๕๗

ฝ่ายตังเซียน เอียวจิ้น เกียจุน เฮงซิน เฮงหงีเห็นอ้วนมกถอเจ็ก อ้วนมกถอเชียะขับม้าหนีก็คุมทหารห้าพันไล่ตามไปถึงที่ อ้วนมกถอเจ็ก อ้วนมกถอเชียะจัดกระบวนม้าไว้สามพันก็จุดประทัดสัญญาขึ้น ทหารม้าก็ขับม้าเป็นตับ ๆ ออกโอบล้อมนายทหารทั้งห้ากับทหารห้าพันไว้ได้ทั้งสิ้น ทหารม้าของอ้วนมกถอเจ็ก อ้วนมกถอเชียะก็เอาทวนแทงและยิงด้วยเกาทัณฑ์ นายทหารและทหารเลวห้าพันตายทั้งสิ้น เหลือหนีรอดได้สิบคนกลับมาแจ้งความแก่บูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งได้ฟังก็ตกใจถามว่าเหตุใดจึงเป็นดังนี้ ทหารที่เหลือมาได้บอกว่ากระบวนศึกของอ้วนมกถอเจ็ก อ้วนมกถอเชียะนั้นเรียกว่าเลียงฮวนกะเบ๊ บูเชียงก๋งว่าแต่แรกเราไม่รู้จึงได้เสียที ถ้าเแต่ก่อนแล้วก็คงแก้ได้ด้วยเมื่อแผ่นดินก่อนหลานของอูเอียนจั่นได้ใช้ทวนเรียกว่าเกาเลียนเชียะแก้กระบวนม้าเลียงฮวนกะเบ๊ได้ พูดแล้วก็ร้องไห้รักทหารซึ่งตายนั้นเป็นอันมาก สั่งให้จัดเครื่องเซ่นให้นายทหารซึ่งตายนั้นตามธรรมเนียม แล้วสั่งให้เม่งปังเกียด เตียเหียนคุมทหารสามพันถือทวนเกาเลียนเชียะ ไปซ้อมหัดให้ชำนิชำนาญให้เตียลิบ เตียหยง คุมทหารถือโล่สามพันยกไปซ้อมกระบวนทีท่ากลิ้งเกลือกเข้าไปฟันเท้าม้าให้คล่องแคล่วทุกตัวคน เม่งปังเกียต เตียเหียน เตียลิบ เตียหยงก็คำนับลาไปซ้อมหัดทหารตามแม่ทัพสั่ง

ก่ายอ้วนมกถอเจ็ก อ้วนมกถอเชียะได้ชัยชนะแก่ทหารบูเชียงก๋ง แล้วก็กลับไปแจ้งความให้กิมงึดตุดฟังทุกประการ กิมงึดตุดมีความยินดี ให้เจ้าพนักงานจดบำเหน็จความชอบนายทหารทั้งสองนั้น แล้วพูดกับคับมิชีว่าเรายกกองทัพมาครั้งนี้ ไพร่พลทหารก็มีมากครั้นจะตีหักเข้าไปก็ยังไม่ได้ ด้วยบูเชียงก๋งตั้งรับแข็งแรงอยู่ ท่านจะมีอุบายประการใดบ้าง คับมิชีว่าบูเชียงก๋งแม่ทัพก็มีสติปัญญา นายทหารไพร่พลก็พรักพร้อมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งจะตีหักเข้าไปซึ่งหน้านั้นเห็นไม่ได้ ขอท่านจัดกองทัพให้นายทหารที่มีสติปัญญากล้าแข็ง ลอบยกข้ามแม่น้ำเหียบกัง ตรงไปตีเอาเมืองนิ่มอันอย่าให้ทันรู้ตัว ด้วยเมืองนิ่มอันไม่มีทแกล้วทหารที่มีสติปัญญาและฝีมืออยู่รักษา พระเจ้าซ้องเกาจงก็คงจะให้หาบูเชียงก๋งกลับไปช่วย ถ้าฝ่ายเราเห็นกองทัพบูเชียงก๋งรวนเรเข้าแล้วจงยกกองทัพใหญ่ทุ่มเทตีตามเข้าไปก็คงจะได้สมความปรารถนา กิมงึดตุดได้ฟังก็เห็นชอบ สั่งให้คุดงันลังกุนเป็นแม่ทัพคุมทหารที่กล้าแข็ง ห้าพันยกลัดทางข้ามแม่น้ำเหียบกัง ตรงไปตีเอาเมืองนิ่มอันอย่าให้ทันรู้ คุดงันลังกุนก็คำนับลามาจัดทหารพร้อมแล้วยกลัดทางข้ามแม่น้ำเหียบกังไป

