งักหัวจัดการทำบุญให้ทานพร้อมแล้ว พอถึงสามวันก็ไปเชิญแต่บรรดาญาติพี่น้องมากินโต๊ะพร้อมกัน งักหัวอุ้มเอางักฮุยผู้บุตรออกมา ญาติพี่น้องทั้งปวงก็ชวนกันให้พรงักฮุยต่าง ๆ งักฮุยร้องไห้ บิดามารดาจะทำอย่างไรก็ไม่นิ่ง งักหัวบิดาจึงคิดขึ้นได้ว่า หลวงจีนสั่งไว้ว่าถ้ามีเหตุการณ์สิ่งไรขึ้นก็ให้อุ้มงักฮุยใส่ลงในโอ่งป้องกันอันตรายได้ งักหัวจึงเล่าความซึ่งหลวงจีนสั่งไว้นั้นให้ภรรยาฟัง แล้วให้นางเอียวสีอุ้มเอางักฮุยผู้บุตรลงไปนั่งอยู่ในโอ่ง

ฝ่ายมังกรที่นกอินทรีจิกตาบอดนั้นมีความอาฆาต ติดตามมาถึงเมืองเซียงจิว แจ้งว่านกอินทรีจุติไปเกิดเป็นบุตรของงักหัวแล้วก็สำแดงฤทธิ์เกิดเป็นพายุพัดอากาศมืดมัวฝนตกหนัก น้ำท่วมบ้านราษฎรตำบลทึงอิมกุ้ยตายทั้งสิ้น งักหัวเห็นเกิดพายุฝนตกน้ำท่วมบ้านก็ตกใจว่ายน้ำเกาะโอ่งไว้ ร้องสั่งภรรยาว่าตัวเรานี้ก็คงจะตาย เจ้าจงรักษาบุตรไว้ให้ได้ เกิดลมพายุพัดหนักมากโอ่งลอยซัดไป งักหัวเอามือเกาะปากโอ่งอ่อนล้าเข้ามือหลุดจากโอ่ง งักหัวก็จมน้ำตาย นางเอียวสีอุ้มบุตรอยู่ในโอ่ง แลเห็นงักหัวสามีมือหลุดจากโอ่งจมน้ำหายไปก็กอดบุตรเข้าร้องไห้อยู่ในโอ่งนั้น ลมก็พัดโอ่งลอยไป

ฝ่ายมังกรครั้นสำแดงฤทธิ์ให้ฝนตกน้ำท่วมบ้านราษฎรล้มตายสิ้นแล้วก็กลับไปที่อยู่ตามเดิม

ฝ่ายเง็กเซียงฮ่องเต้ แจ้งว่ามังกรที่แม่น้ำอึ้งหอสำแดงฤทธิ์ทำให้น้ำท่วมบ้านราษฎรที่ตำบลทึงอิมกุ้ยตายเสียสิ้นก็กริ้วโกรธเป็นอันมาก สั่งให้เอาตัวมังกรไปฆ่าเสีย เมื่อมังกรจะตายนั้นผูกใจเจ็บแค้นอาฆาตนกอินทรี จึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในเมืองเปียนเหลียง ความอันนี้ตันภักเล่าโจ๊รู้เหตุผลตลอดจึงได้เล่าให้ศิษย์ทั้งสองฟัง ศิษย์เอาความมาเล่าแก่ชาวบ้าน ความจึงได้ปรากฏแก่คนทั้งหลาย

