๓๐

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวอุเรเซนเรืองศรี
แต่องค์พระราชบุตรี กับหัสรังสีหายไป
พระรำลึกตรึกคะนึงนัก ทรงศักดิ์โศกสร้อยละห้อยไห้
มีแต่โศกาอาลัย ภูวไนยร่ำรักเยาวมาลย์
โอ้ว่าลูกน้อยกลอยใจ เวราสิ่งใดมาตามผลาญ
จึ่งได้เดือดร้อนรำคาญ ครุฑพาบินทะยานไปเมฆา
ซึ่งคำโหราทายทำนายไว้ ว่าจะได้กลับคืนมาเห็นหน้า
ข้อนี้สงสัยในวิญญาณ์ ด้วยครุฑาเรืองฤทธิ์เชี่ยวชาญ
ป่านนี้จะเป็นประการใด หรือจะม้วยบรรลัยสังขาร
ถึงจะไม่สุดสิ้นชนมาน ใครจะพานงคราญกลับมา
องค์ประไหมสุหรีก็วิโยค อาดูรพูนโศกถวิลหา
ทั้งองค์อุรังหงันอนุชา โศการํ่ารักพระบุตรี
อีกสามพี่เลี้ยงนงคราญ กำนัลบริวารก็หมองศรี
ไม่มีสุขทุกข์ถึงเทวี คอยฟังคดีไม่แจ้งการ
อันราชธานีอุเรเซน ก็เยือกเย็นดั่งไพรพนัสถาน
ให้บังเกิดอันตรายภัยพาล ไม่มีสุขสำราญทั้งพารา ฯ

ฯ ร่าย ๑๖ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงนายพาณิชใจกล้า
อยู่ยังอุรังยิดนครา ไปมาค้าขายทุกราตรี
ครั้นถึงเทศกาลยาตรา บรรทุกสินค้าถ้วนถี่
พอได้ฤกษ์งามยามดี ก็ล่องเรือออกที่สมุทรไทย ฯ

ฯ โล้ ๔ คำ ฯ

๏ วายุพัดระลอกกระฉอกฉาน บันดาลให้เกิดพยุใหญ่
แล่นลัดตัดฉานตรงไป เข้าในอุเรเซนนครา
ครั้นถึงจึ่งจัดข้าวของ มากมายก่ายกองหนักหนา
แล้วจึ่งไปหาเสนา ท่านจงพาข้าไปอภิวันท์
พาณิชจึ่งถามกิจจา ว่าในพาราเขตขัณฑ์
อันฝูงประชาทั้งนั้น เห็นเศร้าโศกศัลย์ด้วยอันใด
แต่ก่อนเคยมาค้าขาย เป็นสุขสบายทั้งกรุงใหญ่
ครั้งนี้เห็นผิดประหลาดใจ ท่านเสนาในจงแจ้งการ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น มนตรีจึ่งแจ้งแถลงสาร
ความซึ่งเกิดเหตุเภทพาล เดือดร้อนรำคาญทั้งพารา
เหตุด้วยพระธิดาดวงสวาดิ กับหัสรังราชปักษา
ทั้งนางพี่เลี้ยงกัลยา ครุฑามาพาบินไป
พระองค์ผู้ทรงธรณี มีแต่โศกีหม่นไหม้
จึ่งเงียบสงัดทั้งเวียงไชย มิได้สุขกระเษมเปรมปรีดิ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พาณิชครั้นแจ้งถ้วนถี่
จึ่งตอบวาจาไปทันที อันพระบุตรีเยาวมาลย์
กับพี่เลี้ยงแลนกหัสรัง อยู่ยังอุรังยิดราชฐาน
เป็นอัครชายายุพาพาน ยุขันผู้ผ่านนครา
คือโอรสท้าวอุรังยิด พระทรงฤทธิ์รักใคร่เป็นนักหนา
บัดนี้มีราชบุตรา ความแสนเสนหาพันทวี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาได้ฟังถ้วนถี่
แจ้งข่าวพระราชบุตรี จึ่งมีวาจาไปทันใด
ข้าจะไปเฝ้าพระภูบาล ทูลแจ้งเหตุการณ์แถลงไข
ให้องค์พระปิ่นภพไตร ทราบใต้ธุลีพระบาทา
ว่าแล้วก็รีบคลาไคล ด้วยใจใสโสมนัสา
เข้าในราชวังดั่งจินดา คอยเพลาเฝ้าองค์พระทรงไชย ฯ

