๓๖

ฝ่ายงักฮุยพูดกับนายทหารว่า ฮอง่วนเคงคนนี้มีฝีมือเข้มแข็งนัก รบกับเรายังไม่ทันถึงแพ้ชนะก็ชวนเลิกกลับไปค่าย ดีร้ายค่ำวันนี้คงจะคิดมาปล้นค่ายเป็นมั่นคง งักฮุยก็สั่งให้ทหารขุดหลุมรายไว้ตามรอบค่ายข้างในแเล้วสั่งว่าถ้าฮอง่วนเคงยกเข้ามาปล้นค่ายเราตกหลุมลงแล้ว จงช่วยกันจับให้ได้ สั่งให้งูเกากับตังเซียนคุมทหารไปตั้งสกัดอยู่ที่ต้นทาง

ฝ่ายฮอง่วนเคง ครั้นค่ำเวลาดึกประมาณสามยามก็คุมทหารยกมาถึงค่ายงักฮุย เห็นในค่ายเงียบสงัดแสงไฟและตะเกียงก็รุบรู่ไม่สว่าง จึงพูดกับทหารทั้งปวงว่า ถ้าแต่ก่อนเรารู้ว่างักฮุยมีความประมาทไม่ระวังรักษาค่ายดังนี้ ก็ได้ชัยชนะเสียนานแล้ว ฮอง่วนเคงก็ขับทหารพังประตูค่ายเข้าไปได้ก็ดีใจ ม้าที่ฮอง่วนเคงขี่เหยียบหลุมถลำตกลงไป ทหารงักฮุยซึ่งคุมอยู่นั้นก็พากันโห่ร้องอื้ออึงขึ้นตรูกันเข้าจับตัวฮอง่วนเคงมัดไว้

ฝ่ายงูเกา ตังเซียนเห็นทหารฮอง่วนเคงแตกหนีมาก็ออกสกัดด้านหน้าไว้ งูเการ้องตวาดด้วยเสียงอันดังว่า อ้ายพวกโจรป่ามึงจะหนีไปไหน ทหารฮอง่วนเคงบอกว่านายข้าพเจ้านั้นทหารงักฮุยจับตัวไว้ได้แล้วขอท่านจงปล่อยให้ข้าพเจ้าไปเถิด งูเกาว่าตัวจะไปก็ตามเถิด แต่ศีรษะเรานั้นไม่ยอมให้ท่านไป ทหารฮอง่วนเคงเห็นงูเกาพูดหาญฮึกก็ตกใจกลัวเข้ายอมสามิภักดิ์กับงูเกาทั้งสิ้น

ฝ่ายงักฮุยจับตัวฮอง่วนเคงได้แล้วก็มีความยินดี ครั้นเวลารุ่งเช้างักฮุยออกนั่งที่ว่าราชการ ให้ทหารพาตัวฮอง่วนเคงเข้ามา ฮอง่วนเคงเข้ามาถึงก็ไม่อ่อนน้อมยืนทำหน้าบึ้ง งักฮุยเห็นก็หัวเราะสั่งให้ทหารแก้มัดออกแล้ว พูดว่าเราได้เกลี้ยกล่อมแต่โดยดี ท่านก็ไม่เห็นด้วยกลับพูดจาอวดอ้างมากมายไป บัดนี้เราจับตัวท่านได้แล้วจะคิดประการใด ฮอง่วนเคงจึงร้องบอกไปว่าจับตัวเรามาได้แล้วก็ตัดศีรษะเสียเถิดอย่าพูดมากไปเลย งักฮุยว่าเราจับท่านได้ครั้งนี้ก็เพราะท่านแพ้สติปัญญา เราจะให้ทำราชการอยู่ด้วยท่านก็ไม่ยอมบัดนี้จะปล่อยให้ท่านไปแล้วกลับมารบกับเราให้เต็มกำลังจนถึงแพ้ชนะโดยดี แล้วสั่งให้ทหารเอาม้าของฮอง่วนเคงมาให้ขี่ปล่อยตัวไป ฮอง่วนเคงกลับมาถึงค่ายก็คิดโกรธแค้นงักฮุยยิ่งนัก จัดทหารเตรียมไว้จะแก้แค้นงักฮุยให้จงได้

