๕ ว่าด้วยรูปเรื่องสามก๊ก

ข้าพเจ้าผู้แต่งตำนานนี้ได้เคยอ่านหนังสือสามก๊กหลายครั้ง แต่อ่านครั้งก่อนๆ ประสงค์เพียงจะรู้เรื่องเปนสำคัญ ต่อมาอ่านเมื่อจะแต่งตำนานนี้ จึงได้ตั้งใจพิจารณาเหตุการณ์ในเรื่องสามก๊ก รู้สึกว่าตามที่เคยสำเหนียกมาแต่ก่อนเปนความเข้าใจผิดอยู่หลายอย่าง บางทีผู้อื่นซึ่งเข้าใจผิดเช่นเดียวกับข้าพเจ้า หรือที่ยังไม่เข้าใจรูปเรื่องสามก๊กก็จะมีอยู่ไม่น้อย เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจะลองบอกอธิบายรูปเรื่องสามก๊กไว้ในตำนานนี้ พอให้ผู้อ่านหนังสือสามก๊กที่แปลเปนภาษาไทยเข้าใจได้ง่ายขึ้น

ประเทศจีนเมื่อเริ่มเรื่องสามก๊กนั้น กษัตริย์ราชวงศ์ฮั่นเปนใหญ่ ตั้งราชธานีอยู่ณเมืองลกเอี๋ยง ได้ครอบครองแผ่นดินจีนทั่วทั้งประเทศ แลลักษณการปกครองบ้านเมืองนั้น รัฐบาลกลางบังคับบัญชาการทุกอย่างอยู่เพียงในมณฑลราชธานี นอกนั้นออกไปเปนหัวเมือง อำนาจการปกครองทั้งฝ่ายทหารแลพลเรือนเปนสิทธิขาดอยู่กับผู้เปนเจ้าเมือง[๑] เปนแต่ฟังบังคับบัญชารัฐบาลกลางที่ราชธานี เวลามีศึกสงครามที่ใดก็เกณฑ์ให้เจ้าเมืองคุมกำลังเมืองของตนไปรบพุ่ง หรือถ้าเจ้าเมืองไหนกำเริบเปนกบฎ ก็มีท้องตราสั่งให้เจ้าเมืองอื่นยกกำลังไปปราบปราม หรือบางทีเกิดจลาจลขึ้นในเมืองหลวง ให้พวกเจ้าเมืองขึ้นเข้าไปช่วยปราบปรามก็มี พวกเจ้าเมืองขึ้นมีอำนาจเช่นนั้นก็มักถือเอาประโยชน์ตนเปนอันหนึ่งอันเดียวกันกับหน้าที่ในตำแหน่ง บางทีถึงเกิดรบพุ่งแย่งชิงประโยชน์กัน หรือบังอาจขัดแขงต่อรัฐบาลกลางเพื่อรักษาประโยชน์ของตน รัฐบาลกลางจำต้องมีไหวพริบคอยระวังมิให้พวกเจ้าเมืองขึ้นมีกำลังถึงอาจจะลเมิดหรือต่อสู้อำนาจรัฐบาลกลางได้ วิธีการปกครองอย่างว่ามานี้จำต้องมีพระเจ้าแผ่นดินซึ่งทรงอานุภาพมาก หรือมิฉะนั้นก็ต้องมีอัครมหาเสนาบดีอันมีความสามารถเปนที่นับถือยำเกรงของคนทั้งหลายทั่วไป การปกครองแผ่นดินจึงจะเรียบร้อย ถ้าขาดทั้ง ๒ อย่างบ้านเมืองก็มักเกิดจลาจล

