เยาวพจน์ตอน ๕
บทร้อง
๏ เจ้าพัดกะดีดเอย | ลับมีดไว้ให้คม |
ลับแล้วว่าจะโกนผม | เอวกลมเจ้าคนเดียวเอย ฯ |
๏ เจ้าพัดกระดาษเอย | ขาดแล้วจะซื้อใช้ |
สำเภาเงินสำเภาทอง | เขาจะล่องเข้ามาใหม่ |
ซื้อใช้ให้เจ้าพัดกระดาษเอย ฯ | |
๏ เดือนเอยเดือนหงาย | ดาวกระจายทรงกรด |
อุ้มแก้วขึ้นใส่รถ | ว่าจะไปชมเดือน |
พิศแลดูดาวดาว | ก็ไม่งามเหมือน |
พิศแลดูเดือน | เหมือนนวลอุแม่นา ฯ |
๏ เจ้านกกะจิบเอย | บินมาลิบลิบเทียมเมฆ |
ตัวไหนจะเป็นเอก | การะเวกเจ้าตัวเดียวเอย ฯ |
๏ เจ้านกกะจาบหัวเหลืองเอย | คาบเข้านาเมืองมาสองรวง |
คาบมาว่าจะทำนาหลวง | นมพวงเจ้าตัวเดียวเอย ฯ |
๏ พระจันทร์เจ้าขา | ดีฉันถามข่าว |
พระจันทร์โศกเศร้า | ดีฉันเป็นทุกข์ |
พระจันทร์สนุก | ดีฉันสบาย |
พระจันทร์เดือนหงาย | ดีฉันเที่ยวเล่น |
เดือนมืดไม่เห็น | ดีฉันนอนเสีย ฯ |
๏ โอละเห่โอละฮึก | ลุกขึ้นแต่ดึก |
จะทำขนมแชงม้า | ผัวตีเมียก็ด่า |
ขนมแชงม้า | ก็คาหม้อแกง ฯ |
๏ ไฟไหม้ฝอย | ลุกขึ้นหลังคา |
แมวกินปลา | หมากัดกะโพ้งก้น |
อะไรย่นย่น | ติดก้นพ่อเณร ฯ |
๏ เสือข้ามฟาก | กินหมากกินพลู |
เสือปักกะตู | กินพลูใบเหลือง ฯ |
๏ เด็กเด็กเอ๋ย | อย่าเพ่อนอนหลับ |
ลุกขึ้นตีกรับ | ช่วยกันแทงเสือ ฯ |
รวม ๑๑ บท
บทขยาย
๏ เมื่อนั้น | ขุนชะเลอิงแอบแนบน้อง |
หยิบพัดกะดีดกับมีดทอง | มากรีดลองลับไว้จะให้คม |
มีดโกนเล่มนี้ดีหนักหนา | พี่ลับไว้หมายว่าจะโกนผม |
จะแต่งให้ลูกน้อยกลอยชม | เอวกลมของพี่นี้คนเดียว |
เจ้าร้อนฤๅจะกระพือวายุพัด | ศรีสวัสดิ์อย่าพิโรธโกรธเกรี้ยว |
แกล้งกรีดพัดกะดีดมีดปราดเรียว | เสียงแกรกเดียวขาดปรุทะลุไปฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจ้ำจี้ศรีใส |
เห็นพัดกะดีดปิดกระดาษเจ้าขาดไป | อรไทยโกรธาน้ำตาคลอ |
พัดนี้ลายทองเป็นของรัก | หาญหักให้สมอารมณ์หนอ |
เจ็บใจให้แสนจะแค้นคอ | แกล้งก่อข่มเหงไม่เกรงกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนชะเลรับผิดคิดขัน |
แก้วตาจงโปรดยกโทษทัณฑ์ | พัดนั้นเป็นกระดาษก็ขาดไป |
พี่จักซื้อใช้ให้เจ้า | พอสำเภาเงินทองล่องมาใหม่ |
อย่าน้อยจิตต์คิดแค้นแน่นฤทัย | จะซื้อให้เจ้าพัดกระดาษเอย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ปลอบพลางทางต้องประคองชม | แสนภิรมย์อิงแอบแนบเขนย |
ยียวนชวนนุชสุดเสบย | ชื่นเชยหลับไปในราตรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ มาข้าจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวสหัสไนยโกสีย์ |
สอดส่องมองทั่วทั้งราตรี | เห็นดีด้วยทิพย์เนตร์ญาณ |
ควรจักบำรุงให้รุ่งเรือง | ในเรื่องจิงโจ้โวหาร |
ที่จักสืบต่อข้อนิทาน | ตามการเห็นเรื่องให้เนื่องกัน |
จึ่งสั่งมาตุลีเทวฤทธิ์ | นฤมิตรถแก้วแววสวรรค์ |
ลงไปให้จิงโจ้โคจรัล | ให้ทันเวลาในราตรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มาตุลีเทวาสารถี |
น้อมคำนับรับราชวาที | บังคมลาจรลีจากพิมาน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ จึ่งยอกรประณตบทเรศ | ร่ายเวทย์นฤมิตอธิษฐาน |
เดชทิพย์มนต์ดลบันดาล | คัคนานต์เมฆเกลื่อนสะเทื้อนดิน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
รัว หมอกหายกลับกลายกระจายหมด | เป็นรถรัตนาศน์ผาดผิน |
ลอยคว้างอยู่กลางเมฆิน | เทวินทร์ชื่นชมสมบูรณ์ |
เสียงสัตย์อธิษฐานรถแก้ว | แม้นเสร็จการแล้วจงสาปสูญ |
ประสงค์พอต่อเสริมเพิ่มพูล | ว่าแล้วขับยูรลงมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โล้ ครั้นถึงน่าห้องช่องทวาร | มีทหารพร้อมพรักอยู่รักษา |
เฝ้าเจ้าขุนชะเลในเภตรา | ง่วงพับหลับตามะเมอกรน |
มาตุลีเทวฤทธิ์ประดิษฐ์ตั้ง | ตรงน่าทวารังที่ต้น |
เห็นระเบียบเรียบร้อยก็ถอยตน | จรดลบังกายหายไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
รัว เมื่อนั้น | ขุนชะเลลืมตัวมัวหลับไหล |
มะเมอฝันหวั่นหวาดปลาดใจ | เทพไทยดลจิตต์ให้นิทรา |
พลันตื่นฟื้นกายยังหมายมั่น | เห็นแสงจันทร์ส่องสว่างกระจ่างจ้า |
ปลุกสาวสวรรค์ภรรยา | ตื่นเถิดแก้วตาอย่าง่วงนอน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจ้ำจี้ศรีสมร |
ฟื้นกายหมายว่ารุ่งรวิวร | สว่างแสงศศิธรกระจ่างตา |
พิศเพ่งเล็งดูก็รู้แน่ | ว่าแสงแขไขส่องท้องเวหา |
ยังไม่รุ่งรางสว่างฟ้า | ไฉนจึ่งพัศดามาปลุกกวน |
มีเหตุเภทพาลประการใด | นางเฝ้าซักไซร้ไต่สวน |
ดึกดื่นปานนี้มิควร | แกล้งกวนตอแยรังแกกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนชะเลโลมเล้าเล่าฝัน |
ว่าเทวามากระซิบริมกรรณ์ | ให้เชิญขวัญไปภิรมย์ชมเดือน |
นฤมิตปรากฏเป็นรถแก้ว | มาวางให้ไว้แล้วจงคลาศเคลื่อน |
เห็นถนัดชัดใจไม่ฟั่นเฟือน | ดูเหมือนยังอยู่ประตูนี้ |
ว่าพลางทางเปิดทวารา | ก็เห็นรัถาประทับที่ |
พราวแพรวล้วนแก้วมณีดี | เทียมด้วยพาชีสง่างาม |
ว่านี่อะไรมิใช่หรือ | บุญฦๅจงมาอย่าขาม |
เราจะเที่ยวท่องในสองยาม | พลางประโลมโฉมงามประคององค์ |
เดือนหงายดาวกระจายทรงกลด | อุ้มแก้วใส่รถงามระหง |