ฝ่ายงักฮุยครั้นปล่อยตัวฮอง่วนเคงไปแล้วจึงถามเตียหยงว่าเจ้าอยู่ที่ตำบลนี้มาช้านาน เขาชีงอซัวนี้ทางอื่นที่จะไปหลังเขาได้นั้นมีบ้างหรือไม่ เตียหยงว่าทางที่จะไปหลังเขามีอยู่อีกทางหนึ่ง แต่เดินลำบากนักด้วยมีลำธารตลอดไป งักฮุยได้ฟังก็ยินดี สั่งให้เตียหยง เตียเหียน เอียวจิ้น เกียจุ่น เฮงซิน เฮงหงี คุมทหารเดินเท้าสามพันมีห่อทรายไปให้ทั่วกันทุกคน ให้ทำคบไฟไปให้มาก ครั้นถึงลำธารแล้วให้เอาทรายถมลำธาร จะได้เดินไปมาสะดวก กำหนดไปให้ถึงค่ายฮอง่วนเคงดึกประมาณสามยาม ให้เอาไฟเผาค่ายเสียให้ได้ นายทหารทั้งหกก็คำนับลาคุมทหารไปแล้ว งักฮุยเขียนหนังสือสองฉบับมอบให้เอียโฮ้วกับง่วนเหลียงฉบับหนึ่ง ให้กวนเม่งซิว กวนเม่งตัดฉบับหนึ่ง สั่งว่าท่านสี่นายนี้ไปยังค่ายฮอง่วนเคง ถึงแล้วเปิดหนังสือสองฉบับออกดูให้ทำการตามหนังสือเรา ทหารสี่นายก็คำนับลาไป งักฮุยเตียมทหารไว้พร้อม พอทหารหน้าค่ายเข้ามาแจ้งกับงักฮุยว่าฮอง่วนเคงคุมทหารมาตั้งคอยจะรบกับท่าน งักฮุยก็คุมทหารออกไปร้องบอกว่า ท่านกับเราเวลาวันนี้จะได้เห็นฝีมือกัน งักฮุยก็ขับม้าเข้ารบกับฮอง่วนเคงเป็นสามารถจนถึงเวลาเย็นจวนค่ำก็ไม่แพ้ชนะกัน งักฮุยจึงพูดกับฮอง่วนเคงว่าเวลานี้ก็พลบค่ำแล้ว จะหยุดไว้สู้รบกันใหม่ต่อพรุ่งนี้หรือ หรือจะรบกันอีกจะให้ทหารจุดคบเพลิงขึ้นให้สว่าง ฮอง่วนเคงว่าท่านอย่านึกเลยว่าเราจะย่อท้อต่อท่าน จะรบกันไปให้ได้สามวันสามคืน งักฮุยสั่งทหารจุดคบเพลิงขึ้นสว่าง งักฮุยกับฮอง่วนเคงก็เข้ารบขับเคี่ยวกันไป