หนังสือสามก๊กกล่าวความเริ่มเรื่องตั้งแต่พระเจ้าเลนเต้ได้รับรัชทายาทเมื่อ พ.ศ. ๗๑๑ เพราะปฐมเหตุที่ประเทศจีนจะแยกกันเปนสามก๊ก เกิดแต่พระเจ้าเลนเต้ปราศจากความสามารถ หลงเชื่อพวกขันทีในราชสำนัก พวกขันทีจึงกำเริบเอิบเอื้อมแสวงหาอำนาจในราชการบ้านเมืองด้วยอุบายต่างๆ ขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวงเวลานั้นก็ไม่มีคนสำคัญอันเปนที่นับถือยำเกรงของคนทั้งหลาย มีขุนนางบางคนที่ซื่อสัตย์คิดจะกำจัดพวกขันที ก็ติดด้วยพระเจ้าเลนเต้ป้องกันไว้ การปกครองแผ่นดินจึงวิปริตผันแปร แลเกิดโจรผู้ร้ายชุกชุมยิ่งขึ้นเปนอันดับมาจนพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์ลง มีราชบุตร ๒ องค์ต่างชนนีกัน แลยังเปนเด็กอยู่ด้วยกัน ราชบุตรองค์ใหญ่ชื่อห้องจูเปียนได้รับรัชทายาท นางโฮเฮามะเหษีผู้เปนชนนีเปนผู้ว่าราชการแผ่นดิน ราชบุตรองค์น้อยนั้นชื่อห้องจูเหียบกำพร้าชนนี นางตังไทฮอผู้เปนอัยยิกาเลี้ยงมาแต่น้อย แลขวนขวายจะให้ได้ราชสมบัติแต่หาได้ไม่ นางทั้งสองจึงเปนอริแก่กัน เมื่อพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์แล้ว โฮจิ้นพี่นางโฮเฮาได้เปนขุนนางผู้ใหญ่ให้ลอบฆ่านางตังไทฮอเสีย แล้วคิดจะกำจัดพวกขันทีต่อไป แต่นางโฮเฮาป้องกันพวกขันทีไว้เหมือนอย่างพระเจ้าเลนเต้ โฮจิ้นจะทำการเองไม่ถนัด จึงมีหนังสือไปถึงตั๋งโต๊ะเจ้าเมืองชีหลงให้ยกกองทัพเข้าไปปราบพวกขันที ก็ตั๋งโต๊ะนั้นวิสัยเปนคนพาลสันดานชั่ว เห็นได้ช่องจะเปนประโยชน์แก่ตนก็ยกกองทัพเข้าไปยังเมืองหลวง ครั้นพวกขันทีรู้ว่าโฮจิ้นคิดอ่านกับตั๋งโต๊ะจะกำจัดพวกของตน ก็ชิงทำกลอุบายลวงโฮจิ้นเข้าไปในวัง แล้วปิดประตูวังช่วยกันจับโฮจิ้นฆ่าเสีย ฝ่ายพรรคพวกโฮจิ้นพากันโกรธแค้น เอาไฟเผาวังพังประตูเข้าไปไล่จับพวกขันที ในเวลาจับกุมฆ่าฟันกันนั้น ไฟเลยไหม้ลุกลามเกิดอลหม่านทั้งพระราชวัง ถึงพระเจ้าแผ่นดินกับราชกุมารองค์น้อยต้องพากันหนีออกจากเมืองไปอาศัยอยู่ที่อื่น ฝ่ายตั๋งโต๊ะได้ช่องก็เข้าจัดการระงับจลาจลแล้วเลยกำจัดพระเจ้าแผ่นดินกับนางโฮเฮาชนนีเสีย ยกห้องจูเหียบราชกุมารองค์น้อยขึ้นเปนพระเจ้าแผ่นดิน ทรงนามว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตั๋งโต๊ะก็ได้เปนที่ “เซียงก๊ก” สำเร็จราชการแผ่นดิน[๒] เพราะเปนผู้ยกพระเจ้าเหี้ยนเต้ขึ้นทรงราชย์ แต่พอตั๋งโต๊ะได้เปนเซียงก๊กขึ้นก็ประพฤติพาลทุจริตต่าง ๆ พวกขุนนางในเมืองหลวงไม่มีใครสามารถจะกำจัดตั๋งโต๊ะได้ ก็พากันหลีกหนีไปอยู่ตามหัวเมืองเปนอันมาก[๓] ก็ในพวกที่หนีตั๋งโต๊ะไปนั้น คนหนึ่งชื่อโจโฉไปคิดอ่านชวนเจ้าเมืองขึ้นหลายเมืองให้ยกกองทัพเข้าไปปราบตั๋งโต๊ะ แต่การก็ไม่สำเร็จ เพราะพวกเจ้าเมืองเหล่านั้นต่างถือเปรียบเกี่ยงแย่งไม่เปนสามัคคีกัน มัวคิดหาอำนาจบ้างเกิดเปนอริต่อกันบ้าง การครั้งนี้เปนต้นเหตุอันหนึ่งซึ่งเจ้าเมืองต่าง ๆ เกิดรบพุ่งชิงอำนาจแลอาณาเขตต์กันต่อมาในเรื่องสามก๊ก

