๖๓

ฝ่ายฮันคิเหลงกับงักหลุย นั่งพูดกันอยู่ที่บ้านได้ยินเสียงอื้ออึง งักหลุยถามฮันคิเหลงว่า คนอื้ออึงนั้นด้วยเหตุอันใด ฮันคิเหลงบอกว่า บ้านที่อึงนั้นไม่ใช่คนอื่นเป็นน้องของข้าพเจ้าชื่อฮันคิหอง คนนอกเรียกว่าเตียวหุยน้อย เดิมปู่ข้าพเจ้าเป็นพวกซ้องกั๋งมีฝีมือเข้มแข็ง เข้าทำราชการในเมืองหลวง ครั้นเกิดขุนนางกังฉินขึ้นมาก ปู่ข้าพเจ้าก็ไม่ทำราชการกลับมาอยู่บ้าน บิดาข้าพเจ้าเข้าไปเป็นขุนนางนายทหารของจงเล่าซิว บิดาข้าพเจ้าทำผิดโทษถึงตาย บิดาของน้องขอไว้จึงได้รอดชีวิตกลับมาบ้าน ซึ่งฮันคิหองน้องข้าพเจ้าคนนี้อยากแต่จะคบคนพาล จะว่ากล่าวสิ่งใดก็ไม่เชื่อจึงได้อื้ออึง พี่จะไปดูให้รู้ความ งักหลุยว่าถ้าพี่ไปดู น้องก็จะไปด้วย ฮันคิเหลง งักหลุยก็พากันมาที่บ้านฮันคิหอง ฮันคิหองเห็นฮันคิเหลงมาก็ออกไปต้อนรับคำนับแล้วพูดว่า ข้าพเจ้าจะไปเชิญพี่มาช่วยชำระความสักหน่อยพอพี่มาก็ดีแล้ว คนที่มากับพี่นั้นชื่อไร ฮันคิเหลงบอกว่าคนนี้เป็นบุตรที่สองของบูเชียงก๋ง ชื่องักหลุย งูทองได้ฟังออกชื่องักหลุยก็ดีใจร้องเรียกว่า พี่งักหลุยมาแก้น้องด้วย น้องชื่องูทอง เป็นบุตรของงูเกา งักหลุยได้ฟังก็ถามว่าเจ้ามาทำไม งูทองเล่าความแต่ต้นจนปลายให้ฟังทุกประการ ฮันคิเหลง ฮันคิหองได้ฟังงูทองแจ้งความก็แก้มัดออกโดยเร็ว เชิญให้นั่งพูดจากัน ฮันคิหองจึงพูดว่าไม่รู้จักจึงได้จับมาเฆี่ยนตีเป็นนักหนา ท่านอย่าถือโทษเลยขออภัยเสียเถิด งูทองว่าเฆี่ยนตีเท่านั้นไม่เป็นไรดอก พูดจาสนทนากันแล้วงูทองว่าข้าพเจ้ามาติดตามพี่งักหลุยที่บ้าน มารดาบอกว่าพี่มาแต่เช้าข้าพเจ้าจึงได้ตามมา บัดนี้ก็พบกันแล้วพี่อย่าต้องไปเมืองเล่งแฮเลย กลับไปด่วนโง่วทองก๊วนบ้านข้าพเจ้าด้วยกันเถิด ฮันคิเหลงได้ฟังงูทองชวนงักหลุยให้ไปด่านโง่วทองก๊วน จึงพูดว่าข้าพเจ้าได้ใช้คนไปสืบข่าว ณ เมืองนิ่มอันก็ยังไม่กลับมา ท่านจงคอยท่าอยู่ที่นี่ด้วยกันเถิด ถ้าได้ข่าวประการใดจึงช่วยกันคิดอ่านต่อไป งักหลุยกับงูทองก็อยู่ที่บ้านฮันคิเหลง

ฝ่ายจงฮวงเป็นที่จงเล่าซิวแทนบิดา ได้ข่าวเขาเล่าลือมาว่าบูเชียงก๋งกับบุตรสองคนนั้นชีนไคว่คิดอุบายฆ่าตายเสียที่เมืองนิ่มอันแล้ว จงฮวงมีความเสียใจคิดวิตกยิ่งนัก จึงเรียกจงเหลียงผู้บุตรมาสั่งว่า เจ้าจงไปที่บ้านบูเชียงก๋งตำบลทึงอิมกุ้ย สืบดูข่าวคราวว่าจะดีร้ายประการใด จงเหลียงรับคำบิดาแล้วคำนับลามาจัดเงินทองบ้างเล็กน้อย ก็ออกจากเมืองเล่งแฮเดินทางมาหลายวันถึงตำบลทึงอิมกุ้ย ก็เที่ยวไถ่ถามแจ้งความเรื่องบูเชียงก๋งทุกประการแล้ว แต่งักหลุยนั้นจะไปไหนก็ไม่รู้ จงเหลียงก็เที่ยวตามหาสืบข่าวไปจนถึงตำบลซิดโป้วติ้นก็ไม่ได้ความ ครั้นจะตามต่อไปอีกเงินทองก็หมดไม่มีซื้อกิน จำจะต้องหยุดอยู่ที่ตำบลนี้ก่อน