๒๐

๏ เมื่อนั้น ยุขันลือฤทธิ์ทุกทิศา
แต่เนาในสุวรรณพลับพลา ได้เจ็ดทิวาราตรี
พักพลพหลโยธา ก็ค่อยผาสุกกระเษมศรี
ให้เร่าร้อนฤทัยพระภูมี จะใคร่เห็นบุษหรีเยาวมาลย์
จึ่งปราศรัยท้าวตะรังธิบดี แต่เรานี้มาอยู่พนัสถาน
ได้เจ็ดราตรีทิวาวาร จำจะยกทวยทหารเข้าไป
ยังในอุรังฆารพารา ผ่านไอศวรรยาเป็นใหญ่
จะได้ปูนบำเหน็จเสนาใน ที่ได้เหนื่อยพักหนักหนา
จึ่งสั่งตำมะหงงตะหลาหรัน จงจัดพลขันธ์ซ้ายขวา
เราจะยกเข้าในพระพารา ให้ทันเพลาพรุ่งนี้ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตำมะหงงตะหลาหรันทั้งสองศรี
ก้มเกล้ากราบงามสามที พากันจรลีออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เร่งรัดจัดพวกพลขันธ์ ได้พร้อมมูลกันถ้วนหน้า
ให้ผูกสินธพอาชา ประดับเครื่องรจนาเพริศพราย
อันเหล่าทหารอาสา แต่งตัวโอ่อ่าเฉิดฉาย
นุ่งห่มประกวดลวดลาย เสร็จแล้วผันผายเข้ามา
ครั้นถึงจึ่งกราบบังคม ทูลพระบรมนาถา
อันซึ่งพหลโยธา พร้อมตามบัญชาพระภูวไนย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเลิศลบจบสมัย
จึ่งเสด็จย่างเยื้องคลาไคล ไปเข้าที่สรงสาคร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ชำระสนานสำราญสกนธ์ ทรงสุคนธาทิพเกสร
สนับเพลาเพราพริ้งงามงอน มังกรเกี้ยวเลี้ยวคาบดวงมณี
ภูษิตพิศพื้นพรายแสง ยกแย่งเชิงสุบรรณปักษิน
ฉลององค์ลายทรงข้าวบิณฑ์ เฉิดฉินชายไหวไหวแวม
ชายแครงครุยกรองทองประสาร ตาบทิศชัชวาลงามแอร่ม
ทับทรวงเคียงคั่นทับทิมแนม มรกตแกมดวงมุกดาราย
ทองกรกาบเก็จเนาวรัตน์ ธำมรงค์เรืองจำรัสแสงฉาย
ทรงมงกุฎเพริศพริ้งพรรณราย กรรเจียกจอนกระจายอร่ามเรือง
ทรงอุบะประกันกระสันกลิ่น รวยรินเกสรฟุ้งเฟื่อง
ทรงกฤชฤทธิ์แรงแสงประเทือง ย่างเยื้องมาขึ้นอัสดร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ อันท้าวตะรังอูธิบดี นั้นขี่อาชามาก่อน
นำพวกพหลพลจร คลายคลี่นิกรจรลี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ม้าเอยม้านิมิต งามวิจิตรองอาจดั่งราชสีห์
เชื้อชาติสินธพพาชี พ่วงพีหางยาวเท้ารัด
ลำพองร้ายกาจอาจหาญ เผ่นโผนโจนทะยานดั่งจักรพัด
กำลังแล่นกลมดั่งลมพัด สูงใหญ่ยืนหยัดตระหง่านงาม
ดำขลับสรรพสารพางค์กาย ผูกเครื่องเพชรพรายลายอร่าม
เบาะอานด้วยแก้วแวววาม พู่ห้อยพลอยพลามจงกลกาฬ
เครื่องสูงชุมสายรายเรียบ งามระเบียบธงไชยธงฉาน
ปี่หองกลองดังเป็นกังวาล ม้าทหารเรียงริ้วเป็นทิวไป
