๓๑

งักฮุยพูดว่าวันนี้เวลาจวนจะค่ำ เราไปเที่ยวที่เขาคังลังซัวเห็นเขานั้นโตใหญ่ท่าทางคับขันนัก ข้างหน้าเขามีทะเลข้างหลังมีเขาเล็ก ๆ ซับซ้อนเป็นชั้น ช่องแน่นหนาทางบกทางเรือจะเข้าไปยากนัก โดยว่ามีทหารสักร้อยหมื่นจะหักเข้าไปก็ไม่ได้ อือฮวยเหลงคนนี้มีข่าวเล่าลือมาช้านานว่ามีฝีมือเข้มแข็งสติปัญญาก็ดี ถ้าเวลาพรุ่งนี้อือฮวยเหลงยกมาเราจะออกสู้รบเอง ถ้าแม้นท่านทั้งปวงเห็นว่ากำลังเราจะสู้อือฮวยเหลงไม่ได้ก็จงเร่งเข้าช่วยให้ทันที ถ้าเห็นว่าพอสู้กันได้แล้วอย่าได้ออกช่วย เราจะคิดพูดจาเกลี้ยกล่อมเอาตัวอือฮวยเหลงมาเป็นพวกพ้องเสียให้ได้ การต่อไปจึงจะไม่ลำบาก ครั้นเวลารุ่งเช้างักฮุยก็แต่งตัวใส่เกราะขึ้นม้าถือทวนออกมายืนอยู่หน้าค่ายให้จุดประทัดสัญญาขึ้น ออกเดินกองทัพตรงไปเขาคังลังซัว

ฝ่ายม้าใช้คอยเหตุของพวกโจรเห็นกองทัพงักฮุยยกมาก็ไปแจ้งกับอือฮวยเหลง อือฮวยเหลงแต่งตัวขึ้นม้าคุมทหารยกออกจากค่ายตรงมาปะทะทัพกันเข้า งักฮุยก็ขับม้าขึ้นหน้าทหารร้องถามไปว่าท่านที่ยกกองทัพมานี้ชื่อใด อือฮวยเหลงร้องตอบไปว่าเราชื่ออือฮวยเหลงเป็นแม่ทัพใหญ่ ท่านคนนี้หรือที่ชื่องักฮุย งักฮุยว่าท่านรู้จักเราแล้วเหตุไฉนจึงไม่ลงจากม้ามายอมสามิภักดิ์เสียโดยดีเล่า อือฮวยเหลงได้ฟังก็หัวเราะตอบว่า เราได้ยินข่าวเขาเล่าลือว่าท่านมีฝีมือและสติปัญญารอบรู้การงานทั้งปวงดีนัก เราเห็นว่าท่านนี้หารู้เหตุการณ์แผ่นดินที่จะแปรปรวนไม่ เจ้าแผ่นดินซ้องสืบวงศ์กันต่อ ๆ มานั้นมักเชื่อถือขุนนางกังฉินมากขึ้นทุกที จนพวกขุนนางกังฉินล่อลวงเอาสองกษัตริย์ไปให้พวกฮวนจับไปขังไว้ กษัตริย์ที่ครอบครองแผ่นดินอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นคนโฉดเขลาไม่รู้จักการงานบ้านเมือง เหตุซึ่งเป็นขึ้นทั้งนี้ก็เทพยดาฟ้าและดินจะเปลี่ยนเชื้อวงศ์กษัตริย์ใหม่ ท่านจงยอมสามิภักดิ์กับเจ้านายเราเสียเถิดดีกว่า เพราะนายเรานี้เป็นผู้มีบุญจะได้เป็นกษัตริย์สืบเชื้อวงศ์ต่อไป ถ้าท่านดื้อดึงถือเจ้านายเชื้อวงศ์ซ้องอยู่แล้ว ก็เป็นการขัดเทพยดาฟ้าดินที่ไหนจะมีความเจริญสืบบุตรหลานไปได้ งักฮุยได้ฟังจึงตอบว่า ซึ่งท่านพูดนี้ไม่ถูก แผ่นดินซ้องตั้งแต่พระเจ้าซ้องไทโจ๊ฮ่องเต้ คือเตียคังเอียน ได้เป็นกษัตริย์สืบเชื้อวงศ์มาจนถึงกาลบัดนี้นับได้ร้อยหกสิบเจ็ดปี ปู่และบิดาของเราท่านทั้งปวงก็ได้เป็นข้าแผ่นดินซ้องมาด้วยกันทั้งสิ้นจริงหรือไม่ ซึ่งท่านจะถือเอาคนข้างนอกมีบุญวาสนานั้นมาลบล้างพระมหากษัตริย์ผู้มีคุณต่อปู่และบิดาจนถึงตัวเราดังนี้ไม่ชอบ ถึงขุนนางกังฉินจะคิดประทุษร้ายต่อแผ่นดินประการใด ตัวเราท่านนับถือปู่และบิดาอยู่แล้วก็ต้องนับถือเจ้าแผ่นดิน ต้องช่วยระงับเหตุการณ์ข้าศึกศัตรูฉลองพระเดชพระคุณไปกว่าจะสิ้นชีวิตจึงจะนับว่าเป็นคนดี ตัวท่านก็มีสติปัญญาได้เล่าเรียนเพลงอาวุธมาชำนิชำนาญฝีมือเข้มแข็ง ควรจงทำราชการให้มีชื่อเสียง เหตุไฉนจึงมาทำใจง่ายนับถือยอมเข้าเป็นบ่าวพวกโจรดังนี้ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยเลย ธรรมดาผู้ที่มีวาสนาเป็นเจ้าแผ่นดินสิบเชื้อวงศ์มานั้นประกอบไปด้วยความเมตตากรุณาแก่คนทั้งหลายจึงได้นิยมนับถือยกขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดิน และผู้มีบุญซึ่งจะมาประพฤติเป็นโจรเที่ยวตีปล้นเขาก่อนนั้นเราไม่เห็นมีเลย เห็นมีอยู่แต่ถ้าผู้ใดเบียดเบียนให้ราษฎรได้ความเดือดร้อนแล้วก็มักตายด้วยเครื่องศาสตราวุธ ธรรมดาคนที่ประพฤติดีชั่วมีอยู่สามประการ ประการหนึ่งเรียกว่าปุตตง คือคนไม่ซื่อตรงไม่คิดตั้งตัวด้วยความซื่อสัตย์สุจริตให้มีชื่อเสียงปรากฏ คิดตั้งตัวด้วยใจเป็นพาลเบียดเบียนท่านผู้อื่นให้ได้ความเดือดร้อน จนถึงต้องจำใจมานบนอบยกยอขึ้นเป็นใหญ่ ประการหนึ่งเรียกว่าปุตเฮา คือเป็นคนไม่รู้จักท่านผู้มีคุณ ประพฤติการอกตัญญูประทุษร้ายต่อพระมหากษัตริย์เจ้านายของตัว และบิดามารดาญาติและมิตรให้ได้ความเดือดร้อน ประการหนึ่งเรียกว่าปุตหยิน คือเป็นคนไม่มีเมตตากรุณาแก่คนทั้งหลาย ถือว่าตัวก็เป็นมนุษย์เขาก็เป็นมนุษย์ไม่ควรที่จะเบียดเบียนกันและกันให้ได้ความเดือดร้อน เราเห็นท่านมีหน้าตาอันสะอาดรูปร่างก็งาม ไม่ควรเลยที่จะให้คนทั้งหลายเขาเรียกว่าพวกโจร เราพูดตักเตือนท่านนี้ดีนักจงตรึกตรองให้ละเอียดเถิด อือฮวยเหลงได้ฟังก็มีหน้าอันสลดลงทันทีไม่รู้ที่จะโต้ตอบประการใด จึงแข็งใจพูดว่า ตัวเรากับท่านก็นับว่าเป็นคนมีฝีมือ จงมาสู้รบกันให้ถึงแพ้ชนะ ถ้าท่านแพ้ก็จงยอมสามิภักดิ์อยู่กับเรา ถ้าเราแพ้ก็จะยอมสามิภักดิ์อยู่กับท่าน งักฮุยจึงตอบว่าท่านพูดออกมาดังนี้แล้วอย่าได้กลับกลอก ต่อไปจึงจะนับว่าเป็นชายชาติทหาร อือฮวยเหลงก็ขับม้ารำทวนเข้ารบกับงักฮุยได้ประมาณสี่สิบเพลงยังไม่แพ้ชนะกัน อือฮวยเหลงพูดว่าเวลานี้จวนค่ำแล้วเราเลิกกลับไปเสียก่อนเถิด พรุ่งนี้จึงค่อยมารบกันแต่เช้า งักฮุยกับอือฮวยเหลงต่างคนก็พาทหารถอยกลับไปค่าย งักฮุยจึงพูดกับพี่น้องนายทหารทั้งปวงว่า อือฮวยเหลงนี้ฝีมือเพลงอาวุธคล่องแคล่วดีจริง ถ้าได้มาอยู่กับเราก็คงจะปราบปรามกิมงึดตุดได้ ครั้นเวลารุ่งเช้าอือฮวยเหลงก็คุมทหารยกมา งักฮุยก็ยกออกไปปะทะทัพกัน งักฮุยจึงพูดกับอือฮวยเหลงว่าเวลาวานนี้เรารบกันได้น้อยนัก ถ้าช้าอีกสักหน่อยก็จะจับท่านได้ อือฮวยเหลงว่าท่านอย่าพูดคะนองไป วันนี้แหละคงจะเห็นฝีมือกัน งักฮุยก็ขับม้าเข้ารบอือฮวยเหลงเป็นสามารถ ต่างคนก็ว่องไวไม่เสียท่วงทีกัน จนเวลาเย็นงักฮุยจึงร้องพูดไปว่า เวลานี้ก็จวนจะพลบค่ำแล้วถ้าจะรบกันอีกต่อไปก็จะให้เอาไฟมาจุดขึ้นให้สว่าง ถ้าไม่ชอบจะคุมทหารกลับไปเวลาพรุ่งนี้จึงมารบกันอีกก็ตาม อือฮวยเหลงว่าท่านอย่าพูดมากไปเลยจงกลับไปค่ายเถิด พรุ่งนี้จึงมารบกันใหม่ พูดแล้วต่างคนก็หย่าทัพกลับไปที่อยู่ ครั้นเวลารุ่งเช้าเป็นวันคำรบสามงักฮุยก็คุมทหารออกไป อือฮวยเหลงก็คุมทหารมาปะทะกัน งักฮุยกับอือฮวยเหลงก็ขับม้าเข้ารบกันได้กว่าร้อยเพลง พอเวลาตะวันเที่ยงอือฮวยเหลงจึงคิดว่างักฮุยนี้ฝีมือเข้มแข็งนัก ถ้าจะสู้รบกันอยู่ดังนี้ที่ไหนจะเอาชัยชนะได้ ครั้นเราจะเอาแหลนพุ่งไปก็ได้สัญญากันว่าไม่ยิงเกาทัณฑ์ไม่พุ่งแหลนจะได้อายแก่ทหารทั้งปวง จำจะล่อให้ไล่ไปพ้นไพร่พลทหารแล้วจึงจะเอาแหลนพุ่งก็คงจะได้ชัยชนะ คิดแล้วก็ทำเสียทีขับม้าหนี งักฮุยเห็นอือฮวยเหลงขับม้าหนีก็คิดว่าสู้รบกันยังไม่เต็มฝีมืออ่อนกำลัง ซึ่งอือฮวยเหลงหนีไปนั้นคงจะมีอุบายประการใดเป็นแน่ คิดแล้วก็ขับม้าไล่ตามคอยระวังทีอยู่มิได้ประมาท อือฮวยเหลงเห็นงักฮุยไล่ตามมาไกลไพร่พลทหารก็ชักม้ารอลงไว้ งักฮุยไล่ตามมาใกล้ก็ร้องตวาดว่าท่านมีอุบายประการใดก็จงทำให้สิ้นฝีมือเถิด อือฮวยเหลงก็เยื้องตัวเอาแหลนพุ่งมางักฮุยหลบทันไม่ถูก อือฮวยเหลงก็พุ่งซ้ำไปอีกงักฮุยก็หลบได้จึงพูดว่า เราคิดว่าท่านจะมีอุบายประการใด ซึ่งมาทำดังนี้เหมือนคนไม่มีฝีมือทิ้งคำสัญญาเสียไม่อายเลย แหลนนั้นหมดแล้วหรือพุ่งมาอีกก็เป็นไร อือฮวยเหลงก็พุ่งซ้ำไปอีกอันหนึ่ง งักฮุยก็คว้าจับแหลนไว้ได้ อือฮวยเหลงจึงร้องว่าท่านจับแหลนเราไว้ได้จงพุ่งเถิดเราไม่กลัว งักฮุยว่าเราไม่เคยใช้แหลนก็พุ่งไป อือฮวยเหลงก็จับไว้ได้แต่พุ่งกันไปมาหลายครั้ง ก็ผลัดกันจับแหลนไว้ได้ทุกครั้ง งักฮุยจับแหลนไว้ได้แล้วพูดว่า ตัวท่านมีสติปัญญาฝีมือเข้มแข็ง แต่สู้รบกันมาหลายวันแล้วเอาชัยชนะเราก็ไม่ได้ อย่าถือว่าตัวดีเลยจงลงจากม้ายอมสามิภักดิ์เสียจะได้อยู่เป็นเพื่อนทำราชการด้วยกัน อือฮวยเหลงตอบว่าท่านอย่าพูดมากไป ถ้าโดยว่าเราลงจากม้าท่านก็คงจับเราไม่ได้ งักฮุยก็ร้องตวาดไปด้วยเสียงอันดังม้าที่อือฮวยเหลงขี่ก็ตกใจ งักฮุยก็เอาแหลนพุ่งสวนไปถูกม้าอือฮวยเหลงขี่เจ็บโดดโผนไป