ส่วนตั๋งโต๊ะนั้น แม้พวกหัวเมืองไม่สามารถกำจัดได้ด้วยกำลังทหารก็ดี ต่อมาไม่ช้าอ่องอุ้นขุนนางในเมืองหลวงก็กำจัดได้ด้วยใช้กลสตรี แต่เมื่อกำจัดตั๋งโต๊ะได้แล้ว อ่องอุ้นไม่สามารถจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองเรียบร้อยได้ แลพระเจ้าเหี้ยนเต้นั้นก็ซ้ำเปนกษัตริย์ปราศจากความสามารถอีกองค์หนึ่ง พรรคพวกของตั๋งโต๊ะมีลิฉุยกุยกีเปนหัวหน้า จึงอาจทำการแก้แค้นฆ่าอ่องอุ้นเสีย แล้วบังคับพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ตั้งพวกของตนเปนขุนนางผู้ใหญ่มีอำนาจในเมืองหลวงต่อมา แล้วทรยศต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ด้วยประการต่าง ๆ ที่สุดถึงพยายามจะกำจัดพระเจ้าเหี้ยนเต้ ๆ ต้องทิ้งเมืองหลวงหลบหนีมีความเดือดร้อนเปนสาหัส จึงมีรับสั่งให้หาโจโฉ ซึ่งได้เปนเจ้าเมืองตงกุ๋นอยู่ในเวลานั้นเข้าไปช่วย โจโฉเข้าไปปราบปรามพวกกบฎได้ราบคาบ ก็ได้เปนที่เซียงก๊กอยู่ในเมืองหลวงต่อมา แต่ในเวลานั้นหัวเมืองที่กระด้างกระเดื่องมาแต่ครั้งตั๋งโต๊ะแลครั้งลิฉุยกุยกียังมีมาก พวกผู้ดีที่หนีตั๋งโต๊ะไปจากเมืองหลวงในคราวเดียวกันกับโจโฉก็ได้ไปเปนเจ้าเมืองอยู่หลายคน เมื่อโจโฉได้เปนเซียงก๊กขึ้น ที่อ่อนน้อมต่อโจโฉก็มี ที่เฉยๆ อยู่คอยดูว่าโจโฉจะทำอย่างไรก็มี