เสียงเท้าม้าเพียงแผ่นดินลั่น เสียงพลสนั่นหวั่นไหว
เร่งรีบโยธาคลาไคล เข้าในนิเวศฉับพลัน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ครั้นมาถึงทวารา ผ่านฟ้าเหลือบแลแปรผัน
ชมกำแพงแหล่งล้อมป้อมสุวรรณ เขื่อนขัณฑ์มั่นคงอลงการ์
หอรบนางเรียงป้อมราย ค่ายคูขอบขัณฑ์แน่นหนา
ปราสาทสูงเยี่ยมเมฆา พระปรัศว์ซ้ายขวาล้วนบรรจง
โรงรถคชาพาชีชาติ โรงแสงสวาทดูระหง
ทิมดาบสามชั้นเป็นหลั่นลง ถนนตรงราบรื่นรัถยา
พระเร่งชื่นบานสำราญใจ กับอาชาไนยใจกล้า
เร่งรีบพหลโยธา มาตามมรคาฉับพลัน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ชนชาวบุรีผายผัน
ทุกตรอกซอกธารแน่นนันต์ ชวนกันมาลอบแลดู
บ้างกระซิบไถ่ถามกันไปมา ว่าทรงอิทธิฤทธาไม่มีคู่
ครั่นคร้ามเดชาพระโฉมตรู ฟุบเพียรแฝงดูพระทรงธรรม์
ครั้นเห็นพลพวกอาชาไนย บ้างกระหนกตกใจไม่มีขวัญ
ครั้นเห็นพระองค์ทรงธรรม์ งามดั่งเทวัญในโสฬส
แกล้งแปลงเพศมาแต่เมืองฟ้า จึ่งรุ่งเรืองฤทธาปรากฏ
รูปทรงส่งศรีเกียรติยศ หมดทั้งพหลโยธี
ต่างกราบวันทาพระภูธร บ้างถวายพระพรอึงมี่
มาเป็นหลักปักผืนธรณี อย่ามีไภยันอันตราย
เราท่านทั้งหลายจะได้สุข ซึ่งว่าคนพ้นทุกข์จะค่อยหาย
ถ้วนหน้าประชาหญิงชาย จะชื่นชมสบายทั้งพารา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันพริ้งเพริศเลิศเลขา
ครั้นถึงท้องพระโรงรจนา ลงจากอาชาทันใด
พระเสด็จยังแท่นทิพรัตน์ ไพบูลย์พูนสวัสดิ์แจ่มใส
ท้าวพระยาคั่งคับกันไป ทั้งเสนาในราชธานี
โหราพฤฒามาตย์ราชครู พร้อมหมู่จัตุสดมภ์ทั้งสี่
พระปรีชาผาสุกแสนทวี จึ่งสั่งเสนีทันใด
จงจัดแจงแต่งที่รจนา ให้ท้าวตะรังอูอาศัย
จะได้พักพหลพลไกร กว่าจะกลับคืนไปพารา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งใส่เกศา
เร่งรัดจัดกันเป็นโกลา พร้อมตามบัญชาพระภูวไนย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ท้าวนางเฒ่าแก่เป็นใหญ่
จึ่งสั่งสาวสรรกำนัลใน พนักงานของใครประจำการ
อีกทั้งเครื่องทรงเครื่องเสวย เบิกเผยมาสิ้นทุกถิ่นฐาน
เตรียมให้พร้อมทุกพนักงาน คอยพระผู้ผ่านภพไตร
เสร็จแล้วเฒ่าแก่ทั้งหลาย ทั้งเท้าขรัวนายผู้ใหญ่
ก็ออกมายังท้องพระโรงไชย เฝ้าไทธิราชบดี
ครั้นถึงจึ่งกราบบังคม นบนิ้วประณมเหนือเกศี
เชิญเสด็จทรงธรรม์พันปี เข้าปราสาทมณีให้สำราญ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงทรงฟังกระเษมสานต์
จึ่งเสด็จย่างเยื้องบทมาลย์ เข้าในสถานปราสาทไชย
