๗๕

ครั้นถึงเมืองนิ่มอัน นางลีสีฮูหยินก็ให้ตั้งพักอยู่นอกเมือง ตัวนางลีสีฮูหยินกับบุตรและนายทหารทั้งปวงก็เข้าไปในเมืองหาเจ้าพนักงานให้นำเฝ้าเจ้าพนักงานเข้าไปกราบทูลพระเจ้าซ้องเฮาจงทรงทราบก็ดีพระทัย รับสั่งให้หานางลีสีฮูหยินและนายทหารเหล่านั้นเข้าไปเฝ้า แล้วตรัสกับนางลีสีฮูหยินว่าพระเจ้าซ้องเกาจงทรงเชื่อถือชีนไคว่ขุนนางกังฉินเกินนัก ชีนไคว่จึงได้ทำการแอบอ้างรับสั่งทำแก่บูเชียงก๋งด้วยอาญาต่าง ๆ จนถึงแก่ความตาย ตัวเรานี้เมื่อขณะนั้นเป็นผู้น้อยไม่รู้ที่จะพูดจาประการใด การงานสิ่งใดจะชั่วดีอย่างไรก็รู้อยู่ทุกสิ่งหาเหมือนพระเจ้าซ้องเกาจงไม่ดอก ท่านทั้งหลายจงตั้งใจทำราชการหาบำเหน็จความชอบให้มีชื่อเสียงปรากฏในแผ่นดินเถิด เราจะทำนุบำรุงชุบเลี้ยงให้ต้องตามยุติธรรม ท่านทั้งปวงเหล่านี้ได้ทำราชการกับบูเชียงก๋งมามีความชอบมากเราก็รู้อยู่ แล้วรับสั่งตั้งให้นางลีสีฮูหยินเป็นที่อิดพินฮูหยินมียศใหญ่กว่าฮูหยินทั้งหลาย ตั้งให้งักหลุย งักเข่ง งักหลิม งักจิ้นบุตรบูเชียงก๋ง ทั้งสี่คนเป็นที่โฮแจะขุนนางนายทหารใหญ่ ตั้งให้งูเกา กิดแช เตียหุน เลียงเฮง สี่นายเป็นที่เมกฮูเจียงกุนขุนนางนายทหารเอก ตั้งให้ ฮันคิเหลง ฮันคิหอง งูทอง จงเหลียงเป็นที่โตะถองขุนนางทหารรอง จัดที่บ้านพระราชทานให้ตามยศศักดิ์ทุกคน นางลีสีฮูหยินกับบุตรและขุนนางเหล่านั้นได้รับยศบรรดาศักดิ์แล้ว ก็คุกเข่าลงคำนับกราบถวายบังคมลากลับไปอยู่ที่บ้านตามตำแหน่ง