ฝ่ายเฮงเหมงมีภรรยาชื่อนางฮอสี ตั้งบ้านอยู่ที่ตำบลคีลินชึงแขวงเมืองฮอหนำใกล้กันกับตำบลทึงอิมกุ้ย แขวงเมืองเซียงจิวทางประมาณสามสิบลี้ เวลาคืนวันนั้นเฮงเหมงนอนหลับฝันเห็นว่า ไฟติดลอยอยู่บนอากาศก็พอตกใจตื่น ครั้นรุ่งขึ้นเช้าเฮงเหมงจึงพูดกับเฮงอันเป็นญาติสำหรับใช้สอยว่า เวลาคืนนี้เรานิมิตฝันประหลาดนัก เจ้าจงไปเที่ยวหาหมอดูมาทำนายฝันให้เราสักหน่อย เฮงอันว่าหมอจะมาทำนายฝันนั้น ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าผู้ใดดี ซึ่งท่านฝันคืนนี้อย่างไรจงเล่าให้ข้าพเจ้าฟังเถิด ข้าพเจ้าจะทำนายให้ เฮงเหมงก็เล่าความฝันนั้นให้ฟังทุกประการ เฮงอันจึงว่าท่านฝันเห็นไฟติดลอยอยู่บนอากาศนั้นท่านจะได้พบปะคนมีวาสนา ถ้าไม่เชื่อข้าพเจ้าจะเอาตำราทำนายฝันมาให้ดู เฮงอันก็ไปเอาตำรามาส่งให้ เฮงเหมงรับตำรามาดูก็เห็นมีจริงสมเหมือนกับเฮงอันทำนาย พูดกันยังไม่ทันสิ้นคำพอได้ยินเสียงผู้คนอื้ออึงสนั่นไป เฮงเหมงก็ใช้ให้เฮงอันออกไป เฮงอันออกไปดูเห็นน้ำไหลมาเชี่ยวเรี่ยวแรงนัก พัดพาเอาสิ่งของลอยมาต่าง ๆ ชาวบ้านทั้งปวงพากันเก็บเอาของลอยอื้ออึงอยู่ เฮงอันเห็นดังนั้นก็กลับเข้ามาบอกเฮงเหมง เฮงเหมงแจ้งความก็เดินออกไปดูกระแสน้ำที่หน้าบ้าน เห็นสิ่งของลอยน้ำมาคนทั้งปวงพากันเก็บได้เป็นอันมาก เฮงอันเห็นโอ่งลอยมาใบหนึ่งนกบินล้อมบังโอ่งมาเป็นกลุ่ม ๆ กัน เฮงอันก็บอกให้เฮงเหมงดู เฮงเหมงเห็นก็คิดอัศจรรย์ใจ ครั้นโอ่งลอยเข้ามาใกล้จึงใช้ให้เฮงอันว่ายน้ำไปลากโอ่งเข้ามาดูเห็นหญิงอุ้มเด็กอยู่ในโอ่ง เฮงอันจึงพูดว่าหญิงอุ้มเด็กอยู่ในโอ่งนี้เห็นจะเป็นคนมีวาสนา นกจึงบินป้องกันแสงพระอาทิตย์มาดังนี้ ซึ่งท่านฝันนั้นเห็นจะได้กับสิ่งนี้ เฮงเหมงว่าเหตุใดเจ้าจึงรู้ว่าผู้มีวาสนาลอยมา เฮงอันว่าซึ่งผู้มีวาสนานั้น ถ้าวาสนายังไม่เต็มที่ถึงตกน้ำหรือภัยต่าง ๆ มีมาก็ไม่ถึงแก่ความตาย เหมือนกับหญิงอุ้มเด็กอยู่ในโอ่งลอยมานี้ ข้าพเจ้าคิดเห็นว่าการก็ถึงที่ตายยังหนีลงในโอ่งลอยมาได้แล้ว ก็เผอิญให้นกบินป้องกันแสงแดดห้อมล้อมมา เฮงเหมงได้ฟังก็เห็นจริงด้วย และดูหญิงที่อุ้มเด็กนั้นนิ่งสลบอยู่ เฮงเหมงเข้าช่วยกันพยุงหญิงกับเด็กออกจากโอ่งเอายามาให้กินแก้ไขฟื้นขึ้น