พระสถิตเหนืออาสน์รจนา พร้อมหมู่กัลยาอยู่ไสว
หมอบกลาดดาษดากันไป พนักงานของใครก็เข้ามา
บ้างอยู่งานพัดวาลชนี รูปทรงส่งศรีโอ่อ่า
บ้างชม้ายชายดูพระผ่านฟ้า สบตาขวยเขินสะเทิ้นใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสร้อยสุณีศรีใส
ครั้นรู้ว่าองค์พระทรงไชย เสด็จในปราสาทรจนา
จึ่งมีพระเสาวนีย์ แก่พระบุตรีเสนหา
มาจะไปเฝ้าพระราชา แก้วตาอย่าละห้อยน้อยใจ
ทั้งนี้ก็เพราะบิดา เมื่อเวลาแล้วจะทำไฉน
จงก้มหน้าเป็นข้าช่วงใช้ ว่าแล้วทรามวัยก็โศกา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางบุษหรีเสนหา
จึ่งกราบถวายบังคมลา เข้ามาที่สรงวารี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ชำระสนานสำราญสกนธ์ ลูบไล้สุคนธ์เรืองศรี
ทรงปรัดผัดพักตร์รูจี กวดเกล้าเกศีโสภา
ทรงภูษาพื้นทองยองใย สไบสีทับทิมโอ่อ่า
สร้อยสนสังวาลตระการตา ทองกรรจนาพรายพรรณ
สอดใส่ธำมรงค์ทั้งซ้ายขวา งามดั่งนางฟ้ากระยาหงัน
เสร็จแล้วย่างเยื้องจรจรัล บังคมคัลสมเด็จพระชนนี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสร้อยสุณีมเหสี
จึ่งพาพระราชบุตรี มายังปรางค์มณีทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งเข้าในปราสาท นางมิได้อภิวาทบังคมไหว้
คลานหมอบยอบตัวอยู่แต่ไกล ชลนัยน์คลอเนตรนางกัลยา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเฉิดโฉมเสนหา
เห็นสองกระษัตริย์โสภา เข้ามาเฝ้าองค์พระทรงไชย
พระวินิจพิศโฉมพระบุตรี ทรงศรีสมบูรณ์ผ่องใส
อรชรอ้อนแอ้นวิไล นางในไตรจักรไม่เทียมทัน
พิศพักตร์ดั่งดวงจันทรา เสนหารัญจวนป่วนปั่น
จะใคร่แนบสุดาวิลาวัณย์ แล้วทรงธรรม์หยุดยั้งชั่งใจ
จึ่งกล่าวมธุรสวาที แก่สร้อยสุณีศรีใส
อันพระสามีที่บรรลัย เพราะมิได้อยู่ในยุติธรรม
กับพระบิตุรงค์ทรงธรรม ก็รักใคร่กันสนิทไม่เดียดฉันท์
ควรหรือเป็นได้ไม่เป็นธรรม คบกันกับอ้ายพรานไพร
เรามาอาศัยอยู่ในสวนศรี ออกชิงเอาสกุณีไว้ได้
แล้วฆ่าปักษาให้บรรลัย เวรานั้นไซร้ติดตามมา
จึ่งสิ้นชีวันม้วยมิด ด้วยโลภหลงปลงจิตริษยา
จะใคร่ได้ดวงจินดา ชีวาจึ่งม้วยบรรลัย ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสร้อยสุณีศรีใส
ได้ฟังบัญชาพระภูวไนย ทรามวัยจึ่งทูลสนองพลัน
ทั้งนี้ก็เพราะเวรากรรม มาจำดลจิตให้ผิดกัน
จึ่งม้วยมุดสุดสิ้นชีวัน ด้วยมิได้เป็นธรรมประเพณี
จะขอเอาพระเดชเดชา ปกเกล้าเกศาข้าสองศรี
จะได้สุขกระเษมเปรมปรีดิ์ กว่าชีวีจะม้วยบรรลัย