คิดแล้วก็เดินไปหาที่อาศัย พบศาลเจ้ากวนตี้เบี้ยว จงเหลียงก็เข้าไปพักอยู่ที่ศาลเจ้า แล้วก็เที่ยวชักชวนเด็กชาวบ้านที่รุ่นหนุ่มมาฝึกหัดเพลงอาวุธต่าง ๆ ได้หลายคน จงเหลียงเป็นซินแสสอนศิษย์อยู่ที่ศาลเจ้าหลายวัน ศิษย์นั้นก็มาฝึกหัดเพลงอาวุธต่าง ๆ มากขึ้นทุกเวลามิได้ขาด เฮียก๋งผู้รักษาศาลเจ้าเห็นซินแสมาฝึกหัดเพลงอาวุธให้ ผู้คนก็ไปมามาก เฮียก๋งคิดวิตกว่านานไปข้างหน้าจะเกิดความขึ้นก็จะพาเราได้ความลำบาก จะต้องไปบอกฮันคิเหลง ฮันคิหองเศรษฐีทั้งสองให้ทราบไว้จึงจะดี คิดแล้วเฮียก๋งก็มาบอกกับฮันคิเหลง ฮันคิหองว่ามีซินแสผู้หนึ่งมาสอนเพลงอาวุธต่าง ๆ อยู่ที่ศาลเจ้า ข้าพเจ้ากลัวจะเกิดความผิด ขอท่านทั้งสองช่วยห้ามปรามเสียด้วย ฮันคิเหลง ฮันคิหองจึงพูดว่าผู้ใดหนอช่างกล้าหาญ เราจะไปลองฝีมือทำให้ซินแสได้ความอายแก่ศิษย์เหล่านั้น พูดแล้วฮันคิเหลง ฮันคิหองก็ชวนงักหลุย งูทองไปกับเฮียก๋ง บ่าวไพร่ของฮันคิเหลง ฮันคิหองก็ติดตามไปเป็นหลายคน

ฝ่ายจงเหลียงซินแส ครั้นถึงเวลาศิษย์ทั้งหลายมาพร้อมกันก็สั่งสอนฝึกหัดเพลงอาวุธศิษย์เหล่านั้นอยู่ ครั้นฮันคิเหลง ฮันคิหอง กับงักหลุย งูทองไปถึงศาลเจ้าก็เข้าไปดู เห็นซินแสนั่งอยู่หน้าโต๊ะรูปร่างโตใหญ่ผมแดงหน้าดำล่ำสันแข็งแรงนัก ศิษย์เหล่านั้นเห็นฮันคิเหลง ฮันคิหองมาก็บอกซินแสว่า ท่านเศรษฐีสองคนนั้นฝีมือเข้มแข็งนัก ในตำบลนี้ไม่มีผู้ใดต้านทานได้ จงเหลียงซินแสจึงว่าตั้งแต่เรามาสอนพวกเจ้าอยู่ที่ศาลเจ้านี้ก็กว่าสิบห้าวันแล้ว ยังไม่เห็นผู้ใดที่มีฝีมือเข้มแข็งมาทดลองกันเลย ถ้าผู้ใดมีฝีมือเข้มแข็งไม่กลัวตายก็จงมาทดลองกันเถิด ฮันคิเหลงได้ฟังจึงว่าข้าพเจ้าได้ยินข่าวท่านมาฝึกหัดศิษย์อยู่ที่นี้ จึงพากันมาจะให้สั่งสอนบ้าง งูทองจึงพูดว่าข้าพเจ้าจะขอเข้าลองฝีมือกับซินแสคนนี้ ถ้าเสียทีข้าพเจ้าจะทุบตีซินแสให้แทบตาย งูทองก็เข้าลองฝีมือกับจงเหลียง จงเหลียงถามว่าจะเอากระบองหรือมือเปล่า งูทองว่าตามใจท่าน ผู้ใดมีแรงจับอีกผู้หนึ่งได้ก็ชนะ ทั้งสองก็เอามือเปล่าเข้าสู้ทดลองกัน งูทองทานกำลังจงเหลียงไม่ได้ งูทองล้มเป็นหลายหน จงเหลียงจึงพูดว่าท่านคนนี้ไม่มีแรง ผู้ใดมีฝีมือเข้มแข็งก็เข้ามาอีกเถิด งูทองสู้กำลังจงเหลียงซินแสไม่ได้ก็ถอยออกมา งักหลุยว่าข้าพเจ้าจะทดลองกับท่านเอง งักหลุยก็เข้าไปสู้กับซินแสได้ประมาณครึ่งวัน ต่างคนว่องไวหาแพ้ชนะกันไม่ งักหลุยก็รำเพลงที่บูเชียงก๋งบิดาสอนให้ จงเหลียงซินแสเห็นก็จำได้จึงถามว่าเพลงนี้ของบูเชียงก๋ง ใครฝึกหัดให้ท่าน ฮันคิเหลงได้ฟังซินแสถามงักหลุยดังนั้นจึงพูดว่า ท่านรู้ว่าเพลงท่านี้ของบูเชียงก๋งแล้วก็คงจะเป็นคนดีมีฝีมือ อย่าเพิ่งทดลองกันเลย เชิญท่านไปบ้านพูดจาสนทนาก่อนเถิด จงเหลียงซินแสว่าข้าพเจ้าก็อยากจะไปบ้านท่าน