ฝ่ายเตียกีซือ ขุนนางซึ่งไปทำศาลให้บูเชียงก๋งเสร็จแล้วก็เข้ามากราบทูลพระเจ้าซ้องเฮาจง รับสั่งหองให้บูเชียงก๋งเป็นที่งักก๊กอ๋อง หองให้งักฮุนเป็นที่ตกเลียดก๋ง นางงักปันเสียเจียะบุตรหญิงบูเชียงก๋งเป็นที่เฮาหัวฮูหยิน ให้เตียเหียนเป็นที่เซงหงีเจียงกุน บุตรเลี้ยงบุตรตัวบูเชียงก๋งทั้งสามคนนั้นให้ทำรูปจารึกชื่อเดิมและชื่อตั้งไปไว้ที่ศาลบูเชียงก๋ง แต่ซีฉวนนั้นตั้งให้เป็นโทเอีย คือพระภูมิเจ้าที่ทำศาลไว้ที่สะพานเจงอันเกีย เฮงฮวยนั้นให้เป็นโทตี๋เทพารักษ์เจ้าที่ทำศาลไว้ที่แม่น้ำเพงกังเอี๋ย เตียเปา ทึงฮวย เอียไจเฮง สามคนหองให้เป็นที่ตงยงเจียงกุน นายทหารพวกของบูเชียงก๋งที่ตายในกลางศึกนั้น ก็หองให้เป็นขุนนางมียศทุกคน ทำรูปไว้ที่ศาลบูเชียงก๋งทั้งสิ้น บุตรภรรยาขุนนางที่มีความชอบซึ่งตายไปแล้วนั้นก็พระราชทานเบี้ยหวัดเงินเดือนให้ทุกตัวคน แล้วรับสั่งกับจิวซำอุย งูเกาว่าท่านทั้งสองจงเอาตัวพวกกังฉินไปชำระเสียให้เสร็จโดยเร็ว แล้วเราจะไปกระทำการเซ่นศพบูเชียงก๋ง กำหนดให้นางลีสีฮูหยินกับบุตรและนายทหารทั้งนั้นไปพร้อมกันที่ศาลบูเชียงก๋ง รับสั่งเสร็จแล้วก็เสด็จขึ้น จิวซำอุยกับงูเกาพากันมาที่ชำระความ ให้เจ้าพนักงานเอาตัวชีนฮี บุตรชีนไคว่กับเมกคิหู หลออูจิบ ออกมาชำระ จิวซำอุย งูเกา ให้เอาตัวชีนฮีเข้ามาถามว่า ชีนไคว่บิดาของตัวก็เป็นขุนนางผู้ใหญ่ ตัวก็เป็นขุนนางรองอยู่ในบิดา เหตุไฉนจึงไม่ซื่อตรงต่อแผ่นดินเป็นไส้ศึกคบคิดกับกิมงึดตุด ทำหนังสือปลอมรับสั่งไปเอาตัวบูเชียงก๋งกับบุตรเข้ามาฆ่าเสียแล้ว ยังมิหนำซ้ำเนรเทศบุตรภรรยาญาติพี่น้องของบูเชียงก๋งออกไปอยู่นอกเขตแดน ให้ได้ความลำบากทนทุกข์เวทนานั้น ใจของตัวจะคิดประการใดจงให้การแทนชีนไคว่บิดาไป ชีนฮีได้ฟังตุลาการถามดังนั้นก็ก้มหน้านิ่งอยู่ยังไม่ได้ให้การ งูเกาจึงพูดขึ้นว่าด้วยพวกกังฉินถามมันทำไม่ให้เสียปาก เอาไปตบเสียคนละสี่สิบทีก่อนเถิด ทหารก็เข้าตบปากชีนฮีสี่สิบทีแล้วคุมเอาตัวออกไปไว้ให้เอาตัวเตียจุ้นเข้ามาถาม ว่าตัวเป็นขุนนางนายทหาร เหตุไฉนจึงได้เข้ายอมตัวเป็นพวกชีนไคว่ เที่ยวกระทำข่มเหงราษฎรให้ได้ความเดือดร้อนต่าง ๆ เตียจุ้นได้ฟังก็ไม่รู้ที่จะให้การอย่างไรนั่งก้มหน้านิ่งอยู่ งูเกาว่าอย่าถามมันเลยเอาไปตบปากเสียสี่สิบทีแล้วจึงค่อยทำโทษ ทหารก็เอาตัวเตียจุ้นไปตบตามงูเกาสั่ง จิวซำอุยให้เอาตัวเมกคิหูเข้ามาถาม ว่าตัวเป็นตุลาการผู้ชำระความบูเชียงก๋ง ทำไมจึงไม่ชำระแต่ตามตรง กดขี่ทำอาญาต่าง ๆ จนบูเชียงก๋งตายนั้น ตัวคิดปรารถนาด้วยเหตุอันใด เมกคิหูให้การว่าชีนไคว่เป็นขุนนางผู้ใหญ่บังคับให้ทำ ข้าพเจ้าก็ต้องทำตาม ซึ่งตัวข้าพเจ้าจะได้เกี่ยวข้องซึ่งโกรธชิงชังบูเชียงก๋งนั้นหามิได้ จิวซำอุยให้เอาตัวหลออูจิบเข้ามาถาม หลออูจิบให้การว่า เมกคิหูเป็นใหญ่ให้ทำประการใดข้าพเจ้าก็ต้องทำตาม งูเกาว่าอ้ายสองคนนี้สอพลอพลอยยุยงส่งเสริมดีนัก ให้เอาตัวไปตบปากเสียคนละสี่สิบทีเถิด ทหารก็เอาตัวไปตบตามสั่ง แล้วจิวซำอุยให้ผู้คุมเอาคนโทษทั้งสี่ไปจำขังไว้ในคุกดังเก่า จิวซำอุยกับงูเกาก็เลิกจากที่ชำระความกลับมาบ้าน จิวซำอุยจึงทำคำปรึกษาโทษพวกกังฉินขึ้นกราบทูลพระเจ้าซ้องเอาจงว่า ชีนไคว่กับนางเฮงสีภรรยา ชีนฮีผู้บุตรไม่ซื่อตรงต่อแผ่นดินคบคิดกับกิมงึดตุดผู้เป็นไส้ศึกคิดฆ่าบูเชียงก๋งผู้มีความชอบต่อแผ่นดินเสีย ปรารถนาจะให้แผ่นดินซ้องเป็นเชลยแก่พวกฮวนเมืองไตกิมก๊กนั้นมีโทษเป็นฉกรรจ์ให้ตัดศีรษะชีนฮีผู้บุตรและญาติพี่น้องพวกพ้องเสียให้สิ้น ให้ขุดเอาศพชีนไคว่กับนางเฮงสีขึ้นทำโทษประจาน อย่าให้ผู้ใดดูเยี่ยงอย่างต่อไป เมกคิหู หลออูจิบเป็นตุลาการชำระความไม่ซื่อตรงถือคำสั่งชีนไคว่ยิ่งกว่าความชื่อสัตย์กตัญญูต่อแผ่นดินนั้นมีโทษต้องตัดศีรษะเสีย บุตรภรรยานั้นต้องเนรเทศไปเสียนอกเขตแดน เตียจุ้นนั้นกระทำข่มเหงแก่ราษฎรให้ได้ความเดือดร้อนเป็นอันมาก ให้เอาเตียจุ้นไปทำโทษมัดไว้ให้ราษฎรทั้งปวงทำโทษเองจนกว่าจะตาย พระเจ้าซ้องเฮาจงได้ทรงฟังก็เห็นด้วยจึงรับสั่งให้เจ้าพนักงานเอาคนเหล่านั้นไป ทำโทษตามคำปรึกษาแล้วรับอังให้เอาเหล็กมาหล่อเป็นรูปชีนไคว่ นางเฮงสี เมกคิหู หลออูจิบ สี่รูปหมอบอยู่ตรงหน้าศาลสำหรับคนทั้งหลายเหยียบขึ้นเหยียบลงเขาจะได้แช่งด่าด้วยกระทำกับบูเชียงก๋งซึ่งมีความชอบมาก เจ้าพนักงานก็มาจัดการหล่อรูปทั้งสี่ตามรับสั่งเสร็จแล้ว จิวซำอุยกับงูเกาจึงจัดเอาเครื่องแห่เอากลองทะลุ ม้าล่อแตกตีประโคม คนซึ่งแห่นั้นถือขื่อคาโซ่ตรวนเครื่องมือสำหรับทำโทษเดินแห่ไปตามถนน ราษฎรชาวบ้านทั้งปวงก็ชวนกันมาดูเป็นอันมากถึงที่หน้าศาลก็ตั้งรูปทั้งสี่ลงไว้

ฝ่ายนางลีสีอิดพินฮูหยิน กับบุตรและนายทหารจัดเครื่องเซ่นพร้อมแล้วก็ไปเตรียมคอยเสด็จอยู่ที่ศาล ครั้นถึงกำหนดพระเจ้าซ้องเฮาจงก็เสด็จพร้อมด้วยขุนนางนำตามไปถึงที่ศาล ทรงจุดเทียนเซ่นบูเชียงก๋งแล้วให้หลีบุนเซงขุนนางฝ่ายบุ๋นคำนับไหว้เซ่นศพบูเชียงก๋งแทนพระองค์ ด้วยธรรมเนียมพระมหากษัตริย์จะไหว้คำนับขุนนางนั้นไม่ได้ ครั้นทำการไหว้เซ่นบูเชียงก๋งเสร็จแล้วก็ตรัสสั่งแก่จิวซำอุยว่า พวกขุนนางกังฉินนั้นท่านจงเอาตัวมาทำโทษตามอาญาเถิด ตรัสแล้วเสด็จกลับเข้าพระราชวัง จิวซำอุยสั่งให้ทหารไปขุดศพชีนไคว่กับนางเฮงสีภรรยา เอาตัดศีรษะที่หน้าศาลพร้อมกับชีนฮี เมกคิหู หลออูจิบ เอาศีรษะคนทั้งห้าเซ่นบูเชียงก๋ง แล้วให้เอาศพเหล่านั้นไปทิ้งเสียที่โสโครกให้สุนัขกิน แต่ตัวเตียจุ้นนั้นให้ไปปักหลักมัดเข้าไว้ ป่าวร้องประกาศแก่ราษฎรว่าผู้ใดมีความแค้นเคืองอย่างไรก็จงทำโทษแก่เตียจุ้นตามความประสงค์เถิด พวกราษฎรที่เตียจุ้นกดขี่ข่มเหงก็เข้าไปแช่งด่าแล้วเอาปากกัดเนื้อมาคนละก้อนจนเนื้อเตียจุ้นไม่มีเหลืออยู่แต่ร่างกระดูก ซึ่งราษฎรพากันเข้าแช่งด่าและกัดเนื้อเตียจุ้นดังนี้ เพราะด้วยเตียจุ้นได้สาบานไว้เมื่อครั้งงักฮุยเข้าไปซ้อมฝีมือแย่งชิงที่จอหงวนในเมืองหลวง จึงเผอิญให้เป็นไปตามคำสาบานครั้งนั้น เตียจุ้นสิ้นเนื้อในตัวแล้วก็ขาดใจตาย พวกราษฎรเอาเชือกผูกคอลากศพไปทิ้งให้สุนัขกัดกระดูกกิน