อือฮวยเหลงพลัดตกม้าลง งักฮุยโดดลงจากหลังม้าไปเอามือพยุงอือฮวยเหลงลุกขึ้นแล้วพูดว่า ม้าตัวนี้ไม่ดีถูกเจ็บนิดเดียวก็โดดไป ม้าเช่นนี้ขี่เข้ากลางศึกสงครามไม่ได้ ท่านจงไปเปลี่ยนม้าเสียใหม่เอาตัวอื่นขี่มาสู้กันอีก อือฮวยเหลงได้ฟังก็มีความละอายยิ่งนัก คุกเข่าลงคำนับงักฮุยแล้วพูดว่าท่านนี้เปรียบเหมือนเทพยดา ข้าพเจ้าสู้สติปัญญาและฝีมือท่านไม่ได้แล้วขอยอมสามิภักดิ์ทำราชการอยู่กับท่าน จงได้อดโทษที่ข้าพเจ้าได้สู้รบกับท่านนั้นเสียเถิด งักฮุยจึงว่าถ้าท่านยอมแล้วก็จงสาบานเป็นพี่น้องกัน จะได้ช่วยทำนุบำรุงเจ้าแผ่นดินซ้องต่อไป อือฮวยเหลงว่าตัวข้าพเจ้าเป็นเชลยวาสนาน้อยไม่ควรท่านจะให้สาบานพี่น้อง งักฮุยว่ารักคนมีสติปัญญาและฝีมือหาถือยศศักดิ์วาสนาไม่ งักฮุยก็สาบานเป็นพี่ให้อือฮวยเหลงสาบานเป็นน้อง ครั้นกระทำสัตย์สาบานกันแล้ว งักฮุยจึงว่าเจ้าจงกลับไปเข้าที่อยู่เสียก่อน ภายหลังจึงค่อยคิดการต่อไป แต่จะกลับไปนั้นเราทำเป็นสู้รบกัน เราจะหนีเจ้าไล่ตามไปอย่าให้ทหารทั้งปวงสงสัย พูดกันแล้วก็ขึ้นม้ารบกัน งักฮุยทำเสียทีขับม้าหนีใกล้ทหารทั้งปวงเข้ามาร้องให้ช่วยว่าเราถูกอาวุธป่วยเจ็บยิ่งนัก นายทหารของงักฮุยได้ยินก็ขับม้าถลันเข้ารบกั้นอือฮวยเหลงไว้ พอเวลาจวนเย็นอือฮวยเหลงก็เลิกกองทัพกลับไปเขา งักฮุยก็พาทหารกลับเข้าค่าย อือฮวยเหลงไปถึงเขาก็แจ้งความกับนายโจรทั้งสองว่า เวลานี้ข้าพเจ้าได้สู้รบกับงักฮุย ข้าพเจ้าทำเสียทีงักฮุยไล่ตามไปใกล้ ข้าพเจ้าเอาแหลนพุ่งไปถูกขางักฮุย งักฮุยขับม้าหนี ข้าพเจ้าไล่ตามมาเกือบจะทัน พอทหารงักฮุยตรูกันเข้ารบสกัดกั้นเอางักฮุยไปได้ ถ้าเวลาพรุ่งนี้ท่านทั้งสองยกออกไปช่วยกันรบตีค่ายก็คงจะได้ ด้วยงักฮุยกำลังเจ็บป่วยอยู่ ล่อฮุย บวนยืออุย ได้ฟังก็มีความยินดี สั่งให้ทหารตระเตรียมตัวไว้ให้พร้อม

ฝ่ายงักฮุยกลับเข้าค่าย นายทหารทั้งปวงถามว่าท่านถูกอาวุธมากน้อยประการใด งักฮุยว่าถูกที่นิ้วมือนิดหนึ่งไม่เป็นไรดอกเป็นแต่จับอาวุธไม่ถนัด พวกทหารที่ไปสืบราชการตามหัวเมืองกลับมาแจ้งความกับงักฮุยว่า กิมงึดตุดตั้งให้จำเตียมหลีเป็นแม่ทัพคุมทหารสิบหมื่นยกมาตีด่านโง่ทองก๊วน ตั้งให้เตียชองเหลงบุตรเขยเจ้าเมืองไตกิมก๊กคุมทหารห้าหมื่นยกมาตีด่านกีจุยก๊วน ผู้รักษาด่านขอให้ยกกองทัพไปช่วยโดยเร็ว งักฮุยได้ฟังแล้วก็สั่งให้ทหารเอาสุราหมูเป็ดไก่กับเงินเบี้ยเลี้ยงให้ทหารม้าใช้ที่ไปสืบข่าวเป็นรางวัล แล้วให้รีบกลับไปสืบราชการมาบอกอีก งักฮุยมีความวิตกถึงด่านสองตำบลยิ่งนัก จึงปรึกษากับนายทหารทั้งปวงว่าครั้นเราจะยกกองทัพไปช่วยรักษาด่าน พวกโจรก็จะมีใจกำเริบท่านทั้งปวงจะคิดเห็นประการใดดี นายทหารเหล่านั้นก็ไม่รู้ที่จะพูดประการใด เอียโฮ้วจึงพูดขึ้นว่า เดิมข้าพเจ้ากับบวนยืออุยนายโจรได้สาบานเป็นพี่น้องกัน คิดจะยกกองทัพไปตีเมืองกิมเหลง บัดนี้ข้าพเจ้ามาอยู่กับท่านแล้ว จะขอไปพูดจาเกลี้ยกล่อมบวนยืออุยนายโจรให้มาอ่อนน้อมแก่ท่าน งักฮุยได้ฟังก็มีความยินดีจึงว่า ซึ่งท่านมีน้ำใจจะอาสาไปเกลี้ยกล่อมนายโจรได้สำเร็จความปรารถนาแล้ว ก็เป็นบุญบารมีของเจ้านายเรา จะได้ยกกองทัพรีบไปช่วยรักษาด่านทั้งสองกันกองทัพกิมงึดตุดไว้ แต่ท่านจะไปนั้นจงระวังตัวให้ดี เอียโฮ้วก็คำนับลาพาบ่าวสองสามคนลงเรือแจวตรงไปเขาคังลังซัว ครั้นถึงจึงบอกกับทหารให้เข้าไปแจ้งกับนายโจรว่าเราผู้ชื่อเอียโฮ้วจะขอเข้าไปหาท่านทั้งสอง นายโจรได้แจ้งก็ให้พาตัวเอียโฮ้วเข้าไปคำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว บวนยืออุยจึงว่าน้องเราก็มีสติปัญญาฝีมือเข้มแข็งเขาไทโอ๋วก็เป็นที่ชัยภูมิมั่นคงดี เหตุไฉนจึงเสียทีไปยอมสามิภักดิ์กับงักฮุย บัดนี้น้องมาหาเราจะพูดจาว่ากล่าวประการใดหรือ เอียโฮ้วจึงว่าข้าพเจ้าจะเล่าความแต่ตามจริงให้ท่านฟัง