แต่มีการสอนศิษย์ ศิษย์เหล่านั้นจึงบอกกับซินแสจงเหลียงว่า เศรษฐีคนนี้ใจคอโอบอ้อมอารีดีนัก เชิญไปนั่งพูดเล่นที่บ้านท่านก่อนเถิด เวลาอื่นจึงค่อยสั่งสอนพวกข้าพเจ้า ศิษย์เหล่านั้นก็ลาซินแสกลับไป ฮันคิเหลง ฮันคิหอง งักหลุย งูทองก็พาซินแสไปบ้านจัดที่ให้นั่งที่สมควร แล้วต่างคนคำนับกัน งักหลุยจึงถามซินแสว่าท่านเห็นข้าพเจ้ารำเพลงของบูเชียงก๋งเหตุไฉนจึงรู้ ท่านอยู่บ้านเมืองไหนชื่อใดแซ่ไรจงบอกให้ข้าพเจ้าทราบ จงเหลียงว่าปู่ข้าพเจ้าชื่อจงเล่าซิว บิดาข้าพเจ้าชื่อจงฮวง ตัวข้าพเจ้าชื่อจงเหลียง ชอบพอรักใคร่กันกับบูเชียงก๋งถึงสามชั่วคนมาแล้ว ครั้นบิดาข้าพเจ้าได้ข่าวว่ามีรับสั่งให้หาบูเชียงก๋งเข้าไปเมืองหลวง ชีนไคว่คิดอุบายฆ่าบูเชียงก๋งกับบุตรสองคนเสีย จะเท็จจริงประการใดไม่ทราบก็มีความวิตกยิ่งนัก จึงใช้ให้ข้าพเจ้ามาสืบข่าวที่ตำบลทึงอิมกุ้ย ครั้นข้าพเจ้าไปถึงก็แจ้งความ จึงได้เที่ยวตามงักหลุยมา แล้วได้ข่าวอีกว่ารับสั่งเขียนรูปงักหลุยมาถึงหัวเมืองด่านทางทุกตำบลว่า ถ้าพบปะงักหลุยที่แห่งใดก็ให้จับตัวส่งเข้าไป ข้าพเจ้าได้แจ้งดังนั้นก็มีความวิตกยิ่งนักจึงได้ตามมาจนถึงตำบลนี้ พบท่านทั้งสี่ใจดีเชิญให้มานั่งพูดเล่น ท่านนี้มีฝีมือเข้มแข็งทดลองกันก็ยังไม่แพ้ชนะ ตัวท่านชื่อไร งักหลุยจึงถามว่าท่านเป็นบุตรจงฮวงหลานจงเล่าซิวหรือ ข้าพเจ้าจะไปเอาหนังสือมาให้ งักหลุยก็เดินไปหยิบเอาหนังสือ จงเหลียงจึงถามว่าท่านทั้งสามนี้ชื่อไร ฮันคิเหลงก็บอกชื่อให้ทั้งสามคนแล้ว บอกว่าคนที่ไปเอาหนังสือนั้นชื่องักหลุย จงเหลียงได้ฟังก็ดีใจ พองักหลุยเอาหนังสือมาส่งให้จงเหลียงรับหนังสือฉีกผนึกออกอ่านแจ้งความก็ยินดีจึงพูดว่า ข้าพเจ้าเที่ยวตามหานักหนาก็ไม่ได้ข่าวคราวเลย บัดนี้มาพบกันก็ดีแล้ว แต่บิดาข้าพเจ้ามีความวิตกนัก ขอเชิญท่านไปด้วยกันเถิด งูทองพูดว่าซึ่งจะไปถึงเมืองเล่งแฮหนทางก็ไกล เชิญพี่ทั้งสองไปด่านโง่วทองก๊วนบ้านข้าพเจ้าคอยฟังข่าวคราวก็จะรู้เร็ว ฮันคิเหลงว่าข้าพเจ้าให้คนไปสืบข่าวเมืองหลวงแล้ว จงคอยฟังอยู่ด้วยกันที่บ้านข้าพเจ้าก่อนเถิด ถ้าได้ความประการใดจะได้คิดการต่อไป จงเหลียง งักหลุย งูทองก็คอยฟังข่าวอยู่ที่บ้านฮันคิเหลงด้วยกันทั้งสามคน

ฝ่ายเงยอ๋วน ผู้คุมพาบุตรภรรยาครอบครัวหนีมาบ้านเดิมของตัวแล้ว ก็นำหนังสือของบูเชียงก๋งตรงไปถึงค่ายจูเซียนติ้น เอาหนังสือเข้าไปส่งให้งูเกาซีฉวน งูเกาซีฉวนรับหนังสือฉีกผนึกออกอ่านแจ้งความว่า บูเชียงก๋งกับงักฮุน เตียเหียนตายก็ร้องไห้โศกเศร้าเป็นอ้นมาก งูเกาแค้นชีนไคว่ยิ่งนัก ก็สั่งให้เอาเงยอ๋วนผู้ถือหนังสือมานั้นไปฆ่าเสีย เงยอ๋วนได้ฟังก็ตกใจ ซีฉวนจึงห้ามไว้ว่าเงยอ๋วนมีบุญคุณกับบูเชียงก๋งพี่เราเป็นอันมาก