อันนางสิบสองพระกำนัล ขอถวายทรงธรรม์เป็นใหญ่
พระองค์จงผ่านราชัย ให้สุขสวัสดิ์สถาวร
ว่าแล้วชวนองค์พระธิดา กลับมาปราสาทสายสมร
ไม่วายโศกาอาวรณ์ ถึงพระภูธรที่มรณา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันรำจวนหวนหา
ครั้นค่ำย่ำแสงสนธยา ถวิลถึงสุดายาใจ
จึ่งเข้าที่ชำระสระสรง สำอางเอี่ยมอ่าองค์ผ่องใส
ทรงสุคนธาธารตระการใจ ลูบไล้ไปทั่วกายา
ทรงภูษาษิตพิศพรรณ ลวดลายสุวรรณเลขา
พระเสด็จย่างเยื้องลีลา มายังปราสาทนางเทวี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งสถิตเหนืออาสน์ อันโอภาสแจ่มจัดรัศมี
แย้มยิ้มพริ้มพักตร์พาที เป็นไฉนด่วนหนีพี่มา
ยังมิได้สนทนาพาที ด้วยแก้วพี่ผู้ยอดเสนหา
หรือไม่ควรนวลน้องจะเจรจา เจ้าจึ่งกลับมาปราสาทไชย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางบุษหรีศรีใส
ครั้นเห็นพระองค์ทรงไชย เสด็จมาในแท่นไสยา
ให้ประหวั่นพรั่นจิตโฉมฉาย ทั้งกลัวทั้งอายเป็นหนักหนา
เคลื่อนองค์ลงจากที่ไสยา คลานก้มพักตราไม่ดูไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันยิ่งคิดพิสมัย
เห็นดวงสุดายาใจ ถอยองค์ลงไปจากแท่นทอง
จึ่งมีมธุรสวาจา แก้วตาอย่าเคืองขุ่นหมอง
พี่แสนพิศวาสนาฏน้อง นวลละอองจงฟังพี่พาที
พี่อุตส่าห์ฝ่าดงพงไพร เพราะจะใคร่ได้ดวงสุดาพี่
จึ่งมาพบพรานป่าในพงพี แจ้งข่าวมารศรีพี่ชื่นใจ
จึ่งเข้ามาในอุทยาน จะใคร่เห็นเยาวมาลย์ผู้พิสมัย
คะนึงถึงพุ่มพวงดวงใจ พี่มิได้หลับไหลในราตรี
เมื่อจวนจะแจ้งแสงฉาน ท้าวไทผู้ผ่านกรุงศรี
ยกรี้กรีพลมนตรี ไปลอบลักสกุณีเข้าเวียงไชย
แล้วเอาพี่ไปทิ้งลงคงคา เพียงจะสิ้นชีวาตักษัย
เพราะสวาดินาฏน้องดังดวงใจ จึ่งรีบยกพลไกรนั้นมา
พี่ได้ให้เสนามาทูลสาร ว่าขานด้วยสกุณปักษา
พระบิดาหุนหันโกรธา จึ่งสิ้นชีวาม้วยมิด
แม้นพี่บรรลัยในสงคราม ที่ไหนโฉมจะเห็นจิต
จะขอชมให้สมอารมณ์คิด จะเบี่ยงบิดไปไยไม่เข้ายา ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางบุษหรีเสนหา
ได้ฟังทรงธรรม์บัญชา กัลยาจึ่งเอื้อนพาที
พระเอยพระเจ้า พระจงโปรดเกล้าเกศี
น้องกลัวเดชาพระภูมี พันปีจงทรงพระเมตตา
เป็นเชลยที่จะเชยชมชิด ไม่ควรสนิทเสนหา
จะเป็นค่าช่วงใช้ใต้บาทา ปรานีน้องเถิดพระภูวไนย
พระจงเสด็จไปเชยชม ฝูงนางนักสนมน้อยใหญ่
ล้วนทรงโฉมประโลมละลานใจ ดั่งนางในช่อชั้นดุษฎี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ โฉมเอยโฉมเฉลา ยุพเยาว์ผู้มิ่งมารศรี
