๖๙

เจ้าของโรงเตี๊ยมถามงักเข่งว่า ท่านพากันมานี้จะไปลองฝีมือกับเขาหรือ หรือจะไปตำบลใด งักเข่งจึงถามว่าในเมืองนิ่มอันนี้มีผู้ซักซ้อมฝีมือที่ไหนหรือ เจ้าของโรงเตี๊ยมบอกว่า เตียจุนเป็นขุนนางผู้ใหญ่มีบุตรชายอยู่คนหนึ่ง ชื่อเตียก๊กเขียม เป็นคนชอบดูมวยปล้ำ บัดนี้ได้คนชกมวยดีไว้สองคน ปลูกโรงใหญ่ขึ้นสำหรับทดลองฝีมือ ถ้าผู้ใดดีก็ให้ไปลองฝีมือที่โรงหน้าบ้านเขานั้น ท่านกินอาหารแล้วจะไปดูเขาเล่นก็ได้ ในขณะนั้นคนใช้มาแจ้งแก่เจ้าของโรงเตี๊ยมว่ามีผู้เดินทางมาจะเช่าที่อยู่อีกสามคนมีข้าวของมามาก เจ้าของโรงเตี๊ยมก็ออกมารับเข้าไปนั่งแล้วชายสามคนจึงถามว่าโรงเขาลองฝีมือกันนั้นอยู่ที่ไหน เจ้าของโรงเตี๊ยมบอกว่าอยู่ที่หน้าบ้านเตียจุนท่านจะไปลองฝีมือกับเขาหรือ ชายสามคนนั้นว่า ข้าพเจ้าจะไปลองฝีมือดูเล่นสักพักหนึ่ง แต่จะกินอาหารเสียก่อนจึงจะไป แล้วก็ให้เจ้าของโรงเตี๊ยมจัดสุราอาหารมากินอยู่ที่นั้น

ฝ่ายอือหลุยเห็นรูปร่างชายสามคนนั้นคมสันสมเป็นทหารจึงพูดกับงักเข่งว่า ชายทั้งสามซึ่งนั่งกินโต๊ะอยู่ท่วงทีองอาจแข็งแรงเห็นจะมีฝีมือ ข้าพเจ้าอยากจะไปพูดจาสนทนาให้เป็นไมตรีกันไว้ งักเข่งว่าข้าพเจ้าจะออกไปพูดจาไต่ถามเขาเอง ว่าแล้วก็เดินออกไปถามชายสามคนนั้นว่าท่านนี้มาแต่ไหนชื่อไรแซ่ใด เงาเหลียนบอกว่าข้าพเจ้าชื่อเงาเหลียน อีกสองคนนั้นชื่อฮอหงคนหนึ่ง ชื่อแต้ซีปอคนหนึ่ง เป็นชาวเมืองทันจิว งักเซ่งถามว่าท่านอยู่เมืองทันจิวนั้น ท่านรู้จักเงาเซียงจี้หรือไม่ เงาเหลียนบอกว่าเงาเซียงจี้นั้นเป็นบิดาข้าพเจ้า งักเข่งได้ฟังก็มีความยินดี จึงว่าท่านกับข้าพเจ้าเจ้ามิใช่ผู้อื่น ข้าพเจ้าชื่องักเข่งเป็นบุตรบูเชียงก๋ง เงาเหลียนได้ฟังก็ร้องไห้ งักเข่งจึงถามว่าท่านทั้งสองนั้นคือบุตรผู้ใดเล่า เงาเหลียนบอกว่า ฮอหงนั้นเป็นบุตรฮอง่วนเคง แต้ซีปอนั้นเป็นบุตรแต้ฮวย พากันหนีมาไหว้ศพบิดาท่าน งักเข่งว่าเราได้มาพบกันก็ดีแล้วจะได้ไปด้วยกัน พูดแล้วงักเข่งก็เรียกแต่บรรดาคนซึ่งมาด้วยนั้นออกมาคำนับ พูดจาแล้วก็นอนค้างอยู่ที่นั้นคืนหนึ่ง ครั้นเวลาเช้างักเข่งจึงให้ฬอหอง กิดเซงเหลียง เฮงเองสามคนคุมเครื่องเซ่นล่วงหน้าไปคอยอยู่ที่ตำบลซีเหียเนี้ย