ไม่ใช่พวกชีนไคว่ งูเกาได้ฟังจึงว่าเราไม่รู้ขอโทษเสียเถิด พูดแล้วก็ถามเงยอ๋วนว่าชีนไคว่คิดอุบายประการใด จึงได้ฆ่าบูเชียงก๋งกับบุตร สองคนได้ เงยอ๋วนก็เล่าตั้งแต่ต้นจนปลายให้ฟังทุกประการ งูเกาซีฉวนกับนายทหารทั้งปวงก็พากันร้องไห้กลิ้งเกลือกไปทุกตัวคน ซีฉวนก็เอาเงินห้าร้อยตำลึงมาให้เงยอ๋วนตอบแทนบุญคุณ เงยอ๋วนรับเงินแล้วก็คำนับลากลับไปบ้าน งูเกาจึงปรึกษากับนายทหารทั้งปวงว่า บูเชียงก๋งมีหนังสือมาถึงพวกเราว่า ถ้าบูเชียงก๋งตายแล้วไม่ให้พวกเรายกกองทัพไปแก้แค้นกลัวชื่อเสียงจะเสีย ให้พวกเรากลับไปบ้านทำไร่ทำนากิน บัดนี้ชีนไคว่คิดอุบายกำจัดบูเชียงก๋งพี่เรากับงักฮุน เตียเหียนดังนี้ เรามีความแค้นยิ่งนัก จะยกกองทัพไปจับชีนไคว่ฆ่าเสียทดแทนที่มันทำกับพี่เรา ท่านทั้งหลายจะเห็นประการใด พี่น้องและนายทหารเห็นด้วยพร้อมกัน งูเกา ซีฉวนก็สั่งทหารจัดเครื่องขาวทั้งสิ้นเสร็จแล้วก็พากันใส่เสื้อกางเกงขาวธงก็ขาว งูเกาก็ยกกองทัพออกจากตำบลจูเซียนติ้นมา ราษฎรชาวบ้านแจ้งว่าบูเชียงก๋งตายก็พากันร้องไห้ทุกตัวคน แล้วก็จัดสิ่งของเสบียงอาหารมาให้งูเกาเป็นอันมาก ปรารถนาจะให้งูเกายกกองทัพเข้าไปแก้แค้นแทนบูเชียงก๋ง งูเการับของราษฎรทั้งหลายแล้วก็ยกกองทัพตรงไปเมืองนิ่มอัน ครั้นเดินกองทัพไปถึงแม่น้ำเอียจือกัง งูเกาก็ให้ทหารไปจัดหาเรือเล็กใหญ่มาพากันลงเรือข้ามไปถึงกลางน้ำ พอเกิดอัศจรรย์พวกนายทหารเห็นเป็นรูปบูเชียงก๋งอยู่กลาง งักฮุน เตียเหียนอยู่สองข้างซ้ายขวาลอยมาบนอากาศกับธงที่มีหนังสือสี่ตัวเรียกว่า จีนตงโปก๊ก ลอยอยู่ตรงหน้าบูเชียงก๋ง นายทหารทั้งปวงก็คุกเข่าคำนับอยู่ที่ในเรือแล้วพูดว่า ข้าพเจ้าจะยกกองทัพไปแก้แค้นชีนไคว่แทนท่าน รูปบูเชียงก๋งที่ลอยอยู่บนอากาศก็โบกมือเหมือนกับพูดว่าอย่าไป งูเกาจึงว่าพี่เราเป็นคนซื่อตรงโบกมือไม่ให้ไปก็ช่างเถิด เราจะไปแก้แค้นให้จงได้ ก็เร่งทหารแจวเรือไปแล้วพากันแลดูเห็นรูปบูเชียงก๋งยังอยู่หน้าตาเหมือนโกรธแค้น เอามือปัดไปปัดมาในแม่น้ำนั้นก็เกิดลมพายุพัดกล้าคลื่นใหญ่ เรือเล็กล่มเป็นหลายลำ อือฮวยเหลงจึงคุกเข่าลงคำนับแล้วพูดว่า พวกข้าพเจ้าจะพากันไปแก้แค้นชีนไคว่ท่านก็ไม่ให้ไป ซึ่งตัวข้าพเจ้านี้จะเอาชีวิตอยู่ไปทำไมจะตายตามท่านไปดีกว่า พูดแล้วอือฮวยเหลงก็เอากระบี่เชือดคอตาย ฮอง่วนเค่งเห็นดังนั้นจึงพูดว่า อือฮวยเหลงก็ตายตามท่านไปแล้ว ข้าพเจ้าก็จะตายตามท่านไปเหมือนกัน ว่าแล้วฮอง่วนเคงก็เอาลูกตุ้มที่ถือทุบศีรษะตัวเองแตกตาย งูเกาเห็นก็เสียใจจึงพูดว่า ไม่ให้ข้าพเจ้าไปแก้แค้นแล้วจะอยู่ไปทำไม ตายเสียให้รู้แล้วไป งูเกาก็โดดลงในแม่น้ำคลื่นซัดลอยไป ซีฉวนเห็นก็ร้องไห้แลไปดูเห็นรูปบูเชียงก๋งยังลอยอยู่บนอากาศ ก็คุกเข่าลงคำนับพูดว่า