อันพระสนมนารี พี่มิได้มีจิตเจตนา
พี่สู้มาทำณรงค์ยงยุทธ์ เพราะจะได้แนบนุชเสนหา
ปรานีพี่เถิดนะแก้วตา กัลยาอย่าสลัดตัดใจ
ว่าพลางเสด็จยุรยาตร จากอาสน์สุวรรณอันผ่องใส
นั่งแนบแอบองค์อรไท พระลูบไล้ไปทั่วกายา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ พระเอยพระทรงเดช พระไม่โปรดเกศเกศา
กระนี้หรือพระองค์ว่าเมตตา มาทำข่มเหงไม่เกรงใจ
นางสลัดปัดกรพระทรงฤทธิ์ เบี่ยงบิดค้อนขวักผลักไส
วางข้าอย่ายุดน้องไว้ จะไปไหนพ้นพระราชา
พระองค์จงค่อยยับยั้ง น้องยังตระหนกตกประหม่า
จึ่งจะเห็นว่าทรงพระเมตตา จะได้รองบาทาสืบไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ สุดเอยสุดสวาดิ นุชนาฏอย่าคิดสงสัย
พี่รักเจ้าเท่าเทียมฤทัย อย่าประหวั่นพรั่นใจกัลยา
ถ้าห้ามสิ่งอื่นไม่ขืนขัด จะห้ามความปฏิพัทธ์หรรษา
สุดที่พี่จะฟังกัลยา ด้วยความเสนหามายวนใจ
ว่าพลางโอบอุ้มวนิดา ขึ้นแท่นไสยาพิสมัย
พระกรสอดกอดเกี่ยวประทับไว้ สุขกระเษมเปรมใจปรีดา
โปรดเทวาพลาหก ผันผกพยับทั้งเวหา
พยุระบุบั่นลั่นฟ้า เมฆาเกลื่อนกลุ้มโปรยปราย
อสุนีครื้นครั่นสนั่นเสียง เปรี้ยงเปรี้ยงคะนองฟาดสาย
พระพิรุณร่วงโรยโปรยปราย กระจายต้องโกสุมปทุมา
ระบัดบานก้านกลีบชื่นชุ่ม ภุมรินเชยรสบุปผา
สององค์สุขกระเษมเปรมปรา ดั่งได้ฟากฟ้าสุราลัย ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางบุษหรีศรีใส
ได้ร่วมรักองค์พระทรงไชย มิได้นิราศคลาดคลา
นางแสนพิศวาสเป็นสุดคิด ชื่นชมภิรมย์จิตหรรษา
ใหลหลงด้วยองค์พระราชา กัลยาเพลิดเพลินจำเริญใจ
ลืมองค์สมเด็จพระบิดา ที่ม้วยมรณาตักษัย
ลืมความโศกาอาลัย ทรามวัยสุขกระเษมเปรมปรีดิ์
กราบกับตักภูวไนย แล้วนางทูลไปถ้วนถี่
อันหัสรังสกุณี น้องนี้พิศวาสเพียงขาดใจ
เมื่อพระบิตุรงค์ทรงฤทธิ์ สังหารชีวิตให้ตักษัย
เพียงน้องจะพินาศขาดใจ ร่ำไรไห้รักสกุณา
แม้นรู้ประจักษ์แต่เดิมที ที่ไหนชีวีจะสังขาร์
น้องจะวอนองค์พระบิดา ขอชีวาไว้มิให้ตาย ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเพราเพริศเฉิดฉาย
รับขวัญแล้วตอบภิปราย สายสวาดิของพี่ดั่งดวงใจ
แต่ได้แจ้งข่าวปักษา ว่าม้วยมรณาตักษัย
ดั่งพี่จะสิ้นชีวาลัย ให้คั่งแค้นแน่นใจพันทวี
ความพี่เสียดายเป็นนักหนา จะหาไหนได้เหมือนปักษี
รู้จักเจรจาพาที ทั้งในธรณีไม่มีทัน
ว่าพลางตระโบมโลมเล้า คลึงเคล้าเยาวยอดกระเษมสันต์
