๑ ออกจากกรุงเทพ ฯ

วันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ปีชวด พ.ศ. ๒๔๖๗ เวลาเที่ยงออกจากวังวรดิศ ไปลงเรือสุทธาทิพย์ของบริษัทสยามสตีมนาวิเคชัน ที่ท่าเรือบริษัทอิสต์อาเซียติคข้างเหนือวัด (พระยาไกร) โชตนาราม มีผู้ไปส่งกันเปนอันมาก ทั้งเจ้านาย เจ้าพระยา และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ผู้มีบันดาศักดิทั้งชายหญิง ฝ่ายชาวต่างประเทศทั้งชายหญิง พวกทูตพวกข้าราชการและพ่อค้าที่คุ้นเคย เขาพากันมีแก่ใจไปส่งก็มาก เปนธรรมดาไม่ว่าใคร เมื่อประจักษ์แจ้งความเมตตาอารีของมิตรสหายเห็นปานนั้น ก็ย่อมต้องมีความชื่นชมโสมนัส ลำบากแต่ไม่สามารถจะแสดงความขอบคุณให้ถึงตัวได้ทั่วทั้งหมด เพราะมากด้วยกัน และเปนเวลาชุลมุนเมื่อเรือจะออก แต่ก็ได้พยายามที่จะร่ำลาและขอบคุณให้ทั่วหมดมิได้เลือกชั้นบันดาศักดิ์ (เมื่อมาหวนรำลึกในเวลาตรวจร่างจะพิมพ์หนังสือนี้ก็อนาถใจ วันนั้นสมเด็จพระอนุชาธราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสิมา ทรงพระอุสาหะเสด็จลงไปส่งด้วยทรงพระเมตตา เมื่อเชิญเสด็จไปทอดพระเนตรห้องอยู่ที่ในเรือ ยังตรัสว่า “อยากไปกับอากรม” อนิจจา มิได้คิดเห็นเลยว่าเพียงอิก ๓ เดือนจะเสด็จทิวงคตจากไป ให้บรรดาผู้ที่รักใคร่ในพระองค์อันมีเปนอันมากพากันต้องโศกเศร้าแสนสาหัส)

เวลาบ่าย ๑ นาฬิกาออกเรือ มิศเตอรบยอรลิงผู้จัดการห้างอิสต์อาเซียติคในกรุงเทพฯ กับภรรยาตามลงมาส่งถึงเมืองสมุทปราการ ผู้ซึ่งจะไปเมืองเขมรด้วยกันคราวนี้ ลูกหญิงพูนพิศมัย ๑ พิลัยเลขา ๑ พัฒนายุ ๑ เดิมคาดว่าจะได้พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) เพื่อนกรรมการในหอพระสมุดสำหรับพระนคร ไปเปนเพื่อนเที่ยวด้วยอิกคน ๑ แต่ผเอิญติดราชการในตำแหน่งอุปราชมณฑลอยุธยาไปไม่ได้ เสียดายนัก คงไปด้วยแต่พระยาพจนปรีชา (ม.ร.ว. สำเริง อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา) ได้รับอนุญาตจากกระทรวงวังให้ลาชั่วคราว อาศรัยไปเที่ยวด้วยเปนส่วนตัวเองคน ๑ หลวงสุริยพงศพิสุทธ์แพทย์ (กระจ่าง บุนนาค) ไปเปนแพทย์และเปนล่ามคน ๑ ศาสตราจารย์ ยอช เซเดส์ บรรณารักษ์ใหญ่ในหอพระสมุด ฯ ไปเปนผู้นำทางคน ๑ นายสมบุญ โชติจิตร เสมียน ๑ นายเดช คงสายสินธุ์ มหาดเล็กรับใช้ ๑ รวมด้วยกันเปน ๙ คน ยังภรรยาของศาสตราจารย์ยอช เซเดส์ อาศรัยพาลูกไปเยี่ยมญาติที่เมืองพนมเพ็ญด้วย เพิ่มจำนวนอิก ๕ คน แต่ผเอิญคนโดยสานอื่นไปเที่ยวนี้หามีไม่ เรือสุทธาทิพย์จึงเหมือนกับเปนเรือย๊อตของเรา ห้องหับการเลี้ยงดูเหลือที่จะสบาย นายเรือก็ใจดี เรือลำนี้โดยปรกติเขาเดิรในระหว่างกรุงเทพ ฯ กับหัวเมืองทางแหลมมลายูไปจนถึงเมืองสิงคโปร์ แต่เวลานี้มรสุมเหนือลงแล้ว เรือจะแวะตามหัวเมืองรายทางไม่ได้ทุกแห่ง เขาเปลี่ยนทางตรงลงไปสิงคโปร์ทีเดียว ทางที่ไปแล่นผ่านแดนเขมร เขาจึงรับแวะส่งพวกเราที่ตำบลแก๊ปแขวงเมืองกำปอด แล้วจึงข้ามไปสิงคโปร์ ขากลับบริษัทก็จะให้เรือวลัยอันคู่กันกับเรือสุทธาทิพย์แวะรับมากรุงเทพ ฯ เช่นเดียวกัน ในเดือนธันวาคม รู้สึกเปนบุญคุณของบริษัทเปนอันมาก