ถ้าไม่ให้ไปแก้แค้นแล้วก็ขอให้คลื่นลมหยุดเถิด ข้าพเจ้าจะได้พากันกลับไปเสีย พอพูดดังนั้นคลื่นลมก็สงบเงียบลงทันที รูปบูเชียงก๋งที่ลอยอยู่นั้นก็หายไป ซีฉวนก็ให้กลับไปริมฝั่งตามเดิม แล้วพูดกับพี่น้องและนายทหารทั้งปวงว่า บูเชียงก๋งไม่ให้พวกพ้องเราไป ท่านทั้งหลายจงกลับไปบ้านเถิด ทหารเหล่านั้นก็จนใจพากันร้องไห้รักบูเชียงก๋งแล้วก็แยกย้ายกันกลับไปบ้านของตัว ซีฉวน เตียเฮียน เฮงกุ้ย เตียหุน เลียงเฮง จิวแช กิดแช เจ็ดคนกับทหารสามพันแปดร้อยนั้น มีความรักใคร่บูเชียงก๋งมากก็ไม่กลับไป ซีฉวนจึงพูดว่าทหารเหล่านั้นเขาพากันกลับไปบ้านแล้ว ท่านเหล่านี้ทำไมจึงไม่ไป ทหารทั้งปวงว่า พวกข้าพเจ้านี้คิดถึงบุญคุณบูเชียงก๋งจึงไม่กลับไป อยากจะใคร่ตอบแทนคุณท่าน ซึ่งคนกังฉินที่คิดทำร้ายกับบูเชียงก๋งนั้นก็คงจะเป็นอันตรายลงวันหนึ่ง ถ้าได้ทีพวกข้าพเจ้าจึงช่วยกันซ้ำเติมเอา แต่คราวนี้พวกข้าพเจ้าอยากจะใคร่ไปเซ่นไหว้ศพบูเชียงก๋งสักครั้งหนึ่ง แล้วท่านจะไปไหนพวกข้าพเจ้าจะติดตามท่านไปด้วย ซีฉวนได้ฟังจึงพูดว่า ครั้นจะชวนกันไปอยู่ที่จูเซียนติ้นก็กลัวชีนไคว่จะคิดร้าย เราไปอยู่ด้วยกันที่เขาไทฮังซัวก่อนแล้วจึงค่อยคิดอ่านต่อไป ท่านทั้งหลายจะเห็นประการใด ทหารเหล่านั้นก็เห็นชอบพร้อมกัน ซีฉวนกับพี่น้องเจ็ดคนนั้นก็พาพวกทหารตรงไปอยู่เขาไทฮังชัว ซ่องสุมเป็นโจรคอยตีปล้นเลี้ยงชีวิตอยู่เนือง ๆ ซีฉวนก็ให้คนใช้ไปสืบข่าวที่เมืองหลวงอยู่มิได้ขาด

ฝ่ายงูเกาโดดลงในน้ำจะให้ตายก็ไม่ตาย คลื่นลมพัดซัดไปติดอยู่ริมฝั่ง งูเกาได้ฟังเสียงเหมือนคนมาร้องเรียกก็ลืมตาขึ้นดู เห็นเปาฮวงเล่าโจ๊ครูที่ได้สั่งสอนแต่เดิมมากับศิษย์คนหนึ่ง ศิษย์นั้นถือเสื้อกางเกงยืนอยู่ข้างหลัง ครั้นเห็นดังนั้นงูเกาก็ขึ้นจากน้ำโดยเร็วเข้าไปคุกเข่าคำนับลงตรงหน้า เปาฮวงเล่าโจ๊จึงพูดว่า งูเกาเจ้ายังไม่ถึงที่ตายนานไปจะมีวาสนา จงเอาเสื้อกางเกงไปผลัดเถิด งูเกาว่าบูเชียงก๋งนั้นกังฉินฆ่าเสียแล้ว ข้าพเจ้าจะไปแก้แค้นตอบแทนก็ไม่ได้จึงจะตายเสีย เปาฮวงเล่าโจ๊ว่าบูเชียงก๋งกับชีนไคว่นั้นเขาเป็นเวรล้างผลาญกัน ซึ่งชีนไคว่นั้นก็ไม่ช้าแล้วคงจะเป็นอันตรายต่าง ๆ นานไปข้างหน้าเจ้าแผ่นดินก็คงรู้ว่าบูเชียงก๋งซื่อตรง จะแต่งตั้งจัดศาลไว้เซ่นไหว้ แล้วยังจะมาหาตัวท่านไปทำราชการอีก เจ้าอย่าวิตกเลย จงไปอยู่กับซีฉวนและพี่น้องเหล่านั้นที่เขาไทฮังซัวเถิด งูเกาได้ฟังก็คลายวิตกคำนับรับเสื้อกางเกงมาใส่ เปาฮวงเล่าโจ๊กับศิษย์นั้นก็หายไป งูเกาเดินไปถึงเขาไทฮังซัว เล่าความให้ซีฉวนกับพี่น้องเหล่านั้นฟังทุกประการแล้วก็อยู่ที่เขาไทฮังซัวด้วยกัน