ฯ ยานี ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวอุเรเซนเป็นใหญ่
ครั้นรุ่งแสงสีอโณทัย ภูวไนยตื่นจากนิทรา
สระสรงทรงเครื่องเรืองรัตน์ ดั่งพระสุริย์ศรีจำรัสพระเวหา
เสด็จออกพระโรงรจนา พร้อมหมู่มาตยามนตรี ฯ

ฯ เสมอ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาประณตบทศรี
กราบทูลตามมูลคดี ชีวีอยู่ใต้พระบาทา ฯ

ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงภพนาถา
ได้ฟังมนตรีทูลมา ปรีดาพระทัยทรงธรรม์
จึ่งมีพระราชบัญชา อย่าช้าจงเร่งผายผัน
พาตัวเข้ามาฉับพลัน ในท้องพระโรงคัลบัดนี้ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อำมาตย์รับสั่งใส่เกศี
กราบลาออกมาทันที ถึงที่พาณิชจึ่งแจ้งการ
ว่าแล้วนำลีลาคลาไคล เข้าในพระโรงราชฐาน
จึ่งถวายบังคมกราบกราน หมอบตรงหน้าฉานพระทรงธรรม์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงภพไอศวรรย์
จึ่งตรัสถามพาณิชไปพลัน อันเขตขัณฑ์อุรังยิดนครา
ยังผาสุกสบายหรือไฉน ทางไกลกว่าไกลนักหนา
อนึ่งซึ่งมาในคงคา สลาตันพัทธยาประการใด
อันองค์ราชบุตรี กับหัสรังสีนี้เป็นไฉน
ไปอยู่อุรังยิดเวียงไชย คือใครมาลอบลักพา
สาเหตุเภทพาลประการใด เราคิดสงสัยเป็นหนักหนา
แต่ไปไม่แจ้งกิจจา ทั้งราชปักษาด้วยกัน
เมื่อวันธิดาดวงสวาดิ หายไปจากราชเขตขัณฑ์
ครุฑมาพาจรจรัล คิดว่าชีวันจะมรณา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พาณิชกราบงามสามท่า
แล้วทูลสนองพระบัญชา ตามเรื่องราวมาทุกอัน
เดิมองค์ท่านท้าวอุรังยิด ได้ตำรากายสิทธิ์อันมหันต์
ขององค์เทพไทเทวัญ วางไว้บนแท่นบรรทมใน
ว่านกหัสรังปักษี อยู่บูรีอุเรเซนเป็นใหญ่
แม้นได้มาไว้เวียงไชย จะไพบูลย์พูลสุขเปรมปรีดิ์
จึ่งองค์โอรสยศยง ทรงนามยุขันเรืองศรี
อาสามาเอาสกุณา ในบูรีอุเรเซนนครา
ครั้นกลับไปยังธานี ได้องค์มเหสีเสนหา
บัดนี้นางมีกุมารา ทรงโฉมโสภาวิไลวรรณ
บิตุเรศอัยกีอัยกา เสนหาประคองถนอมขวัญ
อันฝูงประชาในเมืองนั้น พร้อมกันกระเษมเปรมปรา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวอุเรเซนนาถา
ได้ฟังพาณิชทูลมา แจ้งข่าวพระธิดายาใจ
ชื่นชมโสมนัสเป็นหนักหนา รู้ว่าลูกรักไม่ตักษัย
ค่อยคลายวายร้อนฤทัย ดั่งได้เห็นพักตร์พระลูกยา
แล้วมีวาจาปราศรัย ขอบใจพาณิชเป็นนักหนา
จึ่งประทานข้าวของนานา เงินทองเสื้อผ้าเป็นรางวัล
ตอบตามความชอบพาณิช พระทรงฤทธิ์ปรีดิ์เปรมกระเษมสันต์
ครั้นเสร็จเสด็จจรจรัล เข้าปราสาทสุวรรณรจนา ฯ