ฝ่ายเตียหยงคุมทหารไปลำธารซอกเขาก็ให้ทหารเอาห่อทรายถมลำธารเดินไปได้ ครั้นถึงค่ายฮอง่วนเคงเวลาดึกประมาณสองยามก็ให้ทหารเอาคบเพลิงจุดเผาค่ายไหม้ขึ้น ทหารฮอง่วนเคงซึ่งรักษาค่ายอยู่นั้นเห็นข้าศึกเอาไฟเผาค่ายไหม้ขึ้น ก็ตกใจพากันหนีแตกตื่นวุ่นวาย งักฮุยเห็นแสงเพลิงสว่างขึ้นที่ตรงค่ายฮอง่วนเคง ก็ทำเป็นตกใจบอกกับฮอง่วนเคงว่าอย่าสู้รบกันเลยจงรีบไปดับเพลิงที่ไหม้ค่ายของท่านเสียเถิด ฮอง่วนเคงเห็นแสงเพลิงก็ตกใจ ขับม้าหนีจะรีบไปดับเพลิงที่ไหม้ค่าย ทหารงักฮุยก็ขับม้ากั้นเข้าล้อมไว้ งักฮุยจึงร้องไปว่าทหารทั้งปวงอย่าวุ่นวายล้อมฮอง่วนเคงไว้เลย ปล่อยให้เขารีบไปดับเพลิงเถิด ทหารที่ล้อมก็เปิดทางให้ฮอง่วนเคงไป ฮอง่วนเคงไปถึงค่าย ทหารที่รักษาค่ายบอกว่า เตียหยงลอบเข้ามาจุดไฟไหม้ค่ายเสียสิ้นแล้ว ฮอง่วนเคงได้ฟังก็ทอดใจใหญ่ นึกว่าครั้งนี้เห็นเราจะอับจนเสียจริง จำจะหนีเอาตัวรอดไปเมืองยือหนำ รวบรวมทหารคิดมาทำการแก้แค้นงักฮุยอีกต่อไป

ฝ่ายเอียโฮ้ว ง่วนเหลียง กวนเม่งซิว กวนเม่งตัด เปิดผนึกหนังสือซึ่งงักฮุยให้มาดูแจ้งความแล้ว เอียโฮ้ว ง่วนเหลียง ก็รีบไปรื้อสะพานซึ่งฮอง่วนเคงจะข้ามแม่น้ำนั้นเสีย ลงเรือคอยท่าอยู่ริมฝั่งน้ำ กวนเม่งซิว กวนเม่งตัดแปลงตัวนุ่งห่มเป็นคนจนลงเรือน้อยตกเบ็ดหาปลาอยู่ตามชายฝั่ง