ฝ่ายปังตง ปังเฮาคุมบุตรภรรยากับผู้คนของบูเชียงก๋งมาถึงเมืองนิ่มอันแล้วก็ไปแจ้งความกับชีนไคว่ ชีนไคว่ได้ฟังก็ดีใจใช้ให้คนไปตรวจนับบุตรภรรยาบูเชียงก๋งจะถ้วนหรือไม่ถ้วน คนใช้ไปตรวจดูแล้วกลับมาแจ้งกับชีนไคว่ว่าบุตรบูเชียงก๋งหายไปคนหนึ่งชื่องักหลุยบุตรที่สอง ชีนไคว่ได้ฟังก็โกรธจึงสั่งให้เอาบุตรภรรยากับคนของบูเชียงก๋งนั้นไปขังไว้ที่คุก แล้วชีนไคว่ก็ให้ช่างเขียนรูปงักหลุยกับหนังสือรับสั่ง แล้วให้คนใช้ถือไปถึงหัวเมืองและด่านทางทั้งปวง ว่าให้ผู้รักษาเมืองตรวจตราจับตัวงักหลุยส่งเข้ามาเมืองหลวงโดยเร็ว ผู้รักษาเมืองแจ้งก็ตรวจตรากันกวดขัน ชีนไคว่จึงคิดว่าจำเราจะฆ่าบุตรภรรยาของบูเชียงก๋งเสียก่อน ถ้าได้ตัวงักหลุยมาเมื่อไรจึงให้ฆ่าเสีย คิดแล้วทำหนังสือปลอมรับสั่งว่าให้เอาบุตรภรรยาบูเชียงก๋งไปฆ่าเสียให้สิ้น ทำหนังสือแล้วก็ให้ ปังตง ปังเฮา ถือรับสั่งไปฆ่าครอบครัวบูเชียงก๋ง ปังตง ปังเฮารับรับสั่งมาแล้วก็จัดการไว้เสร็จ

ฝ่ายฮั่นซีตงกับนางเนียฮูหยิน ได้แจ้งว่าชีนไคว่ทำหนังสือแอบอ้างรับสั่งไปให้หาบูเชียงก๋งเข้ามาเมืองหลวงจะคิดทำอันตรายแก่บูเชียงก๋ง จึงปรึกษากับนางเนียฮูหยินภรรยาว่า บูเชียงก๋งเป็นคนซื่อได้อาสาปราบยุคเข็ญในแผ่นดิน มีความชอบมาก เข้าไปเมืองหลวงครั้งนี้ตกอยู่ในอำนาจชีนไคว่ขุนนางกังฉิน เห็นจะคิดหาอุบายทำอันตรายแก่บูเชียงก๋งเสียเป็นแน่ จำเราจะพากันเข้าไปเฝ้าพระเจ้าซ้องเกาจงทูลชี้แจงการงานให้ทรงทราบ อย่าให้พระเจ้าซ้องเกาจงลุ่มหลงไปด้วยถ้อยคำชีนไคว่ทูลยุยงลงโทษแก่ผู้มีความชอบ ปรึกษาเห็นพร้อมกันแล้วฮั่นซีตงกับนางเนียฮูหยินก็จัดบ่าวไพร่ออกเดินเข้าไปเมืองหลวง ครั้นถึงก็แจ้งความว่า ชีนไคว่คิดฆ่าบูเชียงก๋งกับบุตรสองคนเสียแล้ว บัดนี้จะเอาบุตรภรรยาครอบครัวบูเชียงก๋งไปฆ่าเสียอีก ฮั่นซีตงกับนางเนียฮูหยินมีความแค้นเคืองยิ่งนักก็รีบเข้าไปเมืองหลวง พอพบปังตง ปังเฮาคุมเอาตัวบุตรภรรยาบูเชียงก๋งออกจากคุกจะไปฆ่าเสีย ฮั่นซีตงกับนางเนียฮูหยินก็เข้าสกัดห้ามไว้ว่าอย่าเพิ่งเอาไปฆ่าก่อน เราจะไปพูดกับชีนไคว่ นางเนียฮูหยินก็ให้ฮั่นซีตงผู้สามีกำกับปังตง ปังเฮารักษาครอบครัวของบูเชียงก๋งอยู่ที่นั่น ตัวนางเนียฮูหยินรีบไปบ้านชีนไคว่ นางเฮงสีฮูหยินภรรยาชีนไคว่เห็นนางเนียฮูหยินมาก็เชิญไปข้างในจัดที่ให้นั่งแล้ว นางเนียฮูหยินถามว่าท่านชีนไคว่สามีของเจ้าไปข้างไหนอยู่หรือไม่ นางเฮงสีฮูหยินเห็นหน้าตานางเนียฮูหยินมึนตึงขึ้งโกรธอยู่ จึงแกล้งบอกว่าชีนไคว่นั้นมีรับสั่งให้หาเข้าไปเฝ้า ท่านมีธุระสิ่งใดหรือจงบอกให้ทราบเถิด นางเนียฮูหยินว่าตัวบูเชียงก๋งกับบุตรสองคนนั้นผิดอย่างไรจึงได้เอาไปฆ่าเสีย แล้วยังซ้ำจะเอาบุตรภรรยาญาติพี่น้องไปฆ่าเสียให้สิ้นทั้งโคตรนั้นด้วยโทษอะไร เรามาหาชีนไคว่อยากจะให้เข้าไปเฝ้าด้วยกัน นางเฮงสีฮูหยินว่าสามีข้าพเจ้าเข้าไปเฝ้าก็เพราะด้วยความเรื่องนี้ท่านจงคอยอยู่ก่อนเถิด