ฝ่ายเฮงเหลง ลีติด ตั้งแต่บูเชียงก๋งตายแล้วก็สวมเสื้อกางเกงขาวไว้ทุกข์ให้บูเชียงก๋ง ครั้นบุตรภรรยาบูเชียงก๋งมาเซ่นไหว้ที่ศาล เฮงเหลง ลีติดก็มาเซ่นไหว้ด้วยแล้วก็ร้องไห้ งักหลุยเห็นไม่แจ้งว่าผู้ใด จึงถามว่าท่านทั้งสองนี้เป็นพี่น้องกับบิดาข้าพเจ้าหรือจึงได้มาร้องไห้ดังนี้ เฮงเหลง ลีติดบอกว่าไม่ได้เป็นพี่น้องกับบูเชียงก๋งดอก แต่บูเชียงก๋งนั้นเป็นคนสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน ข้าพเจ้ามีใจรักใคร่ เมื่อบูเชียงก๋งติดอยู่ในคุก ข้าพเจ้าทั้งสองได้ออกเงินให้ใช้สอยจ้างคนปรนนิบัติจนตาย ครั้นเมื่อตายแล้ว ข้าพเจ้าได้ลักเอาศพไปฝังไว้ งักหลุยได้ฟังก็ดีใจถามชื่อและแซ่แจ้งความแล้วก็บอกกับมารดา นางลีสีอิดพินฮูหยินสั่งให้บุตรทั้งสี่ไหว้คำนับตอบแทนคุณเฮงเหลง ลีติด คนละสามครั้งแล้วก็เลิกการกลับมาบ้าน ราษฎรทั้งหลายที่เดินไปตามหน้าศาลเห็นรูปชีนไคว่กับนางเฮงสีหล่อด้วยเหล็กตั้งไว้ที่หน้าศาลบูเชียงก๋ง ก็เข้าไปพูดแช่งด่าว่าสมน้ำหน้าซึ่งคิดร้ายกระทำกับบูเชียงก๋ง เขาจึงได้หล่อรูปมาประจานไว้

ฝ่ายนางลีสีอิดพินฮูหยินกลับมาถึงบ้าน คิดจะฉลองคุณเฮงเหลงลีติดอีก ให้งักหลุยไปตามสืบหาก็ไม่พบไม่แจ้งว่าบ้านอยู่ที่ตำบลใด

ฝ่ายจิวซำอุยมานั่งที่ศาลชำระความ สั่งให้เอาญาติพี่น้องของชีนไคว่ไปฆ่าเสีย บุตรภรรยาญาติพี่น้องของเมกคิหู หลออูจิบ เตียจุ้น สามคนนั้นให้เนรเทศไปอยู่เมืองเนียหนำ ผู้คุมก็พาเอาตัวส่งไปตามโทษทั้งสิ้น

ฝ่ายผู้รักษาตำบลจูเซียนคี กับหัวเมืองใกล้เคียงเหล่านั้นมีหนังสือบอกเข้ามาอีกว่า กิมงึดตุดยกกองทัพมาเกือบจะถึงตำบลจูเซียนติ้นแล้ว ขอให้กองทัพหลวงยกออกไปช่วยโดยเร็ว เจ้าพนักงานนำหนังสือขึ้นกราบทูล พระเจ้าซ้องเฮาจงทรงทราบแล้วมีรับสั่งให้หางักหลุยเข้ามาเฝ้า โปรดตั้งให้งักหลุยเป็นที่เชาปักง่วนโซยแม่ทัพใหญ่ ตั้งให้งูเกาเป็นปลัดทัพ ตั้งจูกัดกิมเป็นที่ปรึกษา บรรดานายทหารทั้งปวงก็ตั้งให้มียศศักดิ์ทั้งสิ้น คุมทหารยี่สิบหมื่นยกกองทัพไปรักษาตำบลจูเซียนติ้นสู้รบกับกิมงึดตุด งักหลุยและนายทหารทั้งปวงก็คำนับรับที่ตั้งแล้วถวายบังคมลาออกมา เตียซิมก็จัดทหารยี่สิบหมื่นพร้อมด้วยเครื่องศัสตราวุธเสบียงอาหารมอบให้งักหลุย งักหลุยจึงแบ่งทหารออกเป็นหมวดเป็นกองให้ทหารพวกพ้องของตัวที่เคยเชื่อถือเห็นฝีมือไว้ใจได้ว่ากล่าวควบคุมเป็นทัพหน้าทัพหลังปีกซ้ายปีกขวา ยกออกจากเมืองนิ่มอันไป