ฝ่ายฮอง่วนเคงหนีไปถึงสะพานจะข้ามแม่น้ำ เห็นสะพานรื้อเสียแล้วข้ามฟากไปไม่ได้ก็ตกใจ เอียโฮ้ว ง่วนเหลียงจึงร้องมาว่า ฮอง่วนเคงอย่าตกใจเลยจงมาลงเรือโดยเร็วเถิดจะข้ามส่ง ฮอง่วนเคงเห็นเอียโฮ้ว ง่วนเหลียงก็จำได้ว่าเป็นทหารของงักฮุยก็รีบหนีไปตามชายตลิ่ง ครั้นไปถึงแม่น้ำแปะเหลงกังเห็นเรือตกเบ็ดอยู่สองลำ จึงให้ทหารร้องเรียกเข้ามาขอโดยสาร กวนเม่งซิว กวนเม่งตัดร้องตอบมาว่าถ้าจะโดยสารข้ามฟากไปก็ได้แต่ตัวนายผู้เดียว ซึ่งจะให้บ่าวไพร่ไปด้วยนั้นไม่ได้ด้วยเรือเล็กนัก ว่าแล้วก็วาดเรือแวะเข้ามารับฮอง่วนเคงลงในเรือไปแต่ผู้เดียว ครั้นไปถึงกลางน้ำ กวนเม่งซิวจึงว่าเรือข้าพเจ้าเพียบนักกลางน้ำมีคลื่นจะข้ามไปไม่ตลอดกลัวจะล่มลง ท่านจงเอาอาวุธของท่านใส่เรือน้อยของเพื่อนข้าพเจ้าไปเถิด ว่าแล้วก็เรียกเรือกวนเม่งตัดเข้ามารับอาวุธลงเรือได้แล้วก็พายห่างออกไป กวนเม่งซิวจึงพูดขึ้นว่าตัวข้าพเจ้านี้ชื่อกวนเม่งซิว งักฮุยให้มาคอยอยู่ที่นี่ ฮอง่วนเคงได้ฟังก็ตกใจ ครั้นจะเข้าสู้รบก็ไม่มีอาวุธจึงโจนน้ำลงจะหนีไป กวนเม่งซิวฉวยได้เชือกแล้วก็โดดน้ำตามจับฮอง่วนเคงได้มัดเอาขึ้นเรือพาไปส่งให้งักฮุย งักฮุยจึงให้แก้มัดฮอง่วนเคงออกแล้วพูดว่า บัดนี้เราก็จับตัวได้อีกครั้งหนึ่งจะคิดประการใด ฮอง่วนเคงว่า ข้าพเจ้ามิได้แพ้ฝีมือของท่าน ท่านจับได้ด้วยอุบายดังนี้ข้าพเจ้าไม่นับถือ ท่านจงฆ่าข้าพเจ้าเสียโดยเร็วเถิด งักฮุยได้ฟังก็หัวเราะให้ทหารเอาอาวุธมาคืนให้ฮอง่วนเคง แล้วว่าท่านจงไปเถิดเราจะตามไปรบกับท่านอีก ฮอง่วนเคงก็ขึ้นขี่ม้าถืออาวุธไป นายทหารทั้งปวงเห็นงักฮุยปล่อยฮอง่วนเคงไปอีกจึงว่ากับงักฮุย ว่าเหตุใดท่านจึงปล่อยฮอง่วนเคงไปเสียถึงสองครั้งดังนี้จะเอาผลประโยชน์อันใด งักฮุยว่า เมื่อครั้งแผ่นดินสามก๊ก ขงเบ้งทำศึกกับเบ้งเฮกจับเบ้งเฮกได้ปล่อยไปถึงเจ็ดครั้งก็เพราะขงเบ้งเห็นว่าเบ้งเฮกเป็นคนมีฝีมือ จะเอาไว้ให้ว่ากล่าวคนพวกเบ้งเฮกเหล่านั้นให้อยู่ในอำนาจกลัวเกรงมาขึ้นกับเมืองเสฉวน ซึ่งเราปล่อยฮอง่วนเคงไปนี้ ก็เพราะเห็นว่ามีฝีมือเข้มแข็ง อยากจะใคร่ได้ไว้เป็นทหารสู้รบกับกิมงึดตุด ครั้นจะหักหาญเอาตัวไว้ ฮอง่วนเคงก็จะไม่สมัครด้วยยังถือทิฐิมานะอยู่ เราจะทำทรมานให้ฮอง่วนเคงสิ้นมานะกลัวเกรงนับถือเราจงได้ ท่านอย่าวิตก ด้วยจะจับตัวฮองวนเคงนั้นไม่สู้ยากนัก พูดแล้วงักฮุยเรียกงูเกา ทึงฮวยเข้ามากระซิบบอกอุบายให้ งูเกา ทึงฮวยแจ้งแล้วก็คำนับลาไปเตรียมการไว้พร้อม

ฝ่ายฮอง่วนเคงขี่ม้าเดินทางจะไปเมืองยือหนำให้มีใจคิดแค้นงักฮุยยิ่งนัก ว่าถ้าชีวิตไม่ตายเสียก็จะไปซ่องสุมทแกล้วทหารกลับมาทำศึกกับงักฮุยต่อไปอีก ครั้นเดินทางมาถึงแม่น้ำซึ่งจะข้ามไปเมืองยือหนำ ฮอง่วนเคงหยุดนั่งคอยโดยสารเรืออยู่ที่ริมฝั่ง ไม่เห็นมีเรือผู้ใดไปมาจนเวลาเย็น