เรือล่องลงมาถึงเมืองสมุทรปราการเหมาะคราวน้ำ ได้ข้ามสันดอนก่อนพลบค่ำ พอเรือผ่านเกาะจวงแล้วกัปตันก็ตั้งเข็มแล่นตัดตรงลงไปเกาะช้าง เวลากลางคืนเมื่อเรือห่างฝั่งถูกคลื่นเรือแคลงพอให้คนขี้เมาคลื่นเมาได้บ้าง ลักษณการอยู่กินในเรือสุทธาทิพย์นั้น ที่อยู่มีเก๋งบนดาดฟ้าข้างตอนกลางลำหลัง ๑ จัดเปนห้องพิเศษ กว้างขว้างกว่าห้องอื่นอยู่ได้ ๒ คน และมีห้องน้ำประจำห้องด้วย ทางเก๋งบนดาดฟ้าค่อนข้างหัวเรือ มีที่สำหรับนั่งเล่น และมีห้องสำหรับคนโดยสานอิก ๖ ห้อง อยู่ได้ห้องละ ๒ คน ต่อลงมาถึงชั้นกราบเรือใต้ห้องคนโดยสานที่กล่าวนั้น เปนห้องกินอาหารและสำหรับนั่งเล่น มีห้องคนโดยสานอิก ๒ ห้อง และที่สุดเก๋งมาทางกลางลำเปนห้องน้ำสำหรับคนโดยสานชั้นที่หนึ่ง ส่วนพวกคนโดยสานชั้นที่สอง มีห้องอยู่ข้างท้ายเรือ พวกคนโดยสานชั้นที่สามอยู่กับดาดฟ้าไม่มีห้อง คนโดยสานชั้นที่สองที่สามไม่ได้มาปะปนกับคนโดยสานชั้นที่หนึ่ง การเลี้ยงอาหารคนโดยสานชั้นที่หนึ่งนั้น เวลาเช้าใครตื่นนอนขึ้น จะอยากกินน้ำชาหรือกาแฟกับไข่ไก่และขนมปัง เขาก็เอามาให้กินถึงห้องที่อยู่ตามประสงค์ ครั้นถึงเวลาเช้า ๙ นาฬิกา บ๋อยแกว่งระฆังสัญญาเรียกให้กินอาหารเช้าพร้อมกันที่ห้องกินเข้าเวลา ๑ เวลาเที่ยงเรียกกินอาหารกลางวันอิกเวลา ๑ เวลาบ่าย ๔ นาฬิกามีน้ำชากับขนมปังให้กินบนดาดฟ้าอิกเวลา ๑ เวลาค่ำ ๗ นาฬิกาแกว่งระฆังเรียกกินอาหารเย็นพร้อมกันอิกครั้ง ๑ เปนอันว่าจะหาเวลาหิวบมิได้ แต่อาหารที่เลี้ยงนั้นอร่อยเปนอย่างฝรั่ง ไทยเราบางคนถึงวันที่สองร้องว่าเลี่ยนนัก จึงบอกขอให้เขาหุงเข้า ที่จริงกุ๊กในเรือเปนจีน จะบอกให้หุงเข้าหรือต้มเข้ากินเมื่อใดก็ได้ จะทำไม่ได้ก็แต่กับเข้าอย่างไทย แต่ไปเที่ยวนี้ ข้อนั้นไม่ขัดข้อง ด้วยพระอรรคชายา ฯ ทรงพระเมตตาประทานเสบียงสำหรับเดิรทางไกลมาหลายอย่าง สะเบียงที่ประทานนี้ ได้เลี้ยงกันแต่คืนที่สอง แล้วสงวนเอาไปจนถึงเมืองเขมรได้ไปเลี้ยงเรสิดังสุปีริเอกรุงกัมพูชา และพวกฝรั่งเศสที่พระนครวัด พากันชมว่าของกินของไทยอร่อยดี เลยเปนของอวดฝรั่งได้อย่างหนึ่ง

วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน เวลารุ่งสว่างแลเห็นเกาะช้างอยู่ตรงเรือทางข้างตวันออก เมื่อเรือแล่นใกล้เกาะเข้าคลื่นก็ค่อยเบาลง จนถึงเกาะกูดเรือแล่นเลียบเกาะ แต่นี้ไปก็เปนอันไม่มีคลื่น ถ้าจะแล่นเรื่อยไปในวันนี้ก็จะถึงที่ตำบลแก๊ปได้ในเวลากลางคืน แต่กัปตันไม่อยากเข้าอ่าวเวลามืด เพราะยังไม่เคยไปที่นั้น จึงตกลงทอดสมอรออยู่ที่ริมเกาะตรนเมื่อเวลากลางคืน จนจวน ๔ นาฬิกาก่อนเที่ยง จึงได้ถอนสมอแล่นต่อไป

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