บทลครเรื่องอาบูหะซัน

พิมพ์ตามต้นฉบับของ

เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล)

ช้า

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงองค์เจ้ากาหลิบเรืองศรี
ครองประเทศอาหรับบูรี พระภูมีเคยประเวศเขตต์นิคม ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ร่าย

๏ ระฦกถึงอาบูที่รู้จัก เคยผูกรักเสมอมิตรสนิทสนม
ไม่ปะพบครบเดือนเตือนอารมณ์ ใคร่ไปสมสบสู่บูหะซัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ คิดพลางจัดแจงแต่งเครื่อง อย่างเพศพลเมืองขบขัน
ครั้นเสร็จเสด็จจรจรัล ออกมาหน้าบัญชรชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ตรัสเรียกคนทั้งสี่ที่สนิท เคยใช้ชิดชอบหน้าอาฌาสัย
พร้อมเสร็จเสด็จคลาไคล ตรงไปที่อยู่บูหะซัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น อาบูรู้ตนเป็นคนขัน
แต่คอยท่าหาสหายมาหลายวัน นั่งอยู่ชั้นเชิงตะพานสำราญกาย
พอเหลือบเลี้ยวเหลียวหน้าเห็นกาหลิบ ทำอุบอิบอึกอั้นขวัญหาย
ร้องอ้าหล่าช่วยโอ้ยเสียงโวยวาย พบคนร้ายอย่างยักษ์จะหักคอ
ทำงันงกตกใจใหลเล่อ จิตต์พลั้งเผลอพูดจาทำหน้าหลอ
ดังเห็นเสือเหลือกลัวจนตัวงอ แล้วร้องขอชีวาอย่ามาเลย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จอมกระษัตริย์ตรัสพร้องว่าน้องเอ๋ย
อย่าคุมเคียดเคืองแค้นจงแหงนเงย เราคุ้นเคยผูกรักรู้จักกัน
ฤๅเจ้าแปลกหน้าพี่จำมิได้ ฤๅมีใจรังเกียจเดียดฉัน
อย่าดึงดื้อถือโกรธคุมโทษทัณฑ์ พี่ผิดอันใดน้องสนองรา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูบอกพลางทางว่า
เราไม่ขอปะพบคบค้า จงอย่ามาพูดอีกหลีกออกไป
จอมกระษัตริย์ตรัสว่านิจจาน้อง จะขัดข้องเคียดขึ้งไปถึงไหน
พระเข้ากอดรัดขัดใจ ผลักใสร้องว่าข้ารำคาญ
จอมกระษัตริย์ตรัสว่านิจจาเจ้า เสียแรงเราอ้อนวอนล้วนอ่อนหวาน
ตั้งใจมาหวังว่าจะสำราญ ไปเรือนบ้านเลี้ยงดูกันฟูฟาย
ฤๅมีเหตุเภทภัยบอกให้แน่ พอช่วยแก้ทุกข์เพื่อนให้เกลื่อนหาย
จงบอกความตามจริงอย่านิ่งอาย คงขวนขวายให้เหมาะสงเคราะห์กัน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูฟังวอนผ่อนผัน
ผินหน้าสะลามรับคำนับพลัน เล่าความฝันแต่ต้นจนจบปลาย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น กาหลิบฟังความฝันขันใจหาย
เกรงอาบูรู้ตัวกลัวละอาย จึงภิปรายปลอบถามตามกิจจา
ทรงธรรม์กลั้นพระสรวลสำรวลคึก พระทัยนึกสรวลสันต์หรรษา
เห็นอาบูบอบชํ้าคลอน้ำตา ทัศนาบาดแผลแลตลึง
พระตรัสพลางทางปลอบให้ชอบที่ เป็นทั้งนี้คราวเคราะห์จำเพาะถึง
ดีกันเสียเถิดฤๅอย่าดื้อดึง จะถือโทษโกรธขึ้งกันไปไย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูฟังพร้องสนองไข
ท่านสั่งสอนวอนปลอบเราขอบใจ ขอเชิญไปบ้านเรือนเหมือนเคย
แม้นท่านไปเคหาเวลากลับ ปิดงับทวารไว้อย่าให้เผย
แล้วอย่าว่าข้าทำเกินเลย จงเฉลยสัจจาให้สาบาน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จอมกระษัตริย์ปรีเปรมเกษมสานต์
จึงปราศรัยให้สัตย์ปฏิญาณ เรื่องปิดเปิดทวารมิเป็นไร
แล้วจึงสัพยอกหยอกเย้า ตัวเจ้าหนุ่มคนองผ่องใส
สัตรีที่สวยสมมีถมไป แม้นรักใคร่เราจะช่วยให้รวยพอ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูฟังพลางทางหัวร่อ
อ้ายเรื่องหาเมียมิตรข้าคิดท้อ อยากจะขออยู่เดียวไม่เกี้ยวใคร
พูดพลางสำรวลสรวลสันต์ แล้วชวนกันลีลาหาช้าไม่
อาบูจูงมือพาคลาไคล เกือบใกล้สนธยาพากันเดิร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ กลองทหาร

๏ ครั้นถึงที่อยู่บูหะซัน จูงมือกันเยื้องย่างไม่ห่างเหิน
ล้วนตึกพิฦกแลเพลิน อาบูเชิญขึ้นบันไดไคลคลา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ต่างคนต่างนั่งยังเก้าอี้ เป็นที่เกษมสันต์หรรษา
เรียกบ๋อยจัดกับเข้าทั้งเหล้ายา ยกมาพร้อมเพรียงตั้งเรียงราย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ อาบูกาหลิบหยิบซ่อมช้อน สโมสรชื่นชมสมหมาย
ต่างคนเสพอาหารสำราญกาย แสนสบายสุขเกษมเปรมปรา
ต่างคนคำนับจับถ้วยเหล้า กินจนเมาพูดโผงส่งภาษา
ต่างสำรวลสรวลเสเฮฮา ดื่มสุราเติมซ้ำรํ่าไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เส้นเหล้า

๏ เมื่อนั้น กาหลิบยินดีจะมีไหน
จึงขับบ๋อยถอยออกข้างนอกไป แล้วถามไถ่พูดจากับอาบู
เจ้าอยู่เดียวเปลี่ยวกายเพราะไร้มิตร เรานี้คิดอยากให้เจ้าได้คู่
หญิงงามมีที่ไหนบอกให้รู้ จะช่วยสู่ขอให้สมใจปอง ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูฟังชอบตอบสนอง
ซึ่งจะหาหญิงงามตามทำนอง จะตรึกตรองขี้คร้านป่วยการกาย
อยู่คนเดียวดีกว่ากับหาคู่ เหมือนหาผู้มากำหนดตั้งกฎหมาย
มีเพื่อนหญิงไม่เหมือนเพื่อนผู้ชาย กินเหล้าเมาสบายแล้วพูดกัน
ซึ่งหญิงในไตรจักร์มิรักใคร ถ้าแม้นได้รูปงามเหมือนความฝัน
จะรักใคร่ให้เหมือนเพื่อนชีวัน หญิงเช่นนั้นคิดไปไม่ได้มา
ฝ่ายจอมกระษัตริย์จึงตรัสตอบ แม้นเจ้าชอบหญิงสวยจะช่วยหา
ให้ได้งามตามฝันข้อสัญญา แล้วพูดจาสำรวลชวนสำราญ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูเมาสามารถพูดอาจหาญ
ท่านพูดจาน่าเชื่อเหลือประมาณ ฤๅฟุ้งซ่านกล่าวความไปตามเมา
พออาบูเมินหน้าองค์กาหลิบ ขยายหยิบยาใส่ลงในเหล้า
แล้วยืนขึ้นคำนับเชิญรับเอา กาหลิบเจ้าจึงร่ำเป็นคำพร
เรื่องที่พี่สัญญาจะหาให้ ขอจงได้ร่วมเรียงเคียงหมอน
อาบูจึงคำนับรับพร แล้วกล่าวกลอนต่อตอบตามขอบใจ
รับสุรามาซดจนหมดถ้วย เมาเจียนม้วยผอยพับหลับใหล
เจ้ากาหลิบเปรมปรีดีพระทัย สั่งคนใช้หามออกนอกทวาร
แล้วจึงปิดประตูดูให้มิด มิให้ผิดสัญญาที่ว่าขาน
รีบเร่งจรดลไปลนลาน ทหารหามอาบูเป็นหมู่มา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงนิวาศน์ราชฐาน เข้าในทวารเลขา
ขึ้นบนปรางค์มาศยาตรา ให้วางอาบูนั้นบนบัลลังก์
พระลดองค์ลงที่เก้าอี้อาศน์ กำนัลนาฏแวดล้อมพร้อมสะพรั่ง
ทรงจัดสาวน้อยน้อยคอยระวัง แล้วตรัสสั่งข้อความตามทำนอง
ให้แต่งตัวอาบูจงดูจัด เครื่องกระษัตริย์ที่ใหม่ยังไม่หมอง
มาแต่งให้อาบูดูลอง แล้วสำรองเตรียมการงานทั้งปวง ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝูงกำนัลบรรดาพวกข้าหลวง
จัดการเป็นธุระทุกกระทรวง ไม่งงง่วงหาวนอนร้อนใจ
บ้างแต่งตัวอาบูเปลี่ยนภูสิต ประดับประดิษฐ์งามงดสดใส
ล้วนแก้วแกมทองคำอำไพ พยุงให้นอนยังบัลลังก์ทอง ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระภูมินทร์ยินดีไม่มีสอง
ตรัสสั่งสิ้นเสร็จความตามทำนอง เสด็จเข้าห้องจัดแจงแฝงกาย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ บัดนั้น อาบูส่างเหล้าเมาหาย
พลิกตัวหัวตกหมอนนอนสบาย มือเปะป่ายตังตึงปึงปัง
สองมือซุกเข้าขาทำท่าหนาว แล้วเหยียดยาวอึดอัดดัดหลัง
ครึมครวญครางเสียงสำเนียงดัง ลุกขึ้นนั่งหลับตาตะง่างัน
ทำหน้าบูดดูดลิ้นเหมือนกินส้ม ยื่นหน้าถ่มฟูดฟาดประหลาดขัน
ทำหน้าขมหน้าเปรี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วกลับหันหาหมอนฟุบนอนลง ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น กำนัลนางแน่งน้อยนวลหงส์
เห็นอาบูพลิกตื่นฟื้นองค์ ต่างอนงค์ร้องขับจับวิญญา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ร้องลำฝรั่งเร็ว