ฝ่ายตังเอียวจงเป็นบุตรตังเซียน มารดาชื่อนางจิวสีตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เขาเกาเลงซัว เดิมเมื่อตังเซียนกับเตียเหียนไปอยู่กับบูเชียงก๋งนั้นหาได้พาบุตรภรรยาไปด้วยไม่ ครั้นอยู่มาตังเซียนตาย บูเชียงก๋งให้เอาเงินทองมาให้นางจิวสีมารดาตังเอียวจงใช้สอยอยู่มิได้ขาด จนบูเชียงก๋งตาย นางจิวสีก็อุตส่าห์เลี้ยงบุตรเติบใหญ่ขึ้นให้ฝึกสอนวิชาเพลงอาวุธ จนอายุได้สิบแปดปีมีฝีมือเข้มแข็งนัก รูปร่างโตใหญ่หน้าดำถือกระบองเหล็กสองมือหนักร้อยห้าสิบชั่งเศษเป็นอาวุธ ราษฎรในตำบลเหล่านั้นกลัวเกรงตังเอียวจงนัก เรียกตังเอียวจงว่ากวนติโฮ้วแปลว่าเสือคะนอง ครั้นอยู่มาตังเอียวจงได้ข่าวเขาเล่าลือว่า ชีนไคว่คิดอุบายฆ่าบูเชียงก๋งเสียแล้ว ตังเอียวจงมีความโกรธแค้นยิ่งนัก คิดจะไปฆ่าชีนไคว่แก้แค้นแทนบูเชียงก๋ง จึงเข้าไปพูดกับมารดาว่า บูเชียงก๋งนั้นท่านเป็นผู้มีคุณ ตั้งแต่บิดาข้าพเจ้าตายแล้วก็ได้ส่งเงินทองมาให้มารดาเลี้ยงข้าพเจ้ามาจนโต บัดนี้ชีนไคว่คิดอุบายฆ่าเสีย ข้าพเจ้าจะขอลามารดาเข้าไปฆ่าชีนไคว่แก้แค้นเสียให้ได้ นางจิวสีจึงว่าซึ่งเจ้าคิดถึงท่านผู้มีคุณนั้นก็เป็นความจำเริญแก่ตัวดีอยู่แล้ว แต่จะไปฆ่าชีนไคว่นั้น เขาเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ทแกล้วทหารมีมาก ถึงเจ้ามีกำลังเข้มแข็งเรี่ยวแรงนักก็จริง แต่ตัวผู้เดียวจะทำการไปไม่ตลอด รอคอยฟังไปอีกก่อนเถิด เมื่อได้ข่าวว่าบุตรบูเชียงก๋งไปตั้งอยู่ที่ตำบลใด จึงค่อยไปประจบคิดการกับเขา ครั้นอยู่มาได้ข่าวว่าเมืองหลวงเปลี่ยนเจ้าแผ่นดินใหม่ ตั้งให้งักหลุยเป็นแม่ทัพยกไปปราบปรามกิมงึดตุด ตังเอียวจงก็ลามารดาจะไปหางักหลุยบุตรบูเชียงก๋ง มารดาก็อนุญาตให้ไป ตังเอียวจงมาจัดเงินทองพอซื้อเสบียงกลางทาง แล้วก็ถือกระบองสั้นสองมือออกจากป่าเขาเกาเลงซัวตรงไปทางเมืองนิ่มอัน

ฝ่ายเฮงปิวบุตรเฮงหวย อยู่ที่บ้านริมแม่น้ำเอียงจือกังกับมารดา ตั้งแต่ปังตง ปังเฮงฆ่าเฮงหวยบิดาตาย ทหารของบูเชียงก๋งเอากระบองสำหรับมือเฮงหวยไปให้เฮงปิว เฮงปิวรับกระบองไว้แล้วคิดจะไปแก้แค้นแทนบูเชียงก๋งกับบิดา ก็เป็นห่วงอยู่ด้วยมารดาไม่มีผู้ปรนนันัดิ ครั้นมารดาตายเฮงปิวก็จัดการฝังศพมารดาแล้วรวบรวมเงินทองได้บ้างเล็กน้อย ก็ถือกระบองของบิดาออกจากบ้านที่แม่น้ำเอียงจือกังจะเข้าไปเมืองนิ่มอัน ครั้นเดินมาหลายวันถึงเขาเลียดฮังซัว เงินทองที่จะซื้อกินก็หมด เฮงปิวจึงพักอยู่ที่เขาเลียดฮังซัวคอยดูผู้คนเดินทาง ถ้าเห็นว่ามีเงินทองมาเข้าแย่งชิงได้บ้างแล้วก็จะเดินทางต่อไป

ฝ่ายตังเอียวจงเดินมาถึงเขาเลียดฮังชัว เฮงปิวเห็นก็ออกสกัดทางร้องถามว่าท่านที่เดินมานี้จะไปข้างไหน ถ้าจะไปก็เอาเงินมาให้ค่าทางเสียก่อนเราจึงจะให้ไป ตังเอียวจงว่าทางของท่านมาสร้างไว้เมื่อครั้งไรเราไม่มีเงินจะให้ มีแต่กระบองที่ถือมานี้แหละจะให้ท่าน เฮงปิวได้ฟังก็โกรธตรงเข้ารบกับตังเอียวจงหลายพักประมาณครึ่งวัน ต่างคนมีกำลังว่องไว้ไม่แพ้ชนะกัน ตังเอียวจงจึงคิดว่าคนผู้นี้ฝีมือเข้มแข็งเสมอกันกับเรา จำจะถามชื่อและแซ่ให้รู้จัก คิดแล้วก็ถอยห่างออกไปร้องพูดว่า ตัวเจ้ากับเรารบกันหลายพักช้านานแล้ว จงหยุดถามชื่อและแซ่ให้รู้จักเสียก่อนจึงค่อยรบกันใหม่ เฮงปิวจึงตอบว่าตัวเราชื่อเฮงปิวคนทั้งหลายเรียกว่า เอียวโซโหว เป็นบุตรเฮงหวยทหารหน้าม้าของบูเชียงก๋ง ชีนไคว่ขุนนางกังฉินคิดอุบายฆ่าบิดาเรากับบูเชียงก๋งตาย ตังเอียวจงได้ฟังก็ยินดีร้องบอกว่าตัวเรานี้ชื่อตังเอียวจงเป็นบุตรตังเซียน ทหารเอกของบูเชียงก๋งเหมือนกัน เรากับท่านมิใช่คนอื่นได้มาพบกันแล้วจงสาบานเป็นพี่น้องเสียเถิด จะได้ไปช่วยงักหลุยทำศึกกับกิมงึดตุด เฮงปิวได้ฟังดังนั้นก็ยินดี ต่างคนสิ้นความโกรธหยุดนั่งสาบานเป็นพี่น้องกันแล้วก็ชวนกันเดินทางไป