ฯ เพลง ๘ คำ ฯ

๏ จึ่งตรัสแก่องค์เทวี บัดนี้พาณิชใจกล้า
มาแจ้งข่าวองค์ธิดา กับราชปักษาค่าเมือง
เดิมท้าวอุรังยิดนาถา ได้ตำราประกาศิตฟุ้งเฟื่อง
จึ่งใช้พระโอรสฤทธิ์เรือง มาปลดเปลื้องลอบลักสกุณี
พาเอาบุตรีศรีสมร ไปยังนครกรุงศรี
เษกให้โอรสธิบดี เป็นจอมโมลีกับนงเยาว์
บัดนี้ธิดาดวงสวาดิ มีราชโอรสโฉมเฉลา
เกียรติยศประเสริฐเพริศเพรา เจ้าจงบรรเทาอาวรณ์ ฯ

ฯ ร่าย ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางมะรุดาสายสมร
ได้ฟังบัญชาพระภูธร บังอรค่อยคลายโศกา
นางเร่งปรีดาปราโมทย์ ไพโรจน์พูนสวัสดิ์มนัสา
จึ่งกราบทูลองค์พระภัสดา ผ่านฟ้าจงได้ปรานี
ทำไฉนจึ่งจะได้พระลูกรัก กลับมานคเรศกรุงศรี
แม้นได้เห็นหน้าพระบุตรี ก็จะมีชีวีสืบไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวอุเรเซนเป็นใหญ่
ได้ฟังมเหสีทรามวัย ภูวไนยจึ่งมีพจมาน
เจ้าอย่าอาดูรพูนเทวษ เห็นว่าเยาวเรศจะคืนสถาน
พี่จะให้อุรังหงันกุมาร ไปฟังเหตุการณ์ร้ายดี
ตรัสแล้วจึ่งมีบัญชา สั่งนางกัลยาสาวศรี
จงไปหาโอรสธิบดี คืนมาบัดนี้อย่าได้ช้า ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางกำนัลรับสั่งใส่เกศา
ถวายบังคมคัลวันทา ลงมายังปราสาทรูจี ฯ

ฯ ชุบ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งทูลพระหน่อนาถ ว่าพระบาทปิ่นภพกรุงศรี
ให้เชิญเสด็จจรลี ยังที่ปราสาทรจนา ฯ

ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อุรังหงันสุริย์วงศ์พงศา
ได้ฟังกำนัลทูลมา ผ่านฟ้าเสด็จจรจรัล ฯ

ฯ เพลง ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงปรางค์รัตน์ชัชวาล เข้าในพิมานรังสรรค์
ยอกรถวายอภิวันท์ คอยฟังทรงธรรม์บัญชา ฯ

ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ปิ่นภพจบสกลทุกทิศา
จึ่งมีมธุรสพจนา แก่โอรสาไปทันที
พ่อจะให้ยกแสนยากร ไปนครอุรังยิดกรุงศรี
ตามองค์พระพี่นางเทวี จะได้แจ้งร้ายดีประการใด
เจ้าผู้คู่ชีวิตบิดา แก้วตาจะเห็นเป็นไฉน
ยังจะไปได้หรือดวงใจ พ่อไม่ขืนขัดวิญญาณ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อุรังหงันเยาวรุณเสนหา
กราบลงรับราชบัญชา ทูลสนองกิจจาไปทันที
ลูกจะขออาสาพระบิตุรงค์ ตามองค์พี่นางโฉมศรี
ไม่คิดอาลัยแก่ชีวี พระผู้ทรงธรณีอย่าอาวรณ์
เมื่อสุบรรณมาพาพระพี่ไป ลูกหม่นไหม้ในทรวงดั่งต้องศร
ครั้นลูกจะทูลลาบทจร กลัวพระบิดรจะทัดทาน
เกิดมาเป็นชายจะไว้เดช ขจรทั้งประเทศทุกสถาน
ให้ระบือชื่อไว้ในแดนดาน จะขอไปต้านต่อไพรี
พระบิตุรงค์ทรงอวยอนุญาต ก็สมคิดข้าบาทบทศรี
ให้ปรากฏเกียรติไว้ในธาตรี ว่าลูกนี้ก็มีฤทธา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองพระองค์ได้ฟังก็หรรษา
มีพระทัยใสสุดปรีดา ผ่านฟ้าจึ่งกล่าววาที
ลูกรักจะไปถึงพารา จงไตรตราตรึกตรองให้ถ้วนถี่
ครั้นจะทำเป็นเสี้ยนไพรี มิได้ท่วงทีจะเสียการ
ทั้งพระพี่นางของเจ้า ก็อยู่ในมือเขาอย่าหักหาญ
สำหรับจะได้อัประมาณ จงคิดอ่านตรองดูให้สมควร
ถึงจะเรืองเดชาสามารถ พลั้งพลาดก็ท่าคนสวน
คิดอ่านแก้ไขในกระบวน อย่าหักหาญรณรงค์สงคราม
อันยุขันหน่อท้าวอุรังยิด เลื่องชื่อลือฤทธิ์ชาญสนาม
ข้างเขาก็ใช่ชายทราม จึ่งข้ามสาคเรศได้ดั่งใจจง
ลูกรักผู้ดวงนัยนา อย่าประมาทวิญญาณ์ให้ใหลหลง
จงค่อยยับยั้งระวังองค์ ตามเชื้อสุริย์วงศ์กษัตรา
บิดาก็ชราภาพแล้ว ลูกแก้วจะสืบวงศา
ให้คงยศปรากฏในโลกา ฝูงประชาจะได้พึ่งสืบไป ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อุรังหงันรัศมีศรีใส
กราบลงแทบบาทพระภูวไนย ด้วยใจโสมนัสยินดี
ซึ่งพระองค์บรรหารโอวาท ข้าบาทจะรับใส่เกศี
แก้ไขไปกว่าจะสุดที มิให้มีเหตุเภทพาล ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวอุเรเซนเป็นไหญ่
รับขวัญโอรสยศไกร ภูวไนยชื่นชมยินดี
จึ่งตระโบมโลมลูบจูบพักตร์ ดวงจักษุพ่อเฉลิมศรี
ตรัสแล้วย่างเยื้องจรลี ออกที่พระโรงรจนา ฯ

ฯ เสมอ ๔ คำ ฯ

๏ ลดองค์ลงเหนือสิงหาสน์ พร้อมหมู่อำมาตย์ซ้ายขวา
จึ่งมีสิงหนาทบัญชา แก่ขุนโหราทันใด
เราจะให้พระราชโอรส ยกทศโยธาทัพใหญ่
จงดูฤกษ์งามยามไชย ให้ได้ศุภวารวันดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น โหรารับสั่งใส่เกศี
ลงเลขเทียบทานคัมภีร์ ตามที่เคยรํ่าเรียนมา
กราบแล้วประณตบทบงสุ์ ทูลองค์พระบรมนาถา
ยังสามราตรีทิวา ฤกษ์ยามยาตราดีนัก
พร้อมทั้งดิถีศุภวาร ซึ่งจะไปทำการหาญหัก
จะได้พระธิดานงลักษณ์ ทั้งปักษาจะได้คืนมาธานี ฯ

ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระปิ่นอุเรเซนกรุงศรี
ได้ฟังโหราก็ยินดี จึ่งมีพจนารถแก่เสนา
เร่งรัดพหลพลไกร อาสานอกในซ้ายขวา
พร้อมด้วยเครื่องสรรพสาตรา แกล้วกล้าสามารถที่เคยยุทธ์
จงจัดสำเภาเภตรา ห้าร้อยพร้อมไว้ในสมุทร
เรือรบบัลลังฆ์ที่นั่งครุฑ บรรทุกอาวุธให้ครบครัน
อันสี่มหาเสนาใน เราจะให้ไปด้วยอุรังหงัน
แม้นลูกกูมีเหตุไภยัน จะสังหารชีวันให้บรรลัย
จงตั้งสุวรรณพลับพลา ยังริมมหาสมุทรใหญ่
จะไปส่งโอรสยศไกร แต่ในบัดนี้อย่าได้ช้า ฯ