โจโฉเปนคนฉลาดมีสติปัญญาสามารถผิดกับตั๋งโต๊ะ อาจปกครองบังคับบัญชาการบ้านเมืองแลทำนุบำรุงกำลังรี้พลให้มณฑลราชธานีมีอำนาจขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่มักทำการตามอำเภอใจ ขุนนางที่มิใช่พรรคพวกของโจโฉจึงมักเกลียดชัง  แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะกำจัดได้ ด้วยคนทั้งหลายในราชธานีนิยมกันอยู่โดยมาก ว่าโจโฉทำการเพื่อรักษาราชอาณาจักรในเวลาเมื่อพระเจ้าแผ่นดินอ่อนแอ แต่โจโฉใช้อำนาจเพลินไปจนถึงทำให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ความคับแค้น ถึงเอาพระโลหิตเขียนเปนหนังสือลับร้องทุกข์ขอให้ผู้มีความจงรักภักดีช่วยกำจัดโจโฉ ความทราบไปถึงหัวเมือง พวกเจ้าเมืองที่มีกำลังแลมิได้เปนพรรคพวกของโจโฉ ก็ถือว่าโจโฉเปนศัตรูของพระเจ้าแผ่นดินเหมือนอย่างตั๋งโต๊ะ แล้วพากันกระด้างกระเดื่องขึ้น ฝ่ายโจโฉก็ถือว่าตัวเปนเซียงก๊ก มีหน้าที่จะต้องปราบปรามหัวเมืองที่กระด้างกระเดื่องเปนเสี้ยนหนามแผ่นดิน จึงเกิดรบกันขึ้น ทั้งสองฝ่ายประกาศอ้างเหตุใส่ความข้อเดียวกัน ฝ่ายโจโฉว่าพวกเจ้าเมืองเปนกบฎต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ ฝ่ายพวกเจ้าเมืองก็ว่าโจโฉเปนกบฎต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ในเวลากำลังรบพุ่งกันนั้น ต่างก็ถือว่าเปนข้าของพระเจ้าเหี้ยนเต้ด้วยกัน เวลาโจโฉมีท้องตราอ้างรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกไปถึงหัวเมืองที่เปนข้าศึก หัวเมืองเหล่านั้นก็เคารพนบนอบต่อท้องตรา เปนแต่ไม่ยอมฟังบังคับบัญชาของโจโฉ การที่พวกหัวเมืองต่อสู้ทหารเมืองหลวงหรือบางทีตีเข้าไปจนแดนเมืองหลวง ก็ถือว่ารบกับอัครมหาเสนาบดีหาได้คิดร้ายต่อพระเจ้าแผ่นดินไม่ ผลของการที่รบพุ่งกันนั้น ฝ่ายโจโฉมีชัยชนะปราบหัวเมืองได้โดยมาก ปราบไม่ลงแต่หัวเมืองที่ซุนกวนกับเล่าปี่ปกครอง

ซุนกวนเปนเจ้าเมืองกังตั๋ง อันเปนหัวเมืองใหญ่อยู่ทางทิศตวันออก ได้ครองเมืองโดยสืบสกุล แลเปนผู้อยู่ในศีลธรรมปกครองบ้านเมืองดี จึงมีคนนิยมเข้าเปนพวกจนมีกำลังมาก เล่าปี่นั้นเดิมเปนคนอนาถา แต่สกุลสูงเปนเชื้อสายในราชวงศ์ฮั่น แลเปนผู้มีอัธยาศัยโอบอ้อมอารี กับผะเอิญได้คนดีมีฝีมือไว้เปนนายทหารหลายคน จึงมีชื่อเสียงปรากฎแลพวกเจ้าเมืองมักเชิญให้ไปช่วยในเวลาเกรงศัตรู แต่เล่าปี่เปนคนอาภัพ แม้ได้นายทหารดีก็มีกำลังรี้พลน้อย มักต้องหลบหนีเอาตัวรอดเนืองๆ จึงไม่สามารถตั้งมั่นเปนหลักแหล่ง จนได้ขงเบ้งเปนที่ปรึกษา แนะนำให้ไปเปนสัมพันธมิตรกับซุนกวน ช่วยกันต่อสู้โจโฉจึงรักษาตัวได้ และต่อมาจึงไปได้เมืองเสฉวนเปนที่มั่นอยู่ทางทิศตวันตก เรื่องราวตอนนี้แม้พระเจ้าเหี้ยนเต้เปนแต่อย่างเจว็ชอยู่ในศาล ในพงศาวดารก็ยังนับว่าเปนพระเจ้าแผ่นดินทั่วทั้งประเทศจีน