๏ อับสรสาวสรรค์กำนัลนาฏ บำรุงบาทเรียงรายทั้งซ้ายขวา
บำเรอองค์ทรงฤทธิอิศรา เมื่อเวลาทรงธรรม์ตื่นบรรทม
คอยทูลบาทบงกชประณตน้อม มาเพียบพร้อมพรั่งเหล่าสาวสนม
ดังดาราล้อมเดือนเตือนให้ชม เป็นบรมสุโขภิญโญยศ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ อาบูได้สดับจับแจ้ว วิเวกแว่วเพราะพริ้งทุกสิ่งหมด
ฟังเสียงสาวน้อยช้อยชด บิดตัวคดพลิกฟื้นตื่นพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ รัว

๏ ลุกขึ้นนั่งเท้าแขนแหงนหน้า หลับตาเกาหัวบิดตัวหัน
ลืมเนตร์นึกอนาถประหลาดครัน เอ๊ะนี่ฝันอีกแล้วไม่แคล้วภัย
แลดูตัวตัวก็ผิดคิดก็ขัน เห็นสาวสรรค์ยืนเรียงเคียงไสว
ตัวสั่นงันงกตกใจ เอ๊ะอย่างไรกลับเป็นถึงเช่นนี้
เพื่อนเราเผาเรือนเหมือนเขาว่า อนิจจาเราหนอไม่พอที่
คบเพื่อนพาลพาลพาหาอัปรีย์ ต้องถูกตีขังกรงคงไม่แคล้ว
ไม่รู้เลยว่าคนทนสบถ ทรยศแกล้งกลับเสียผลับแผลว
ปิศาจร้ายกลายกลับสิงอีกแล้ว จะต้องแกร่วขังกรงปลงชีวา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝูงยุนุกนารีเรียงหน้า
คำนับน้อมพร้อมกันเป็นหลั่นมา เหมือนอย่างขัตติยาเจ้าธานี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูตกใจร้องก้องมี่
องค์อ้าหล่าโปรดด้วยช่วยชีวี อย่าให้ผีสิงสู่อาบูเลย
ตัวสั่นหวั่นไหวใจประหม่า มือปิดตาหลับพริ้งนิ่งเฉย
ขยายมือมองดูอยู่เหมือนเคย ไม่อาจเงยหน้าปิดมิดเม้น
ล้มตัวลงนอนถอนใจใหญ่ ทำฉันใดดีหนอไม่ขอเห็น
จะนอนให้สบายจนบ่ายเย็น จะตายเป็นตามกรรมที่ทำมา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น โฉมนางชื่นจิตต์ขนิฐา
เข้าใกล้บาทมูลทูลกิจจา เชิญผ่านฟ้าจงฟื้นตื่นบรรทม
เสด็จออกประภาษราชกิจ อย่าให้ผิดแบบอย่างปางปฐม
เชิญองค์อิศราชื่นอารมณ์ เวลาสมควรเสร็จเสด็จจร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูแว่วสำเนียงเสียงสมร
ลืมเนตรทัศนาพงางอน กล่าวสุนทรไถ่ถามถึงนามพลัน
เจ้าหรือชื่อชื่นจิตต์พี่จำได้ ชะกะไรงามอย่างนางสวรรค์
พี่คิดถึงเนื้อเย็นไม่เว้นวัน พูดแล้วครั่นคร้ามตัวกลัวอาญา
แม่เอ๋ยถอยออกไปเสียให้ห่าง เออแน่ะนางชื่นจิตต์ขนิฐา
เจ้าเรียกใครบพิตรอิศรา เจ้าเรียกข้าหรือใครจงไขความ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ชื่นจิตต์แจ้งประจักษ์คำซักถาม
คำนับนอบตอบสุนทรที่งอนงาม พระจะขามเกรงใครทำไมมี
คือพระองค์ผู้ดำรงอาณาเขตต์ ได้อุ่นเกศฝูงประชาเรืองราศี
กระษัตริย์ใดใต้หล้าธาตรี ใครไม่มียศเยี่ยมเทียมพระองค์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูฟังนั่งคิดพิศวง
เราชื่อบูหะซันเป็นมั่นคง อย่ามาหลงเรียกเราว่าเจ้านาย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น แสนสาวชาววังทั้งหลาย
ต่างคนแย้มยิ้มพริ้มพราย ทูลถวายข้อความตามกิจจา
ซึ่งใครชื่ออาบูไม่รู้จัก ที่ทรงศักดิ์รับสั่งคิดกังขา
เมื่อคืนนี้ทรงฤทธิ์นิทรา ซึ่งพวกข้าคอยดูอยู่งาน
จนเวลาเที่ยงสายจวนบ่ายแล้ว เชิญเสด็จผ่องแผ้วเกษมสานต์
สู่ท้องพระโรงรัตน์ชัชวาล ออกว่าราชการที่เกี่ยวพันธ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูนิ่งคิดผิดความฝัน
เขากล่าวขึ้นยืนคำล้วนสำคัญ คิดอึดอั้นอัดอกไม่ตกลง ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น คณานางแน่งน้อยนวลหงส์
เห็นอาบูดื้อดันเป็นมั่นคง จึงอนงค์ทูลความตามอุบาย
เดิมพระองค์ได้ทรงอนุญาต แก่ข้าบาททั้งหมดเป็นกฎหมาย
มาตรแม้นมิทำตามกลัวความตาย ถ้าเที่ยงสายไม่ฟื้นตื่นบรรทม
ให้ยื้อยุดฉุดรั้งรับสั่งโปรด ประทานโทษแก่เหล่าสาวสนม
ขอทำตามอนุญาตบาทบรม จะได้สมพระทัยที่ได้ทรง
ต่างชักชวนล้วนเหล่าสาวสรรค์ เข้าช่วยกันทำตามความประสงค์
พร้อมกันมัวมุงพยุงองค์ ไปวางลงบนที่เก้าอี้กลาง ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ สรรเสริญ

ร่าย

๏ เสียงพิณพาทย์ครึกโครมประโคมขับ ทุกสำรับเจนจัดไม่ขัดขวาง
วังเวงใจไหวหวั่นสนั่นปรางค์ พร้อมเจ็ดนางคำนับร้องขับพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