แล้วงักเข่งกับเพื่อนเหล่านั้นก็พากันไปถึงโรงซ้อมมวยหน้าบ้านเตียจุน แวะเข้าไปดูเห็นเตียก๊กเขียมนั่งอยู่บนเก้าอี้ คนที่มีฝีมือมวยนั้นออกมารำอยู่ที่หน้าโรงแล้วพูดว่า ผู้ใดมีฝีมือเข้มแข็งก็ดีให้เร่งมาชกดูฝีมือกันเล่น ในขณะนั้นมีชายผู้หนึ่งขึ้นไปบนโรงจะลองฝีมือ เตียก๊กเขียมจึงว่าท่านซึ่งมานี้ชื่อไร ชายผู้นั้นบอกว่าข้าพเจ้าชื่อเตียวบูฉิน เตียก๊กเขียมจึงว่าท่านจงลองกับเราก่อนเถิดอย่าเพิ่งถึงอาจารย์เราเลย ว่าแล้วต่างคนก็เข้าชกกัน ประเดี๋ยวหนึ่งเตียก๊กเขียมชกเตียวบูฉินตกลงจากโรง แล้วเตียก๊กเขียมร้องว่าผู้ใดจะลองฝีมือกับเราอีกก็เร่งขึ้นมาโดยเร็ว เงาเหลียนพูดกับงักเข่งว่าข้าพเจ้าจะขึ้นไปชกกับเตียก๊กเขียมสักพักหนึ่ง ด้วยเตียก๊กเขียมพูดจาอวดดีนัก งักเข่งว่าท่านอย่าเพิ่งเลยข้าพเจ้าจะขึ้นไปก่อนว่าแล้วก็ขึ้นไปบนโรง

ฝ่ายเตียก๊กเขียมครั้นเห็นรูปร่างงักเข่งเล็กกว่าตัวก็นึกประมาท พูดว่าเจ้าจะมาสู้กับเรานั้นชื่อไร งักเข่งว่าสู้กันเสียก่อนเถิดจึงค่อยถามชื่อ เตียก๊กเขียมกับงักเข่งก็เข้าสู้กันประเดี๋ยวหนึ่ง งักเข่งชกเตียก๊กเขียมตกโรงลงมา เงาเหลียนอยู่ข้างล่างเห็นได้ทีก็เอาเท้ากระทืบหน้าอกเตียก๊กเขียมรากเลือดตาย ในขณะนั้นทหารเตียก๊กเขียมเห็นนายของตัวตายก็โกรธพากันกลุ้มรุมจะจับงักเข่ง อือหลุยจึงเอาลูกตุ้มเข้าไล่ตีทหารเหล่านั้นตายเป็นหลายคน แล้วก็พากันรีบไป ณ ที่ฝังศพบูเชียงก๋งทำการคำนับเซ่นไหว้ศพตามธรรมเนียมแล้ว ก็ออกเดินลัดตัดทางตรงไป ณ เมืองฮุนหนำ

ฝ่ายทหารพวกชกมวยที่เหลือตาย ก็เอาความไปแจ้งแก่เตียจุน เตียจุนได้ฟังก็โกรธจึงให้ทหารเที่ยวสืบติดตามค้นหาพวกเหล่านั้นก็ไม่พบ

ฝ่ายเฮงเหลง ลีติดตั้งแต่บูเชียงก๋งถึงแก่ความตายแล้วก็นุ่งขาวไว้ทุกข์ให้บูเชียงก๋งตามธรรมเนียม อยู่มาวันหนึ่งเฮงเหลง ลีติดคิดถึงบูเชียงก๋งไม่สบายใจจึงเดินไปเที่ยวเล่นตามต้นไม้ที่บนเขา ไปถึงศาลเทพารักษ์แห่งหนึ่ง เฮงเหลง ลีติดก็เข้าไปนั่งเล่นเห็นอักษรจารึกชื่อว่าศาลหงอจูซู เฮงเหลงนั่งตรึกตรองคิดถึงบูเชียงก๋งขึ้นมาก็ร้องไห้จึงเข้าไปว่ากับเจ้าในศาลว่า