ฝ่ายเอียคีจิว บุตรเอียไจเฮงตั้งเกลี้ยกล่อมซ่องสุมพวกพ้องเป็นโจรอยู่ที่เขาเกาเลงซัว เดิมเมื่อเอียไจเฮงบิดาตายนั้นเอียคีจิวยังเด็กอยู่ ครั้นมารดาตายแล้วตัวค่อยเติบใหญ่ขึ้น แจ้งความว่าชีนไคว่คิดอุบายฆ่าบูเชียงก๋งผู้มีคุณกับบิดาเสียแล้วก็มีความโกรธยิ่งนัก คิดจะไปแก้แค้นชีนไคว่ฉลองคุณบูเชียงก๋งก็ไม่มีพวกเพื่อน จึงได้ตั้งเกลี้ยกล่อมหาพวกเป็นโจรอยู่ที่เขาเกาเลงซัว ครั้นเห็นตังเอียวจงกับเฮงปิวเดินทางมา จึงร้องพูดว่าท่านทั้งสองเดินมาทางนี้ต้องเอาเงินค่าทางมาก่อนจึงจะให้ไป เฮงปิว ตังเอียวจง จึงพูดตอบไปว่าเราไม่มีเงินทองมีแต่กระบองเหล็กติดมือถือมาทั้งสองคน เมื่อท่านจะต้องการก็จะให้ เอียคีจิวได้ฟังก็โกรธเข้ารบกับเฮงปิวได้หลายเพลงไม่แพ้ชนะกัน ตังเอียวจงจึงร้องห้ามไปว่า ท่านทั้งสองอย่าเพิ่งรบกัน เราทั้งสองมานี้จะรีบไปช่วยงักหลุยบุตรบูเชียงก๋งรบกับกิมงึดตุด เอียคีจิวจึงถามว่าท่านทั้งสองนี้แซ่ใดชื่อไร จึงจะได้ไปช่วยงักหลุยบุตรของนายบิดาเรา ตังเอียวจงจึงบอกว่าบิดาเราชื่อตังเซียนตัวเราชื่อตังเอียวจง บิดาของน้องเรานั้นชื่อเฮงหวยเป็นทหารของบูเชียงก๋งน้องเราชื่อเฮงปิว เรามีความเจ็บแค้นด้วยชีนไคว่ขุนนางกังฉินคิดฆ่าบูเชียงก๋งผู้มีคุณกับบิดาเราเสียจึงจะรีบไปอยู่กับงักหลุยบุตรของนายบิดาเรา เอียคีจิวได้ฟังจึงพูดว่าถ้ากระนั้นก็มิใช่คนอื่นเป็นพวกเดียวกัน ตัวเราชื่อเอียคีจิวเป็นบุตรเอียไจเฮงทหารบูเชียงก๋ง เราคิดแค้นชีนไคว่ขุนนางกังฉินจะใคร่ไปฆ่ามันเสีย แต่จนใจด้วยไม่มีผู้ร่วมคิด จึงได้มาตั้งเกลี้ยกล่อมซ่องสุมหาพวกเพื่อนอยู่ที่นี่ เชิญท่านทั้งสองเข้าไปที่เขาเกาเลงซัวที่อยู่ข้าพเจ้าก่อนแล้วจึงค่อยไปด้วยกัน ตังเอียวจง เฮงปิวได้ฟังก็ยินดี เอียคีจิวพาตังเอียวจง เฮงปิวไปถึงที่อยู่บนเขาแล้ว จัดโต๊ะมาเลี้ยงกินอิ่มแล้วก็สาบานเป็นพี่น้องกัน เอียคีจิวจึงพูดว่าท่านกับเราจะพากันไปเดี๋ยวนี้ทหารและผู้คนที่จะใช้สอยก็มีอยู่น้อย ท่านทั้งสองจงพักเกลี้ยกล่อมไพร่พลทหารอยู่ที่นี่ด้วยกันก่อน เมื่อได้ความชัดแน่แล้วจึงค่อยยกไป ตังเอียวจง เฮงปิวได้ฟังก็เห็นชอบจึงหยุดอยู่กับเอียคีจิวที่เขาเกาเลงซัว

ฝ่ายทหารสี่นายซึ่งคุมบุตรภรรยาครอบครัวของพวกขุนนางกังฉินซึ่งต้องโทษเนรเทศไปอยู่เมืองเนียหนำ เดินทางมาถึงเขาเกาเลงซัว พวกโจรบริวารเอียคีจิวเห็นก็เอาความขึ้นไปบอกแก่นายว่าขุนนางเมืองหลวงคุมครอบครัวมาทางนี้ เห็นจะมีเงินทองมามาก เอียคีจิวได้ฟังก็สั่งให้พวกโจรบริวารไปจับเอาตัวผู้คุมและนักโทษเหล่านั้นมาได้ทั้งสิ้น เอียคีจิวจึงถามว่ามันเหล่านี้เป็นโทษอะไร ถ้าเป็นการกดขี่ข่มเหงเราก็จะปล่อยไปเสีย นายทหารทั้งสี่ซึ่งคุมมานั้นจึงบอกว่า คนเหล่านี้เป็นบุตรภรรยาของพวกขุนนางกังฉินซึ่งทำร้ายแก่บูเชียงก๋ง พระเจ้าซ้องเฮาจงซึ่งได้ครองราชสมบัติใหม่ให้ชำระความลงโทษแก่พวกขุนนางกังฉิน ที่ฆ่าตายเสียก็มาก ที่เหลืออยู่นี้ให้เนรเทศไปอยู่เมืองเนียหนำ แล้วก็เล่าความซึ่งพระเจ้าซ้องเฮาจงตั้งศาลให้บูเชียงก๋ง ตัดศีรษะพวกขุนนางกังฉินเซ่นไหว้บูชา แล้วตั้งให้งักหลุยบุตรบูเชียงก๋งที่สองเป็นแม่ทัพยกไปปราบปรามกิมงึดตุดที่ตำบลจูเซียนติ้น เอียคีจิว ตังเอียวจง เฮงปิวได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดียิ่งนักจึงพูดว่า วันนี้พวกเรามีลาภใหญ่นักหนา จะได้ฆ่าพวกกังฉินแก้แค้นทดแทนฉลองคุณบูเชียงก๋งนายของบิดาเราแล้ว ท่านทั้งสองจงไปจัดตั้งโต๊ะบูชาเขียนชื่อบูเชียงก๋งกับชื่อบิดาทั้งสามวางไว้บนโต๊ะให้พร้อมเถิด ตังเอียวจง เฮงปิวช่วยกันจัดการเสร็จแล้ว เอียคีจิว ตังเอียวจง เฮงปิว ก็ตัดศีรษะบุตรภรรยาพวกกังฉินประมาณสี่สิบคนเศษมาเซ่นไหว้บูเชียงก๋งกับบิดาทั้งสาม แล้วก็จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงทหารผู้คุมสี่นาย ให้เก็บเอาเงินทองของบุตรภรรยาและญาติของพวกกังฉินที่ตายมอบให้เป็นสิทธิ์กับทหารสี่นายทั้งสิ้นแล้วให้กลับไปเมืองนิ่มอัน นายทหารทั้งสี่ได้รับเงินทองมีความยินดีคำนับลาออกจากเขาเกาเลงซัวกลับไปเมืองหลวง เอียคีจิวพูดกับตังเอียวจง เฮงบิว ว่า บัดนี้มีรับสั่งให้งักหลุยเป็นแม่ทัพยกไปปราบปรามข้าศึก งักหลุยยกกองทัพมาตั้งค่ายจึงอยู่ที่จูเซียนติ้นแล้ว ครั้นเราทั้งสามจะพาไพร่พลทหารไปเราก็ยังไม่รู้จักกับงักหลุย กลัวงักหลุยจะมีความสงสัย ท่านทั้งสองไปแจ้งความกับงักหลุยแม่ทัพให้ทราบก่อน ภายหลังเราจึงจะคุมทหารยกตามไป ตังเอียวจง เฮงปิวได้ฟังจึงว่าท่านคิดนี้ถูกต้องแล้ว ตังเอี่ยวจงกับเฮงปิวก็ลาเอียคีจิวออกจากเขาเกาเลงซัวตรงไปตำบลจูเซียนติ้น