ฝ่ายพระเจ้าซ้องเกาจงมีรับสั่งให้ชีนไคว่จัดเสบียงอาหารไปส่งกองทัพบูเชียงก๋ง ชีนไคว่จัดพร้อมแล้วให้เฮงจุ้นซึ่งเป็นขุนนางกังฉินพวกเดียวกันเป็นนายใหญ่คุมเสบียงไปส่งกองทัพ เฮงจุ้นออกจากเมืองนิ่มอัน เดินทางมาหลายวันพบกองทัพพวกฮวนยกมาเฮงจุ้นตกใจนัก คุดงันลังกุนขับม้าขึ้นหน้าทหารร้องถามว่า ผู้ใดคุมเสบียงจะมาเอาไปไหนจงเอามาให้เราเสียโดยตี เฮงจุ้นตอบว่าเราชื่อเฮงจุ้นเป็นขุนนางที่ถองสื่อ พระเจ้าซ้องเกาจงรับสั่งให้คุมเสบียงไปส่งบูเชียงก๋ง ตัวท่านนี้ชื่อไรมาแต่ไหน คุดงันลังกุนบอกว่าเราเป็นนายทหารเอกของกิมงึดตุดชื่อคุดงันลังกุน เจ้านายเราให้ยกกองทัพไปตีเมืองนิ่มอัน จับพระเจ้าซ้องเกาจงฆ่าเสียวันนี้ มาพบท่านซึ่งเป็นขุนนางแล้วก็จะฆ่าเอาฤกษ์เสียก่อน เฮงจุ้นได้ฟังก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น แข็งใจขับม้าเข้ารบกับคุดงันลังกุนได้สามสี่เพลงแล้วก็ขับม้าหนีจะกลับไปเมืองนิ่มอัน คุดงันลังกุนไล่ตามไป

ฝ่ายงูเกาซึ่งบูเชียงก๋งใช้ให้ไปเกณฑ์เสบียงตามหัวเมืองนั้นได้พร้อมแล้วก็กลับมา พอแลเห็นทหารฮวนไล่รบทหารเมืองหลวงมาก็หยุดยืนแลดู เฮงจุ้นกำลังตกใจหนีพวกฮวนมา เห็นงูเกาก็ร้องให้ช่วย งูเกาขับม้าออกสกัดหน้าถามว่าทหารฮวนพวกนี้มาแต่ไหน คุดงันลังกุนว่าเราเป็นทหารเอกของกิมงึดตุด ใช้ให้ยกกองทัพไปตีเมืองนิ่มอันจับคังอ๋องซึ่งเป็นซ้องเกาจงให้ได้ งูเกาได้ฟังก็โกรธขับม้าเข้ารบกับคุดงันลังกุนได้ประมาณยี่สิบเพลง คุดงันลังกุนทานกำลังงูเกาไม่ได้เสียที งูเกาเอากระบองตีถูกคุดงันลังกุนตกม้าตายแล้วเข้าไล่ฆ่าฟันทหารฮวนล้มตายลงเป็นอันมาก ที่เหลือตายนั้นก็แตกหนีกลับไปสิ้น งูเกาจึงถามเฮงจุ้นว่าท่านนี้ชื่อใดจะไปไหน เฮงจุ้นบอกว่าข้าพเจ้าชื่อเฮงจุ้น เป็นขุนนางที่ถองสื่ออยู่ในชีนไคว่ไจเสี่ยง พระเจ้าซ้องเกาจงรับสั่งให้คุมเสบียงอาหารไปส่งบูเชียงก๋ง ณ ตำบลจูเซียนติ้น ครั้นเดินมาถึงที่นี้พบกองทัพฮวนจะเข้าแย่งชิงเอาเสบียง ข้าพเจ้าสู้รบทานกำลังพวกฮวนไม่ได้ ถ้าแม้นท่านมาไม่ทันก็เห็นพวกฮวนมันจะฆ่าเสีย ซึ่งท่านช่วยชีวิตไว้ได้ครั้งนี้บุญคุณเป็นที่สุด ตัวท่านชื่อไรไปข้างไหนมา งูเกานึกว่าเฮงจุ้นนี้เป็นพวกชีนไคว่ขุนนางกังฉิน แต่ก่อนเราไม่รู้จึงได้ช่วยไว้ ถ้ารู้แล้วก็จะปล่อยให้พวกฮวนมันฆ่าเสียสมน้ำหน้า นึกดังนั้นแล้วจึงบอกว่าเราชื่องูเกา เป็นทหารของบูเชียงก๋งใช้ให้ไปเที่ยวเกณฑ์เสบียง บัดนี้มาพบท่านจะคุมเสบียงไปส่งบูเชียงก๋งก็ดีแล้ว เราจะฝากเสบียงอาหารกับศีรษะงัดลังกุนไปให้บูเชียงก๋งด้วย จะได้จดบัญชีความชอบไว้ ตัวเราจะไปเกณฑ์เสบียงอาหารตามหัวเมืองต่อไปอีก เฮงจุ้นจึงว่าท่านนี้มีฝีมือเข้มแข็งชื่อเสียงปรากฏมาช้านานแล้ว ข้าพเจ้าพึ่งรู้จัก ซึ่งเสบียงอาหารนั้นข้าพเจ้าจะรับคุมเอาไป แต่ศีรษะคุดงัดลังกุนนายทหารฮวนนี้ ขอให้เป็นความชอบแก่ข้าพเจ้าเถิด งูเกาว่าท่านขอเราก็จะให้แต่ต้องระวังให้ดี พูดแล้วก็มอบเสบียงอาหารกับศีรษะคุดงันลังกุนให้เฮงจุ้น