ฯ ยานี ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งเหนือเกศา
ถวายบังคมคัลวันทา ออกมาจากท้องพระโรงไชย
จัดแจงพหลพลรบ ครบเครื่องอาวุธน้อยใหญ่
หอกง้าวหลาวแหลนปืนไฟ หน้าไม้เสน่าเกาทัณฑ์
ปีกซ้ายปีกขวาหน้าหลัง ล้วนกำลังเรี่ยวแรงแข็งขัน
ตบแต่งนาวาฉับพลัน ขันรอกเพลาใบขึ้นทันที
บรรทุกเครื่องสาตราอาวุธ อุตลุดโห่ร้องอึงมี่
ทอดสมอรอเรียงมากมี แล้วปลูกที่ประทับพลับพลา
เสร็จแล้วเสนาก็ผายผัน เข้าไปบังคมคัลเหนือเกศา
ทูลว่าตรวจเตรียมโยธา ทั้งนาวาเสร็จแล้วพระภูวไนย ฯ

ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวอุเรเซนเป็นใหญ่
ได้ฟังมหาเสนาใน มีพระทัยใสสุดเปรมปรีดิ์
จึ่งมีสุนทรพจนารถ แก่โอรสราชเรืองศรี
จวนจะได้ศุภฤกษ์นาที ไปสรงวารีสำราญกาย ฯ

ฯ โทน ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อุรังหงันเพราเพริศเฉิดฉาย
ชื่นชมโสมนัสเปรมปราย ถวายบังคมลาคลาไคล
ชำระพระองค์สรงสนาน สุคนธ์ธารทิพรสเย็นใส
ทรงสุคนธ์เฟื่องฟุ้งจรุงใจ สอดใส่สนับเพลาเพราตา
ภูษิตวิจิตรพิศพรรณ รูปนารายณ์ขี่สุบรรณปักษา
ใส่ฉลองพระองค์อลงการ์ รจนาพื้นสุวรรณอำไพ
ชายไหวชายแครงแสงระยับ แจ่มจำรัสดั่งจะแข่งพระสุริย์ใส
รัดพระองค์พลอยเพชรเตร็จไตร สอดใส่พระมหาพาหุรัด
ตาบทิศวิจิตรทับทรวง รุ้งร่วงอร่ามงามจำรัส
ทองกรกาบเก็จเพชรรัตน์ นิ้วพระหัตถ์สอดใส่ธำมรงค์
ทรงพระมหามงกุฎอุดมเดช งามดั่งพรหเมศครรไลหงส์
ทัดอุบะสุวรรณอันยิ่งยง ทรงกฤชอันเรืองฤทธา
แล้วเสด็จยุรยาตรคลาไคล ไปยังปราสาทอันเลขา
เฝ้าองค์พระบิตุเรศมารดา น้อมเกล้าวันทาดุษฎี ฯ

ฯ ร่าย ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์ประไหมสุหรี
เห็นพระโอรสก็ยินดี เทวีอำนวยอวยชัย
จงเรืองเดชาวราฤทธิ์ ประจามิตรอย่ารอต่อได้
ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย เจ้าไปให้สำเร็จดั่งจินดา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อุรังหงันเยาวยอดเสนหา
ก้มเกล้ารับพรพระมารดา ใส่เกล้าเกศาด้วยยินดี ฯ

ฯ ยานี ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระบิตุรงค์ทรงภพเรืองศรี
เข้าที่สระสรงวารี ทรงเครื่องมณีพรายพรรณ
ทรงกฤชอันเรืองฤทธา ลีลาย่างเยื้องผายผัน
พาโอรสาจรจรัล ยังเกยสุวรรณทันใด
พระเสด็จขึ้นทรงยานุมาศ แห่แหนโดยขนาดมาไสว
องค์พระโอรสยศไกร ทรงอาชาไนยไคลคลา
อันมหาเสนาทั้งสี่ เคียงข้างพาชีซ้ายขวา
โยธาเยียดยัดอัดมา ดั่งพื้นพสุธาจะทำลาย
ครั้นมาถึงฝั่งสมุทรไทย ให้หยุดนิกรทั้งหลาย
จึ่งชวนโอรสเลิศชาย ผันผายขึ้นสู่พลับพลา ฯ