ฝ่ายนางเอียวสีกินยาฟื้นได้สติแล้ว เฮงเหมงจึงถามว่าเจ้านี้อยู่บ้านไหนเป็นเหตุอย่างไร จึงได้ลงอยู่ในโอ่งลอยน้ำมาดังนี้ นางเอียวสีได้ฟังก็ร้องไห้เล่าความตั้งแต่ต้นมาให้เฮงเหมงฟังทุกประการ แล้วว่าซึ่งสามีและญาติพี่น้องเมื่อเวลาน้ำท่วมนั้นจะเป็นตายประการใดก็ไม่ทราบ ขอท่านจงได้เมตตาเอ็นดูเลี้ยงข้าพเจ้ากับบุตรไว้ด้วยเถิด เฮงเหมงดูลักษณะเด็กนั้นดีมีความเมตตารักใคร่ จึงพูดกับนางเอียวสีว่าเจ้าจงอยู่กับเราก่อน ถ้าน้ำลดลงเมื่อไรเราจะให้คนไปสืบดู ถ้าพบสามีและญาติพี่น้องของเจ้าก็จะได้มารับไปอยู่บ้านตามเดิม สามีของเจ้านั้นแซ่ใดชื่อไร เด็กบุตรเจ้านี้มีชื่อแล้วหรือยัง นางเอียวสีบอกว่าสามีข้าพเจ้าแซ่งักชื่อหัว บุตรข้าพเจ้าชื่องักฮุย ตัวข้าพเจ้าชื่อนางเอียวสี เฮงเหมงได้แจ้งชื่อเสียงแล้วก็พานางเอียวสีกับบุตรเข้าไปในบ้านจัดที่ให้อยู่พอสมควร นางเอียวสีอยู่ที่บ้านเฮงเหมงหลายวันแล้วน้ำจึงลดแห้งลง เฮงเหมงให้คนใช้ไปสืบหางักหัวกับญาติพี่น้องที่บ้านทึงอิมกุ้ยก็หาพบปะผู้ใดไม่ คนใช้กลับมาบอกเฮงเหมง เฮงเหมงแจ้งความแก่นางเอียวสีทุกประการ นางเอียวสีก็มีความเศร้าโศกคิดถึงงักหัวและญาติพี่น้องเป็นอันมากไม่เป็นอันจะกินจะนอน เฮงเหมงก็อุตส่าห์ปลอบโยนเลี้ยงดูนางเอียวสีกับบุตรไว้รักสนิทเหมือนญาติ ครั้นอยู่มาเวลาวันหนึ่ง เฮงเหมงกับนางฮอสีภรรยาและนางเอียวสีนั่งสนทนาอยู่ด้วยกัน นางเอียวสีจึงพูดขึ้นว่าตัวท่านทั้งสองมีอายุถึงห้าสิบเศษด้วยกันแล้ว ไม่มีบุตรที่จะครอบครองสมบัติต่อไป ถ้าเป็นอันตรายลงสมบัติบ้านช่องทั้งปวงเหล่านี้ก็จะเป็นของผู้อื่นไป ข้าพเจ้าคิดเห็นว่าถ้าท่านหาหญิงสาวมาเป็นภรรยาน้อยสักคนหนึ่งเพื่อจะมีบุตรขึ้นบ้างจะได้สืบตระกูลรักษาสมบัติต่อไป เฮงเหมงได้ฟังก็เห็นชอบ จึงปรึกษากับนางฮอสีผู้เป็นภรรยา นางฮอสีก็ยอม เฮงเหมงจัดเอาหญิงสาวที่ในบ้านนั้นมาเลี้ยงดูเป็นภรรยาน้อยคนหนึ่ง ครั้นอยู่มานางนั้นมีครรภ์ก็คลอดบุตรออกมาเป็นชาย เฮงเหมงมีความยินดียิ่งนักตั้งชื่อบุตรนั้นชื่อเฮงตุ้ย ครั้นเฮงตุ้ยเจริญวัยใหญ่ขึ้นอายุได้หกขวบ เฮงเหมงจึงไปหาซินแสมาให้เฮงตุ้ยผู้บุตรกับงักฮุยเรียนหนังสือด้วยกัน และที่บ้านคิลินชึงนั้นมีเศรษฐีอีกสองคน คนหนึ่งชื่อทึงบุนต้อง มีบุตรชายชื่อทึงฮวย เศรษฐีคนหนึ่งชื่อเตียตัด มีบุตรชายชื่อเตียเฮียน เศรษฐีสองคนนั้นชอบพอรักใคร่กันกับเฮงเหมง ครั้นได้แจ้งว่าเฮงเหมงหาซินแสมาสอนหนังสือบุตรก็พาเอาบุตรของตัวมาเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านเฮงเหมงด้วยกัน เด็กทั้งสี่คนนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ครั้นอยู่มาเวลาวันหนึ่ง เฮงเหมงพูดกับนางเอียวสีว่า บุตรเจ้าก็เติบใหญ่ขึ้นแล้ว ที่ห้องเจ้าอยู่ในบ้านเรานี้คับแคบ เจ้าจงพาบุตรออกไปอยู่ที่โรงหน้าบ้านให้สบายเถิด เครื่องใช้สอยทั้งปวงก็มีอยู่พร้อม ถ้าจะต้องการสิ่งใดอีกก็จงมาเอาไปอย่าเกรงใจเราเลย นางเอียวสีก็ยินดีพางักฮุยผู้บุตรออกไปอยู่ที่โรงหน้าบ้านค่อยกว้างขวางมีความสุขขึ้น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