งูเกากับเฮงจุ้นก็แยกทางกันไป เฮงจุ้นไปถึงค่ายบูเชียงก๋งก็ให้ทหารตั้งรักษาเสบียงอาหารไว้ แล้วเฮงจุ้นก็บอกนายทหารรักษาประตูให้ไปแจ้งแก่บูเชียงก๋ง ว่าตัวเราชื่อเฮงจุ้นมาแต่เมืองนิ่มอัน พระเจ้าซ้องเกาจงรับสั่งให้คุมเสบียงมาส่ง กองทัพทหารรักษาประตูเข้าไปบอกแก่บูเชียงก๋งให้หาตัวเฮงจุ้นเข้ามา เฮงจุ้นเข้าไปคำนับบูเชียงก๋งแล้วเล่าความว่าข้าพเจ้าคุมเสบียงมาถึงกลางทาง พบกองทัพฮวนยกสวนทางจะเข้าไปตีเมืองนิ่มอัน ข้าพเจ้าได้สู้รบกับพวกฮวนฆ่าคุดงันลังกุนแม่ทัพตาย ทหารฮวนก็แตกหนีไปสิ้น พูดแล้วก็เอาศีรษะคุดงันลังกุนออกให้บูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งได้ฟังความซึ่งเฮงจุ้นเล่าแต่ต้นจนปลายแล้วจึงคิดว่า เฮงจุ้นคนนี้หน้าตากลอกแกลกเป็นคนโกงพวกพ้องของชีนไคว่ ซึ่งว่าได้รบชนะฆ่าคุดงันลังกุนทหารเอกของกิมงึดตุดได้ด้วยฝีมือตัวเองนั้นเห็นยังกระไรอยู่ ครั้นจะไล่เลียงเอาความจริงก็ไม่มีผู้ใดเป็นโจทก์ จึงสั่งให้พนักงานจดบัญชีความชอบไว้ตามถ้อยคำเฮงจุ้นทุกประการ แล้วสั่งให้เฮงจุ้นเป็นนายคอยจ่ายเสบียงให้ทหารในกองทัพ เฮงจุ้นก็ลากลับไปที่อยู่

ฝ่ายเม่งปังเกียด เตียเหียน เตียหยง เตียลิบสี่นายซึ่งบูเชียงก๋งให้ไปฝึกหัดซักซ้อมทหารทวนทหารโล่ได้คล่องแคล่วชำนิชำนาญแล้วก็มาแจ้งแก่บูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งสั่งให้ เม่งปังเกียด เตียเหียน เตียลิบ เตียหยง พาทหารโล่ทหารทวนไปท้าชวนอ้วนมกกอเจ็ก อ้วนมกถอเชียะออกรบ ให้งักฮุน เตียเฮียน ฮอง่วนเคง เงียมเชงฮอง สี่นายคุมทหารไปเป็นกองคอยช่วย นายทหารทั้งแปดก็คำนับลามาจัดการพร้อมแล้วก็ยกไปถึงหน้าค่าย ร้องท้าทายชวนอ้วนมกกอเจ็ก อ้วนมกกอเชียะออกรบ นายทหารทั้งสองได้แจ้งก็มีความยินดีว่าทหารพวกบูเชียงก๋งนี้จะมาหาที่ตายอีกแล้ว ก็จัดทหารเตรียมม้ากระบวนเลียงฮวนกะเบ๊ ยกออกนอกค่ายร้องถามว่านายทหารของบูเชียงก๋งทั้งสี่นี้ชื่อไร จงบอกมาให้เราแจ้งก่อนจึงค่อยรบกัน นายทหารทั้งสี่ก็บอกว่าชื่อเม่งปังเกียดนายหนึ่ง เตียเหียนนายหนึ่ง เตียลิบนายหนึ่ง เตียหยงนายหนึ่ง เป็นทหารเอกของบูเชียงก๋ง จะมาเอาศีรษะท่านทั้งสองซึ่งเป็นนายทัพเลียงฮวนกะเบ๊ไปเซ่นศพพวกเราที่ตายแต่ก่อน อ้วนมกกอเจ็ก อ้วนมกกอเชียะได้ฟังก็โกรธขับม้าเข้ารบกับนายทหารทั้งสี่แล้วถอยล่อให้ไล่ไปเข้ากระบวนเลียงฮวนกะเบ๊ นายทหารทั้งสี่ก็พาทหารโล่ทหารทวนซึ่งฝึกหัดไว้นั้นไล่ตามไป อ้วนมกกอเชียะให้จุดประทัดสัญญาขึ้น ทหารฮวนซึ่งใส่เสื้อหนังอูฐ ถือทวนถือเกาทัณฑ์ขี่ม้ากระบวนเลียงฮวนกะเบ๊ก็ขับม้าออกเป็นตับ ๆ เข้าล้อม นายทหารทั้งสี่ไว้ นายทหารทั้งสี่ก็ขับทหารโล่และทหารทวนชื่อเกาเลียนเชียะ มีขอสำหรับชักเท้าม้าอยู่ที่ต้นทวนเข้ารบเป็นตะลุมบอน