น้องอยู่ที่เขาทองเทงซัวนั้นชัยภูมิทีทางมั่นคง ทั้งได้เอาไม้แก่นมาเจาะรวงเอาปลอกเหล็กรัดมีรูชนวนเป็นปืนใหญ่ เอาก้อนกรวดก้อนหินทำเป็นลูกประจุดินดำยิงข้าศึกได้ดี แล้วก็ได้หัดทหารเป็นประดาน้ำดำอดกลั้นก็มีมาก ทั้งอวยโพฮวงแม่ทัพฝีมือก็เข้มแข็ง มีนายทหารเอกเลวมากกว่าสิบหมื่น ทั้งเสบียงอาหารก็บริบูรณ์พร้อมทุกสิ่ง แต่สู้สติปัญญางักฮุยไม่ได้เสียทีจึงต้องเข้ายอมสามิภักดิ์อยู่ด้วย งักฮุยคนนี้ใจคอดีนัก รักใคร่คนมีสติปัญญาและฝีมือไม่ถือยศศักดิ์ โอบอ้อมอารีรอบคอบ กราบทูลพระเจ้าซ้องเกาจงให้ตั้งน้องเป็นขุนนาง มารดาและบุตรภรรยาญาติพี่น้องก็ทำนุบำรุงให้มีความสุขด้วยกันทั้งสิ้น ข้าพเจ้ามาทั้งนี้ก็หมายจะมาตักเตือนชักชวนพี่ทั้งสองให้อ่อนน้อมแก่งักฮุยเสียโดยดี จะได้เป็นขุนนางมีชื่อเสียงปรากฏสืบบุตรและหลานต่อไป บวนยืออุยได้ฟังก็โกรธนักสั่งให้ทหารจับตัวเอียโฮ้วไปฆ่าเสีย ว่าคนหัวประจบเช่นนี้ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ ทหารก็ตรูกันเข้าจับเอียโฮ้วมัดจะเอาไปฆ่าเสีย อือฮวยเหลงเห็นดังนั้นก็วิ่งเข้าคุกเข่าลงคำนับแล้วพูดว่าขอท่านได้โปรดอย่าฆ่าเสียเลย บวนยืออุยว่าคนอย่างนี้มีสติปัญญาและทแกล้วทหารเป็นอันมากก็รักษาตัวไม่ได้ ไปยอมเข้าสามิภักดิ์กับงักฮุยแล้วยังกลับจะมาชักชวนเราให้เป็นคนโง่คนชั่วไปอีกฆ่าเสียจึงจะควร อือฮวยเหลงว่าเดิมท่านได้ทำคุณไว้กับเอียโฮ้วเป็นอันมาก บัดนี้จะมาลบล้างบุญคุณเสียนั้นไม่ชอบ เมื่อเขาไม่ดีก็อยู่กับตัวเขาเองจงปล่อยเสียเถิด บวนยืออุยได้ฟังก็เห็นชอบ สั่งให้ทหารขับไล่เอียโฮ้วไปเสียให้พ้น แล้วว่าตั้งแต่นี้ไปจงหลบหลีกเสียอย่าเข้ามารอหน้าเรา ถ้าพบปะเข้าที่ใดแล้วก็จะฆ่าเสีย เอียโฮ้วได้ความอับอายก็ออกจากค่ายเขาตรงไปท่าเรือไม่เห็นทหารของตัวเห็นแต่เรือเปล่าจอดอยู่ เอียโฮ้วก็จ้างทหารที่เขานั้นให้แจวเรือกลับมาค่าย ทหารที่ไปกับเอียโฮ้วนั้นได้ยินนายโจรสั่งให้ฆ่าเอียโฮ้วก็ตกใจ ทิ้งเรือเสียพากันเดินหนีกลับมาค่ายแจ้งความกับงักฮุย งักฮุยมีความวิตกถึงเอียโฮ้วอยู่ พอเอียโฮ้วมาถึงค่ายจอดเรือเข้าแล้ว พูดกับคนที่จ้างมาว่าเจ้าจงคอยเราอยู่ที่นี่ก่อน จะขึ้นไปเอาเงินค่าจ้างมาให้ เอียโฮ้วก็ขึ้นไปค่ายแจ้งความแก่งักฮุย งักฮุยเห็นเอียโฮ้วกลับมาได้ก็คิดสงสัยว่าเอียโฮ้วนี้เดิมเป็นพวกโจร ทหารที่ไปด้วยกลับมาบอกว่านายโจรฆ่าเสียแล้วจำจะทดลองดู ถ้าแม้เอียโฮ้วยังซื่อตรงอยู่ก็จะได้คิดอุบายให้เหมือนครั้งแผ่นดินสามก๊กจิวยี่ตีอุยกาย คิดแล้วงักฮุยก็ทำเป็นโกรธเอียโฮ้วว่าทหารมาบอกว่านายโจรฆ่าเจ้าเสียแล้วเหตุไฉนจึงกลับมาได้ เห็นจะไปยอมสามิภักดิ์กับนายโจรคิดอ่านเป็นไส้ศึกในกองทัพเราดอกกระมัง พูดดังนั้นแล้วก็สั่งให้ทหารเอาตัวเอียโฮ้วไปฆ่าเสีย เอียโฮ้วได้ฟังก็ตกใจ พอทหารตรูกันเข้ามาจับมัดเอียโฮ้วก็ร้องว่าข้าพเจ้าได้ทำสัตย์สาบานให้ท่านแล้ว ที่จะไปยอมสามิภักดิ์กับพวกโจรนั้นหามิได้เลย ถ้าไม่เชื่อก็ให้เรียกพวกโจรที่ข้าพเจ้าจ้างแจวเรือมาถามดูเถิดก็จะเห็นความจริงใจของข้าพเจ้า งักฮุยก็ให้หาพวกโจรเข้ามาถามว่าเจ้าเหล่านี้เป็นพวกโจรที่เขาพวนเอียงโอ๋วหรือเป็นราษฎรชาวบ้าน พวกโจรบอกว่าข้าพเจ้าเป็นราษฎรชาวบ้านไม่ได้เป็นพวกโจร นายทหารผู้นี้จ้างข้าพเจ้าให้แจวเรือมา งักฮุยได้ฟังจึงนึกว่าเอียโฮ้วคนนี้เป็นคนซื่อตรงจริงอุบายของเราที่คิดไว้ครั้งนี้ก็คงจะสำเร็จความปรารถนา งักฮุยทำเป็นหัวเราะพูดกับเอียโฮ้วว่า ยังจะเถียงว่าไม่ยอมสามิภักดิ์กับนายโจรอีกเล่าเราหาเชื่อไม่ ทหารจงเอาตัวเอียโฮ้วไปฆ่าเสีย ทหารก็ฉุดลากเอาตัวเอียโฮ้วไปแล้ว งักฮุยจึงพูดกับพวกโจรว่าเจ้าเหล่านี้เป็นราษฎรชาวบ้านก็จงพากันกลับไปเถิด พวกโจรก็คำนับลางักฮุยกลับไป