เวสสุกรรม

๏ โอ้ว่าพระทองของน้องเอ๋ย ไม่ควรเลยจะขามว่าความฝัน
ร่มเกล้าเหล่าสุรางค์นางกำนัล หมายมั่นพึ่งพระบารมี
พร้อมหน้าผาสุกไม่ทุกขร้อน สโมสรปรีเปรมเกษมศรี
ให้พระชนม์ยลยืนอยู่หมื่นปี ขออย่ามีเภทภัยสิ่งใดเลย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูฟังเพลินเพราะฉเลาะเฉลย
แย้มยิ้มอิ่มใจกระไรเลย นึกจะเอ่ยเอื้อนถามก็ขามใจ
ใจหนึ่งคร้ามขลาดหวาดสะดุ้ง ใจหนึ่งฟุ้งเฟ้อคิดพิสมัย
ใจหนึ่งรักหักห้ามไม่ตามใจ จึงลุกไปจากอาสน์ลีลาศจร
มือซ้ายจับนงเยาว์ดาวพระศุกร กรขวาจับไข่มุกด์มิ่งสมร
เชิญสาวน้อยร้อยชั่งฟังสุนทร อย่าล้อหลอนตอบความมาตามตรง
ซึ่งตัวพี่นี้ไซร้คือใครแน่ เชิญช่วยแก้หนักจิตต์พิศวง
ไม่ลืมบุญคุณน้องสองอนงค์ แม่เอ๋ยจงบอกจริงพี่กริ่งใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองนางทางแจ้งแถลงไข
ไม่ควรพระจะแคลงแหนงพระทัย การที่ทรงไว้จงตรึกตรา
คือองค์ทรงยศแก้คดแค้น ทำโทษอีแม้นเป็นหนักหนา
แล้วโปรดส่งทองให้ไกฟา ไปประทานมารดาบูหะซัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูรู้จริงทุกสิ่งสรรพ์
นึกมาก็น่าอัศจรรย์ ฤๅเราฝันว่าเขาผูกถูกตี
จึงตอบว่าเออเราจะเล่าบ้าง เชิญสองนางใคร่ครวญให้ถ้วนถี่
ด้วยตัวข้าอาเพดเหตุมี แทบชีวีชีวิตปลิดปลง
ด้วยเราเคลิ้มคลั่งเช่นดังบ้า ทุบตีมารดาแทบผุยผง
เขาจับเราขังใส่ไว้ในกรง เอาเชือกหนังตีลงเกือบบรรลัย
เจ้าทั้งสองบังอรสมรมิ่ง เหตุใดทิ้งทรงฤทธิคิดไฉน
ไม่ผันแปรแลดูภูวไนย พี่ฝันให้เรียกน้องทั้งสองรา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองนางยิ้มละไมอยู่ในหน้า
น้อมนอบตอบความตามกิจจา ซึ่งพวกข้าพร้อมนั่งระวังภัย
บรรทมอยู่บนที่ห้องนี้นะ ไม่เห็นพระเสด็จหนตำบลไหน
ห่อนมีเหตุเภทพาลประการใด นี่อย่างไรตรัสเป็นไปเช่นนี้
อาบูตอบว่าถ้าอย่างนั้น จะว่าฝันเล่าไซร้ก็ใช่ที่
แหวกเสื้อมองร้องแน่ะแผลยังมี รอยเขาตีติดอยู่จงดูเอา
ทั้งสองนางต่างคนว่าจนจิตต์ เป็นสุดคิดทูลแจ้งแถลงเล่า
ซึ่งอาเพดเหตุเป็นไม่เห็นเค้า ด้วยพระเนานิทรในห้องไสยา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อาบูนิ่งฟังยิ่งกังขา
ซึ่งบาดแผลเช่นนี้มีมา ชะรอยว่าโรคภัยภายในเนา
มันซ่าซ่านผุดออกมานอกเนื้อ เอ๊ะจะเชื่อแน่ใจข้างไหนเล่า
ใครจะกล้าไม่เกรงข่มเหงเรา ฤๅจะเอาเนื้อถูเข้ารู่คม
ฤๅเรื่องโน้นฝันจริงกริ่งจิตต์ เรื่องที่คิดตรองความก็งามสม
สองสิ่งจริงประจักษ์หนักอารมณ์ จะคิดข่มแก้ไขฉันใดดี
จำตัดรอนผ่อนปรนให้พ้นทุกข์ จึงร้องเรียกยุนุกเข้ามานี่
เฮ้ยเองช่วยกัดหูเราดูที ถ้าแม้นมีเจ็บหนอพอจะรู้ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยุนุกพร้อมพรั่งทั้งหมู่
ตัวนายจึงเข้ามาหาอาบู คำนับแล้วกัดหูทำตาม
โอยโอยอ้ายถ่อยปล่อยซิวะ หูกูจะวิ่นขาดชาติสำสาม
ครั้งนี้แน่แล้วกูได้รู้ความ เป็นทรงนามกาหลิบธิบดี
เมื่อแรกคิดสำคัญว่าฝันเห็น มิรู้ว่ามาเป็นเจ้ากรุงศรี
สำรวลสรวลสันต์พาที มานั่งยังเก้าอี้เอนกาย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางสนมสมหมาย
พร้อมด้วยยุนุกตัวนาย ยืนรายเรียงคำนับจับระบำ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ร้องลำ

๏ ยกเท้าก้าวเหยาะยาตรย่าง ทั้งรูปร่างสวยสมคมขำ
หยุดยั้งยืนเรียงเคียงประจำ กรีดกรายรำฟักฟ้อนอ่อนเอียง
ยุนุกเต้นเหยาะกระเดาะโอษฐ ตบมือโดดพร้อมกันสนั่นเสียง
นางทอดกรอ่อนกายรายเรียง รำเคียงเดิรคู่หมู่อนงค์
ถอยหน้าถอยหลังเป็นจังหวะ ไม่เกะกะงดงามตามประสงค์
ผ่อนผันหันเหียนเวียนวง รำเต้นตรงพักตราอาบู
รำเคียงเมียงชม้อยถอยหนี แล้วทำทีช้อยชดอดสู
รำเท้าก้าวขัดสองหัตถ์ชู เข้าเป็นคู่ซอยเต้นเป็นทำนอง ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูดูนางไม่หมางหมอง
แลปลื้มลืมตรึกนึกตรอง อยากใคร่ลองรำเต้นเช่นอนงค์
ขยับเท้าก้าวกะจังหวะปี่ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ละเลิงหลง
ออกท่าทำรำเต้นเล่นองค์ ปากส่งทำเสียงสำเนียงแตร
ยักตนก้นบิดผิดจังหวะ ดูเกะกะยักคออ้อแอ้
ตึกตักกักกุกรำตุกแก ทำท่าแย่เท้าย่อล้อนาง
งึกงักโงกโขยกเขย่งเต้น ท่าเจ้าเซ็นซานซมล้มผาง
ลุกขึ้นเปลื้องเครื่องทรงลงวาง ยังเหลือเสื้อบางอยู่ชั้นใน
รำเต้นเล่นตัวทำหัวงึก ทีพิฦกโผนเผ่นเล่นใหญ่
แกว่งแขนต่องแต่งก้องแก้งไป พลิกไพล่แพลงพลัดหัตถ์ชู ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจ้าเซ็น

๏ เมื่อนั้น กาหลิบทรงพระสรวลสำรวลอู้
จึงดำรัสตรัสว่าเฮ้ยอาบู จงหยุดก่อนท้องกูจะหักตาย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูฟังว่าแหงนหน้าหงาย
ร้องอุเหม่ชาติชั่วตัวร้าย เราหมายว่าใครที่ไหนมา
แต่แรกมิได้รู้ว่าขู่เข็ญ จะแกล้งให้เราเป็นบอบ้า
ยังเยาะเย้ยสรวลเสเฮฮา จะเย้ายั่วตัวข้าด้วยเหตุไร
ใครถือดีอวดกล้าแล้วอย่าแฝง ออกมากลางแปลงหาละไม่
จะประจญประจันให้บรรลัย คือใครอวดกล้าออกมาลอง ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น กาหลิบตรัสปลอบตอบสนอง
เราเล่นเพลินเกินกิจผิดละบอง อย่าหม่นหมองหมายจิตต์คิดแค้น
เราจะผดุงบำรุงเลี้ยง โดยธรรมเที่ยงเปลื้องทุกข์เป็นสุขแสน
ข้อที่อัปยศจะทดแทน จะเลี้ยงเพียงอีแมนเหมือนกัน
จึงสำแดงอำนาจราชศักดิ์ ให้อาบูรู้จักคร้ามครั่น
ว่าเป็นอิศระมะสะมัน ออกจากห้องกั้นกำบัง ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ รัว

๏ ขึ้นประทับแท่นที่เก้าอี้อาสน์ อำมาตย์เข้านอบน้อมพร้อมสะพรั่ง
ทั่วถ้วนเหล่าโยธาประดาดัง ออกยืนตั้งทีท่าสง่างาม ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูดูผิดให้คิดขาม
รู้ว่าพระองค์ผู้ทรงนาม จึงสะลามน้อมนอบยอบตัว
ด้วยมิได้รู้เหตุขอเดชะ ข้าแต่พระผ่านเกล้าเจ้าอยู่หัว
ครั้งนี้รู้สึกให้นึกกลัว ด้วยความชั่วจ้วงจาบหยาบคาย
ด้วยหมิ่นประมาทบาทบงกช ไม่ละลดรู้ตัวกลัวใจหาย
เฉาโฉดโทษฆ่าชีวาวาย ขอถวายชีวันต้องบรรลัย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์เจ้ากาหลิบเป็นใหญ่
จึงตรัสยกโทษโปรดอภัย เราไม่ถือโกรธโกรธา
คงจะผดุงบำรุงไว้ จะเลี้ยงให้ปรากฏด้วยยศถา
เพราะเราทำท่านต้องนองน้ำตา จะต้องหาความชอบตอบแทน
แล้วตรัสเรียกเสื้อผ้ามาใส่ เงินทองให้มากมายหลายแสน
ประทานอาบูหมดทดแทน โปรดแม้นขัตติยวงศ์พงศ์พันธุ์
เข้าสวมกอดรัดแล้วตรัสว่า ท่านจะปรารถนาสิ่งใดนั้น
จะอนุญาตให้สมใจพลัน หะซันอย่าได้เกรงใจเรา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูบังคมก้มเกล้า
ปรารถนาข้านี้มีสำเนา จงโปรดเล่าความหลังที่คลั่งใคล้
พระทำอย่างไรหนอขอนุญาต ด้วยข้าพระบาทยังสงสัย
ประการหนึ่งไม่ว่าเวลาไร จะเข้าไปเฝ้าองค์ทรงธรรม์
ขออย่ามีกฎกำหนดห้าม จงปล่อยตามสบายผายผัน
ทั้งสองสิ่งที่ขอข้อสำคัญ ทรงธรรม์ได้เมตตาแก่ข้านี้ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจอมเจ้ากาหลิบเรืองศรี
จึงโปรดแสดงแจ้งความตามมี ถ้วนถี่แต่ต้นจนปลาย
สิ่งที่ท่านปรารถนามุ่งมาตร เรายอมอนุญาตสมมาตรหมาย
ตรัสเสร็จเสด็จนาฎกราย ผันผายเข้าในห้องไสยา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