ทหารโล่ก็ลงนอนเกลือกกลิ้งเอาโล่บังตัวเข้าฟันเท้าม้า ทหารฮวนก็เอาทวนแทง เอาขอชักเท้าม้าขาดล้มลงตับละสามตัวสี่ตัว ม้าเหล่านั้นโซ่ร้อยติดกันอยู่ชักลากไปไม่ไหวเต้นเปล่าอยู่ก็เสียกระบวน งักฮุน เตียเฮียน ฮอง่วนเคง เงียมเชงฮอง ก็ขับทหารเข้าช่วยไล่ฆ่าฟันทหารพวกฮวนกระบวนม้าตายเกือบสิ้น อ้วนมกกอเจ็ก อ้วนมกกอเชียะเห็นเสียทีแล้วก็ขับม้าหนี นายทหารทั้งสี่ได้ชัยชนะแก่พวกฮวนกระบวนทัพม้าเลียงฮวนกะเบ๊แล้ว ก็เลิกทหารกลับไปค่ายแจ้งความแก่บูเชียงก๋งทุกประการ

ฝ่ายกิมงึดตุดให้ม้าใช้คอยสืบข่าวอ้วนมกกอเจ็ก อ้วนมกกอเชียะ ยกทัพออกสู้รบกับทหารบูเชียงก๋ง จะได้ชัยชนะหรือประการใด พอแลเห็นอ้วนมกกอเจ็ก อ้วนมกกอเชียะวิ่งหนีหน้าเริ่ดมาถึงค่าย กิมงึดตุดถามว่า ทหารบูเชียงก๋งตีหักกระบวนเลียงฮวนกะเบ๊แตกหรือ อ้วนมกถอเจ็ก อ้วนมกถอเชียะก็แจ้งความตามซึ่งได้สู้รบกับทหารบูเชียงก๋ง ที่จัดเป็นกระบวนโล่กระบวนทวน มีขอเกี่ยวเท้าม้าขาดเสียทีทหารบูเชียงก๋งฆ่าตายเสียทั้งสิ้น กิมงึดตุดได้ฟังก็เสียใจพูดว่ากระบวนม้าเลียงฮวนกะเบ๊นี้ได้ฝึกหัดมาหลายปีจนชำนิชำนาญดีแล้วไม่ควรเลยจะมาเสียทีแก่ข้าศึก คับมิชีเห็นกิมงึดตุดไม่สบายมีความโศกเศร้านัก จึงพูดว่าท่านอย่าเพิ่งเป็นทุกข์ไปก่อน คอยท่าปืนใหญ่ของเรามาถึงเมื่อไรแล้วก็คงจะได้ชัยชนะ กิมงึดตุดได้ฟังก็ค่อยคลายความทุกข์ลงสักหน่อย ตั้งหน้าคอยท่าปืนใหญ่อยู่ทุกวันทุกเวลา

ฝ่ายงูเกาไปเที่ยวเร่งเสบียงอาหารตามหัวเมืองได้พร้อมแล้วก็กลับมาถึงค่ายเข้าไปคำนับบูเชียงก๋ง ส่งบัญชีเสบียงอาหารซึ่งเกณฑ์ได้ตามหัวเมืองให้บูเชียงก๋งดู แล้วถามว่าข้าพเจ้าได้ฝากข้าวเสบียงกับศีรษะคุดงันลังกุน แม่ทัพฮวนซึ่งยกลอบจะเข้าไปดีเมืองนิ่มอันมากับเฮง จุ้นท่านได้จดหมายบัญชีความชอบให้กับข้าพเจ้าหรือไม่ บูเชียงก๋งว่า เฮงจุ้นเอาข้าวเสบียงมาส่งให้ครบแล้ว แต่ศีรษะคุดงันลังกุนนั้นเฮงจุ้นว่าได้รบมีชัยชนะฆ่าตายเอง เราก็ได้ให้เจ้าพนักงานจดหมายความชอบเฮงจุ้นไว้แล้ว ขณะนั้นเฮงจุ้นก็อยู่ด้วยในที่นั้น งูเกาจึงถามเฮงจุ้นว่าเหตุไฉนท่านจึงมาแย่งชิงเอาความชอบของเรา เฮงจุ้นตอบว่าเกิดมาเป็นคนแล้วก็ต้องมีความเมตตาเมื่อพวกฮวนไล่ท่านมานั้น เราก็ได้ช่วยชีวิตไว้ ท่านไม่รู้จักบุญยังจะมาแย่งเอาความชอบของเราไปอีก งูเกาได้ฟังก็มีความแค้นยิ่งนักจึงตอบว่า เราทั้งสองจะทุ่มเถียงกันนั้นเป็นความไกลตา จงมาสู้รบกันตัวต่อตัวให้ถึงแพ้และชนะ เมื่อเราสู้ท่านไม่ได้ก็จะยอมตาย เมื่อท่านสู้เราไม่ได้เราจะสับฟันให้ได้ร้อยท่อนพันท่อน เมื่อขณะทุ่มเถียงกันอยู่นั้นพวกทหารเลวหลายร้อยคนพากันเข้ามาร้องที่หน้าค่าย ว่าจะขอออกนอกราชการลากลับไปบ้าน บูเชียงก๋งแม่ทัพกับฮั่นซีตง เตียจุนเล่าขีนั่งพร้อมกันอยู่ได้ยินเสียงอื้ออึงที่หน้าค่าย