ รูปทรงดั่งเทพเลขา
จึ่งมีสุนทรวาจา ถามว่าเจ้ามาแต่แห่งใด
อันในปรางค์รัตน์มณี จะมีใครไปมาก็หาไม่
อันนามกรทั้งสองไท ชื่อไรจงแจ้งกิจจา
อาจองทะนงใจสามารถ ไม่รู้ฤๅว่าปราสาทยักษา
ไม่เกรงเราผู้เป็นเจ้าปรางค์ปรา มีธุระกิจจาประการใด ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเฉิดโฉมพิสมัย
ได้ฟังยุบลทรามวัย ภูวไนยจึ่งตอบวาจา
ข้าชื่อยุขันเรืองฤทธิ์ น้องชื่อลิขิตขนิษฐา
มาแต่อุรังยิดนครา ข้าจะไปอุเรเซนพระบูรี
พระบิตุรงค์ทรงฤทธิ์ประสิทธิ์ใช้ ให้ไปเอานกหัสรังสี
แลเห็นปรางค์รัตน์มณี มิได้แจ้งกิจจาว่าของใคร
ขึ้นมาหมายว่าจะหยุดพัก จะขออยู่สำนักอาศัย
แล้วจะลาสัญจรนอนไพร ไม่ช้าแต่สักราตรี
ซึ่งข้าได้ผิดเบาความ วู่วามมาในปราสาทศรี
จงได้เมตตาปรานี ข้อนี้จงได้มีอภัย ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น มะยุมามีจิตพิสมัย
หน่อกระษัตริย์สุริย์วงศ์เรืองไชย จะรักใคร่พันผูกเหมือนลูกยา
จึ่งมีมธุรสสุนทร ดูก่อนทั้งสองเสนหา
เห็นเจ้าให้มีจิตคิดเมตตา สองราอย่าแหนงแคลงใจ
เราเป็นมนุษย์เหมือนกัน จอมขวัญอย่าคิดสงสัย
จะรักเจ้าเป็นบุตรสุดสายใจ อย่าไปเลยจงอยู่ด้วยชนนี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันทรงสวัสดิ์รัศมี
กับเจ้าลิขิตผู้ภักดี สองศรีคิดพร้อมพระทัยกัน
เห็นนางมะยุมาแสนสนิท มิจิตปรีดิ์เปรมกระเษมสันต์
จึ่งยอกรประณมบังคมคัล แล้วทูลไปพลันทันที
พระมารดาตรัสมาทั้งนี้ไซร้ จะใส่ไว้เหนือเกล้าเกศี
ทรงพระเมตตาปรานี ดั่งพระชนนีบังเกิดมา
แม้นอยู่ด้วยได้ไม่ไปจาก เป็นกรรมวิบากลูกรักหนักหนา
มิได้สนองคุณพระมารดา รับอาสามาก็จนใจ
สำเร็จเสร็จสรรพจะกลับมา รองเบื้องบาทาให้จงได้
อันซึ่งมรคาจะคลาไคล ยากเย็นเป็นไฉนพระชนนี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางมะยุมาโฉมศรี
ได้ฟังพระกุมารพาที เทวีจึ่งตอบคำไป
อันมรคาลัยไพรวัน แม่จะรู้สำคัญก็หาไม่
เหตุด้วยขุนมารชาญชัย นั้นไปพาแม่เหาะมา
เจ้าจะใคร่รู้หนทางจร มารดรจะถามยักษา
อสุรีกลับมาแต่หิมวา ก็จะแจ้งกิจจาในราตรี
จะอยู่ที่นี่ก็มิได้ แม่จะซ่อนเจ้าไว้ทั้งสองศรี
ในชานบุปผาสุมาลี อย่าให้อสุรีแจ้งใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพี่น้องเปรมปรีดิ์จะมีไหน
ถวายบังคมคัลทันใด จึ่งทูลไปด้วยใจยินดี
ทั้งนี้สุดแต่พระแม่เจ้า โปรดเกล้าลูกน้อยทั้งสองศรี
จงถามพระยาอสุรี จะใคร่แจ้งคดีประจักษ์ใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางมะยุมาศรีใส
ได้ฟังสององค์ทรงไชย อรไทจึ่งมีวาจา
เวลาสายัณห์ลงไรไร ยักษีจะคลาไคลมาแต่ป่า
มาไปกับแม่ทั้งสองรา ว่าแล้วพากันจรลี ฯ

ฯ เสมอ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงซึ่งกองบุปผา เอามาลาปกปิดทั้งสองศรี