ฝ่ายเอียโฮ้วไม่แจ้งว่างักฮุยใช้กลอุบายก็ตกใจเสียดายชีวิตยิ่งนัก นายทหารทั้งปวงจึงคิดว่าเอียโฮ้วก็ไม่มีความผิด งักฮุยให้ฆ่าเสียดังนี้ไม่ควร แต่กลัวอาญาแม่ทัพไม่อาจจะกล้าขอ งูเกาแจ้งว่างักฮุยจะให้เอาตัวเอียโฮ้วไปฆ่าก็ตกใจร้องห้ามทหารว่าอย่าเพิ่งฆ่าเอียโฮ้วก่อน งูเกาก็วิ่งเข้าไปโดยด่วนคำนับงักฮุยแล้วว่า เอียโฮ้วนี้ท่านสงสัยว่าเป็นไส้ศึกจะฆ่าเสียก็ควร แต่ขอให้ไล่เลียงดูให้ได้ความจริงก่อน ขอโทษเอียโฮ้วไว้สักครั้งหนึ่งเถิด งักฮุยจึงว่าถ้าเจ้ามาขอก็จะให้แต่ต้องเอาไปเฆี่ยนเสียสักร้อยหนึ่ง งักฮุยก็สั่งทหารให้เฆี่ยนเอียโฮ้วร้อยที งูเกาจึงคิดว่าเราจะมาขอยกโทษให้ทีเดียวยังจะเฆี่ยนเป็นร้อยทีนั้นใครจะทนทานไปได้ ฆ่าเสียทีเดียวดีกว่า คิดแล้วก็เดินไปเห็นทหารเฆี่ยนเอียโฮ้วได้ยี่สิบทีโลหิตไหลโซมขา งูเกามีความสงสารนักก็เข้าไปหางักฮุยว่าท่านจงได้โปรด เอียโฮ้วก็เป็นทหารจะทำการศึกสงครามต่อไป ถูกเฆี่ยนเจ็บป่วยเสียดังนี้แล้วที่ไหนจะขี่ม้าสู้รบกับข้าศึกได้ ข้าพเจ้ายอมให้เฆี่ยนข้าพเจ้าแปดสิบทีเฆี่ยนเอียโฮ้วแต่เท่านั้นเถิด งักฮุยว่าเจ้ามาขอเราก็จะยกให้ แต่จะปล่อยไว้เอียโฮ้วก็จะหนีไป ถ้ามีผู้นายประกันรับรองแล้วก็จะปล่อยให้รักษาตัว นายทหารทั้งปวงได้ฟังก็นิ่งอยู่ไม่อาจจะเป็นนายประกันรับตัวเอียโฮ้ว งูเกาจึงว่าข้าพเจ้าจะขอรับประกันตัวเอียโฮ้วเอง ถ้าหลบหนีไปก็จงทำโทษข้าพเจ้าแทนเอียโฮ้วเถิด งักฮุยว่าเจ้าจะรับแต่ปากไม่ได้ จงทำหนังสือประกันมาให้เรา งูเกาเขียนหนังสือไม่เป็นไปวานทึงฮวยช่วยเขียน ทึงฮวยว่าเจ้ายอมตายแทนเขาได้หรือ ถ้ายอมแล้วเราก็จะเขียนให้ งูเกาว่าไม่เป็นไรดอกจงเขียนเถิด ทึงฮวยก็เขียนหนังสือสัญญาทัณฑ์บนประกันตัวเอียโฮ้วให้งูเกา งูเการับหนังสือไปส่งให้งักฮุยแล้ว ก็ให้ทหารพยุงตัวเอียโฮ้วมาที่อยู่ งูเกาจึงพูดว่าตัวท่านกับเรารักเหมือนพี่เหมือนน้อง อย่าหนีเราไปให้ได้ความผิด จงอุตส่าห์รักษาตัวเสียให้หายเถิด เอียโฮ้วว่าท่านมีคุณแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็คงจะสนองคุณตอบแทนท่านให้ถึงขนาด งูเกาได้ฟังก็มีความยินดีหายามาใส่ให้เอียโฮ้วแล้วก็กลับไปค่ายที่อยู่ของตัว เอียโฮ้วจึงคิดว่าครั้งนี้งักฮุยเฆี่ยนตีเราถึงสาหัสไม่ไต่ถามเอาความจริงก่อนเลย คิดแล้วก็โทมนัสน้อยใจนักแล้วนั่งเป็นทุกข์อยู่

ฝ่ายงักฮุยครั้นนายทหารกลับไปที่อยู่สิ้นแล้ว ก็เขียนหนังสือเป็นความลับสั่งคนใช้ไปให้เอียโฮ้ว เอียโฮ้วรับหนังสือมาฉีกผนึกออกอ่านมีความว่า เวลาวานนี้เราทำโทษท่านเป็นการลับมิให้ผู้ใดรู้ ท่านจงหนีไปสามิภักดิ์อยู่กับนายโจรคอยดูท่วงทีช่วยอือฮวยเหลง คิดการกำจัดนายโจรเสียให้ได้ เอียโฮ้วได้แจ้งความในอุบายงักฮุยแล้วก็สิ้นโทมนัสมีความยินดี เอาหนังสือเผาไฟเสียบอกผู้ถือหนังสือว่าเรารู้ความแล้ว ครั้นรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งเป็นเวลาดึกจวนจะสว่าง เอียโฮ้วสั่งทหารที่รักษาค่ายว่าเราจะไปเที่ยวสักสองวัน ถ้าผู้ใดถามหาก็จงบอกว่าเรารักษาตัวนอนอยู่ในห้อง สั่งแล้วเอียโฮ้วก็ออกจากค่ายไปถึงเขาคังลังซัว พอเวลารุ่งสว่างทหารรักษาหน้าค่ายก็เอาความไปแจ้งแก่ล่อฮุย บวนยืออุยว่าเอียโฮ้วกลับมาหาท่านอีกแล้ว บวนยืออุยก็ให้ทหารมาหาตัวเข้าไป เอียโฮ้วเข้าไปคำนับนายโจรแล้วก็ร้องไห้พูดว่า ข้าพเจ้าไม่เชื่อท่านทั้งสองครั้งนี้การเกือบจะตาย ด้วยงักฮุยใช้ให้ข้าพเจ้ามาชักชวนท่าน ท่านโกรธขับไล่เสีย งักฮุยสงสัยว่าข้าพเจ้าได้เป็นพี่น้องกับท่านมาแต่ก่อนจะเป็นไส้ศึกขึ้นในกองทัพ สั่งให้ทหารเอาตัวไปฆ่าเสีย งูเกาจึงได้ขอชีวิตไว้ งักฮุยให้ทหารเฆี่ยนตีข้าพเจ้ายับเยินได้ความเจ็บความอายยิ่งนักจึงได้หนีมาหาท่าน เมื่อท่านไม่เลี้ยงแล้วก็จะขอตายอยู่ที่นี้ไม่กลับไปให้เขาเฆี่ยนตีอีกแล้ว บวนยืออุยได้ฟังก็ให้เลิกกางเกงออกดูเห็นรอยแผลถูกเฆี่ยนยับเยินก็โกรธร้องตวาดว่า เจ้าจะทำเหมือนเมื่อครั้งแผ่นดินสามก๊ก