ก็ใช้ให้นายทหารออกไปถามดูว่าเหตุผลเป็นประการใด ทหารไปถามได้ความแล้วกลับมาแจ้งแก่บูเชียงก๋งว่าทหารเหล่านั้นจะขอลาออกกลับไปบ้าน ฮั่นซีตงจึงพูดกับบูเชียงก๋งว่าท่านรักทหารเหมือนกับบุตรไม่ให้ขัดสนสิ่งใด เหตุไฉนจึงได้พากันมาร้องจะลาออกดังนี้ คงจะมีการขัดแค้นสักสิ่งหนึ่งเป็นแน่ บูเชียงก๋งได้ฟังก็สั่งให้หาทหารเหล่านั้นเข้ามาถามว่า พวกเจ้าชวนกันจะลาออกนอกราชการนั้นด้วยเหตุอันใด ทหารเหล่านั้นว่าซึ่งท่านมีเมตตาแก่พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ก็รู้บุญคุณอยู่ด้วยกันทุกคน เดิมเสบียงอาหารท่านจ่ายให้ก็พอกิน บัดนี้คนที่มาเป็นนายจ่ายข้าวเสบียงอยู่ใหม่นั้นจ่ายให้ไม่พอกิน ได้ความอิดโรยโหยหิวทุกตัวคน จึงเข้ามาร้องขอลากลับไปอยู่บ้านตามเดิม บูเชียงก๋งได้ฟังจึงถามเฮงจุ้นว่าท่านจ่ายข้าวเสบียงให้พวกทหารเกียดกันให้น้อยลงนั้นจะเอาข้าวไว้ ทำไมจึงไม่จ่ายให้ครบจำนวนเดิม เฮงจุ้นว่าเป็นพนักงานของตัวข้าพเจ้าก็จริง แต่ข้าพเจ้าไว้ธุระให้จีจือเหมงเป็นผู้จับจ่าย จีจือเหมงจะทำประการใดข้าพเจ้าไม่ทราบ บูเชียงก๋งว่าท่านเป็นเจ้าพนักงานใหญ่มาขัดเอาผู้น้อยนั้นไม่ถูก บูเชียงก๋งสั่งหาตัวจีจือเหมงเข้ามาถามว่าเหตุผลประการใดจึงจ่ายเสบียงให้ทหารไม่ครบตามจำนวนเดิม จีจือเหมงว่าเฮงจุ้นสั่งให้ข้าพเจ้าจ่ายลดให้น้อยลง ว่าเสบียงอาหารเป็นของสำคัญ นานไปข้างหน้ากลัวจะไม่พอจ่าย ข้าพเจ้าจึงได้ทำตามคำสั่ง บูเชียงก๋งได้ฟังก็โกรธนัก จึงว่าไม่ควรจะทำให้ทหารของเราได้รับความอดอยากเดือดร้อน สั่งให้ทหารเจ้าพนักงานฆ่าคนเอาตัวจีจือเหมงไปตัดศีรษะเสีย ให้เฮงจุ้นเอาข้าวเสบียงที่กันไว้นั้นมากน้อยเท่าใด ไปจ่ายเติมให้ทหารเหล่านั้นจนครบจำนวนทุกคน ทหารเหล่านั้นเห็นศีรษะจีจือเหมงผู้จ่ายเสบียง กับได้ฟังบูเชียงก๋งสั่งดังนั้นก็พากันสรรเสริญพูดว่า ข้าพเจ้าเหล่านี้จะขอทำราชการอยู่กับท่านกว่าจะหาชีวิตไม่ พูดแล้วก็พากันคำนับลากลับไป บูเชียงก๋งว่ากับเฮงจุ้นว่าตัวท่านนี้เป็นคนโกง งูเกาเขาได้ฆ่าคุดงันลังกุนตายช่วยชีวิตท่านไว้แล้วยังมาบอกว่าเป็นความชอบของตัว มีโทษผิดถึงสองข้อ ควรเราจะตัดศีรษะเสีย แต่คิดอยู่นิดหนึ่งว่าเป็นข้าหลวงของพระเจ้าซ้องเกาจงรับสั่งใช้ให้มา ครั้นจะยกโทษเสียทีเดียวก็ไม่ได้ สั่งให้ทหารเอาตัวเฮงจุ้นไปเฆี่ยนเสียสี่สิบที ทำหนังสือบอกส่งคืนตัวเฮงจุ้น ให้ทหารคุมเข้าไป ณ เมืองนิ่มอัน งูเกาจึงพูดว่าเฮงจุ้นนี้มันเป็นคนโกงโดยแท้ ถ้าจะเอาชีวิตไว้ก็คงจะพยาบาทคิดการประทุษร้ายแก่เราต่อไป ฆ่ามันเสียเถิดอย่าส่งไปเลย บูเชียงก๋งว่าเฮงจุ้นเป็นคนของชีนไคว่ ครั้นเราจะฆ่าเสียก็เป็นเราคิดอิจฉาชิงชังชีนไคว่จึงได้หาเหตุฆ่าเขาเสีย ที่คนไม่รู้ถ้อยความก็จะพลอยเห็นไปอย่างนั้น เราจึงได้อดใจงดโทษไว้