ฝ่ายทึงฮวยเห็นเวลาจวนค่ำแล้วก็ล่องเรือลงมาแวะเข้าพูดกับฮอง่วนเคงว่า งักฮุยมีความวิตกถึงท่านกลัวว่าจะข้ามฟากไปไม่ได้ จึงให้ข้าพเจ้าเอาเรือลงมาคอยส่งท่านข้าม ฮอง่วนเคงได้ฟังก็นิ่งตรึกตรองอยู่ พองูเกาคุมเกวียนมาถึงก็เข้าไปหาฮอง่วนเคง บอกว่างักฮุยนายข้าพเจ้าจัดโต๊ะให้มาคอยเลี้ยงท่าน ด้วยเห็นว่าท่านสู้รบเห็นจะเหนื่อยมามาก จะได้เสพสุรากินอาหารให้สบาย ฮอง่วนเคงได้ฟังดังนั้นจึงมาคิดตรึกตรองว่า งักฮุยเป็นคนผู้มีสติปัญญาโดยแท้ ใจก็หนักแน่นไม่คิดโกรธตอบต่อเราผู้เป็นข้าศึกเลย ซึ่งเราจะมาผูกใจเจ็บแค้นโกรธงักฮุยแต่ฝ่ายเดียวนั้นไม่ควรจะเป็นที่ติเตียนแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จำจะเข้ายอมสามิภักดิ์อยู่ด้วยงักฮุยเสียเถิด คิดแล้วจึงพูดกับทึงฮวย งูเกาว่า ซึ่งงักฮุยนายท่านให้เอาเรือมาคอยข้ามส่งและเอาสุรามาคอยให้เรากินนั้น ก็เป็นการสำแดงความโอบอ้อมอารีไม่มีใจพยาบาทอาฆาตต่อเราผู้เป็นข้าศึก ครั้นเราจะดื้อดึงถือทิฐิมานะไปก็เป็นที่อัปยศแก่ผีสางเจ้านายและมนุษย์ทั้งหลาย ตัวเราสิ้นทิฐิมานะแล้วจะขอยอมทำราชการอยู่กับงักฮุยนายท่าน ท่านจงช่วยพาเราไปหางักฮุยด้วยเถิด งูเกา ทึงฮวยเห็นฮอง่วนเคงสิ้นทิฐิอ่อนน้อมยอมสามิภักดิ์สมความคิดก็มีความยินดี ออกมาต้อนรับจูงมือฮอง่วนเคงเข้าไปในที่ว่าราชการ ฮอง่วนเคงคุกเข่าลงคำนับแล้วพูดว่า ซึ่งข้าพเจ้าได้พูดจาหมิ่นประมาทสู้รบท่านนั้นก็มีโทษใหญ่ ขอท่านจงให้อภัยเสียเถิด ข้าพเจ้าจะทำราชการอยู่ด้วยท่าน มิได้คิดเป็นใจหนึ่งใจสองเหมือนแต่ก่อนแล้ว เมื่อจะใช้ให้ข้าพเจ้าสู้รบกับข้าศึกที่แหงใดตำบลใด ก็จะเอาชีวิตเป็นแดนแทนคุณท่าน งักฮุยว่าเราไม่ถือโทษท่านดอก ซึ่งเราจะคิดอุบายล่อลวงก็เพราะอยากได้ท่านมาเป็นนายทหารช่วยกันทำศึกปราบพวกฮวน ซึ่งประทุษร้ายต่อพระเจ้าแผ่นดิน ท่านกับเราอย่ามีความรังเกียจเลยจงรักใคร่กันให้เหมือนพี่เหมือนน้องเถิด งักฮุยจึงยกกองทัพถอยมาตั้งอยู่เมืองชาเลงก๋วน พอมีหนังสือรับสั่งพระเจ้าซ้องเกาจงให้ข้าหลวงถือมาให้งักฮุย ไปปราบโจรที่ตำบลแม่น้ำทองเทงโอ๋แขวงเมืองฮ่อหนำ งักฮุยได้แจ้งหนังสือรับสั่งแล้วก็ยกกองทัพไปตั้งอยู่เมืองตันจิว