แสนสำราญบานใจใครจะทัน บรรทมหลับไหลในราตรี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น มะยุหงัดพรานป่าพนาลี
ครั้นรู้ว่าพระองค์ทรงธรณี สิ้นชีพชีวีบรรลัย
ยุขันเสด็จเข้าพารา ผ่านไอศุริยาเป็นใหญ่
พรานป่าตระหนกตกใจ กลัวชีวาลัยจะมรณา
จึ่งชวนกันกับบ่าวสองคน ด้นดั้นเข้าไพรพฤกษา
บุกชัฏลัดลอดอรัญวา ให้พ้นแดนพาราเวียงไชย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันรัศมีศรีใส
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงอโณทัย ภูวไนยตื่นจากนิทรา
จึ่งมีมธุรสวาที เจ้าพี่ผู้ยอดเสนหา
พี่จะไปพระโรงรจนา แก้วตาค่อยอยู่จงดี
สั่งแล้วยุรยาตรคลาดคลา จากห้องไสยานางโฉมศรี
สระสรงทรงเครื่องแล้วจรลี สถิตที่พระโรงรจนา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ พร้อมหมู่เสนาพฤฒามาตย์ เฝ้าแหนเดียรดาษแน่นหนา
จึ่งมีพระราชบัญชา ปราศรัยท้าวตะรังทันใด
แต่จากพารามาช้านาน ช่วยรบรานทำการศึกใหญ่
ก็ปราบได้ไพรีมีชัย ท่านจงกลับไปพระบุรี
แล้วประทานมงกุฎสังวาล เครื่องบรรณาการถ้วนถี่
อันตำมะหงงเสนี ตะลาหรันผู้มีปรีชา
ประทานเจียดกระบี่เงินทอง สิ่งของแพรพรรณเสื้อผ้า
อันเหล่าทหารโยธา บรรดาที่มีฝีมือนั้น
ประทานเครื่องอุปโภคมากมาย ทั้งไพร่ทั้งนายตามหลั่น
เงินตราผ้าผ่อนทุกสิ่งอัน พร้อมกันกระเษมเปรมปรา
อันนายประมงนั้นไซร้ ก็พระราชทานให้หนักหนา
ส่วยสาอากรนานา ทั้งข้าหญิงชายครบครัน
ตึกร้านบ้านเรือนไร่นา โคกระบือช้างม้าทุกสิ่งสรร
เงินทองเสื้อผ้าสารพัน พระทรงธรรม์เบิกบานสำราญนัก ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวตะรังอูมีศักดิ์
ทั้งนายประมงอันจงรัก ภักดีต่อองค์พระราชา
จึ่งกราบถวายบังคมคัล อัญชุลีก้มเกล้าเกศา
รับประทานสิ่งของนานา ยินดีปรีดาเป็นพ้นไป
ท่านท้าวตะรังอูภูบาล ทูลสนองโองการขานไข
ตัวข้าจะทูลลาไป ถ้ามีเหตุภัยสิ่งใดมา
ให้เสนาไปแจ้งคดี ข้าจะยกโยธีมาอาสา
จะสนองรองเบื้องบาทา กว่าจะสิ้นชีวาบรรลัย
ทูลแล้วถวายบังคมลา ออกมาจากพระโรงศรีใส
แล้วยกพหลพลไกร กลับไปยังราชธานี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเลิศฟ้าราศี
เสวยรมย์สมสุขเปรมปรีดิ์ ด้วยองค์บุษหรีเยาวมาลย์
บำรุงไพร่ฟ้าประชากร ถาวรเป็นสุขกระเษมสานต์
ลืมองค์ประวะลิ่มนงคราญ เจ้าลิขิตกุมารชาญชัย
คลึงเคล้าเฝ้าชมสมสวาดิ จะนิราศคลาดคลาก็หาไม่
อยู่เย็นเป็นสุขสนุกใจ ประมาณได้สักหลายเดือนตรา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