นางเฮงสีฮูหยินก็กระซิบสั่งคนใช้ให้ไปบอกกับชีนไคว่ตามซึ่งได้พูดกับนางเนียฮูหยิน คนใช้เข้าไปในห้องหนังสือแจ้งความกับชีนไคว่แล้ว ชีนไคว่สั่งคนใช้ว่าเจ้าจงไปบอกปังตงปังเฮาว่าอย่าเพิ่งเอาตัวบุตรภรรยาบูเชียงก๋งไปฆ่า ให้เอากลับไปขังไว้ที่คุกก่อน คนใช้ก็คำนับลารีบไปบอกปังตง ปังเฮา ปังตง ปังเฮาแจ้งแล้วก็สั่งให้ผู้คุมพาครอบครัวบูเชียงก๋งกลับไปขังไว้ที่คุก ชีนไคว่นั้นแต่งตัวเหมือนเข้าไปเฝ้ากลับออกมาบ้านเห็นนางเนียฮูหยินก็ทำเป็นถามว่า ท่านมาหาข้าพเจ้านี้ด้วยธุระสิ่งใด นางเนียฮูหยินว่ามาด้วยเรื่องบูเชียงก๋ง ท่านฆ่าเสียทั้งสามคนพ่อลูกแล้ว ยังจะคิดฆ่าบุตรภรรยาญาติพี่น้องเสียให้สิ้นทั้งโคตรทีเดียวหรือ ข้าพเจ้าจะเชิญท่านให้เข้าไปเฝ้าด้วยกัน ชีนไคว่ว่าความเรื่องนี้ข้าพเจ้าก็เห็นว่ามีรับสั่งขัดเคืองเกินไป ได้เข้าไปทูลขอเป็นหลายครั้งก็ไม่โปรดให้ วันนี้ข้าพเจ้าไปทูลขออีกจึงโปรดไม่ให้ตายแต่ต้องเนรเทศให้ไปอยู่เมืองฮุนหนำ

นางเนียฮูหยินได้ฟังจึงพูดว่าถ้าโปรดไม่ให้ตายแล้วข้าพเจ้าก็จะลาท่านกลับไป นางเนียฮูหยินก็เดินออกจากบ้านชีนไคว่ไปหาฮั่นซีตง เล่าความซึ่งได้พูดกับชีนไคว่ให้ฟังทุกประการ แล้วก็พากันเข้าไปที่คุกเยี่ยมเยือนบุตรภรรยาบูเชียงก๋งร้องไห้สงสารกันเป็นอันมาก แล้วนางเนียฮูหยินบอกกับนางลีสีฮูหยินภรรยาบูเชียงก๋งว่าชีนไคว่เขาบอกว่ามีรับสั่งโปรดไม่ให้ตายแล้ว แต่ต้องเนรเทศไปอยู่เมืองฮุนหนำ เวลาพรุ่งนี้ฮั่นซีตงกับเราจะเข้าไปเฝ้าทูลขออย่าให้ต้องไปเมืองฮุนหนำ นางลีสีฮูหยินว่าซึ่งสามีกับบุตรข้าพเจ้าตายนั้นก็เป็นการสิ้นอายุของเขา ตัวข้าพเจ้าเป็นผู้หญิงท่านจะไปทูลขอให้อยู่ในเมืองหลวงเห็นว่าใกล้ขุนนางกังฉินนัก คงจะคิดร้ายทำอันตรายต่อไป ถ้าได้ไปอยู่เสียเมืองฮุนหนำตามรับสั่ง เห็นว่าไกลพวกกังฉินพอจะรักษาตัวไปได้ท่านอย่าทูลคัดง้างไว้เลย แต่ข้าพเจ้าอยากจะใคร่ทุเลาอยู่สักเดือนหนึ่ง พอได้จัดการฝังศพสามีกับบุตรเสียก่อน แต่ศพนั้นไม่แจ้งว่าอยู่ที่ตำบลไหน นางเนียฮูหยินว่าถ้ากระนั้นก็ไม่ต้องกราบทูล ข้าพเจ้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านกว่าจะทำการฝังศพแล้วจึงจะไป แต่ศพสามีกับบุตรท่านตายขณะนั้นเป็นวันตรุษจีน เวลากลางคืนไม่รู้ว่าศพฝังไว้ที่ไหน ถ้าจะให้รู้ท่านจงเขียนหนังสือไปปิดไว้ที่ศาลเจ้าว่า ถ้าผู้ใดรู้จักที่ฝังศพบูเชียงก๋งกับบุตรทั้งสองแล้วพาให้ไปพบได้สำคัญแน่จะให้เงินร้อยตำลึง นางลีสีฮูหยินได้ฟังก็เห็นชอบด้วย ฮั่นซีตงกับเนียฮูหยินก็รับเอาบุตรภรรยาญาติพี่น้องของบูเชียงก๋งกับครอบครัวเหล่านั้นไปไว้ด้วยกันที่บ้านของนางเนียฮูหยินที่อยู่ในเมืองนิ่มอัน นางเฮงสีฮูหยินจึงถามชีนไคว่ผู้สามีว่า