ช้า

๏ เมื่อนั้น ไผทท้าวกาหลิบนาถา
สถิตเหนืออาสน์โอ่โมรา กับแก้วกัลยานารี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ร่าย

๏ คนึงนึกกรุณากับอาบู เขามีความกตัญญไม่สูสี
จำจะคัดหานารี ที่ดีดีให้ปันเป็นภรรยา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ตริพลางธิบดินทรผินพระพักตร์ ยิ้มพะยักเยาวยอดเสนหา
กรุงกระษัตริย์ตรัสแถลงแจ้งกิจจา กับองค์อัครชายานารี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์พระมเหษี
จึงประมูลทูลไทธิบดี เห็นท่วงทีกิริยาของอาบู
นัยนาสอดส่ายหมายสำคัญ จะผูกพันอัวดัดกำหนัดอยู่
ตัวข้านี้มีจิตต์คิดเอ็นดู อยากใคร่ยกให้อยู่เสียด้วยกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฟังเมียรัก พระทรงศักดิ์ปรีเปรมเกษมสันต์
แม้นอนงค์ปลงใจได้อย่างนั้น ขอให้อยู่ด้วยกันเถิดเป็นไร
พี่ดำริตริการนี้นานครัน กลัวอาซันจะไม่ชอบอัชฌาสัย
ไหนไหนเล่าเขาจำนงจงใจ จะถามไถ่ทั้งสองลองดูที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ พระจึงผินพระพักตร์มารับสั่ง เราจะฝังปลูกรักเป็นศักดิ์ศรี
ทั้งหญิงชายหมายใจเป็นไมตรี ฤๅราคีเดียดฉันด้วยอันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูฟังก้มประนมไหว้
ซึ่งทรงพระกรุณาข้าไซร้ พระคุณใหญ่หลวงล้นพ้นประมาณ
ขอสนองรองเบื้องบทศรี จนชีวีสุดสิ้นสังขาร
ถึงสูญสิ้นดินฟ้าสุธาธาร ไม่ก่อการลืมพระคุณกรุณา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางอัวดัดขวยเขินเมินหน้า
อายอุทัจหัตถ์ประนมก้มพักตรา ยิ้มลไมในหน้าไม่พาที ฯ

ฯ เอ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระผ่านภพผู้บำรุงกรุงศรี
สังเกตดูสีหน้านารี เห็นท่วงทีทำเมินสะเทินอาย
กรสะกิดยุพินผินพะยัก พระทรงศักดิ์ชื่นชมด้วยสมหมาย
สองสำรวลยิ้มพริ้มพราย แล้วผันผายออกท้องพระโรงชัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ประทับเหนือพระที่นั่งบัลลังก์อาสน์ พร้อมหมู่อำมาตย์น้อยใหญ่  
จึงตรัสสั่งมหาเสนาใน บังคับให้เตรียมงานการวิวาห์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ สั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร จากอาสน์ออกขุนนางข้างหน้า
ทรงดำเนิรนวยนาฎยาตรา จากมหาโรงรัตน์ชัชวาล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ เจรจา

๏ บัดนั้น ข้าเฝ้าได้ฟังรับสั่งสาร
ไม่ช้าทีมีหมายรายการ บอกทุกพนักงานทั่วไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพวกพนักงานน้อยใหญ่
บ้างจัดห้องฉากกั้นชั้นนอกใน ผูกใบไม้ห้อยห่วงพวงมาลี
เครื่องบูชาสารพัดจัดสำหรับ แขวนโคมอัจกลับสลับสี
เครื่องแต่งต่างต่างล้วนอย่างดี มีดนตรีจับขานสำราญใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจ้าเซ็นยกเท้า ฝรั่งรำเท้า แล้วสกอตเจ้าเซ็น

๏ ครั้นคำรบครบเก้าราตรี ศุกรสิบเบ็ดฤกษ์ดีคัมภีร์ไสย
พวกผู้ดีมีหน้าก็คลาไคล รีบครรไลมาประชุมชุมนุมกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ พอพลบคํ่ายํ่าแสงสุริย์ศรี ฝูงนารีสวยสมคมสัน
ก็พานางย่างเยื้องจรจรัล มายังที่ชุมนุมนั้นทันเวลา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ นั่งเหนือเก้าอี้แพรแลสอาด อนงค์นาฏนั่งล้อมพร้อมหน้า
ตามยศอย่างผู้ดีมีศักดินา กัลยาขวยเขินสะเทินที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายเจ้าบ่าวเพราเพริศประเสริฐศรี
เดิรออกจากฉากกั้นอันรูจี นำเทียนสี่คู่เคียงเดิรเรียงรัน
นั่งเก้าอี้แพรแลสอาด เนตร์ผาดดูมิตรคิดกระสันต์
แสงไฟสว่างดังกลางวัน อนงค์นั้นนั่งซ้ายชม้ายตา
แต่งตามอย่างต่างภาษาตำรากล่าว พวกเพื่อนสาวนั่งซ้ายชายอยู่ขวา
ฝ่ายอาบูดูนางไม่วางตา กัลยาขวยเขินสะเทินใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อีแมนรู้ถ้วนถี่คัมภีร์ไสย
อ่านหนังสือสัญญาว่าไป โดยในคำนั้นข้อสัญญา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นเสร็จบ่าวสาวก็ลงชื่อ ด้วยฝีมือแม่นหมายลายเลขา
บรรดาชนที่เชื้อเชิญมา ต่างเขียนจารึกชื่อลายมือลง ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น บรรดาพวกที่มานั่งดังประสงค์
ต่างก็ช่วยอวยชัยดังใจจง อาบูชวนอนงค์คำนับพร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น อัวดัดนารีศรีสมร
ครั้นเสร็จซึ่งการสยุมพร บทจรเยื้องย่องเข้าห้องพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูผู้ประเสริฐเฉิดฉัน
ครั้นเพื่อนบ้านน้อยใหญ่ไปพลัน รีบจรัลตามน้องเข้าห้องใน
จึงนั่งลงใกล้นางเคียงข้างชิด ก้อยสะกิดยิ้มแย้มแจ่มใส
เพ่งพิศคิดรักหนักใจ จึงปราศรัยโลมเล้าเยาวมาลย์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้โลม

๏ ดวงยิหวา บุญพี่มาได้กอดยอดสงสาร
อนึ่งนางพญายุพาพาล ก็โปรดปรานใช้ชิดสนิทพักตร์
ฉันขอฝากชีวิตขนิษฐน้อง พลางจับต้องเกษมสานต์หาญหัก
อุยหน่าไม่ควรจะข่วนควัก ต่างร่วมชมสมรักเปรมปรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โลมตระ

๏ บัดนั้น พวกพ่อค้าแต่บรรดาเป็นเจ้าหนี้
ต่างปรึกษาหารือถือบัญชี จรลีรีบด่วนชวนกันมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ลิงโลด