ฯ เหมราช ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีธิบดีซ้ายขวา
จึ่งจัดแจงรี้พลโยธา บรรทุกนาวาพร้อมกัน
อุรังหงันนั้นทรงที่นั่งครุฑ ยืนยุดเหยียบนาคเฉิดฉัน
เพดานม่านกั้นพื้นสุวรรณ จัดสรรครบเครื่องมากมี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวอุเรเซนเรืองศรี
ครั้นชายบ่ายแสงพระสุรีย์ จึ่งมีพจนารถทันใด
แก่โอรสาเรืองเดช ดวงเนตรจงลงเภตราใหญ่
แล้วอวยพรศรีสวัสดิ์เรืองชัย ปรปักษ์บรรลัยด้วยฤทธา
จงทรงเดชาอานุภาพ ปราบหมู่ประจามิตรทุกทิศา
ให้ได้พี่นางกัลยา กับปักษากลับมาธานี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อุรังหงันทรงสวัสดิ์รัศมี
น้อมเศียรรับพรด้วยยินดี แล้วถวายอัญชุลีบังคมลา
พระเสด็จย่างเยื้องยุรยาตร นวยนาดดั่งเทพเลขา
พระสถิตยังท้ายเภตรา พร้อมหมู่มาตยามากมี
อันหมู่ต้นหนแลคนท้าย อุตลุดวุ่นวายอยู่อึงมี่
ได้ฤกษ์ลั่นฆ้องสามที ภูมีก็เคลื่อนเภตรา ฯ

ฯ โล้ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงเมืองเรืองฤทธิ์ทุกทิศา
เสด็จส่งโอรสไคลคลา พระผ่านฟ้าคืนเข้าเวียงไชย ฯ

ฯ จำปาทอง ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อุรังหงันเฉิดโฉมพิสมัย
เบิกบานสำราญฤทัย มาในสายชลคงคา
ใช้ใบไปกลางกระแสสินธุ์ พระภูมินทร์ชื่นชมหรรษา
ลมคลื่นรื่นราบในคงคา มัจฉาแหวกว่ายสายชล
ปลาวาฬผุดพ่นชลธี โลมาว่ายรี่สับสน
ฉนากฉลามตามหมู่เวียนวน เพียนทองล่องชลอยู่เป็นเกรียว
นนทรีสีเสียดเบียดคู่ เงือกงูดูสลอนมังกรเกี่ยว
กระเบนนกผกผันหันเปรียว ราหูชูเขี้ยวเหลือกตา
ปลาหมูหมู่ม้าสารพัน นวลจันทร์จะละเม็ดแถกถา
ปะการังรั้งรออยู่เอกา เหราไล่เลี้ยวในวารี
เภตราทั้งห้าร้อยลำ ก็แล่นเรื่อยเฉื่อยฉ่ำเร็วรี่
ไม่มีอันตรายราคี พระภูมีเบิกบานสำราญใจ ฯ

ฯ ทยอย ๑๒ คำ ฯ

๏ แล่นมาสี่สิบห้าราตรี ถึงแดนบูรีกรุงใหญ่
จึ่งทอดสมอรอไว้ ให้ยิงปืนใหญ่ขึ้นฉับพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ชาวด่านนคเรศเขตขัณฑ์
ได้ยินเสียงปืนสำคัญ ต่างตระหนกอกสั่นเป็นพ้นไป
ชวนกันจัดแจงนาวา เร่งรีบพายมาทั้งบ่าวไพร่
แล้วไปในกลางสมุทรไทย ล้วนเภตราไสวมากมาย
ใบดาดกลาดท้องชลธาร ชาวด่านตกใจใจหาย
กลัวว่าชีวิตจะวอดวาย เป็นตายจำร้องถามไป
คิดแล้วจึ่งมีวาจา ถามนายเภตราผู้ใหญ่
ท่านมาแต่ด้าวแดนใด จะยกไปข้างไหนจงบอกมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาว่องไวใจกล้า
จึ่งร้องตอบไปมิได้ช้า ซึ่งมาในกระบวนทัพนี้
ทรงนามอุรังหงันโอรสราช หน่อพระบาทอุเรเซนกรุงศรี
ใช้ให้มาตามพระบุตรี กับหัสรังสีสกุณา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ชาวด่านตระหนกตกประหม่า
ชวนกันพายรีบเร็วมา ถึงท่าขึ้นจากนาวาพลัน
ลนลานเร่งรัดคลาไคล เข้าในนิเวศเขตขัณฑ์
ถึงท่านมหาเสนาพลัน อภิวันท์แล้วแจ้งกิจจา
บัดนี้มีพวกพาลภัย ยกเป็นทัพใหญ่มานักหนา
แต่ล้วนสำเภาเภตรา เรือรบทอดท่าดาไป
จะประมาณก็สุดสายตา ตัวข้าจึ่งร้องถามไถ่
ว่าเป็นโอรสยศไกร ของไทอุเรเซนฤทธิรงค์
ให้มาติดตามพระธิดา กับราชปักษาสูงส่ง
ทูลให้ทราบบาทบงสุ์ พระองค์จะโปรดประการใด ฯ