ครั้นโจโฉตายลง โจผีลูกโจโฉได้เปนที่เซียงก๊กแทน เลยถอดพระเจ้าเหี้ยนเต้เสียจากราชสมบัติ เมื่อ พ.ศ. ๗๖๓ แล้วตั้งตัวขึ้นเปนพระมหากษัตริย์ราชวงศใหม่ เรียกว่าราชวงศ์วุย  ฝ่ายเล่าปี่ถือว่าเปนสมาชิกราชวงศฮั่น ก็ตั้งตัวเปนพระมหากษัตริย์สืบราชวงศฮั่นขึ้นณเมืองเสฉวน ซุนกวนไม่อยากยอมขึ้นแก่โจผีหรือเล่าปี่ ก็ตั้งตัวเปนเอกราชขึ้นที่เมืองกังตั๋งบ้าง[๔] ตั้งแต่นี้ประเทศจีนจึงแยกกันเปนสามก๊ก คือ ๓ ราชอาณาเขตต์อันเปนอิสสระแก่กัน อาณาเขตต์ของพระเจ้าโจผีได้นามว่า “วุยก๊ก” อาณาเขตต์ของพระเจ้าเล่าปี่ได้นามว่า “จ๊กก๊ก” อาณาเขตต์ของพระเจ้าซุนกวนได้นามว่า “ง่อก๊ก” เปนอยู่อย่างนั้นไม่นานเท่าใด พอสิ้นพระเจ้าเล่าปี่พระเจ้าโจผีแลพระเจ้าซุนกวนแล้ว เชื้อสายที่รับรัชทายาทสืบมาก็เสื่อมความสามารถลงด้วยกันทั้งสามก๊ก สุม้าเจียวซึ่งเปนผู้สำเร็จราชการวุยก๊กปราบจ๊กก๊กได้ก่อน แล้วสุมาเอี๋ยนลูกสุม้าเจียวชิงราชสมบัติวุยก๊ก ตั้งราชวงศ์ใหม่เรียกว่าราชวงศ์จิ้น พระเจ้าสุมาเอี๋ยนปราบง่อก๊กได้อีกก๊กหนึ่ง แผ่นดินจีนก็กลับรวมกันเปนราชอาณาเขตต์เดียวสืบมา สิ้นเรื่องสามก๊กเท่านี้

ลำดับเหตุการณ์ในเรื่องสามก๊กตามศักราชเปนดังอธิบายต่อไปนี้

พระเจ้าเลนเต้ครองราชสมบัติปีวอก พ.ศ. ๗๑๑

พระเจ้าเหี้ยนเต้ครองราชสมบัติปีมะเมีย พ.ศ. ๗๓๓

โจโฉรบทัพเรือกับพวกซุนกวนแลเล่าปี่ปีชวด พ.ศ. ๗๕๑

จิวยี่ตาย ปีขาน พ.ศ. ๗๕๓

เล่าปี่ได้เมืองเสฉวน ปีมะเมีย พ.ศ. ๗๕๗

กวนอูเสียเมืองเกงจิ๋วแก่ซุนกวน ปีกุน พ.ศ. ๗๖๒

โจผีถอดพระเจ้าเหี้ยนเต้ แล้วก็ขึ้นครองราชสมบัติเปนพระเจ้าโจผี ปีชวด พ.ศ. ๗๖๓

เล่าปี่ตั้งตัวเปนพระเจ้าแผ่นดินณเมืองเสฉวน ปีฉลู พ.ศ. ๗๖๔

ซุนกวนตั้งตัวเปนเอกราชเมืองกังตั๋ง ปีขาน พ.ศ. ๗๖๕

พระเจ้าเล่าปี่สิ้นพระชนม์ พระเจ้าเล่าเสี้ยนรับรัชทายาทครองจ๊กก๊ก ปีเถาะ พ.ศ. ๗๖๖

พระเจ้าโจผีสิ้นพระชนม์ พระเจ้าโจยอยรับรัชทายาทครองวุยก๊ก ปีมะเมีย พ.ศ. ๗๖๙

ซุนกวนตั้วตัวเปนพระเจ้าแผ่นดินเมืองกังตั๋ง ลบศักราชเก่าตั้งศักราชใหม่นับปีระกา พ.ศ. ๗๗๒ เปนศักราชพระเจ้าซุนกวนทรงราชย์ (แต่ในหนังสือสามก๊กที่แปล เขานับเอาปีขาน เมื่อพระเจ้าซุนกวนตั้งเปนเอกราชเปนต้น)