๏ ครั้นถึงเห็นพวกบ๋อยคอยรับใช้ ก็พากันครรไลเข้าไปหา
ส่งบัญชีที่มือถือมา วานให้แจ้งกิจจากับอาบู ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น คนใช้ฟังว่าไม่ช้าอยู่
รับบัญชีที่มือถือเชิดชู เข้าประตูห้องกั้นชั้นใน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงเห็นอาบูผู้เป็นนาย น้อมกายยื่นส่งบัญชีให้
แล้วพาทีชี้แจงให้แจ้งใจ โดยในคำสั่งคนทั้งปวง ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูแสนเสียใจใหญ่หลวง
เต็มจนบ่นออดกอดทรวง เขาจะทวงทุกเวลาระอาใจ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ คิดพลางทางเรียกเมียรัก มาเคียงพักตร์ปรึกษาปราศรัย
ว่าจะคิดผ่อนผันฉันใด ทรัพย์ท่านให้มาก็หมดเจียนอดตาย
จำจะคิดยักย้ายถ่ายเท ด้วยกลเล่ห์หลากหลากมีมากหลาย
แต่ตัวพี่นี้เห็นเป็นอุบาย ได้วายชีวานั้นท่าเดียว ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ภรรยาตอบไปน้องใจเสียว
จะฆ่าตนก่อนไข้จนใจเจียว ชีวิตเดียวรักมากไม่อยากตาย
พ่อทูนหัวตัวท่านอยากบรรลัย ตามแต่ใจเถิดน้องไม่ปองหมาย
อยากแต่ชีวิตรอดไม่วอดวาย ด้วยเสียดายชีพฉันไม่บรรลัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูชี้แจงแถลงไข
เราย้อนยำทำเป็นตายสบายใจ ชีวิตไม่มรณาเช่นพาที
ทำเป็นห่อใส่หีบให้คนเห็น เจ้าทำเป็นร้องไห้อาลัยพี่
ทราบถึงอัครชายาในธานี นางคงมีกรุณาเมตตาเรา
จะจ่ายทรัพย์มาประทานทำการศพ อย่าปรารภเราคงมีดีดังเก่า
ได้ทรัพย์สินเงินตรามาไม่เบา ใช้หนี้เขาแก้จนพอพ้นภัย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางอัวดัดฟังแจ้งแถลงไข
จึงตอบว่าคิดนี้ดีสุดใจ จะช้าไยเร่งรัดรีบจัดการ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูเจ้าอุบายหลายสถาน
ลงนอนในผ้าห่อทรมาน ทำอาการเหยียดตนเหมือนคนตาย
นางอัวดัดห่อมิดเอาด้ายมัด ผูกรัดรึงกระสันมั่นหมาย
ใส่หีบตั้งตามทิศคิดอุบาย บาทาบ่ายโดยพิกัดวัดมกดัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นจัดสำเร็จเสร็จการ แกล้งทำมารยาวิโยคโศกศัลย์
ทำอุบายบีบน้ำตาจาบัล รีบจรัลไปยังวังใน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ใกล้ตำหนักองค์อัครเทวี แสร้งโสกีตีอกสะอื้นไห้
ฉีกผ้านุ่งห่มซ้ำระยำไป เป็นริ้วรอยน้อยใหญ่ไม่มีดี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงค์องค์มิ่งมเหษี
เห็นนางอัวดัดเดินโสกี เทวีกระหนกตกใจ
เป็นอย่างไรเหนอเอออัวดัด จึงกวักหัตถ์ร้องเรียกเข้ามาใกล้
อาเพดเหตุผลกลใด เจ้าจึงมารํ่าไรโสกี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อัวดัดนอบนบซบเกศี
ทูลว่าอาบูผู้สามี บัดนี้สุดสิ้นชีวัน
อกโอ้อนิจจามีสามี ไม่ถึงปีชีวามาอาสัญ
ยังไม่ขาดข้อคำที่รำพรรณ สะอื้นอั้นโสกาอาลัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น องค์พระราชเทวีศรีใส
สำคัญจิตต์คิดว่าจริงยังกริ่งใจ จึงซักไซ้ตรัสถามตามสงกา
ก็อาบูอยู่ดีดีไม่มีไข้ เหตุไฉนชีวังจึงสังขา
หรือเองทำวิปริตผิดตำรา จะแกล้งฆ่าบีบคั้นให้พลันตาย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฟังตรัส ประสานหัตถ์แล้วประมูลทูลถวาย
ข้าสุดแสนพิศวาสไม่คลาดคลาย ด้วยจิตต์หมายพึ่งพาแต่สามี
จะดีชั่วเป็นไฉนน้ำใจข้า ย่อมทราบใต้บาทามารศรี
ด้วยอยู่เย็นเป็นข้าฝ่าธุลี มิได้มีความร้ายในกายตัว
โปรดประทานตัวข้าให้อาบู อุส่าห์สู้ซื่อนักเพราะรักผัว
อุปถัมภ์ยำเยงทั้งเกรงกลัว สิ่งที่ชั่วมิได้ทำให้ชํ้าใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ฟังแถลง ที่ชี้แจงมั่นคงสิ้นสงสัย
ศรีสวัสดิ์ตรัสปลอบให้ชอบใจ จะครวญครํ่ารํ่าไรไปไยมี
จึงประทานทองคำร้อยตำลึง กับผ้าซึ่งจะคลุมหุ้มโลงผี
พื้นสุวรรณพรรณรายลายดี แล้วพาทีว่าจะช้าเวลาไย
จงรีบไปเคหาอย่าปรารภ เร่งทำศพสามีตามวิสัย
อัวดัดรับของประทานสำราญใจ ก็ครรไลทูลลากลับมาพลัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนเคหา เรียกสามีพลางทางสรวลสันต์
หยิบห่อทองกองให้ดีใจครัน แล้วรำพรรณเล่าความตามกิจจา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น อาซันสมมาตรปรารถนา
พูดสำรวลสรวลสันต์อวดปัญญา หน้าตาชื่นบานสำราญใจ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางอัวดัดพักตร์หมดสดใส
จึงมีวาจาว่าไป น้องจะทำบรรลัยละคราวนี้
เจ้าจะทำร้องไห้ได้เหมือนน้อง ฤๅขัดข้องอย่างไรใจของพี่
ถ้าเงื่อนงำทำไปแม้นไม่ดี จะเสียทีเชิญดำริตริตรอง ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูว่าปัญญาเราเป็นเจ้าของ
เจ้าเป็นศิษย์ข้าเป็นครูรู้ทำนอง อย่าหมายปองประมาทเราชาติดี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฟังวาจา ภรรยายิ้มแย้มแจ่มศรี
นอนลงในผ้าปูดูดิบดี สามีห่อมั่นพันกาย
ยกภรรยามาใส่ในหีบตั้ง วางไว้ดังก่อนการประมาณหมาย
ฝ่ายอาบูผู้ประดิษฐ์คิดอุบาย ทำวุ่นวายร้องรํ่าครํ่าครวญ
ทำทีตีอกสะอื้นไห้ รํ่าพิไรโศกซํ้ากำศรวล
เดิรงกงันหันเหเซซวน รีบด่วนเก้กังเข้าวังใน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงนัคเรศราชฐาน ก็ลนลานมาในท้องพระโรงใหญ่
เห็นพระองค์ผู้ดำรงภพไตร คลานเข้าใกล้ทอดกายฟายน้ำตา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ผู้เป็นเจ้าจอมวังคิดกังขา
พระจึงมีสิงหนาทประภาษมา เออนี่อาบูนั้นเป็นฉันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูกราบทูลสนองทั้งร้องไห้
ภรรยาข้าน้อยกลอยใจ มาบรรลัยทิ้งฉันแล้วอันลา
ทูลพลางตีอกชกหัวฉาด กอดพระบาททรงธรรม์รำพรรณว่า
แสร้งทำอาการมารยา เช็ดน้ำตาครวญครํ่าร่ำไร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายพระจอมจักรพงศ์ไม่สงสัย
จึงตรัสชักอาซันไปทันใด มาบรรลัยหลัดหลัดอัศจรรย์
หรือว่ามีปากเสียงเถียงทะเลาะ เป็นคราวเคราะห์โทโษโมหัน
เองทำโพยโบยตีที่สำคัญ จนถึงบรรลัยลาญการอย่างไร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาซันฟังรับสั่งว่าน้ำตาไหล
จึงประมูลทูลพระภูวไนย ข้ามิได้ทำโพยโบยตี
ด้วยสุดแสนสนิทพิสมัย จงทราบใต้บงกชบทศรี
เป็นคราวเคราะห์เพราะกรรมก่อนมี อยู่ดีดีชีวันก็บรรลัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงธรรม์ทราบเหตุน้ำเนตรไหล
นึกสงสารอัวดัดอัดพระทัย ภูวไนยปลอบว่ากับอาซัน
จงระงับดับวิโยคโศกเศร้า ไหนไหนเขาก็ครรไลไปสวรรค์
อย่าสุดแสนโสกาจาบัล แล้วทรงธรรม์โปรดปรานประทานทอง
แท่งใหญ่ไม่น้อยร้อยแท่งครบ ไปทำศพเมียเจ้าอย่าเศร้าหมอง
กับผ้าห่อศพผืนหนึ่งพื้นทอง ตามทำนองผู้ดีมีศักดินา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาซันสมมาตรปรารถนา
รับทองของประทานคลานออกมา รีบไปยังเคหาด้วยยินดี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าในเคหา หน้าตาชื่นแช่มแจ่มศรี
แกล้งยิ้มหยอกภรรยาแล้วพาที เจ้าวันนี้นอนนานสำราญใจ
แล้วเปิดหีบสำคัญงันงก ค่อยอุ้มยกภรรยาไม่ช้าได้
เปลื้องผ้าที่ผูกพันเสียทันใด แล้วเล่าให้เมียฟังแต่หลังมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายพระเจ้าธานีมียศถา
เสียพระทัยด้วยใจกรุณา พระผ่านฟ้าจากท้องพระโรงชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงตำหนักอัคเรศร์ เห็นนางพูนทเวษน้ำเนตรไหล
บรรทมเหนืออาสน์แก้วแววไว พระเอนองค์ลงใกล้กัลยา
จึงตรัสปลอบนงค์ลักษณ์อัคเรศร์ อย่าอาดูรพูนทเวษถวิลหา
อันมนุษย์กำเนิดเกิดมา ย่อมไม่พ้นมรณาทุกตัวคน
อันการกำเนิดเกิดแลดับ ก็สำหรับกุศลอกุศล
อันอัวดัดคนรักของนิฤมล ก็ละพ้นโลกล่วงบรรลัยลาญ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระเทวีได้ฟังรับสั่งสาร
นีกหลากใจในรสพจน์มาล จึงสนองโองการด้วยทันใด