ว่าจะไปชมเดือนเหมือนใจจง | รถทรงก็ลอยขึ้นเมฆิน ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
พากย์ รถเอยรถแก้ว | เลิศแล้วด้วยทิพยโกสินทร์ |
กาพย์กนกนกคาบนาคินทร์ | บุศบกนกบินบัวรอง |
งามกระจังตั้งดั่นหลั่นลด | มรกตแกมสุวรรณชั้นช่อง |
ครุฑอัดหยัดเหยียบยืนประคอง | จำลองเทพนมสลักลาย |
กาพย์เกล็ดเพ็ชร์รัตน์ปภัสสร | งามงอนงามแปลกเฉิดฉาย |
ธงไชยใบสุวรรณพรรณราย | แสงแก้วแพร้วพรายรายระยับ |
สินธพเทียมคู่ผู้ผยอง | สีทองผาดเผ่นเต้นหรับ |
ค่อยเลื่อนเคลื่อนคล้อยลอยลับ | แสงแก้วแวววับจับแสงเดือน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
บ้าหลิ่ม เจ้าภิรมย์ชมชี้อุณฬุก | ดาวสุกสีอร่ามไม่งามเหมือน |
พิศเพ่งเล็งแขแลดูเดือน | ก็เหมือนนวลหน้าน้องละอองเอย |
โน่นแน่ฝูงวิหคนกกะจิบ | บินมาลิบ ฯ นะน้องเอ๋ย |
ลอยเยี่ยมเทียมเมฆบินเลย | ตัวไหนทรามเชยเป็นเอกดี ฯ |
ฯ ๕ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จ้ำจี้ตอบพลางทางชี้ |
การเวกเอกกว่าสกุณี | ตัวเดียวเท่านี้เป็นนายนำ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ นกกะจาบคาบเข้านาเมือง | ศีร์ษะเหลืองน่าชมคมขำ |
สองรวงเผื่อคู่อยู่ประจำ | เจ้าจะทำนาหลวงที่ร่วงลง |
นมพวงดวงจิตต์คิดสงสัย | นกจะทำนาได้ก็ไหลหลง |
ราตรีปักษีมาเวียนวง | กลางดงดึกเช่นไม่เห็นเลย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนชะเลตอบสนองว่าน้องเอ๋ย |
นกนี้สาปไว้ให้ชมเชย | บุญเคยคู่เราแต่เบาราณ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ราหูฤทธิไกรใจหาญ |
ดั้นโพยมโถมถีบคัคนานต์ | ฉีกเมฆโผทะยานเหยียบฟ้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
กราวใน เห็นนุชบริสุทธิรัศมี | ไขศรีทรงกลดสดจ้า |
เออไฉนกูนี้เป็นพี่ยา | เขียวดำมะละกาเหมือนก้อนดิน |
หวนคิดอิจฉาตาโพลน | เผ่นโผนกริ้วโกรธโดดดิ้น |
โจนเข้าจับคว้าอ้าโอษฐ์กิน | ใจทะมิฬหมายมาดพิฆาตจันทร์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เชิด เมื่อนั้น | ศศิธรอ่อนแสงแดงฉัน |
ตกพระทัยไหวหวาดปลาดครัน | พร้อมสนมกำนัลเกรียวกราว |
เสียงกราดกรีดปิดเนตร์กลัวยักษ์ | คึกคักชุลมุนวุ่นฉาว |
อยู่ในรถแก้วแวววาว | เสียงราวจะวินาศขาดใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เชิด เมื่อนั้น | ราหูสิทธิศักดิ์ยักษ์ใหญ่ |
กลืนดวงจันทราทั้งรถไชย | มืดพยับไปในราตรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
รัว เมื่อนั้น | ชุนชะเลกับมิ่งมเหสี |