อุยกายรับอาสาจิวยี่มานั้นหรือ เอียโฮ้วได้ฟังก็ว่า ข้าพเจ้าว่าถ้าใจท่านตัดพี่น้องน้ำสบถได้เช่นนี้แล้วก็ไม่มาสู้ตายเสียที่อื่น ว่าแล้วก็ชักกระบี่ออกจะเชือดคอตาย นายโจรทั้งสองเห็นก็วิ่งเข้ามาจับมือเอียโฮ้วไว้แล้วว่า พี่พูดขู่ลองใจเจ้าเล่นดอกอย่าฆ่าตัวตายเสียเลย แต่แรกถ้าเชื่อคำเราแล้วที่ไหนจะต้องถูกเฆี่ยนตียับเยินดังนี้ พูดแล้วก็สั่งให้อือฮวยเหลงพาตัวเอียโฮ้วไปรักษาพยาบาลเสียให้หายจะได้ไปทำการแก้แค้นงักฮุยต่อไป อือฮวยเหลงก็พาเอียโฮ้วไปอยู่ด้วย จึงคิดว่าเอียโฮ้วนี้เป็นคนไม่ดี เดิมไปสามิภักดิ์อยู่กับงักฮุยแล้วกลับมาชวนพวกเราให้ไปอ่อนน้อมต่องักฮุย บัดนี้งักฮุยเขาเฆี่ยนตีเป็นสาหัสแล้วหนีมาสามิภักดิ์ข้างนี้อีกไม่มีความซื่อสัตย์ เราจะต้องว่ากล่าวถากถางเสียให้ได้ความอาย คิดแล้วอือฮวยเหลงก็จัดโต๊ะมาชวนเอียโฮ้วกินอาหารเสพสุราด้วยกัน อือฮวยเหลงจึงพูดว่าคนเราทุกวันนี้เอายุติไม่ได้ เดิมท่านไปสามิภักดิ์อยู่กับงักฮุย แล้วกลับมาชวนนายเราทั้งสองให้ไปสามิภักดิ์ด้วย บัดนี้เหตุไฉนท่านจึงกลับมาสามิภักดิ์ข้างนี้อีกเล่า เอียโฮ้วจึงว่าตัวข้าพเจ้านี้ประพฤติการตามบ้านเมือง คนที่มีฝีมือเข้มแข็งใช้แหลนพุ่งไปพุ่งมาประพฤติการอย่างไรข้าพเจ้าก็ต้องประพฤติดังนั้น อือฮวยเหลงได้ฟังก็ตกใจหน้าสลดลงทันที ขับทหารที่ใช้สอยอยู่ใกล้นั้นให้ออกไปเสียให้พ้น แล้วจึงถามเอียโฮ้วว่าท่านพูดเป็นแยบคายดังนี้รู้เหตุการณ์สิ่งใดหรือ เอียโฮ้วว่าข้าพเจ้ามาทั้งนี้ก็เพราะพี่น้องซึ่งได้สาบานกัน งักฮุยนั้นมีความวิตกด้วยกิมงึดตุดยกกองทัพมารบกวนตีด่านหลายตำบล ครั้นจะยกกองทัพไปปราบปรามข้าศึกข้างนี้ก็ยังติดพันอยู่ จึงได้อุบายให้ข้าพเจ้ามาปรึกษากับท่าน อือฮวยเหลงได้ฟังจึงว่า มิเสียแรงท่านเกิดมาเป็นชายชาติทหารดูประมาณการความคิดท่านไม่ออก ได้ว่ากล่าวถากถางเกินเลยขอโทษเสียเถิด นายทหารทั้งสองร่วมคิดเป็นปัญญาเดียวกันแล้วก็มีความยินดี

ฝ่ายงูเกาครั้นรุ่งเช้านั่งอยู่ที่ค่ายทหารไปบอกว่า เอียโฮ้วหนีไปเวลาคืนนี้ งูเกาได้ฟังก็ตกใจว่าครั้งนี้เอียโฮ้วมันแกล้งฆ่าเราแล้ว ก็รีบเข้าไปแจ้งความกับงักฮุยว่าเอียโฮ้วหนีไปเสียแต่คืนนี้แล้ว ท่านจะทำโทษข้าพเจ้าประการใดก็แล้วแต่จะโปรด งักฮุยได้ฟังก็ทำเป็นโกรธร้องตวาดพูดว่า เราไม่รู้จะเอาตัวเอียโฮ้วกับท่านให้จงได้ ถ้าไม่ได้ตัวก็จะเอาโทษตามหนังสือประกัน งูเกามีความโกรธเอียโฮ้วยิ่งนัก คำนับลากลับมาค่ายจัดทหารห้าพ้นยกตรงไปเขาคังลังซัว ครั้นถึงก็ร้องว่าไปด้วยคำหยาบช้าให้เอียโฮ้วออกมาสู้รบกัน บวนยืออุยได้แจ้งดังนั้นก็สั่งให้เอียโฮ้วออกไปรบกับงูเกา เอียโฮ้วจึงพูดว่าซึ่งท่านจะให้ข้าพเจ้าออกไปสู้รบนั้นก็ไม่ขัดขืน แต่งูเกาคนนี้มีคุณต่อข้าพเจ้าเป็นอันมาก ได้ขอชีวิตไว้จึงได้รอดอยู่ ท่านจงให้ผู้อื่นออกไปรบเถิด อือฮวยเหลงว่าข้าพเจ้าจะขออาสาออกไปรบแทนเอียโฮ้วเอง บวนยืออุยว่าท่านจงยกออกไปก่อนเถิด เราจะไปชวนล่อฮุยตามออกไปดูสู้รบกัน อือฮวยเหลงก็คุมทหารยกออกจากเขาเห็นงูเกาก็ร้องตวาดว่า เจ้านี้หาควรสู้รบกับเราไม่ ยกทหารมาทำไม งูเกาว่าเรามีความโกรธเอียโฮ้วยิ่งนัก เราได้ช่วยชีวิตไว้ไม่คิดถึงคุณหนีมาทำให้เราได้ความผิด ขอท่านช่วยบอกให้เอียโฮ้วออกมาเร็ว ๆ เถิด จะจับเอาตัวไปส่งให้งักฮุยแก้โทษตัวเรา อือฮวยเหลงจึงว่าเอียโฮ้วมาเข้าสามิภักดิ์กับเจ้านายเราแล้ว เจ้านายเราคิดถึงว่าได้เป็นพี่น้องกันจึงได้รับทำนุบำรุงไว้เป็นอันดี ตัวเจ้านี้จงมาสามิภักดิ์กับเจ้านายเราเสียเถิด จะช่วยว่ากล่าวอุดหนุนให้ได้เป็นขุนนางที่นายทหารใหญ่ อย่ากลับไปให้งักฮุยเขาทำโทษเลย งูเกาได้ฟังก็โกรธว่าเจ้ารู้จักว่าเราเป็นอะไร จึงจะให้ไปยอมสามิภักดิ์กับพวกโจร เราหาเกรงฝีมือมันไม่ พูดดังนั้นแล้วก็ขับม้าเข้าไปเอากระบองตีอือฮวยเหลง สองนายสู้รบกันเป็นสามารถ บวนยืออุยไปชวนล่อฮุยยกทหารตามออกไปจากเขา เห็นอือฮวยเหลงกับงูเกาสู้รบกัน นายโจรทั้งสองก็ยืนดูอยู่ งูเกาทานกำลังอือฮวยเหลงไม่ได้ก็ขับม้าหนี อือฮวยเหลงขับม้าไล่ตามไปไม่ทันก็กลับมา ล่อฮุย บวนยืออุย อือฮวยเหลง ก็พากันกลับไปในเขาที่อยู่พูดว่า อือฮวยเหลงทหารเอกแม่ทัพของเรานี้มีฝีมือเข้มแข็งนักไม่มีใครสู้ได้ พูดแล้วต่างคนก็ไปที่อยู่