ซ่อนเร้นมิให้เห็นทั้งอินทรีย์ แล้วเทวีกลับยังห้องใน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อสุรีมัตตะริมเป็นใหญ่
ล่าไล่มฤคีที่ในไพร บ่ายแสงสุริย์ใสก็กลับมา
จึ่งเก็บบุปผาสุมาลี ที่มีกลิ่นซาบนาสา
จะถวายสมเด็จพระมารดา ได้แล้วอสุราก็คลาไคล ฯ

ฯ กราว ๔ คำ ฯ

๏ เลาะลัดตัดดงพงพี ถึงปราสาทมณีศรีใส
จึ่งเปิดใบดาลทวารไชย เข้าไปด้วยใจภักดี
นอบน้อมคำรบอภิวาท แทบบาทมะยุมาโฉมศรี ฯ
จึ่งถวายบุปผามาลี องค์พระชนนีด้วยปรีดา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์นางมะยุมาเสนหา
รับพฤกษชาติมาลา มาจากลูกยาด้วยยินดี
จึ่งมีวาจาปราศรัย วันนี้เจ้าไปพนาศรี
จนใกล้สนธยาราตรี จึ่งกลับมาปรางค์มณีพรรณราย
คิดว่ามีเหตุเภทภัย ใจแม่ประหวั่นขวัญหาย
ฤๅเจ้าเล่นสุขสนุกสบาย สายใจลืมพระมารดา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ขุนมารชาญฤทธิ์ทุกทิศา
จึ่งทูลสนองพระวาจา วันนี้ลูกยาสำราญใจ
ล่าไล่โคกระทิงมหิงสา เพลิดเพลินวิญญาณ์แจ่มใส
จนอัสดงลับเมรุไตร อันตรายมิได้บีฑา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางมะยุมาเสนหา
ได้ฟังลูกรักทูลมา กัลยาชื่นชมภิรมย์ใจ
แต่เจรจาปราศรัยไปมา มิให้ยักษาสงสัย
จนปฐมยามล่วงไป หวังจะให้สบายวิญญาณ์
แล้วกล่าวมธุรสวาที ชนนีให้คิดกังขา
แต่สถิตอยู่ในปรางค์ปรา ช้านานประมาณมาได้หลายปี
จะมีใครไปมาก็หาไม่ เอกาอยู่ในปราสาทศรี
อันประยูรวงศาธิบดี ของชนนีอยู่ในนคร
มิได้แจ้งเหตุเภทภัย ว่ามาอยู่ไพรสิงขร
แม้นมารดาสิ้นชีพม้วยมรณ์ ก่อนเจ้าจะได้เผาชนนี
แม้นเจ้าสวรรคาลัย ใครจะพาแม่ไปยังกรุงศรี
จะตกอยู่ในปรางค์มณี เป็นเหยื่อเสือสีห์ที่ในไพร
มารดาเร่าร้อนอาวรณ์นัก จะรู้จักมรคาก็หาไม่
สำหรับจะม้วยบรรลัย เจ้าจะคิดไฉนนะลูกรัก ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น มัดตะริมอสุรีมีศักดิ์
จึ่งกราบทูลไปด้วยใจภักดิ์ แม้นว่าลูกรักม้วยมรณ์
พระองค์จะกลับไปนครา ลูกจะบอกมรคาสิงขร
จงไปตรงทิศอุดร จรไปไม่ยากมรคา
ทหารคอยตระเวนพนาวัน ชื่อสุระปานันยักษา
ถัดนั้นวายุกันอสุรา นันทะสูรยักษาอยู่ชั้นปลาย
กระทั่งถึงฝั่งพระสมุทร ถึงแดนมนุษย์ทั้งหลาย
เมืองท้าวอุเรเซนเพริศพราย ปลายแดนถึงเมืองพระชนนี
แม้นพระองค์จะไปนคเรศ จงบอกเหตุแก่สามยักษี
เอาเส้นเกศาข้านี้ ผูกเป็นมณีธำมรงค์
อสุราจะแจ้งประจักษ์ใจ ว่าลูกสั่งไว้ให้ไปส่ง
ไม่ยากลำบากในแดนดง พระองค์ก็จะถึงพารา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางมะยุมาเสนหา
ได้ฟังลูกรักทูลมา กัลยาชื่นชมภิรมย์ใจ
แต่เจรจาปราศรัยกันไปมา จนล่วงเพลาประจุสมัย
อสุราก็ม่อยหลับไป อยู่ในแท่นทิพไสยา
นวลนางมะยุมาโฉมยง เห็นองค์พระยายักษา
หลับสนิทไม่ฟื้นกายา จึ่งตัดเกศาเส้นหนึ่งนั้น
สีแดงดั่งแสงปัทมราช ประหลาดกว่ายักษาทุกเขตขัณฑ์