ฝ่ายกิมงึดตุดให้คนไปสืบราชการแจ้งความว่า พระเจ้าซ้องเกาจงให้งักฮุยไปตั้งปราบโจรอยู่ที่เมืองตันจิว จึงปรึกษากับคับมิชีว่าบัดนี้งักฮุยซึ่งเป็นที่กีดขวางกองทัพเราก็ไปปราบโจรอยู่เมืองตันจิว เราเห็นการเป็นที่ควรจะยกตีเมืองกิมเหลงในขณะนี้ ท่านจะเห็นประการใด คับมิชีว่าท่านคิดดังนี้ชอบแล้ว ข้าพเจ้ามีอุบายอย่างหนึ่งเห็นว่าจะได้เมืองกิมเหลงลงโดยง่าย ขอท่านจงจัดกองทัพยกแยกกันไปทางเมืองโอก๊วงพวกหนึ่ง ทางเมืองซัวกังพวกหนึ่ง ทางเมืองกังไสพวกหนึ่ง ทางเมืองซัวไซพวกหนึ่ง ด้วยหัวเมืองเหล่านั้นเป็นเมืองใหญ่มีทแกล้วทหารมาก โดยถึงว่างักฮุยจะรู้ว่าเราไปตีเมืองกิมเหลง จะมากะเกณฑ์เอาทหารเมืองใหญ่ทั้งสี่นั้นมาช่วยเมืองกิมเหลงก็จะไม่ได้ ด้วยหัวเมืองเหล่านั้นต้องระวังรักษาบ้านเมืองครอบครัวอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ท่านจงเร่งยกกองทัพเรือรีบเข้าไปตีเอาเมืองกิมเหลง ก็คงจะได้สำเร็จความปรารถนา กิมงึดตุดได้ฟังก็เห็นชอบด้วยจึงสั่งให้เนียมฮั่น คุมทหารสิบหมื่นไปตั้งอยู่เมืองโอก๊วง ให้ลาฮั่นคุมทหารสิบหมื่นไปตั้งอยู่เมืองซัวกั๋ง ให้ทูหลันคุมทหารสิบหมื่นไปตั้งอยู่เมืองซัวไซ ให้คับหลีคุมทหารสิบหมื่นไปตั้งอยู่เมืองกังไซ ตัวกิมงึดตุดคุมทหารยี่สิบหมื่นยกไปตีเมืองกิมเหลง จัดทหารกองทัพพร้อมแล้วก็ออกเดินทัพยกแยกกันไป

ฝ่ายจงเล่าซิวขุนนางผู้ใหญ่ในพระเจ้าซ้องเกาจงได้แจ้งว่ากิมงึดตุดยกกองทัพมาตีเมืองกิมเหลง และยกไปตีหัวเมืองรายทางหลายตำบลก็ตกใจ เข้าไปกราบทูลพระเจ้าซ้องเกาจงโดยซึ่งได้ข่าวศึกทุกประการ พระเจ้าซ้องเกาจงตรัสว่า งักฮุยก็ไปตั้งปราบโจรอยู่ที่เมืองทันจิวระยะทางก็ไกล ท่านจะได้ผู้ใดไปสู้รบต้านทานกับข้าศึก จงเล่าซิวจึงว่า กิมงึดตุดยกมาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เมืองกิมเหลงนี้ทแกล้วทหารก็เบาบาง ข้าวเสบียงก็ขัดสนเห็นจะสู้รบข้าศึกรักษาเมืองไว้ไม่ได้ ขอเชิญพระองค์เสด็จไปอยู่เมืองเปียนเหลียงเถิด พระเจ้าซ้องเกาจงตรัสว่า เมืองเปียนเหลียงชะตาสาบสูญแล้ว จะให้ไปอยู่อีกนั้นเราไม่เห็นด้วย จงเล่าซิวเห็นพระเจ้าซ้องเกาจงไม่เชื่อถ้อยคำจริงแล้ว ก็มีความโทมนัสคิดวิตกด้วยไม่เห็นผู้ใดที่จะรักษาเมืองกิมเหลงไว้ได้ให้อัดอั้นตันอกโรคบังเกิดรากโลหิตออกมาขาดใจตาย

ฝ่ายกิมงึดตุดยกกองทัพมาถึงแม่น้ำที่จะข้ามฟากไปเมืองกิมเหลง ก็หยุดกองทัพตั้งอยู่ริมฝั่งให้ทหารเที่ยวจัดหาเรือที่จะข้ามฟาก