ขงเบ้งตาย ปีขาน พ.ศ. ๗๗๗

พระเจ้าโจยอยสิ้นพระชนม์ พระเจ้าโจฮองรับรัชทายาทครองวุยก๊ก ปีมะแม พ.ศ. ๗๘๒

สุมาอี้ตาย ปีมะแม พ.ศ. ๗๙๔

พระเจ้าซุนกวนสิ้นพระชนม์ พระเจ้าซุนเหลียงรับรัชทายาทครองง่อก๊ก ปีวอก พ.ศ. ๗๙๕

พระเจ้าโจฮองถูกถอดจากราชสมบัติวุยก๊ก พระเจ้าโจมอขึ้นครองราชสมบัติ ปีจอ พ.ศ. ๗๙๗

พระเจ้าซุนเหลียงถูกถอดจากราชสมบัติง่อก๊ก พระเจ้าซุนฮิวขึ้นครองราชสมบัติ ปีขาน พ.ศ. ๘๐๑

พระเจ้าโจมอสิ้นพระชนม์ พระเจ้าโจฮวนขึ้นครองราชสมบัติวุยก๊ก ปีมะโรง พ.ศ. ๘๐๓

พระเจ้าเล่าเสี้ยนเสียบ้านเมืองแก่วุยก๊ก ปีมะแม พ.ศ. ๘๐๖

พระเจ้าโจฮวนถูกถอดจากราชสมบัติ สุมาเอี๋ยนขึ้นครองราชสมบัติวุยก๊ก เปนปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จิ้น ปีระกา พ.ศ. ๘๐๘

พระเจ้าซุนฮิวเสียบ้านเมืองแก่ราชวงศ์จิ้น ปีชวด พ.ศ. ๘๒๓

สามก๊กรวมเข้าเปนก๊กเดียว อยู่ในปกครองของพระเจ้าสุมาเอี๋ยน ต้นราชวงศ์จิ้น ปีชวด พ.ศ. ๘๒๓

หรืออีกนัยหนึ่งถ้ากำหนดจำนวนปีเปนต่างสมัยในเรื่องสามก๊กก็แบ่งได้เปน ๓ สมัย คือ

สมัยราชวงศ์ฮั่นซุดโทรม ในรัชกาลพระเจ้าเลนเต้ ๒๑ ปี

สมัยตั้งก๊กในรัชกาลพระเจ้าเหี้ยนเต้ ๓๐ ปี

สมัยสามก๊ก ๖๐ ปี

คำนวณเวลาของพงศาวดารเรื่องสามก๊กเปน ๑๑๑ ปี

หนังสือสามก๊กดีอยู่ที่พลความ อันกล่าวถึงอุบายการเมืองแลการสงคราม ควรนับว่าเปนหนังสือซึ่งน่าอ่านอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง



[๑] ที่เรียกว่าเมืองในเรื่องสามก๊กนั้น เปนเมืองใหญ่อย่างหลายมณฑลรวมกันก็มี เปนเมืองอย่างกลางเช่นมณฑลเดียวก็มี เปนแต่อย่างเมืองเดียวก็มี

[๒] ผู้แปลหนังสือสามก๊กเปนภาษาไทย แปลศัพท์เซียงก๊กว่า “พระยามหาอุปราช” (เห็นจะเอานามซึ่งมีอยู่ในกฎหมายทำเนียบศักดินาพลเรือนมาใช้) แต่ชอบใช้โดยย่อว่า “มหาอุปราช” มักทำให้ฉงนว่าจะเปนตำแหน่งรัชทายาทหรืออย่างไร ที่แท้ตำแหน่งเซียงก๊กนั้น เปนเอกอัครมหาเสนาบดีที่เรียกอย่างอังกฤษว่า ปริมิเอ หรือ ไปรมมินิศเตอร เท่านั้น

[๓] พวกเจ้าเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องสามก๊กตอนหลังเปนผู้ที่หลีกหนีจากเมืองหลวงไปในคราวนี้หลายคน

[๔] ซุนกวนตั้งตัวเปนเอกราชใช้นามแต่ว่าวุยอ๋องก่อน ต่อเมื่อพระเจ้าเล่าปี่และพระเจ้าโจผีสิ้นพระชนม์แล้ว จึงราชาภิเษกเปนพระมหากษัตริย์

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