ทรงรถลอยเร่เมฆี | ครั้นมืดรัศมีปลาดใจ |
ไม่เคยสังเกตเหตุผล | จันทรมณฑลสว่างไขย |
เลยลับกลับมืดหายไป | ตกใจกลับรถบทจร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เชิด ครั้นถึงเท้งเต้งเก๋งใหญ่ | ครรไลยจากรถสังหรณ์ |
รถแก้วกลับหายให้อาวรณ์ | สององค์สุดสะท้อนถอนใจ |
จิงโจ้บุญเจ้าแต่เท่านั้น | พอเปรียบเทียบทันสรรค์ใส่ |
แหงนดูนภางค์สว่างไป | ดีใจจันทร์แจ่มแอร่มเรือง |
หมดเมฆราคีไม่มีข้อง | อสุรีหนีน้องไปตามเรื่อง |
ชมพลางทางชวนแม่ขวัญเมือง | ย่างเยื้องมานั่งกลางนาวา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
เสมอ เมื่อนั้น | จ้ำจี้เยาวะยอดเสน่หา |
ดีใจได้เห็นพระจันทรา | กัลยาวอนถามตามข่าวมี |
ว่าพระจันทร์เจ้าขาข้าถามข่าว | เมื่อคราวโศกเศร้าเราทุกขี |
ครั้นท่านสนุกไม่ราคี | ข้ามีความสะบายวายรำคาญ |
เวลาเมื่อเดือนหงายข้าชื่นแช่ม | ครั้นเดือนแรมลับไปให้สงสาร |
กล่าวโดยจันทรคาธตามโบราณ | ยุพาพาลพรรณนากว่าสองยาม |
จึ่งว่าเวลาก็ดึกแล้ว | ไก่แก้วข้นเร้าเข้ายามสาม |
ชวนผัวยาตราลี้ลาตาม | กรายกรอ่อนงามเข้าห้องใน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
เสมอ ครั้นถึงจึ่งขึ้นบนอาศน์ | ไสยาสน์ปรีดิ์เปรมเกษมไสย |
สองภิรมย์ชมเชยเสบยใจ | ก็หลับไปในห้องทั้งสองรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ตระ เมื่อนั้น | ขุนชะเลฝันเพ้อมะเมอหา |
ว่าได้กินขนมแชงม้า | โอชาชุ่มชื่นก็ตื่นพลัน |
ที่ทำจำได้ไม่สู้ยาก | เวลาดึกนึกอยากสุดกะสัน |
จึ่งปลอบปลุกภรรยาวิลาวรรณ์ | สาวสวรรค์จงตื่นฟื้นกาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เจรจา เมื่อนั้น | จำจี้หวาดไหวไจหาย |
ตื่นกระหนกตกจิตต์คิดระคาย | โฉมฉายคั่งแค้นแสนโกรธา |
ดึกดื่นเที่ยงคืนป่านฉะนี้ | จู้จี้เฝ้ากวนมาชวนข้า |
เวียนปลุกไม่หยุดสุดระอา | ว่ากะไรว่ามาอย่าร่ำไร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนชะเลวอนว่าอัชฌาไสย |
เจ้าอย่าถือโกรธพิโรธใจ | จะเล่าให้ฟังความตามนิมิตร |
ว่าได้กินขนมแชงม้า | โอชาปรากฏรสสนิท |
วิธีทำจำไว้ได้สมคิด | ใจจิตต์อยากเสวยไม่เคยมี |
เจ้าจงครรไลยไปช่วยกัน | แต่สองคนเท่านั้นไม่อึงมี่ |
เป็นเทพยนิมิตรประสิทธี | ใครกินขนมนี้อายุยืน |
ไม่ต้องเรียกสาวสรรค์กำนัลใน | สองคนก็ทำได้ไม่ขัดขืน |
เชิญเจ้าครรไลยในกลางคืน | พอชื่นวิญญาอย่าเคืองกัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางจ้ำจี้ศรีสรรค์ |