ซึ่งท่านพูดกับนางเนียฮูหยินว่าจะเนรเทศบุตรภรรยาครอบครัวบูเชียงก๋งไปเมืองฮุนหนำนั้นจริงหรือ ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้าคนเหล่านี้ไม่ตายเสียแล้วก็คงจะคิดแก้แค้นทำแก่เราเป็นแน่ ท่านจะเห็นประการใด ชีนไคว่ว่านางเนียฮูหยินกับฮั่นซีตงผัวเมียสองคนนี้มีฝีมือเข้มแข็ง ถ้าเราไม่พูดผ่อนปรนดังนั้นแล้ว ก็คงจะทำอันตรายแก่ชีวิตเราทั้งสอง ที่ไหนจะพ้นฝีมือเขา ซึ่งบุตรภรรยาญาติพี่น้องของบูเชียงก๋งนั้นเจ้าอย่าวิตก เราจะคิดกำจัดเสียให้ได้ ด้วยทางจะเดินไปเมืองฮุนหนำนั้น ต้องผ่านไปหน้าเมืองของบุตรชาเลียงอ๋อง ชาเลียงอ๋องนั้นบูเชียงก๋งฆ่าตายเสียเมื่อครั้งสอบสวนฝีมือกัน เราจะมีหนังสือไปให้บุตรชาเลียงอ๋องฆ่าบุตรภรรยาญาติพี่น้องของบูเชียงก๋งแก้แค้นแทนบิดาก็คงจะตายสิ้น นางเฮงสีฮูหยินได้ฟังก็เห็นชอบด้วย

ฝ่ายนางเนียฮูหยินรับเอานางลีสีฮูหยินมาไว้ก็ชอบพอรักใคร่กันสนิท กระทำสัตย์สาบานเป็นพี่น้องกัน นางลีสีฮูหยินเขียนหนังสือไปปิดไว้ที่ประตูบ้านและศาลเจ้าว่า ถ้าผู้ใดรู้เห็นว่าศพบูเชียงก๋งกับบุตรทั้งสองฝังที่ใด จงมาบอกจะให้เงินร้อยตำลึงเป็นบำเหน็จ

ฝ่ายเฮงเหลง ลีติดสองคน เห็นหนังสือปิดไว้ด้วยเรื่องศพบูเชียงก๋ง ครั้นจะไปบอกกับนางลีสีฮูหยินตามตรงก็กลัวพวกขุนนางกังฉินจะคิดร้าย ครั้นเวลาค่ำดึกประมาณสองยามเศษ เฮงเหลง ลีติดก็มาที่ประตูบ้านนางเนียฮูหยินเขียนหนังสือลงที่กระดาษปิดไว้นั้นว่า ถ้าอยากจะ ใคร่รู้ที่ฝังศพทั้งสามก็ให้ไปหาที่เนินเปลือกหอยจึงจะพบ เขียนแล้วก็พากันกลับไป ครั้นรุ่งขึ้นเจ้าบ่าวของนางเนียฮูหยินออกมาเห็นหนังสือผิดประหลาดอยู่ก็เลิกเอากระดาษหนังสือไปให้นางลีสีฮูหยินกับนางเนียฮูหยินดู นางทั้งสองแจ้งความแล้วก็ใช้ให้งักอันไปสืบถามดูว่า เนินเปลือกหอยอยู่ที่ไหน งักอันไปถามชาวบ้านได้ความแล้วก็กลับมาแจ้งแก่นางลีสีฮูหยินว่าเนินเปลือกหอยอยู่ข้างทิศตะวันตก นางลีสีฮูหยินกับนางเนียฮูหยินก็ชวนกันไปดูทางทิศตะวันตกเห็นเนินเปลือกหอยเป็นรอยที่ฝังศพ ก็ให้บ่าวไพร่ขุดลงไปดู พบศพหีบหนึ่งเห็นอักษรจารึกที่ฝาหีบว่าศพเตียเปา แล้วขุดต่อไปพบศพทั้งสามอยู่ริมเรียงกัน เห็นหนังสือที่ฝาหีบว่าศพบูเชียงก๋ง ศพงักฮุน ศพเตียเหียน เห็นแน่ถนัดแล้วก็พากันร้องไห้ จัดสิ่งของไปทำการเซ่นไหว้อยู่ที่เนินเปลือกหอยนั้น

ฝ่ายนางงักปันเสียเจียะบุตรสาวบูเชียงก๋ง ครั้นเซ่นไหว้ศพบิดากับพี่ชายเสร็จแล้ว จึงคิดว่าตัวเราเป็นหญิงผัวก็ยังไม่มี บิดาเราก็เป็นคนซื่อตรง ชีนไคว่ขุนนางกังฉินคิดอุบายฆ่าเสีย เราจะอยู่ไปก็คิดแก้แค้นแทนบิดาและพี่ไม่ได้ อายแก่คนทั้งหลายตายเสียดีกว่า คิดแล้วก็เดินไปโดดลงในบ่อน้ำที่ริมเนินเปลือกหอยตาย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