ฝ่ายม้าใช้ชาวด่านเห็นกองทัพกิมงึดตุดตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ก็เอาความไปแจ้งแก่เชาชองผู้รักษาด่าน เชาชองคิดตรึกตรองว่ากิมงึดตุดยกกองทัพออกมาครั้งนี้แยกกันมาเป็นหลายทาง ทหารเมืองหลวงก็ไม่เห็นมีผู้ใดที่จะสู้รบต้านทานได้ ประการหนึ่งพระเจ้าซ้องเกาจงพระทัยก็โง่เขลา เห็นจะรักษาเมืองไว้ไม่ได้ เรารักษาด่านอยู่นี้โดยจะขัดขืนสู้รบก็คงจะเป็นอันตรายตายเสียเปล่าจำจะเข้าอ่อนน้อมสามิภักดิ์กับกิมงึดตุดเสียดีกว่า กิมงึดตุดคนนี้ข่าวก็เล่าลืออยู่ว่า ถ้าผู้ใดอ่อนน้อมโดยดีแล้วก็ชุบเลี้ยงตั้งแต่งให้มียศฐาศักดิ์ เชาชองคิดดังนั้นแล้วก็พาพวกพ้องเข้าสามิภักดิ์อยู่กับกิมงึดตุด กิมงึดตุดตั้งให้เป็นนายทหารสำหรับนำกองทัพ กิมงึดตุดจัดเรือส่งทหารข้ามฟากถึงฝั่งพร้อมกันแล้วก็ให้เชาชองนำทหารตรงไปถึงเมืองกิมเหลง

ฝ่ายโตกิดบุตรเชาชอง เป็นขุนนางนายทหารรักษาประตู เห็นเชาชองผู้บิดานำกองทัพกิมงึดตุดเข้ามาถึงเชิงกำแพงก็เปิดประตูเมืองรับ กิมงึดตุดก็ขับทหารเข้าไปในเมืองได้