ด้วยวันนี้อัวดัดเข้ามาหา บอกว่าสามีรักมันตักษัย
ซึ่งตรัสว่าภรรยานิคาลัย ข้ายังไม่เชื่อพระองค์อย่าทรงเดา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น กรุงกระษัตริย์ว่ากรรมกรรมทำแล้วเจ้า
เมื่ออาซันมันมาหาเรา แถลงเล่าว่าเมียมันบรรลัย
พวกข้าเฝ้าเหล่าขุนนางก็รู้ชัด พี่ยังจัดทองผ้าเอามาให้
ตัวเจ้าฟังกิจผิดผิดไป เป็นแน่ใจอย่าระแวงแคลงเลย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น วรนาฎนบนอบตอบเฉลย
พระอย่าแกล้งยักย้ายภิปรายเปรย ข้าไม่เคยเลี้ยวลดปดพระองค์
เมื่ออัวดัดเข้ามาหาน้อง ได้ให้ทองผ้าไปไม่ใหลหลง
จึงประมูลทูลความตามตรง พระจะทรงสงสัยไปไยมี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจอมวังฟังมิ่งมเหษี
ขืนจะดื้อโดนเดาพูดเซ้าซี้ บ้าหรือดีดื้อเดาเปล่าเปล่าไป
เจ้าว่าผัวมรณาพี่ว่าเมีย จะได้เสียพนันกันหรือไม่
ถ้าตัวพี่นี้แพ้แน่ใจ จะยอมให้สวนอุทยาน
ถ้าสืบสมข้างเราเจ้าถึงแพ้ จะยกแต่เบื้องขวามุกดาหาร
เห็นอย่างไรใจเจ้าเยาวมาลย์ จงคิดอ่านตรองใจดูให้ดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมอนงค์องค์มิ่งมเหษี
คิดแค้นภูวไนยใช่พอดี จึงทูลท้าสามีด้วยจริงใจ
เมื่อได้ยินแก่หูรู้แก่ตา ตัวข้าชนะแน่หาแพ้ไม่
พระองค์จะพนันฉันใด ก็สุดแต่พระทัยภูมี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฟังตรัส กรุงกระษัตริย์ขัดเคืองมเหษี
เสด็จจากแท่นรัตนรูจี ชวนเทวีออกมาหน้าพระลาน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ตรัสเรียกเมศเรอขุนนางใหญ่ เข้ามาใกล้ทรงธรรม์แล้วบรรหาร
เรื่องอาซันนั้นใครบรรลัยลาญ เมียถึงกาลมรณาหรือสามี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เมศเรอเสนาบดีศรี
จึงทูลว่าเวลาวันนี้ อาซันทูลคดีว่าเมียตาย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ แล้วทูลความตามต้นหนหลัง ดังได้เห็นได้ฟังทั้งหลาย
แสดงเหตุเภทผลต้นปลาย แล้วยอบกายนอบนบอภิวันท์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น กรุงกระษัตริย์สำรวลสรวลสันต์
ครั้งนี้เป็นแน่แพ้พนัน แล้วตรัสเปรยเย้ยหยันกัลยา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฟังภูมี เทวีแค้นขัดมนัสสา
จึงเถียงองค์พงศ์กระษัตริย์ภัสดา ยังยืนว่าอาซันและบรรลัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฟังเถียง พระจอมเวียงเคืองขัดอัชฌาสัย
จึงตรัสว่าจะวุ่นไปทำไม เถียงกันไปเป็นเครื่องเปลืองเวลา
จึงดำรัสตรัสเรียกเมศเรอ เฮ้ยออเธอรีบไปไวไวหวา
ไปสอบดูให้รู้กิจจา ว่าใครจะมรณาให้แจ้งการ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เมศเรอคำนับรับบรรหาร
รีบจรจากที่ตะลีตะลาน ไม่แวะวงตรงไปบ้านอาบู ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น อาบูนั่งมองช่องฝาอยู่
เห็นเมศเรอมาแต่ไกลคาดใจรู้ คงมาดูสำคัญมั่นใจ
คิดพลางทางให้ภรรยา ลงห่อผ้าแล้วรีบใส่หีบใหญ่
เอาผ้าหุ้มคลุมปิดมิดชิดไว้ ทำร้องไห้กอดเข่าเศร้าโศกี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เมศเรอเสนาบดีศรี
ไววิ่งวางมาไม่ช้าที จนถึงที่เคหาอาซัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ย่างเท้าก้าวขึ้นเคหฐาน อาซันทำอาการโศกศัลย์
วิ่งร่ามารับคำนับพลัน เชิญข้าหลวงนั้นเข้าห้องใน
บอกว่าภรรยาข้าน้อยนี้ อยู่ดีดีเกิดวิบัติตักษัย
ท่านอุส่าห์มาเยี่ยมข้าไซร้ คิดขอบใจคุณท่านกรุณา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เมศเรอเสนีมีสง่า
อยากจะใคร่ประจักษ์นัยนา ไปเปิดผ้าที่คลุมศพพลัน
เห็นนางบังอรนอนตาย กลับชักชายผ้าปิดมิดมั่น
แล้วเล่ากิจจากับอาซัน ตามมีเหตุนั้นทุกประการ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูผู้ปรีชาหาญ
กล่าวยุบลสนทนาทำอาการ ด้วยกลมารยาใหญ่ร้องไห้โฮ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เมศเรอเวทนาว่าพุทโธ่
นี่จำเพาะเคราะห์ภัยใหญ่โต อกเอ๋ยโอ้อนิจจาคิดปราณี
ว่าพลางทางลาอาซัน ถ้อยทีคำนับกันตามที่
ลงจากเรือนรีบร้อนจรลี ตรงมายังที่พระลานพลัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงคลานประสานหัตถ์ ทูลสนองสองกระษัตริย์นรังสรรค์
ว่าบัดนี้ภรรยาอาซัน นางถึงบรรลัยแน่ไม่แปรปรวน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฟังทูล นเรสูริย์สมประสงค์ทรงพระสรวล
จึงกล่าวคำทำทีตีสำนวน จะนั่งม้วนพักตราอยู่ว่าไร
ไปสอบดูก็รู้แจ้งประจักษ์ น้องรักจะแพ้ฤๅหาไม่
อัวดัดฤๅอาซันบรรลัย อย่าจนใจเอื้อนอำทำประวิง ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายแก้วกานดาพระยาหญิง
จึงตอบต่อข้อความไปตามจริง ข้ายังกริ่งใจแคลงกินแหนงนัก
จะเชื่อคำข้าไทยไกลเนตร์ เหลือสังเกตไม่เป็นสิ่งจริงประจักษ์
ด้วยเมื่อกี้นี้การไม่นานนัก อัวดัดมาแสดงแจ้งคดี
มันบอกว่าอาซันบรรลัย แม้นสงสัยในเบื้องบทศรี
ถวายสัตยาฝ่าธุลี แล้วเทวีพรรณาสาบาน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เมศเรอเสนากล้าหาญ
ว่าอาซันนั้นไม่บรรลัยลาญ ได้พูดจากันนานการจริงใจ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฟังขัด ศรีสวัสดิ์หุนหันหมั่นไส้
กำลังกริ้วโกรธตรัสด้วยขัดใจ เหม่ผู้ใหญ่พูดสับปลับคนอับปรีย์
ตรัสพลางสั่งเหล่าเฒ่าแก่ ให้หาแต่บรรดาหญิงทาสี
มานั่งร่วมพร้อมหน้าแล้วพาที เหวยวันนี้ใครมาหาเรา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พวกสาวใช้ประนมก้มเกล้า
ทูลแถลงแจ้งความตามลำเนา พวกข้าเจ้านี้อยู่พร้อมกัน
เห็นอัวดัดโสกาเข้ามาเฝ้า สยายเกล้าวิโยคโศกศัลย์
ทูลแจ้งกิจจาว่าอาซัน สุดสิ้นชีวันวายปราณ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางกระษัตริย์ปรีเปรมเกษมสานต์
จึงชี้ด่าเมศเรอเออคนพาล มึงกล่าวการสดสดปดกู
ได้ถามเหล่าสาวใช้ให้ถ้อยคำ ก็แม่นยำได้ยินอยู่แก่หู
ยังดื้อดึงขึงขันยันกับกู มึงจะสู้สถานไรให้ว่ามา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เมศเรอประนมก้มหน้า
อั้นอัดขัดสนจนปัญญา มิได้ตอบวาจาเยาวมาลย์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระผู้ผ่านแผ่นภพสบสถาน
พระนิ่งนึกตรึกตราเป็นช้านาน ด้วยพยานทั้งสองไม่ต้องกัน
ข้างโน้นสมข้างนี้ทีก็สม ดูคารมสองข้างต่างเหมาะมั่น
พระจึงกล่าวปราศรัยไปพลัน ฟังข้างนั้นกับข้างนี้ล้วนทีจริง
ทำไฉนจะได้แน่ชัด ให้จัดแจ้งประจักษ์แต่สักสิ่ง
จะชำระสระสางอ้างอิง ให้เห็นจริงแน่ใจไฉนดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระยุพินปิ่นนางสำอางค์ศรี
ได้ฟังพระภัศดาพาที เทวีเห็นความตามอุบาย
จำจะให้แม่นมคนสนิท รู้ชอบผิดทุกประการประมาณหมาย
มีอายุชะแรแก่กาย ไปขวนขวายสืบดูให้รู้การณ์
คิดพลางทางเรียกยายชรา เข้ามาเล่าแจ้งแสดงสาร
อันข้านี้มีกิจคิดรำคาญ จะต้องวานยายไปสอบให้ธรรม์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระนมคนชราปัญญาขยัน
ได้ฟังพระมเหษียินดีครัน อภิวันท์แล้วลาคลาไคล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น สองเมียผัวตัวคดปดใหญ่
มองเห็นคนชรามาแต่ไกล ก็จำได้มั่นคงไม่สงกา
อาบูแส้งซ้อนกลลนลาน ไม่ช้านานนอนลงในผืนผ้า
เหยียดตนเช่นคนมรณา ภรรยายกใส่ในหีบพลัน
แล้วแสร้งทำมัวหมองร้องไห้ รํ่าไรวิโยคโศกศัลย์
แส้งใส่ใคล้บ่นรํ่ารำพรรณ มือนั้นตีอกชกใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพระนมคนชราไม่ช้าได้
เดิรรีบเร็วจรไม่นอนใจ จนใกล้เคหาอาบู
ครั้นถึงแอบมองตามช่องฝา เห็นอัวดัดโสกาสะอื้นอยู่
รํ่ารักภัศดาน้ำตาพรู มิได้รู้อุบายก็ตายใจ
รีบเดิรเหย่าเข้าห้องเคหา ตรงมาแนบนั่งลูบหลังไหล่
นึกพะวงสงสารรำคาญใจ พลอยมัวหมองร้องไห้ฟายนํ้าตา