ท่านเป็นเทพารักษ์แล้วก็ย่อมจะตั้งอยู่ในสัตย์ธรรมไม่ดูแลสิ่งใดบ้างเลย บูเชียงก๋งนั้นสัตย์ซื่อกตัญญูต่อแผ่นดิน เป็นที่นับถือแก่คนทั้งหลาย เหตุใดจึงมิได้ช่วยป้องกันชีวิตไว้ นิ่งให้ชีนไคว่ศัตรูแผ่นดินแอบอ้างรับสั่งฆ่าตายเสีย ว่าดังนั้นแล้วก็ยิ่งโกรธหนักขึ้น จึงเอาก้อนศิลาขว้างศาลนั้นหักพังยับเยินแล้วก็พากันเดินไปถึงร้านขายสุราแห่งหนึ่ง เข้าไปซื้อสุรากินแ ละเมื่อขณะกินสุราอยู่นั้นคิดถึงบูเชียงก๋งขึ้นมาอีกก็ร้องไห้แล้วก็หัวเราะเสียงดังขึ้น เจ้าของร้านเห็นเฮงเหลง ลีติด ทำอาการเหมือนหนึ่งคนเสียจริตทั้งสองคน ก็ถามว่าท่านเสพสุราแล้วจะไปแห่งใดหรือ หรือจะกลับเข้าไปในเมือง เฮงเหลง ลีติด บอกว่า เรากินสุราแล้วก็จะกลับเข้าไปในเมือง เจ้าของร้านว่าท่านจงรีบไปเถิด จวนประตูจะปิดด้วยเวลาค่ำมืดแล้ว เฮงเหลง ลีติดก็ออกจากร้านขายสุรา ไปถึงประตูเมืองเห็นประตูปิดเสียแล้ว ก็กลับไปนอนอยู่ที่ฝังศพบูเชียงก๋ง เฮงเหลงนอนหลับสนิทนิมิตฝันเห็นถึงเรื่องบูเชียงก๋ง ครั้นตื่นขึ้นก็เล่าความฝันให้ลีติดฟังว่า เมื่อขณะเราขว้างปราสาทนั้น หงอจูซูเทพารักษ์ไม่อยู่ไปกินโต๊ะอยู่เมืองพญานาค ครั้นกลับมาถึงปิศาจที่เฝ้าศาลบอกความที่เราขว้างศาลแก่หงอจูซู หงอจูซูเทพารักษ์ขึ้นไปเฝ้าเซียงเต้ ทูลความถ้อยคำซึ่งเราทั้งสองว่าโกรธกับเทพารักษ์ที่ศาล เซียงเต้ตรัสเล่าให้เทพารักษ์หงอจูซูฟังว่า เดิมพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ทำการบวงสรวงเทวดาเขียนคำบวงสรวงที่อ่านประกาศนั้นเป็นคำดูถูกหยาบช้าต่อเราผู้เป็นเซียงเต้ จึงได้ให้มังกรหนวดแดงลงไปเกิดเป็นกิมงึดตุด บุตรเจ้าเมืองไตกิมก๊ก กระทำทดแทนลงโทษแก่ตระกูลพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ และบูเชียงก๋งนั้นคือนกอินทรีมีความผิดเมื่อครั้งจิกนางค้างคาวตาย หลวงจีนศิษย์พระยุไหลจึงได้ขับไล่เสีย ครั้นไปถึงแม่น้ำอึ้งโหเห็นมังกรเล่นน้ำอยู่ นกอินทรีก็จิกเอาจักษุมังกรบอดทั้งสองข้าง นกอินทรีนั้นไปเกิดเป็นบูเชียงก๋ง มังกรตาบอดไปเกิดเป็นชีนไคว่ นางค้างคาวไปเกิดเป็นนางเฮงสี คนเหล่านี้เป็นชาติเวรกันจึงได้ตามล้างผลาญทดแทน แต่ชีนไคว่นั้นมีความผิดมาก