ฝ่ายพระเจ้าซ้องเกาจงเสด็จประทับอยู่ที่เก๋งกับนางออเฮียนกำลังตรัสสัพยอกหยอกเอินชมเชยกันอยู่ พอได้ยินเสียงคนอื้ออึงก็รับสั่งให้ขันทีออกมาดู ขันทีกลับเข้าไปทูลว่า กิมงึดตุดคุมทหารเข้าเมืองได้มาถึงประตูพระราชวังแล้ว พระเจ้าซ้องเกาจงตกพระทัยเสด็จวิ่งมาโดยด่วน สั่งให้กรมม้าผูกม้าเทียมรถหนีออกทางประตูหลังวัง มีขุนนางคนสนิทหกคนตามเสด็จไปด้วย กิมงึดตุดคุมทหารเข้าไปในวังเที่ยวค้นหาพระเจ้าซ้องเกาจงก็ไม่พบ นางออเฮียนเห็นกิมงึดตุดคุมทหารเข้ามาถึงในตำหนักก็ออกมาคุกเข่าลงคำนับ แล้วว่าท่านมาช้าไปเสียหน่อยหนึ่ง พระเจ้าซ้องเกาจงจึงหนีไปเสียได้ก่อนหาไม่ก็จะจับตัวได้โดยง่าย กิมงึดตุดถามว่าเจ้านี้เป็นใคร นางออเฮียนบอกว่า ข้าพเจ้าชื่อออเฮียนเป็นบุตรเลี้ยงเตียปังเชียง เตียปังเชียงถวายได้เป็นสนมเอกของพระเจ้าซ้องเกาจง กิมงึดตุดจึงว่าอีคนนี้เป็นถึงพระสนมเอก ไม่มีความกตัญญูต่อเจ้าเอาไว้ไม่ได้ ก็เอาง้าวที่ถือฟันนางออเฮียนตัวขาดสองท่อนตาย แล้วกิมงึดตุดจัดให้นายทหารที่มีสติปัญญาอยู่รักษาเมืองกิมเหลง ตัวกิมงึดตุดก็คุมทหารตามพระเจ้าซ้องเกาจงไป พระเจ้าซ้องเกาจงกับขุนนางหกคนหนีไปถึงเมืองโฮเอียมกุ้ย เล่ากิมผู้รักษาเมืองออกมารับเสด็จเข้าไปในเมือง แล้วเฮงเอี๋ยนถามเล่ากิมว่าจะไปเมืองนิ่มอันนั้นทางไกลหรือใกล้ เล่ากิมว่าจะไปก็ไม่สู้ไกลนัก แต่ทางนั้นกองทัพฮวนมาตั้งสกัดอยู่ที่เมืองทีทังกุ้ย ผู้รักษาเมืองทีทังกุ้ยนั้นก็ทิ้งเมืองหนีไปเสียแล้ว ซึ่งจะเสด็จไปเมืองนิ่มอันนั้นเห็นจะไม่ได้ ขอเชิญพักอยู่ที่เมืองนี้ก่อนเถิด เฮงเอี๋ยนว่าเมืองท่านเป็นเมืองน้อยทแกล้วทหารก็เบาบาง ถ้ากิมงึดตุดยกตามมาจะต้านทานสู้รบได้หรือ เล่ากิมว่าเป็นเมืองน้อยก็จริงแต่มีผู้มีฝีมือเข้มแข็งอยู่คนหนึ่งชื่ออูเอียนเจ็กพอจะสู้รบต้านทานข้าศึกได้ เล่ากิมก็ให้หาตัวอูเอียนเจ็กเข้ามาเฝ้า ขณะนั้นพอม้าใช้คอยเหตุมาแจ้งว่ากิมงึดตุดยกกองทัพมาถึงแล้ว พระเจ้าซ้องเกาจงก็ตกพระทัย อูเอียนเจ็กทูลว่าขอพระองค์อย่าเพิ่งวุ่นวายไปข้าพเจ้าจะขออาสาออกไปสู้รบฟังดูกำลังข้าศึกก่อน ถ้าข้าพเจ้าเสียทีจึงค่อยหนีต่อไป อูเอียนเจ็กทูลดังนั้นแล้วก็ขึ้นม้าออกไปรบกับโตชองนายทหารกองหน้ากิมงึดตุด โตชองทานกำลังอูเอียนเจ็กไม่ได้เสียที อูเอียนเจ็กเอาง้าวฟันถูกโตชองตกม้าตาย กิมงึดตุดเห็นก็โกรธจึงเร่งขับทหารเข้าประดาล้อมอูเอียนเจ็กไว้ แล้วร้องพูดกับผู้รักษาเมืองว่าให้เร่งส่งพระเจ้าซ้องเกาจงมาโดยเร็ว ถ้าขัดแข็งอยู่ก็จะฆ่าเสียให้สิ้นทั้งเมือง พระเจ้าซ้องเกาจงเสด็จอยู่บนเชิงเทินหอรบแอบดูอูเอียนเจ็กรบกับทหารกิมงึดตุดได้ยินกิมงึดตุดร้องประกาศมาดังนั้นก็ตกพระทัยกลัวจนพระองค์สั่น กิมงึดตุดขับม้าเข้ารบกับอูเอียนเจ็กได้ประมาณห้าสิบเพลง อูเอียนเจ็กเสียที กิมงึดตุดแทงด้วยทวนถูกอูเอียนเจ็กตกม้าตาย พระเจ้าซ้องเกาจงเห็นอูเอียนเจ็กตายแล้ว ก็เสด็จลงจากเชิงเทินพาขุนนางหกคนเปิดประตูหลังเมืองหนีไปเมืองโอก๊วง กิมงึดตุดขับทหารตีเข้าเมืองได้ แจ้งว่าพระเจ้าซ้องเกาจงกับขุนนางหกคนหนีไปทางทิศเหนือก็รีบคุมทหารยกตามไป พระเจ้าซ้องเกาจงหนีไปถึงแม่น้ำไฮถงเห็นกองทัพกิมงึดตุดยกไล่กระชั้นมาก็ตกพระทัย ตรัสแก่ขุนนางทั้งหกว่า ข้างหน้าแม่น้ำขวางอยู่ ข้างหลังกิมงึดตุดก็ไล่กระชั้นเข้ามาแล้ว ท่านจะคิดประการใด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