ฝ่ายงักหลุยแม่ทัพเดินกองทัพไปตามทาง ผู้รักษาเมืองรายทางทั้งปวงแจ้งว่างักหลุยแม่ทัพมาก็ยินดี จึงหาสิ่งของและเสบียงอาหารมาให้ทุก ๆ เมืองแล้วก็ลาไป งักหลุยเดินกองทัพไปถึงตำบลจูเซียนติ้นก็ให้ทหารตั้งค่ายมั่นลงไว้ แล้วก็ให้ม้าใช้ไปสืบดูว่ากิมงึดตุดยกกองทัพมาครั้งนี้จะมีไพร่พลทหารมากน้อยประการใด ม้าใช้ก็คำนับลามาสอดแนมดูเแล้ว ก็กลับไปแจ้งความว่ากิมงึดตุดมีไพร่พลทหารประมาณห้าสิบหมื่นนายทหารที่มีฝีมือเข้มแข็งก็มีมาก งักหลุยแม่ทัพได้ฟังแล้วจึงพูดกับขุนนางนายทหารทั้งปวงว่า กิมงึดตุดยกทัพมาครั้งนี้มีไพร่พลทหารมาก ท่านจงระวังรักษาค่ายให้มั่นคง จะได้คิดตรึกตรองการถ่ายเทหาอุบายต่อไป

ฝ่ายกิมงึดตุดยกกองทัพมาใกล้ตำบลจูเซียนติ้นก็ให้ตั้งค่ายมั่นไว้ แล้วให้ทหารม้าใช้ไปสืบดูว่าผู้ใดเป็นแม่ทัพยกมา ทหารม้าใช้คำนับลามาสอดแนมดูรู้ความแล้วก็กลับไปแจ้งความกับกิมงึดตุดว่า พระเจ้าซ้องเฮาจงมีรับสั่งตั้งให้งักหลุยบุตรที่สองของบูเชียงก๋ง เป็นแม่ทัพคุมทหารยี่สิบหมื่นยกกองทัพมา กิมงึดตุดได้ฟังจึงคิดว่าในเมืองหลวงครั้งนี้เห็นจะไม่มีคนที่มีสติปัญญาฝีมือเข้มแข็งแล้ว พระเจ้าซ้องเฮาจงจึงตั้งให้เด็กมาเป็นแม่ทัพ ที่ไหนจะต้านทานพวกเราได้ คิดแล้วก็ให้ทหารม้าใช้ไปสืบดูอีกว่างักหลุยแม่ทัพจะคิดอ่านสู้รบต้านทานเราประการใด ม้าใช้คำนับลาไป

ฝ่ายงักหลุยนั้นให้ประชุมขุนนางนายทหารมาพร้อมกันแล้วถามว่าท่านผู้ใดจะรับอาสาไปสู้รบดูฝีมือข้าศึกได้บ้าง เอาเอียงซองเสียงรับว่าข้าพเจ้าจะขออาสาไปสู้รบกับข้าศึกเอง งักหลุยก็ให้เอาเอียงซองเสียงคุมทหารสามพันยกไป เอาเอียงซองเสียงคำนับลามาจัดทหารพรักพร้อมแล้วก็จับขวานสองมือขึ้นม้าคุมทหารออกจากค่ายไปท้ารบ