เมื่อครั้งนกอินทรีไปเกิดเป็นทารกอยู่ในเมืองเชียงจิว มังกรก็ตามไปสำแดงฤทธิ์ทำให้น้ำท่วมเมือง จนราษฎรเหล่านั้นตายเสียเป็นอันมาก บัดนี้มาทำร้ายแก่บูเชียงก๋งจนถึงชีวิตอีก จะต้องลงโทษชีนไคว่ให้ได้ความเดือดร้อนจงหนัก เซียงเต้สั่งให้เทวดาสำหรับใช้ลงไปบอกบูเชียงก๋งและปิศาจทั้งปวงไปทำชีนไคว่ให้ได้ความลำบากเวทนาถึงสาหัส ลีติดได้ฟังเฮงเหลงเล่าความฝันดังนั้นแล้วจึงว่าท่านฝันนี้เป็นเรื่องราวชอบกลดี เราจะคอยดูอยู่ว่า ถ้าชีนไคว่มีเหตุได้ความเดือดร้อนลำบากจริงเหมือนความฝันแล้ว จึงจะสร้างศาลให้เทพารักษ์หงอจูซูงดงามยิ่งกว่าเก่า ครั้นพูดกันแล้วพอเวลารุ่งสว่างประตูเมืองเปิดก็กลับเข้าไปบ้าน คอยฟังเหตุการณ์ชีนไคว่อยู่ทุกเาลา

ฝ่ายชีนไคว่ตั้งแต่กำจัดบูเชียงก๋งแล้ว ก็ยังไม่สิ้นความวิตกเลย ด้วยพรรคพวกทแกล้วทหารของบูเชียงก๋งยังมีอยู่อีกมากจะควบคุมกันคิดทำร้ายต่อไป จะต้องคิดกำจัดเสียให้สิ้นเชิงจึงจะได้ คิดแล้วก็ทำเรื่องราวฉบับหนึ่งกล่าวโทษแต่บรรดาพรรคพวกทแกล้วทหารบูเชียงก๋งเป็นข้อฉกรรจ์ต่าง ๆ เมื่อขณะเขียนเรื่องราวอยู่นั้น ชีนไคว่แลเห็นปิศาจบูเชียงก๋งกับปิศาจทั้งปวงเป็นอันมากจะเข้ามากลุ้มรุมตี ชีนไคว่ตกใจร้องด้วยเสียงอันดังว่าบูเชียงก๋งขอชีวิตไว้ก่อนเถิด พอสิ้นคำก็สลบแน่นิ่งไป นางเฮงสีภรรยาได้ยินชีนไคว่ร้องออกชื่อบูเชียงก๋งก็วิ่งเข้าไปดูในห้องหนังสือ เห็นชีนไคว่ล้มนอนกลิ้งสลบนิ่งอยู่ นางเฮงสีตกใจเข้าประคองกอดเอาชีนไคว่ไว้แล้วว่า ท่านบูเชียงก๋งอย่าทำอันตรายแก่ชีนไคว่สามีข้าพเจ้าเลย จะทำเครื่องเซ่นไปบวงสรวงให้ นางเฮงสีก็ร่ำไรบนบานไปเป็นอันมาก พอชีนไคว่ฟื้นได้สติขึ้นพูดกับนางเฮงสีว่าเราจะทำเรื่องราวกล่าวโทษพวกพ้องบูเชียงก๋งถวายพระเจ้าซ้องเกาจงให้กำจัดเสียให้สิ้น ซึ่งปิศาจบูเชียงก๋งกับปิศาจเป็นอันมากจะเข้าทำร้ายเรา การที่คิดนั้นเห็นจะทำไปไม่ตลอดแล้ว นางเฮงสีบอกว่าเมื่อท่านสลบไปนั้นข้าพเจ้าได้บนบานปิศาจบูเชียงก๋งและเทพารักษ์ทั้งปวงเป็นอันมาก จะต้องทำเครื่องเซ่นไปแก้สินบนและทำบุญไปให้บูเชียงก๋งที่วัดเลงอึมยี่เสียจึงจะได้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