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น อัวดัดนอบนบซบเกศา
ทำสำออยอาการมารยา โสกาพลางรํ่ารำพรรณ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้โอ๋อนิจจาอาซันเอ๋ย ไม่ควรเลยละไว้ไปสวรรค์
แต่เราสองครองคู่อยู่ด้วยกัน ยังมิทันถึงปีก็หนีตาย
อยู่ดีดีมิได้มีระคายข้อง มาละน้องอกเย็นไม่เห็นหาย
รํ่าพลางนางทุ่มทอดกาย ดังจะวายชีวาจาบัล ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น ยายแก่แพ้กลคนขยัน
พลอยว่าโอ้อนิจจาอาซัน ไม่ควรบรรลัยเลยณอกอา
แม่ก็พลอยสงสารรำคาญจิตต์ ซํ้ามีคนคอยคิดริษยา
กราบทูลพระองค์ทรงศักดา จนโกรธาองค์พระเสาวนี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เล่าพลางทางเดิรเข้าใกล้ชิด เปิดผ้าที่ปิดคลุมผี
เห็นหน้าอาซันกลั้นโสกี แล้วพาทีว่าพระอนิจจัง ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นเห็นแน่ชัดสนัดตา ก็คลุมผ้ามิดเม้นเหมือนเช่นหลัง
งันงกระหกระเหินเดิรเก้กัง ลานางกลับเข้าวังทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงธานีมิได้พัก หอบหักหักเกือบตายน้ำลายไหล
อุส่าห์เดิรซ่องแซ่งแข็งใจ ตรงเข้าข้างในมนเทียรพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึงทูลเสนอ ต่อหน้าเมศเรออยู่ที่นั่น
ข้าไปได้เห็นเป็นสำคัญ คือว่าอาซันบรรลัย
ด้วยได้ไปดูถึงเคหา ภรรยามัวหมองนั่งร้องไห้
อันอำมาตย์เมศเรอเผลอไป เอาคำเท็จทูลไทธิบดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระผู้ผ่านนัคเรศวิเศษศรี
ฟังยายเฒ่าเล่าความตามคดี ภูมีเคืองขัดหัทยา
จึงตรัสว่าเมศเรอเออไฉน เหมือนมิใช่มนุษย์กล่าวมุสา
ยายแก่แกไปดูรู้มา ดังนี้จะว่าประการใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เมศเรอแค้นเหลือจนเหื่อไหล
กราบทูลขึ้นพลันทันใด ข้าได้ไปเห็นแท้แก่ตา
อย่าเชื่อหญิงชะแรแก่มะพร้าว แกล้งกล่าวทุจรุตมุสา
ชาติชั่วหัวประจบช่างเจรจา เกศาหงอกขาวราวสำลี
แล้วชี้หน้าว่าแกแก่เสียเปล่า อียายเฒ่าทรลักษณ์ต่ำศักดิ์ศรี
ชอบแต่ตบให้ยับยายอัปรีย์ ช่างพาทีหยาบช้าสามานย์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายเฒ่าดุมุโมโหโวหาร
ดุด่าท้าทายหลายประการ ต่างประจานด่ากันสนั่นไป
พวกสาวสรรค์ช่วยเถียงขึ้นเสียงแข็ง เห็นโต้แย้งดื้อดันนึกหมั่นไส้
พวกยุนุกเหลืองดอดใจ ก็ช่วยกันเถียงไปตามได้รู้
เมศเรอว่าชะชิอีเฒ่า พูดเปล่าเปล่าสดสดไม่อดสู
ฝ่ายยายว่าชาติชั่วอ้ายหัวงู อย่าเถียงกูเห็นแน่แก่ตา
พวกผู้หญิงว่าชายทั้งหลายปด ยุนุกว่าหน้าสดช่างมุสา
ไม่รู้ไม่เห็นพลอยเจรจา ต่างด่าเถียงกันสนั่นไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น นางพระยาฟังเสียงเถียงกันใหญ่
จึงตรัสว่าเมศเรอเอออย่างไร เอาความเท็จทูลไททรงธรรม์
กูจะคิดสอบสวนทวนพะยาน ให้แจ้งการใครคิดผิดผัน
สืบไปได้จริงสิ่งสำคัญ เองนั้นกับกูได้ดูดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จอมกระษัตริย์ตรัสห้ามมเหษี
การแต่แรกเริ่มเดิมที สองเรื่องนี้ใคร่ครวญก็ล้วนจริง
ต้องชันสูตรดูให้รู้ความ จะสมตามปากชายหรือฝ่ายหญิง
เมศเรอคนกลางอ้างอิง ดูเหมือนทิ้งสัจจามุสาเรา
ท่านยายฝ่ายพระนมก็อมพระ เหลือชำระยากใจหรือไม่เจ้า
จะเหนื่อยยากกรากกรำก็ทำเนา ทั้งยายเฒ่าเสนีพี่กับน้อง
ไปสอบดูแก่ตาให้ปรากฎ จึงจะหมดมัวสิ้นมลทินหมอง
เชิญโฉมยงจงดำริตริตรอง จะชอบช่องฉันใดไฉนดี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ฟังตรัสสิ้น ยุพาพินตรึกตรองเห็นต้องที่
จึงน้อมนอบทูลตอบพระสามี ว่าตรัสนี้ต้องอย่างในทางธรรม์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นปรึกษาตกลงพระทรงเดช ชวนองค์อัคเรศร์เกษมสันต์
ให้เมศเรอนำหน้าพาจรัล นางกำนัลล้นหลามตามมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น อาบูคอยมองอยู่ช่องฝา
จึงชี้บอกสำคัญภรรยา เสด็จมาโน่นแน่ไม่แชเชือน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อัวดัดตกใจใครจะเหมือน
จนล้มแผ่นอนผางลงกลางเรือน ร้องกรรมเตือนตามทันต้องบรรลัย
ครั้งนี้เพราะใครไว้ฉลาด คอจะขาดแน่แล้วหาแคล้วไม่
เจ้าจะคิดอ่านประการใด เพราะเจ้าฤๅมิใช่อวดปัญญา
อาบูจึงตอบเมียอย่าเสียจริต อย่าเพ่อคิดติโทษโกรธข้า
การของเราสำเร็จเสด็จมา เจ้าอย่าตกใจไปเลย
ด้วยพี่คิดเห็นเป็นอุบาย เราทำตายทั้งสองเถิดน้องเอ๋ย
อันตัวเจ้าก็จัดหัดไว้เคย ลงนอนเฉยเสียกับพี่ไม่มีภัย ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางอัวดัดยิ้มแย้มแจ่มใส
ต่างสำรวลชวนกันทำบรรลัย เอาผ้าใหญ่ห่อหุ้มคลุมกายา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์กระษัตริย์มเหษีเสนหา
ทรงดำเนิรลีลาศยาตรา รีบมาถึงสถานบ้านหะซัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนเคหา พร้อมเสนาและเหล่านางสาวสันต์
ดูเงียบสงัดอัศจรรย์ จึงชวนกันเข้าห้องมองดู
มิได้เห็นอาซันและภรรยา เห็นแต่ห่อผ้าคลุมอยู่
จึงเปิดผ้าพื้นทองมองดู เห็นนอนตายทั้งคู่อัศจรรย์
ทั้งสององค์สั่นรัวกลัวผี มเหษีตกพระทัยไหวหวั่น