ฝ่ายทหารซึ่งคุมตัวเฮงจุ้นไปถึงเมืองหลวง ก็เอาหนังสือกับตัวเฮงจุ้นไปส่งให้ชีนไคว่ ชีนไคว่รับหนังสือฉีกผนึกออกอ่านแจ้งความซึ่งเฮงจุ้นกระทำผิดทุกประการแล้วก็มิได้โกรธเฮงจุ้น กลับคิดแค้นบูเชียงก๋งยิ่งนัก พูดกับเฮงจุ้นว่าเราจะตรึกตรองหาการแก้แค้นบูเชียงก๋งให้ได้ เฮงจุ้นได้ฟังก็ดีใจคำนับลาไปบ้าน

ฝ่ายกิมงึดตุดตั้งใจคอยปืนใหญ่ซึ่งจะส่งมาแต่เมืองไตกิมก๊กอยู่ทุกเวลา พอทหารเข้ามาบอกว่าปืนใหญ่เอามาถึงแล้ว กิมงึดตุดมีความยินดีให้เอาปืนใหญ่เข้าไปในค่าย สั่งให้ทหารจัดลูกดินไว้ให้พร้อมเวลา ค่ำวันนี้จะยิงทลายค่ายบูเชียงก๋งเสียให้ยับเยิน ถึงบูเชียงก๋งจะมีสติปัญญาสักเท่าใดก็คงจะไม่พ้นความตายด้วยอำนาจปืนใหญ่ ขุนนางนายทหารทั้งปวงได้ฟังกิมงึดตุดพูดสรรเสริญปืนใหญ่ดังนั้นก็มีความยินดีทุกตัวคน ขณะนั้นเล็กบุนเหลงอยู่ที่นั้นด้วยได้ฟังกิมงึดตุดจัดแจงการจะเอาปืนใหญ่ทลายค่ายบูเชียงก๋งก็ตกใจ กลับมาที่อยู่ให้หาอวงจอมาว่าเจ้าเมืองไตกิมก๊กให้ทหารคุมเอาปืนใหญ่มาให้กิมงึดตุด เวลาค่ำวันนี้กิมงึดตุดจะเอาปืนใหญ่ไปยิงค่ายบูเชียงก๋ง เราจะคิดประการใดดี อวงจอว่าบูเชียงก๋งเห็นจะยังไม่ทันรู้ตัว จำเราจะต้องช่วยคิดอ่านบอกให้บูเชียงก๋งรู้ เล็กบุนเหลงจึงว่าถ้ากระนั้นข้าพเจ้าจะเขียนหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปในค่ายบูเชียงก๋งบอกให้รู้เหตุผล เวลาพรุ่งนี้ข้าพเจ้ากับท่านพากันไปอยู่กับบูเชียงก๋งเสียเถิด อวงจอได้ฟังก็ดีใจว่าท่านจงเร่งจัดแจงโดยเร็ว เล็กบุนเหลงก็เข้ามาเขียนหนังสือแล้วผูกลูกเกาทัณฑ์ เดินออกไปนอกค่ายไม่ให้ผู้ใดรู้ ครั้นใกล้ค่ายบูเชียงก๋งก็ร้องบอกทหารที่นั่งกองหน้าค่ายว่าจงเอาหนังสือที่ผูกลูกเกาทัณฑ์นี้ไปให้บูเชียงก๋งดูให้รู้ความโดยเร็ว เล็กบุนเหลงก็ยิงเกาทัณฑ์ไปแล้วก็กลับมาค่าย ทหารนั่งกองของบูเชียงก๋งเห็นหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงมา ก็เก็บเอาเข้าไปให้บูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งคลี่ออกอ่านมีความว่าข้าพเจ้าเล็กบุนเหลงขอบอกมาให้ท่านทราบ ด้วยเจ้าเมืองไตกิมก๊กเอาปืนใหญ่กระบอกหนึ่งชื่อถิพูถอ เป็นของมีฤทธิ์เดชสำคัญ เวลาค่ำวันนี้จะยิงเข้าไปทลายค่ายท่าน ท่านจงหลีกเสียให้พ้นทางปืน บูเชียงก๋งได้แจ้งความในหนังสือก็ตกใจ สั่งให้ งักฮุน เตียเหียนคุมทหารไปซุ่มอยู่ที่แม่น้ำเซียวเซียงหอ ถ้าเห็นข้าศึกเอาปืนใหญ่ยิงแล้วพากันเลิกกลับไป เจ้าจงยกทหารเข้าไปตีชิงแย่งปืนใหญ่ เอาเหล็กตีอุดฉนวนเสียให้ได้แล้วกลิ้งทิ้งลงในน้ำ งักฮุน เตียเหียนรับคำสั่งแล้วก็คำนับลารีบคุมทหารไป บูเชียงก๋งให้เอากลองมาผูกแขวนไว้กับไม้ตีกลองเอาแพะมาผูกติดเข้าไว้ ให้แพะดิ้นกระทบไม้ตีกลองดังเสมออยู่ แสงไฟที่ในค่ายเคยตามอย่างไรก็ให้จุดไว้ให้สว่างอย่างนั้น ตัวบูเชียงก๋งกับนายทัพนายกอง และทหารเลวก็พากันออกจากค่ายไปตั้งอยู่ให้ไกลพ้นทางปืน