ฯ ช้า ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งมหาเสนาผูใหญ่
ได้ฟังตระหนกตกใจ ว่าทัพไชยยกมาถึงบูรี
จึ่งรีบลีลาคลาไคล เข้าไปยังพระโรงไชยศรี
คอยเฝ้าพระองค์ทรงธรณี ในที่ท่ามกลางเสนาใน ฯ

ฯ ช้า ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงองค์ยุขันเป็นใหญ่
ครั้นรุ่งแสงสีอโณทัย ภูวไนยตื่นจากที่ไสยา
ชำระพระองค์สรงสนาน สุคนธ์ธารเฟื่องฟุ้งด้วยบุปผา
ทรงเครื่องประดับองค์อลงการ์ ยาตราออกท้องพระโรงคัล ฯ

ฯ เสมอ ๔ คำ ฯ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์แก้ว อันเพริศแพร้วพรรณรายฉายฉัน
เสนามาตยาคั่งกัน กราบถวายอภิวันท์พระทรงไชย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งมหาเสนาผู้ใหญ่
ก้มเกล้ากราบทูลทันใด บัดนี้ทัพไชยยกมา
คือโอรสท่านท้าวอุเรเซน เป็นจอมจัตุรงค์แกล้วกล้า
ว่ามาตามองค์พระธิดา กับราชปักษาอำไพ
ทอดอยู่ปากนํ้าประจำท่า ชาวด่านมาแจ้งแถลงไข
ขอพระองค์ผู้ทรงฤทธิไกร ทราบใต้ธุลีบาทา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันชาญฤทธิ์ทุกทิศา
ได้ฟังถ้อยคำเสนา ผ่านฟ้าตริตรึกในพระทัย
เห็นจะเป็นอุรังหงันกุมารา พระบิตุเรศใช้มาฤๅไฉน
หวังจะได้ธิดายาใจ กับหัสรังไปยังบูรี
คิดแล้วจึ่งมีบัญชา สั่งมหาเสนาทั้งสี่
จงจัดรี้พลมนตรี รักษาหน้าที่ให้พร้อมไว้
ห้ามอย่าให้ใครรบรอน ราษฎรจะม้วยตักษัย
ดูทีจะทำประการใด ฤๅจะเข้าล้อมไล่เอาพารา
สั่งแล้วเสด็จคลาไคล เข้าในปราสาทเลขา
ตรัสแก่ประวะลิ่มกัลยา บัดนี้อนุชามาตาม
ตั้งอยู่ปากน้ำสมุทรไทย ชาวด่านออกไปไถ่ถาม
ว่าพระบิตุรงค์ทรงนาม ให้ยกทัพมาตามทรามวัย
กับหัสรังปักษร ให้นครอุรังยิดกรุงใหญ่
เห็นจะเกิดยุทธ์ยิ่งชิงชัย จะคิดอ่านไฉนนะแก้วตา ฯ

ฯ ช้า ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มแน่งน้อยเสนหา
ได้ฟังทรงธรรม์บัญชา กัลยาประหวั่นพรั่นใจ
จึ่งบังคมคัลอัญชลี ทูลพระสามีเป็นใหญ่
อนุชาตามมาบัดนี้ไซร้ ด้วยใจโอหังอหังการ์
ซึ่งจะทำณรงค์สงคราม จะวู่วามให้สำเร็จปรารถนา
ดั่งหิ่งห้อยมาแข่งพระสุริยา ที่จะต่อฤทธาพระภูมี
พระองค์จงทรงพระเมตตา เหมือนเห็นแก่ข้าบทศรี
จงตรึกไตรให้ชอบท่วงที จะเป็นที่สรรเสริญในโลกา
ทรงพระเดชาอานุภาพ ปราบได้ทั่วทศทิศา
อุรังหงันยังเยาว์ยุพา มิได้แจ้งกิจจาประการใด
จะอาจองค์ทะนงหักหาญ รุกรานทำตามอัชฌาศัย
ก็น่าที่ชีวันจะบรรลัย พระองค์จงได้ปรานี ฯ