ฝ่ายงูเกาหนีอือฮวยเหลงกลับมาถึงค่าย เข้าไปแจ้งความกับงักฮุยตามซึ่งได้สู้รบกับอือฮวยเหลง ต้านทานกำลังไม่ได้ก็หนีมา งักฮุยว่าเวลาพรุ่งนี้จงยกออกไปสู้รบกับเขาอีก งูเกาก็คำนับลากลับมาที่อยู่ งักฮุยจึงคิดว่านายโจรทั้งสองนี้ให้แต่อือฮวยเหลงออกมารบ ตัวไม่ออกมาเลย จำเราจะมีหนังสือไปว่ากล่าวยั่วเย้าให้ออกมารบจงได้ การซึ่งคิดอุบายไว้กับอือฮวยเหลง เอียโฮ้วจึงจะสำเร็จ งักฮุยจึงเขียนหนังสือฉบับหนึ่งไปถึงนายโจรทั้งสองมีความว่า ตัวเราชื่องักฮุยผู้เป็นแม่ทัพเมืองหลวงยกมาครั้งนี้ก็ปรารถนาจะชมฝีมือท่านทั้งสองก็ไม่ได้ตามความปรารถนามีความเสียใจนัก ให้แต่ผู้อื่นออกมาสู้รบหลายครั้งแล้วไม่เห็นท่านออกมาเลย หรือว่าท่านไม่มีฝีมือกล้าแข็ง มีแต่สติปัญญาหลอกลวงให้พวกโจรทั้งหลายนับถือ จึงได้หลบตัวกลัวอาวุธของเราไม่ออกมาสู้หน้า กลัวว่าบริวารพวกโจรเหล่านั้นจะเห็นฝีมือว่าต่ำช้าเลวนัก ถ้าท่านทั้งสองมีฝีมือเข้มแข็งอยู่แล้วก็จงยกออกมารบกันให้บริวารพวกโจรเหล่านั้นเห็นฝีมือปรากฏไว้จึงจะสมกับเป็นชายชาติทหารซึ่งจะคิดตั้งตัวเป็นใหญ่ ครั้นทำหนังสือแล้วก็ให้ทหารถือไปให้นายโจรทั้งสองที่เขาคังลังซัว ล่อฮุย บวนยืออุย รับหนังสือของงักฮุยมาเปิดผนึกออกอ่านแจ้งแล้วก็มีความโกรธเป็นอันมาก ว่างักฮุยนี้พูดจาถากถางเยาะเย้ยประมาทเรานักหนา เวลาพรุ่งนี้จะยกออกไปสู้รบกันให้ถึงแพ้และชนะ พูดดังนั้นแล้วก็เขียนสลักหลังหนังสือว่าเวลาพรุ่งนี้เราจะยกออกไปรบ ให้งักฮุยตระเตรียมตัวล้างคอไว้รับคมอาวุธเถิด สลักหลังแล้วก็ส่งหนังสือให้ทหารของงักฮุยถือกลับมาส่งให้งักฮุย งักฮุยแจ้งแล้วครั้นเวลาพรุ่งนี้เช้าก็ยกทหารออกจากค่ายตรงไปหน้าเขาคังลังซัว

ฝ่ายล่อฮุย บวนยืออุยก็จัดทหารให้อือฮวยเหลง เอียโฮ้วเป็นกองซ้ายขวา ตัวนายโจรทั้งสองเป็นกองกลางยกออกจากค่ายมาปะทะทัพงักฮุย งักฮุยก็ขับม้าขึ้นหน้าตรงร้องเรียกนายโจรทั้งสองให้ออกมาพูดกันก่อนจึงค่อยรบ นายโจรทั้งสองก็ขับม้าขึ้นมาหน้าทหาร งูเกาเห็นอือฮวยเหลงขี่ม้ายืนอยู่ข้างขวานายโจร เอียโฮ้วยืนอยู่ข้างซ้ายจึงร้องตวาดไปว่าอ้ายคนชาตินี้ไม่รู้จักบุญคุณคน วันนี้เราจะฆ่าเสียให้ได้ พูดแล้วก็ขยับจะขับม้าเจ้ารบกับเอียโฮ้ว งักฮุยห้ามไว้ว่าอย่าเพิ่งวุ่นวายก่อน ฟังนายโจรทั้งสองจะพูดจาว่ากล่าวประการใด บวนยืออุยนายโจรจึงร้องพูดไปกับงักฮุยว่า ท่านนี้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดทั้งฝีมือก็เข้มแข็ง ช่างไม่รู้จักการบ้านเมืองจะแปรปรวนบ้างเลย เราคิดเห็นว่าชะตาแผ่นดินซ้องจะสูญสิ้นแล้ว กษัตริย์เจ้าแผ่นดินก็ล้วนแต่ไม่มีสติปัญญาเสื่อมทรามลงมาทุกครั้งทุกคราว ซึ่งท่านจะมาถือทิฐิมานะดื้อดึงช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินซ้องอยู่นั้นเห็นจะเหนื่อยเสียเปล่าดอกกระมัง จงมายอมสามิภักดิ์อยู่กับเราเสียโดยดีเถิด งักฮุยจึงตอบว่าตัวเรานี้เป็นแม่ทัพ ได้คุมทหารไปรบกับข้าศึกในที่ใดตำบลใดแล้วก็มีชัยชนะทุกครั้ง ตัวท่านทั้งสองนี้เปรียบเหมือนหนึ่งตัวแมลงเม่าที่บินว่อนอยู่ไม่รู้จักกองเพลิง ถ้าท่านรบกับเราก็เหมือนหนึ่งตัวแมลงเม่าบินเข้ากองเพลิง คงจะตายในเวลาวันนี้ ถ้ารักชีวิตอยู่ก็จงอ่อนน้อมยอมสามิภักดิ์เสียโดยดี ล่อฮุยได้ฟังก็โกรธร้องตวาดไปด้วยเสียงอันดัง แล้วว่าพวกทหารเข้าช่วยกันจับตัวงักฮุยมาฆ่าเสียให้ได้ อือฮวยเหลงก็ขับม้าแซงขึ้นมาว่าข้าพเจ้าจะขออาสาจับงักฮุยเอง