ฝ่ายทหารม้าใช้ของกิมงึดตุดเห็นทหารงักหลุยยกกองทัพมา ก็กลับไปแจ้งแก่กิมงึดตุดว่างักหลุยให้นายทหารกองทัพมาท้าชวนรบ กิมงึดตุดได้ฟังจึงพูดกับนายทหารทั้งปวงว่า ตั้งแต่เรายกมาก็ยังไม่ได้สู้รบกับผู้ใดเลย วันนี้เป็นวันขึ้นต้นแรกรบ ผู้ใดจะรับอาสาไปผู้เอาชัยชนะได้บ้าง โท้วเต็กเหลงนายทหารจึงว่าข้าพเจ้าจะขออาสาไปสู้รบเอาชัยชนะให้จงได้ กิมงึดตุดก็ให้โท้วเต็กเหลงคุมทหารสามพันยกออกไป โท้วเต็กเหลงคำนับลามาจัดทหารพร้อมแล้ว ก็ถือกระบองเหล็กสองมือมาขึ้นม้าคุมทหารออกจากค่าย เอาเอียงซองเสียงยืนคอยท่าอยู่หน้าค่าย เห็นนายทหารข้าศึกคุมทหารออกมา จึงคิดว่าทหารผู้ที่มานี้หน้าตาน่ากลัว ตั้งแต่แรกเกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นคนเช่นนี้ ชะรอยจะมีฝีมือเข้มแข็ง วันนี้เป็นวันแรกออกรบ จำจะคิดหาอุบายเอาชัยชนะให้ได้ คิดแล้วก็ขับม้าเข้าใกล้ ร้องถามว่านายทหารที่มานี้ชื่อไร โท้วเต็กเหลงจึงตอบว่าตัวเรา เป็นนายทหารเอกในเมืองไตกิมก๊ก บัดนี้กิมงึดตุดบุตรที่สี่ของลังจู๊นายเรายกกองทัพมาปรารถนาจะตีเอาบ้านเมืองแผ่นดินซ้อง ตัวของท่านนี้แซ่ไรชื่อใด จึงได้มากีดกั้นหนทางไว้ ถ้ากลัวตายจงพาทหารหนีไปเสียโดยเร็ว เอาเอียงซองเสียงตอบว่าท่านไม่รู้จักเราหรือ ชื่อเอาเอียงซองเสียง เป็นนายทหารของงักหลุยแม่ทัพ ถ้าท่านกลัวตายก็จงลงม้ามาคำนับยอมสามิภักดิ์เสียแต่โดยดีจึงจะรอดชีวิตไปได้ โท้วเต็กเหลงได้ฟังก็โกรธ ขับม้าเข้ามาใกล้เอากระบองเหล็กตีเอาเอียงซองเสียง เอาเอียงซองเสียงก็เอาขวานรับเข้ามารบกันได้ประมาณสิบห้าเพลง โท้วเต็กเหลงสู้ฝีมือเอาเอียงซองเสียงไม่ได้เสียที เอาเอียงซองเสียงเอาขวานฟันถูกศีรษะโท้วเต็กเหลงผ่าออกเป็นสองซีกตกม้าตาย ทหารของโท้วเต็กเหลงเห็นนายตายก็แตกกระจัดกระจายหนีกลับเข้าค่าย เอาเอียงซองเสียงได้ชัยชนะก็คุมทหารกลับไปค่ายแจ้งความให้งักหลุยแม่ทัพฟังทุกประการ งักหลุยก็มีความยินดีให้จดบัญชีความชอบไว้

ฝ่ายทหารฮวนก็เข้าไปแจ้งกับกิมงึดตุดว่า โท้วเต็กเหลงยกกองทัพออกไปต้านทานทหารเมืองนิ่มอันไม่ได้ โท้วเต็กเหลงตายเสียในกลางศึกแล้ว กิมงึดตุดได้ฟังยังไม่ทันพูดประการใด โท้วเต็กโฮ้ว โท้วเต็กปิว โท้วเต็กป่าได้ฟังทหารมาแจ้งว่าโท้วเต็กเหลงพี่ชายใหญ่ตายก็โกรธแค้นนัก เข้าไปคำนับกิมงึดตุดแล้วว่าทหารเมืองนิ่มอันฆ่าพี่ชายของข้าพเจ้าตาย ข้าพเจ้าทั้งสามนี้จะขออาสาไปแก้แค้นแทนพี่ชายสักครั้งหนึ่ง กิมงึดตุดได้ฟังก็สั่งให้คุมทหารยกไป โท้วเต็กโฮ้ว โท้วเต็กปิว โท้วเต็กป่า คำนับลามาคุมทหารห้าพันออกจากค่าย ตรงไปร้องท้าให้ออกรบ ทหารหน้าค่ายก็เข้าไปแจ้งกับงักหลุยว่ามีทหารฮวนมาท้าชวนรบหน้าค่าย งักหลุยได้ฟังก็สั่งให้ กิดแช จงเหลียง อือหลุย สามนายคุมทหารสามพันยกไป กิดแช จงเหลียง อือหลุย คำนับลามาจัดทหารพร้อมเสร็จก็ยกออกจากค่ายตรงไป กิดแชขับม้าเข้าใกล้ถามว่าทหารทั้งสามที่มานี้ชื่อไร นายทหารฮวนทั้งสามบอกว่าเราชื่อโท้วเต็กโฮ้ว โท้วเต็กปิว โท้วเต็กป่า สามคนนี้เป็นน้องของโท้วเต็กเหลงซึ่งพวกท่านฆ่าตาย เราทั้งสามจะมาฆ่าท่านแก้แค้นแทนพี่ชายเรา ท่านที่ยกออกมานี้ชื่อไร กิดแชตอบว่าเราเป็นนายทหารเอกของงักหลุยแม่ทัพชื่อกิดแช ถ้าท่านทั้งสามกลัวตายก็จงมาสามิภักดิ์เสียโดยดีจึงจะรอดชีวิตกลับไป โท้วเต็กโฮ้ว ได้ฟังก็โกรธ ขับม้าเข้ากันรบกิดแชได้ประมาณสามสิบเพลง โท้วเต็กปิวเห็นโท้วเต็กโฮ้วอ่อนกำลังลงจะสู้กิดแชไม่ได้ก็ขับม้าเข้าช่วย จงเหลียงเห็นดังนั้นก็ขับม้าขวางเข้าไปรบกับโท้วเต็กปิว โท้วเต็กป่าขับม้าเข้าช่วย อือหลุยก็ออกสกัดรบกับโท้วเต็กป่านายทหารทั้งหกสู้รบกันเป็นสามารถ โท้วเต็กโฮ้วเสียทีกิดแชเอาทวนแทงถูกตกม้าตาย โท้วเต็กปิวเห็นพี่ชายตายก็เสียใจรบพลั้งท่า จงเหลียงได้ทีเอากระบองตีถูกศีรษะโท้วเต็กปิวแตกตกม้าตาย โท้วเต็กป่าเห็นพี่ชายตายแล้วก็ขับม้าหนีไปอือหลุยได้ทีเข้าไล่ฆ่าฟันทหารพวกฮวนล้มตายเป็นอันมาก กิดแช จงเหลียง อือหลุย ได้ชัยชนะแล้วก็ตัดเอาศีรษะนายทหารฮวนทั้งสองกลับมาค่าย แจ้งความแก่งักหลุยทุกประการ งักหลุยยินดีให้จดบัญชีความชอบนายทหารทั้งสามไว้