ฯ ร่าย ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันทรงสวัสดิ์รัศมี
ได้ฟังอัคเรศพาที ภูมีจึ่งตอบไปทันใด
พี่สั่งมหาเสนา ให้ตรวจตรารักษากรุงใหญ่
แต่เขตขัณฑ์ให้มั่นไว้ อย่าให้ใครออกรุกราน
ว่าแล้วเสด็จไคลคลา เข้าที่ไสยากระเษมสานต์
บรรทมสมสุขสำราญ ในสถานแท่นทิพย์โอฬาร์ ฯ

ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อุรังหงันฤทธิไกรใจกล้า
แต่สถิตประทับเภตรา ได้สามทิวาราตรี
พระองค์จึ่งมีวาจา ปรึกษาเสนาทั้งสี่
แต่เรายกพลมนตรี หยุดอยู่ที่นี่ได้สามวัน
กิติศัพท์จะเฟื่องฟุ้งไป ถึงในนิเวศเขตขัณฑ์
ไม่เห็นใครออกรบรัน ตั้งมั่นอยู่ในธานี
จำเราจะประชิดติดพัน บุกบั่นเข้าไปถึงกรุงศรี
ช้าไปจะเสียท่วงที เสนีจะเห็นประการใด ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทั้งสี่เสนาบังคมไหว้
จึ่งปรึกษากันทันใด อันจะให้รุกโรมโจมตี
เกลือกว่าเพลี่ยงพลํ้าจะซํ้าร้าย เราจะพากันตายเสียทั้งสี่
ด้วยพระบิตุรงค์ทรงพระธรณี มีพระโองการกำชับมา
อันยุขันนั้นมีฤทธิไกร ก็เลื่องลือไปทั้งไตรจักร
ด้วยพระยังทรงเยาว์นัก เกลือกจักมีเหตุเภทพาล
คิดแล้วเสนาทั้งสี่ ก้มเกล้าชุลีทูลสาร
ซึ่งพระองค์ดำริตริการ จะยกเข้าหักหาญเอาเวียงไชย
เห็นผิดธรรมยุทธ์กษัตรา ดั่งว่าจะปล้นเอากรุงใหญ่
จะยกพหลพลไกร ไปตั้งยังฝั่งวารี
แล้วจึ่งแต่งศุภสารา ให้เสนานำไปในกรุงศรี
จึ่งจะต้องโดยครองประเพณี พระภูมีจงทราบบาทา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อุรังหงันเอกองค์โอรสา
ได้ฟังทั้งสี่เสนา ผ่านฟ้าเห็นชอบท่วงที
จึ่งมีพระราชบัญชา ให้ตั้งพลับพลาไชยศรี
ลงค่ายเขื่อนขัณฑ์ให้จงดี จะได้พักรี้พลสกลไกร ฯ

ฯ ยานี ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อำมาตย์รับสั่งบังคมไหว้
ออกมาสั่งกันทันใด บอกไปทุกลำเภตรา
บ้างลงเรือแจวเข้าฝั่ง พร้อมพรั่งประดังไม่ขาดหน้า
บ้างปลูกสุวรรณพลับพลา ทั้งค่ายดาษดารายไป
แยกเป็นปีกซ้ายปีกขวา กองหน้ากองหลังน้อยใหญ่
กองร้อยคอยเหตุทั้งคนใช้ พร้อมไปด้วยสรรพสาตรา
ครั้นจัดแจงเสร็จก็เข้าไป ทูลว่าพลไกรซ้ายขวา
กะเกณฑ์กันตามพระบัญชา จงทราบบาทาพระภูมี ฯ

ฯ ร่าย ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อุรังหงันผู้เฉิดโฉมศรี
ชื่นชมโสมนัสยินดี จรลีขึ้นสุวรรณพลับพลา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