ก็กรายอาวุธออกรำทำทีจะเข้ารบแล้วตลบหลังมาใกล้ได้ทีก็เอาทวนแทงถูกบวนยืออุยตกม้าตาย ล่อฮุยเห็นก็ตกใจ เอียโฮ้วขับม้าถลันขึ้นมาเอาง้าวฟันถูกล่อฮุยตัวขาดเป็นสองท่อน ทหารพวกโจรเห็นนายทั้งสองตายก็ตกใจตื่นไม่เป็นกระบวน งักฮุยก็จับทหารเข้าไล่ฆ่าฟันพวกโจรล้มตายแตกกระจัดกระจายหนีเที่ยวซุ่มซ่อนไป งักฮุยตีม้าล่อเรียกทหารให้หยุด สั่งให้อือฮวยเหลงไปเที่ยวเกลี้ยกล่อมชักชวนพวกโจรเหล่านั้นให้เข้าสามิภักดิ์ แล้วให้รวบรวมทรัพย์สิ่งของเสบียงอาหารของนายโจรทั้งสองมาไว้แจกจ่ายทหารในกองทัพ จะได้เป็นกำลังทำศึกสงครามกับกิมงึดตุดต่อไป งักฮุยก็กลับมาค่าย นายทหารทั้งปวงจึงได้แจ้งว่างักฮุยกับเอียโฮ้วคิดอุบายชื่อโคเนตเตยได้สมปรารถนา งูเกาจึงพูดว่าจะคิดอุบายกันอย่างไรก็ไม่บอกให้รู้ ถ้าทีหลังทำดังนี้แล้วเราไม่ขอช่วยต่อไปอีกเลย ให้ถูกเฆี่ยนเสียให้แทบประดาตาย งักฮุยกับนายทหารทั้งปวงได้ฟังงูเกาพูดก็หัวเราะ

ฝ่ายอือฮวยเหลง ไปเกลี้ยกล่อมทหารพวกโจรเข้ายอมสามิภักดิ์ทั้งสิ้น แล้วเก็บรวบรวมเครื่องศาสตราวุธข้าวของเสบียงอาหารลงบรรทุกเรือรบใหญ่น้อยหลายสิบลำเอามาให้งักฮุย งักฮุยก็จัดสิ่งของแจกปันให้นายทัพนายกองทั่วกัน เครื่องอาวุธและเสบียงกับเรือรบซึ่งเหลืออยู่นั้นมอบให้เจียคุนรักษาไว้ที่เมืองโซจิวฮู้ แล้วทำหนังสือบอกข้อราชการซึ่งได้ปราบปรามโจรที่ทะเลสาบพวนเอียงโอ๋วสำเร็จเรียบร้อย แล้วขอที่ขุนนางให้อือฮวยเหลงผู้มีความชอบทำราชการในกองทัพต่อไป ทำหนังสือแล้วก็มอบให้ม้าใช้ถือไปเมืองหลวง งักฮุยจึงให้ประชุมนายทัพนายกองมาพร้อมกันแล้ว สั่งให้งูเกาคุมทหารห้าพันเป็นทัพหน้ายกไปช่วยด่านกีจุยก๊วน ให้อือฮวยเหลง เอียโฮ้ว คุมทหารห้าพันยกไปเป็นทัพหนุนงูเกา อือฮวยเหลง เอียโฮ้วรับคำสั่งแล้วคำนับลามาจัดทหารยกไป งักฮุยกับนายทัพนายกองก็ยกทัพใหญ่ตามไป

ฝ่ายงูเกาเดินกองทัพมาใกล้จะถึงด่านกีจุยก๊วน พบทหารที่รักษาด่านแตกหนีพวกฮวนมาแจ้งกับงูเกาว่าด่านกีจุยก๊วนนั้นเสียแก่พวกกองทัพฮวนแล้ว งูเกาได้ฟังก็สั่งทหารว่าอย่าเพิ่งตั้งค่ายเลย ยกกองทัพตรงไปตีเอาด่านกีจุยก๊วนทีเดียวเถิด

ฝ่ายเตียชองเหลงนายทหารฮวน แจ้งว่ากองทัพพวกเมืองกิมเหลงยกมาก็คุมทหารออกจากด่าน งูเกาเห็นก็ขับม้าขึ้นมาร้องถามว่าเจ้านี้ชื่อไรจงบอกมาโดยเร็ว จะได้ตัดศีรษะไปให้แม่ทัพเอาความชอบเสียก่อนคนอื่น นายทหารฮวนจึงร้องตอบไปว่า ตัวเราชื่อเตียชองเหลงเป็นบุตรเขยเจ้าเมืองไตกิมก๊ก ยกกองทัพมาจะฆ่าทหารของเจ้าแผ่นดินซ้องเสียให้สิ้น ตัวท่านนี้ชื่อใดไม่กลัวความตายหรือจึงอาจสามารถยกกองทัพมาสู้กับเรา งูเกาว่าเรานี้คือจงเปียขุนนางนายทหารใหญ่สำหรับปราบปรามพวกฮวนเมืองไตกิมก๊กให้ราบคาบ ตัวเราชื่องูเกาเป็นนายกองทัพหน้าของงักฮุย พูดแล้วก็ขับม้าตรงเข้าไปเอากระบองตี เตียชองเหลงเอากระบองแปดเหลี่ยมคร่ำทองป้องปัดไว้ เข้ารบกันได้ประมาณสามสิบเพลงงูเกาทานกำลังเตียชองเหลงไม่ได้ก็ขับม้าหนี ร้องไปว่าพวกทหารเราจงทำให้เหมือนครั้งก่อน เตียชองเหลงไล่ตามไป พวกทหารงูเกาก็เอาเกาทัณฑ์ยิงระดมสกัดไว้ เตียชองเหลงก็ถอยทัพกลับเข้าด่าน งูเกาก็ถอยกองทัพออกไปตั้งค่ายอยู่ไกลด่านประมาณสามสิบลี้ ครั้นรุ่งขึ้นอือฮวยเหลงกับเอียโฮ้วยกกองทัพตามมาถึง เห็นงูเกาตั้งค่ายอยู่ริมทาง จึงถามทหารงูเกาว่าเหตุใดจึงมาตั้งค่ายอยู่ที่นี่ ทหารแจ้งว่าพอยกกองทัพมาถึงงูเกาก็ขับพวกข้าพเจ้าเข้าตีด่านเสียทีแก่ข้าศึกจึงได้ถอยมาตั้งค่ายอยู่ที่นี่ อือฮวยเหลงกับเอียโฮ้วได้ฟังก็สั่งให้ตั้งค่ายอยู่ริมกัน งูเกาได้แจ้งว่าอือฮวยเหลงกับเอียโฮ้วยกมาถึงก็พูดบ่นกับทหารทั้งปวงว่า อือฮวยเหลงกับเอียโฮ้วเขาคิดอุบายฆ่าพวกโจรเอาความชอบแต่ฝ่ายเดียว ไม่บอกให้เรารู้เราเกลียดนักไม่อยากจะพบปะพูดจาด้วย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