ฝ่ายโท้วเต็กป่ากับทหารหนีกลับไปถึงค่ายเข้าแจ้งความแก่กิมงึดตุด กิมงึดตุดจึงพูดว่า งักหลุยนี้มีทหารฝีมือเข้มแข็งมาหลายคน เราให้ออกไปรบครั้งใดก็เสียที ทหารพวกเรามีผู้ใดจะอาสาออกไปสู้รบกับข้าศึกได้อีกบ้าง เนียมเต็กลัดนายทหารใหญ่จึงเข้ารับว่า ข้าพเจ้าจะอาสาออกไปจับเอาตัวทหารของงักหลุยมาฆ่าเสียให้ได้ กิมงึดตุดได้ฟังก็ดีใจจึงสั่งให้จัดทหารสามพันยกไปกับเนียมเต็กลัด เนียมเต็กลัดคำนับลามาถือกระบองเหล็กใหญ่หนักร้อยยี่สิบชั่งขึ้นม้าคุมทหารออกจากค่าย ตรงไปที่สนามรบหน้าทัพงักหลุย ร้องท้าชวนให้ทหารงักหลุยออกรบ

ฝ่ายม้าใช้คอยเหตุเห็นกองทัพพวกฮวนมาก็เข้าไปแจ้งแก่งักหลุยแม่ทัพว่ามีนายทหารฮวนยกมาอีกแล้ว งักหลุยสั่งให้ฬอหองกับงูทอง คุมทหารสามพันยกออกไป ฬอหองเห็นนายทหารฮวนรูปร่างโตใหญ่ถือกระบองเหล็กท่วงทีน่ากลัวนัก จึงขับม้าเข้าไปร้องถามว่าท่านที่เป็นนายทัพมานี้ชื่อไร นายทหารฮวนบอกว่าเราชื่อเนียมเต็กลัด เป็นนายทหารใหญ่ของกิมงึดตุด จะมาตัดเอาศีรษะพวกนายทหารของงักหลุยไปคำนับนายเรา งูทองจึงร้องตอบไปว่าตัวเราชื่องูทอง ยกออกมานี้ก็ปรารถนาจะเอาศีรษะท่านไปบอกความชอบนายเราให้จดบัญชีไว้ เนียมเต็กลัดได้ฟังก็โกรธขับม้าเข้ารบกับงูทอง งูทองเอาง้าวฟัน เนียมเต็กลัดเอากระบองปัดแล้วตีด้วยกระบองใหญ่ งูทองเอาง้าวรับทานกำลังไม่ได้ พลัดตกม้าลง ฬอหองขับม้าเข้าไปรบกันไว้ พอทหารพาเอางูทองกลับมาค่ายได้ งักหลุยให้จงเหลียง เอาเอียงซองเสียง อือหลุย แต้ซีปอสี่นายออกไปช่วยฬอหอง นายทหารทั้งสี่เข้ารบกันเนียมเต็กลัด จนเวลาใกล้ค่ำอ่อนกำลังลง เห็นจะต้านทานกำลังฝีมือเนียมเต็กลัดไม่ได้ก็ถอยหนีพาทหารกลับข้าค่าย เนียมเต็กลัดได้ชัยชนะแก่ทหารของงักหลุยทั้งห้าแล้วก็เลิกทัพกลับไปแจ้งความแก่กิมงึดตุด กิมงึดตุดได้ฟังก็ยินดี สั่งว่าเวลาพรุ่งนี้ท่านจงออกไปรบอีก เนียมเต็กลัดก็คำนับลากลับไปที่อยู่

ฝ่ายฬอหอง จงเหลียง เอาเอียงซองเสียง อือหลุย แต้ซีปอ นายทหารทั้งห้าถอยหนีเนียมเต็กลัดเข้าไปในค่ายแจ้งความแก่งักหลุยแม่ทัพว่า นายทหารฮวนคนนี้มีกำลังฝีมือเข้มแข็งนัก ข้าพเจ้าทั้งห้าคนช่วยกันรบก็ยังต้านทานไม่ได้ งักหลุยได้ฟังก็นิ่งตรึกตรองอยู่ ครั้นเวลารุ่งเช้าเนียมเต็กลัดคุมทหารมารบอีก งักหลุยแม่ทัพจึงสั่งให้เฮงเองหนึ่ง กิดเซงเหลียงหนึ่ง ซีหองหนึ่ง เงาเหลียนหนึ่ง ทึงเองหนึ่ง ฮันคิเหลงหนึ่ง ฮันคิหองหนึ่ง อือหลุยหนึ่ง งักเข่งหนึ่ง ฮอหงหนึ่งรวมสิบนายยกออกไป เห็นเนียมเต็กลัดนายทหารฮวนยืนม้าอยู่ก็ตรงเข้าล้อม เนียมเต็กลัดผู้เดียวสู้นายทหารถึงสิบคนได้ด้วยกำลังเรี่ยวแรงว่องไว นายทหารทั้งสิบอ่อนกำลังเปลี้ยลงทุกคน กลัวจะเสียทีก็ชักม้าหนีพาทหารถอยกลับเข้าค่าย เนียมเต็กลัดไล่เข้าไปจนถึงหน้าค่าย ทหารในค่ายเอาเกาทัณฑ์ยิงกราดลงมา เนียมเต็กลัดเห็นจะหักเข้าไปไม่ได้ก็ถอยทัพกลับไป เมื่อขณะรบกันอยู่นั้น งักหลุยขึ้นดูอยู่บนหอรบเห็นทหารของตัวทั้งสิบนายสู้ทหารฮวนคนเดียวไม่ได้ก็เสียใจกลับลงมาจากหอรบ ให้ประชุมขุนนางนายทหารพร้อมกันแล้วปรึกษาว่า เนียมเต็กลัดนายทหารฮวนคนนี้มีฝีมือเข้มแข็งนักจะทำประการใดดีจึงจะได้ชัยชนะ จูกัดกิมจึงพูดขึ้นว่าเวลาคืนนี้ ข้าพเจ้าตรวจดูดาวบนอากาศเห็นประหลาดแล้วจับยามดูตามเคยสังเกต ในยามว่าจะมีทหารผู้หนึ่งมาช่วยกำจัดข้าศึก ท่านอย่าเพิ่งวิตกไปก่อน ในขณะนั้นทหารหน้าค่ายเข้ามาแจ้งว่าเนียมเต็กลัดทหารฮวนมาร้องท้าทายด้วยคำหยาบช้า ว่าถ้าไม่มีผู้ใดออกรบก็จะตีหักค่ายเข้ามา งักหลุยแม่ทัพได้ฟังก็นึกครั่นคร้ามหน้าตาไม่สบาย จึงพูดกันนายทหารทั้งปวงว่าเราจะต้องเอาเมียนเจียนป้าย คือหนังสือผัดทุเลาไปแขวนไว้ขอหยุดสักสามวันจึงจะออกสู้รบอีก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