ฝ่ายกิมงึดตุด ครั้นเวลาค่ำดึกประมาณสองยามก็ลากปืนใหญ่ไปตั้งริมแม่น้ำเซียวเซียงหอตรงหน้าค่ายบูเชียงก๋งระยะทางประมาณสิบลิ้เศษ เห็นไฟในค่ายบูเชียงก๋งจุดสว่าง ได้ยินเสียงเกราะเสียงกลองเสมออยู่ก็เข้าใจว่าบูเชียงก๋งกำลังนอนหลับอยู่ในค่าย จึงสั่งให้ประจุปืนใหญ่ยิงขนาบไปหลายสิบนัด ค่ายและต้นไม้เหล่านั้นถูกปืนหักพังลงเป็นอันมาก บูเชียงก๋งและทหารทั้งปวงได้ฟังเสียงปืนใหญ่ก็สะทกสะท้านเป็นที่น่ากลัวด้วยไม่เคยพบ บูเชียงก๋งคุกเข่าลงคำนับเทพยดาซึ่งได้คุ้มครองรักษา เผอิญดลใจให้เล็กบุนเหลงมีหนังสือมาบอกให้รู้ความก่อน จึงได้คิดยักย้ายหนีทางปืนออกมาพ้น ถ้าหาไม่ทหารเจ็ดสิบหมื่นของเราก็จะพากันตายเสียนักหนา

ฝ่ายกิมงึดตุดให้ทหารยิงปืนไปหลายสิบนัดแล้ว เห็นค่ายบูเชียงก๋งหักพังไปเป็นอันมากก็คิดว่าบูเชียงก๋งเห็นจะถูกปืนตาย ทหารเหล่านั้นจะแตกหนีไปสิ้นแล้ว ก็มีความยินดีพากันเลิกกลับไปค่าย

ฝ่ายงักฮุน เตียเหียน ตั้งซุ่มอยู่ริมน้ำนั้น เห็นกิมงึดตุดกลับไปแล้วยังเหลืออยู่แต่ทหารที่กองรักษาปืน งักฮุน เตียเหียนก็คุมทหารเข้าไล่ฆ่าฟันทหารที่รักษาปืนล้มตายลงเป็นอันมาก หนีไปได้บ้าง งักฮุนเอาเหล็กอุดฉนวนตอกแน่นแล้วก็ลากปืนไปริมตลิ่งคัดกลิ้งทิ้งลงไปในแม่น้ำ ฝ่ายกิมงึดตุดกลับมาถึงค่ายก็สั่งทหารว่าเวลาพรุ่งนี้จะเลี้ยงโต๊ะเป็นการใหญ่ให้จัดกับข้าวของกินไว้ให้พร้อม สั่งแล้วก็เข้านอน

ฝ่ายเล็กบุนเหลงกับอวงจอ ครั้นเวลาจวนจะรุ่งก็รวบรวมทรัพย์สิ่งของไว้พร้อมเสร็จ พอสว่างขึ้นแล้วก็พาหญิงแม่นมออกจากค่าย กิมงึดตุดตรงไปค่ายบูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งรู้ว่าอวงจอพาเล็กบุนเหลงหนีมาก็ออกมาต้อนรับพาเข้าไปในค่าย พูดจาเกลี้ยกล่อมด้วยถ้อยคำเป็นอันดี เล็กบุนเหลงว่าเดิมข้าพเจ้าไม่รู้เลยว่ากิมงึดตุดเป็นศัตรูกับบิดามารดา ข้าพเจ้าได้ทราบแต่เมื่ออวงจอไปชักนิทานเขียนฉากเล่าให้ฟัง ข้าพเจ้ามีความแค้นยิ่งนัก คิดจะมาสามิภักดิ์อยู่ด้วยท่านก็ยังไม่มีช่องโอกาส จึงได้รอมาถึงวันนี้ ขอท่านได้เมตตาเลี้ยงข้าพเจ้าไว้เป็นทหาร จะได้คิดการแก้แค้นแทนคุณบิดามารดา บูเชียงก๋งว่าข้อนั้นอย่าวิตก แต่แม่นมของท่านนั้นเป็นหญิงไม่ควรจะอยู่ในกองทัพ เราจะจัดทหารให้ยี่สิบคนพาไปส่งเสียบ้านเดิม เล็กบุนเหลงก็คำนับลาไปที่อยู่