เอาซ่อนใส่ไว้ในสไบพลัน แล้วบรรทมสนิทนิทรา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น มัตตะริมอสุรยักษา
ครั้นรุ่งรางสว่างสุริยา ตื่นจากนิทราทันใด
จึ่งชำระสระสรงทรงเครื่อง รุ่งเรืองแอร่มแจ่มใส
ลาองค์ชนนีทรามวัย ลงจากปราสาทไชยฉับพลัน
ล่าไล่โคกระทิงมหิงสา ทั้งคชามฤคีที่ไพรสัณฑ์
จับได้ประหารชีวัน กุมภัณฑ์กินเล่นสำราญ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางมะยุมากระเษมสานต์
จึ่งมายังองค์พระกุมาร เลิกชานมาลาออกมาฉับไว
นางโอบอุ้มทั้งสองพระลูกรัก ให้นั่งเหนือตักแล้วปราศรัย
บอกว่าแม่ถามความใน ยักษาแจ้งให้สิ้นทั้งนั้น
อันซึ่งมรคาพนาลัย ที่จะไปยากแค้นแสนศัลย์
ล้วนหมู่อสุราอาธรรม์ ทหารของกุมภัณฑ์พระลูกยา
พระพี่น้องสองราจะคลาไคล แม่จะให้เส้นเกศของยักษา
ผูกเป็นธำมรงค์รจนา สอดนิ้วหัตถาของเจ้าไป
แม้นอสูรหยาบช้าสามานย์ จะเข้ามาหักหาญรุกไล่
จึ่งถอดธำมรงค์ที่ทรงไป ออกให้มารเห็นสำคัญ
มารนั้นจะส่งต่อไป จะได้ถึงฝั่งสมุทรขัณฑ์
ฟากหนึ่งแดนมารชาญจกรรจ์ ฟากหนึ่งนั้นแดนอุเรเซน
สงสารลูกน้อยเจ้าแม่อา จะลำบากกายาแสนเข็ญ
กรำฝนทนแดดทุกเช้าเย็น กว่าจะถึงอุเรเซนพระบูรี
ว่าแล้วจึ่งเอาเส้นเกศา ผูกเรือนรจนามณีศรี
ให้แก่ยุขันฤทธี ธำมรงค์วงนี้เป็นสำคัญ ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเพราเพริศเฉิดฉัน
ก้มเกล้าถวายอภิวันท์ รับธำมรงค์นั้นมาทรงไว้
แล้วทูลสนองพระวาจา พระคุณนั้นหาที่สุดไม่
จำเป็นลูกจำจะลาไป ให้ได้หัสรังดั่งจินดา
พระแม่เจ้าอยู่เสวยสุข อย่ามีทุกข์โทรมนัสา
ไปแล้วลูกแก้วจะกลับมา สนองคุณมารดาสืบไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางมะยุมาศรีใส
ได้ฟังลูกยาให้อาลัย นางจึ่งอวยไชยสวัสดี
ทั้งสององค์จงไปจำเริญสุข อย่าอาดูรพูนทุกข์หมองศรี
อันตรายสิ่งใดอย่ายายี ให้ได้สกุณีดั่งใจปอง
จงไปถึงเมืองอุเรเซน ความเข็ญอย่าเคืองขุ่นหมอง
ชนนีกอดพี่ประคองน้อง น้ำเนตรคลอครองนัยนา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันลิขิตขนิษฐา
อาลัยมิใคร่จะไคลคลา ยอกรวันทาพระมารดร
ลงจากปรางค์รัตน์ชัชวาล ข้ามด่านผ่านเนินสิงขร
เข้าในพนมพนาดร พฤกษาอรชรมากมี
ราบในพื้นพันธุ์ร่มรัง ช่อสลับใบบังแสงสี
ชมเพลินเดินพลางในพงพี ปักษีร่ำร้องเรียกรัง
จับนอนเสียงพลอดฉะฉอดเฉื่อย เสียงเจื้อยจับใจพระทัยหวัง
สององค์หยุดยืนอยู่ฟัง เซ็งแซ่เสียงสั่งภาษากัน
ไก่ฟ้าพญาลอคลอคู่ คลอเคียงเคล้าคูขานขัน
เคียงคู่จับอยู่ยอดจัน ยอดหว้าหวายพันห้อยย้อย
ห้อยระย้าสาขาทุกกิ่งก้าน กิ่งเกี่ยวเลี้ยวประสานเป็นสนสร้อย
สนสักปักษาจับสูงลอย สูงลิ่วลมพลอยพัดผ่าน
พัดพาวายุภักษ์กวัดร้อน กวักร้องเรียกสมรเสียงประสาน
ชมเพลินเดินเข้าในด่านมาร ช้านานได้หลายทิวา ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