เมศเรอยายชราที่มานั้น และสาวสรรค์พรั่นอกตกใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระยอดยุพเรศน้ำเนตรไหล
จึงประมูลทูลองค์พระทรงชัย นี่เพราะพระภูวไนยประกอบกล
แกล้งทำอุบายหลายสถาน จะให้การสังเกตสมเหตุผล
คิดงำเงื่อนเชือนแชแก้กล มาฆ่าคนของฉันถึงบรรลัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฟังตรัส กรุงกระษัตริย์ว่าคิดผิดวิสัย
อย่ากล่าวด้วยประมาณเกินการณ์ไป เถอะพี่ได้เป็นชนะการพนัน
อันตำหนักโฉมฉายหลายห้อง ตกเป็นของพี่นี้แม่นมั่น
อย่าพูดจาแข็งขึงดึงดัน ด้วยนางอัวดัดมันบรรไลย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฟังปรับ นางค้อนขวับผันแปรทูลแก้ไข
อันสวนอุทยานพระลานใน คงจะได้เป็นของฉันมั่นคง
ด้วยได้ใช้ยายชรามาดู เมียมันยังอยู่ไม่ใหลหลง
เห็นจะแสนโสกาว่าตรงตรง จึงได้ปลงชีวันตามกันไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น กรุงกระษัตริย์ตอบว่าข้าสงสัย
การจะชนะแพ้ไม่แปรไป แต่จะใคร่แจ้งความตามสัจจัง
ซึ่งหะซันภรรยาสองรานี้ ใครจะม้วยชีวีก่อนหลัง
แม้นรู้แท้แน่ชัดสัจจัง พี่ไม่หวังลวงเจ้าเยาวมาลย์
ตรัสพลางทางเดิรไปใกล้ศพ พระทรงภพกล่าวพจน์มาลสาร
ว่าหะซันภรรยามาถึงกาล บรรลัยลาญทั้งคู่อยากรู้ความ
ใครจะตายก่อนหลังยังสงสัย ใครบอกได้โดยเค้าที่เราถาม
จะให้ทองคำสดงดงาม กำหนดตามกำนัลพันตำลึง ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูแส้งทำตายเหยียดกายขึง
ยินสำเนียงเสียงกระษัตริย์ตรัสอึงอึง นอนนิ่งขึงฟังให้ชัดสนัดใจ
พอพระองค์พงศ์กระษัตริย์ตรัสซ้ำ ยินถ้อยคำมั่นคงสิ้นสงสัย
จึงร้องทูลแด่พระภูวไนย ว่าบรรลัยก่อนข้าชื่ออาซัน
พอขาดคำซ้ำคลานจากห่อผ้า กราบบาทาจอมวังนรังสรรค์
นางอัวดัดวิ่งมาทั้งผ้าพัน เข้ากอดบาทจอมขวัญกัลยา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางกระษัตริย์ร้องกรีดหวีดผวา
สำคัญว่าปีศาจหวาดวิญญา วิ่งละล้าละลังบังสามี
ฝ่ายพวกสาวสันต์กัลยา ต่างกระหนกตกประหม่านึกว่าผี
พวกผู้หญิงวิ่งล้มไม่สมประดี นางทาสีโดนเหล่าสาวสุรางค์
นางกระษัตริย์เหนี่ยวภัศดาแต้ โดนยายแก่ล้มควํ่าลงต้ำผาง
ข้าหลวงเหล่าสาวสันต์กำนัลนาง ไม่มีทางที่จะลี้หนึไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ นางอัวดัดร้องทูลพระภูมี ว่าข้านี้หาม้วยชีวาไม่
มิควรจะกระหนกตกพระทัย สองพระองค์จงได้กรุณา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จอมกระษัตริย์ธิบดีให้คลี่ผ้า
ทราบพระทัยว่าไม่ม้วยชีวา ผ่านฟ้าจึงดำรัสถามไป
เหวยอาบูหะซันฉันใดเล่า ทำให้เราทั้งสองถึงร้องไห้
ทำหลอกลวงเหลือขนาดบังอาจใจ แต่เราได้เห็นหน้ายังปราณี
จะภาคทัณฑ์โทษไว้ให้สักครั้ง แต่ทีหลังอย่าเล่นทำเป็นผี
ถ้าฝ่าฝืนขืนเล่นอยู่เช่นนี้ ก็จะมีโทษาแก่อาซัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาซันแสนกลคนขยัน
ละลํ่าละลักกะอักไอทูลไปพลัน ชีวันอยู่ใต้พระบาทา
ถ้าฝ่าฝืนขืนขัดมธุรส ทรงยศอย่าโปรดโทษข้า
ขอพระองค์ลงพระราชอาญา ตามข้าทูลสารให้ทานบน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ภูวไนยไถ่ถามตามนุสนธิ์
เองโกกเกกเกเรทำเล่ห์กล ด้วยเหตุผลอย่างไรไขคดี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาบูประณตบทศรี
เดิมพระองค์ผู้ดำรงธานี โปรดมีเมตตาการุญ
ประทานทรัพย์เนืองนองเงินทองมาก หลายหลากล้นเหลือเกื้อหนุน
ข้าจำหน่ายทรัพย์สินแทบสิ้นทุน จึงคิดวุ่นโว้เว้เกเรไป
ครั้นจะกราบทูลพระกรุณา ประหนึ่งข้าลามลวนหาควรไม่
พระองค์ตรัสเมื่อหม่อมฉันทำบรรลัย ยังจำได้อยู่หนอขอประทาน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ฟังอาซัน ทรงธรรม์สรวลสันต์เกษมสานต์
กลับสนุกทุกข์หายสบายบาน เยาวมาลย์งามขำพลอยสำรวล
ฝ่ายเมศเรอยายชะแรแก่โกโร สิ้นโทโสฮาเฮต่างเสรสรวล
พวกสุรางค์นางห้ามงามกระบวร ชม้ายม้วนพักตร์หัวร่ององอไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพระองค์ทรงธรรม์กับกัลยา เหลือบเห็นหน้าอาซันกลั้นไม่ได้
สรวลพลางสิงหนาทประภาษไป ไม่เป็นไรดอกหวาเฮ้ยอาซัน
อย่าประหวั่นครั่นคร้ามความผิด เร่งตามติดเข้าไปไอศวรรย์
เองจะใคร่ได้ทองของสำคัญ จะให้ปันตามที่มีวาจา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุพยงค์เยาวยอดเสนหา
จึงทูลองค์พงศ์กระษัตริย์ภัศดา น้องคิดเมตตาปราณี
ไหนไหนได้เลี้ยงไว้เคียงพักตร์ เขาจงรักฝากกายไม่หน่ายหนี
พระโปรดปรานประทานสามี น้องนี้จะใคร่ให้ภรรยา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระผู้ผ่านนาถา
จึงตอบพจมาลแก้วกานดา ซึ่งเจ้าว่านี้ชอบพี่ขอบใจ
ว่าพลางชวนองค์อนงค์นาฏ ยุรยาตรไคลคลาไม่ช้าได้
อาบูกับเมียงามก็ตามไป เข้าในนัคเรศนิเวศน์วัง ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงนั่งบัลลังก์อาสน์ ภูวนาถบังคับรับสั่ง
แก่พนักงานชาวพระคลัง จ่ายทองทั้งพันตำลึงของพึงใจ
ฝ่ายองค์อัครเทวีศรีสงวน จัดทองถ้วนพันตำลึงประทานให้
ผัวเมียสมจิตต์ที่คิดไว้ กราบไหว้คำนับรับสุวรรณ
ก็ทูลลาฝ่าละอองสองพระองค์ ครรไลลงจากพระโรงนรังสรรค์
ฝ่ายสองพระองค์ทรงธรรม์ ก็จรจรัลจากท้องพระโรงชัย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