ฝ่ายกิมงึดตุด ครั้นเวลาเช้าตื่นนอนขึ้น ทหารเข้าไปบอกว่าอวงจอพาเล็กบุนเหลงกับแม่นมหนีไปค่ายบูเชียงก๋งแต่เช้ามืดแล้ว กิมงึดตุดได้ฟังก็มีความโกรธแค้นยิ่งนัก พูดว่าเราหลงเลี้ยงลูกเสือไว้ ครั้นเติบใหญ่ขึ้นมันก็กลับจะมากัดเอา พอทหารซึ่งรักษาปืนใหญ่ที่ริมฝั่งแม่น้ำเซียวเซียงหอแตกหนีงักฮุนเข้ามาบอกความว่า เมื่อท่านกลับมาแล้ว เวลาเกือบจะรุ่งทหารบูเชียงก๋งชื่องักฮุน เตียเหียนยกมาตีปล้นฆ่าพวกข้าพเจ้าตายเป็นอันมาก แล้วเอาเหล็กอุดฉนวนปืนลากกลิ้งทิ้งลงไปในแม่น้ำเสียแล้ว ที่ค่ายบูเชียงก๋งซึ่งถูกปืนใหญ่นั้น ทหารก็กลับมาทำซ่อมแซมขึ้นอยู่พรักพร้อมบริบูรณ์เหมือนแต่ก่อน กิมงึดตุดได้ฟังความสองเรื่องก็เสียใจหน้าสลดลงทันที พูดกับนายทหารทั้งปวงว่าบูเชียงก๋งนี้มีสติปัญญามากปลูกเลี้ยงทแกล้วทหารดีนัก จะใช้ผู้ใดก็ไม่คิดแก่ชีวิต ตัดแขนเสียข้างหนึ่งมาสามิภักดิ์อยู่เป็นไส้ศึกจนเราคิดไม่ถึง การซึ่งเชาเหลง เชาหยง พ่อลูกตายนั้น ก็เพราะอวงจอชักชวนยุยง เชาเหลงจึงได้ไปสามิภักดิ์อยู่กับบูเชียงก๋ง การซึ่งเราจะเอาปืนใหญ่ไปยิงค่ายบูเชียงก๋งนั้น ก็คงจะรู้เสียก่อนเพราะอวงจอเป็นไส้ศึก จึงได้คิดป้องกันหลบหลีกทางปืนใหญ่ได้ ซึ่งเราเสียปืนใหญ่ไปครั้งนี้น่าน้อยใจนัก ด้วยปืนใหญ่กระบอกนี้แต่เริ่มการคิดทำมาหลายปีเสียเงินทองก็นักหนา จึงได้สำเร็จ ชักลากเอามาหนทางก็ไกลป่วยการไพร่พลทหารเป็นอันมาก คิดว่าจะได้ยิงทลายค่ายตัดสติปัญญาบูเชียงก๋งให้ได้ชัยชนะก็ไม่สมปรารถนา เรามีความเสียดายนัก จะต้องให้ทหารไปเที่ยวดำน้ำค้นคว้าดูจะเอากลับคืนมาให้ได้หรือไม่ พูดแล้วก็สั่งให้จัดทหารประดาน้ำไปดำหาปืน ทหารไปหาพบปืนตกจมอยู่ในแม่น้ำลึกจะผูกถือชักลากขึ้นก็ไม่ได้ ด้วยอยู่ตรงหน้าค่ายข้าศึกทำการไม่ถนัด ก็กลับมาแจ้งความแก่กิมงึดตุด กิมงึดตุดจึงปรึกษากับคับมิชีว่า การซึ่งเราคิดตรึกตรองสร้างสมเครื่องศาสตราวุธมาแต่ก่อนก็หลายปี หัดม้ากระบวนเลียงฮวนกะเบ๊ไว้แล้ว สร้างปืนใหญ่หมายว่าเป็นของวิเศษ ครั้นเอามาใช้ข้าศึกก็ทำลายล้างเสียได้เป็นอันขัดสนจนปัญญาเสียแล้ว คับมิชีว่าท่านอย่าเพิ่งเป็นทุกข์เป็นร้อนวิตกไปนักเลย ข้าพเจ้าจะคิดตั้งกระบวนค่ายเรียกว่ากิมเหลงเกาปวยติ้น เป็นกระบวนวิเศษลึกซึ้งนัก จะล่อให้บูเชียงก๋งเข้ามาตีก็คงจะจับตัวได้ กิมงึดตุดว่าท่านจะคิดอย่างไรก็จงเร่งทำเสียโดยเร็วเถิด คับมิชีก็คำนับลามาจัดกระบวนตั้งค่ายซักซ้อมทหารรบให้เข้าเชิงกับกระบวนค่ายกล เป็นหลายวันก็ยังไม่พรักพร้อม จึงเข้าไปบอกแก่กิมงึดตุดว่า ขอท่านจงมีหนังสือไปถึงบูเชียงก๋งให้งดการรบไปสักเดือนหนึ่งจึงให้ยกมารบกัน กิมงึดตุดก็เขียนหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ให้ทหารไปยิงที่หน้าค่ายบูเชียงก๋ง ทหารหน้าค่ายเก็บได้เอาไปให้บูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งดูหนังสือแจ้งความแล้วก็เซียนสลักหลังลงว่า ให้กิมงึดตุดฝึกหัดทหารทำกลอุบายให้ชำนิชำนาญเถิด จะได้รบกันให้สนุกมือ เขียนแล้วก็ผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงกลับไปให้ทหารของกิมงึดตุด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