หน้าศรวลกวนเสวยเลยดึกครัน | เฝ้าฝันไม่หยุดสุดรำคาญ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนชะเลวิงวอนด้วยอ่อนหวาน |
ปลอบพลางทางชวนยุพาพาล | จากห้องสำราญไปท้ายเรือ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ ครั้นถึงห้องสุดเก๋งน้อย | พร้อมเครื่องใช้สรอยมีล้นเหลือ |
จึ่งหยิบแป้งมาละลายน้ำตาลทรายเจือ | กับฟองไก่เป็นเนื้อระคนปน |
นมเนยมันนอกก็ปอกใส่ | เนื้อไก่กับหมูก็สับป่น |
ถั่วลิสงโรยรายกระจายคน | ยี่หร่าปนแป๊ะกับกั๋กผักชี |
ติดไฟใส่ถ่านพอร้อนรุ่ม | ควันกลุ้มไฟเรืองประเทืองสี |
ชุลมุนวุ่นใจไม่สมประดี | คนเดียวคลุกคลีเพราะเข้าใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
รัว เมื่อนั้น | นวลนางจ้ำจี้ศรืใส |
ยกแป้งปรุงปนที่คนไว้ | ก็เทใส่ลงในหม้อแกง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จิงโจ้โกรธาคว้าแย่ง |
เหวี่ยงวัดพลัดตกหกตะแคง | โกรธาตาแดงดังอัคคี |
นางนี้เป็นกระสือฤๅผีปอบ | จึ่งชอบโสมมไม่สมศรี |
เจ้าข้าเอ๋ยไม่เคยเห็นมี | ขนมดีใส่หม้อแกงให้แร้งทึ้ง |
เหม็นคาวน้อยฤๅกระสือเอ๋ย | ข้าเคยใส่ถาดสอาดนึ่ง |
ไม่เห็นเขาบ้างฤๅมาดื้อดึง | ยิ่งโกรธาว่าอึงเสียการ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จ้ำจี้เจ็บใจดั่งไฟผลาญ |
หยาบช้าว่ายับอับประมาณ | นงคราญตอบคำไม่ยำเกรง |
เพราะข้าไม่เป็นเห็นอย่างเยี่ยง | โทษเพียงนิดเดียวเขี้ยวข่มเหง |
ไม่รู้ฤๅอีกระสือระบือเครง | เป็นปอบปลอมเท้งเต้งไม่เกรงใคร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จิงโจ้ยิ่งพิโรธโกรธใหญ่ |
น้อยฤๅย้อนว่ากล้าใจ | ฉวยไม้ไล่ตีชุลมุน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เชิด เมื่อนั้น | จ้ำจี้หนีพลางทางคิดฉุน |
ปากกล้าด่าผัวสับปะทุน | มันมาหลู่คุณภรรยา |
ชาติสัตว์เดียรฉานพาลผิด | อวดฤทธิยกตนเป็นคนกล้า |
เช่นนี้หมีกลัวฤทธา | อ้ายจิงโจ้กินปลาจะกัดใคร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จิงโจ้โกรธหนักเข้าผลักไส |
ชี้หน้าว่าเหม่อีจัญไร | เงื้อไม้ไล่ตีวุ่นวาย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เชิด เข้าของแตกตกหกสิ้น | ถ้วยชามปากบิ่นฉิบหาย |
ขนมแป้งแชงม้าก็กระจาย | ลงคาหม้อแกงหงายอยู่กลางเตา |
ฟืนไฟไหม้ฝอยขึ้นหลังคา | แมวย่องกินปลาหมาเห่า |
ไล่กัดกะโพ้งก้นแมวเทา | จ้ำจี้ดิ้นเร่าลงโศกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอด บัดนั้น | เณรน้อยแวะเรือขึ้นมาหา |
เห็นผัวเมียวิวาทผิดเวลา | ไฟไหม้หลังคาติดโพลง |
เณรเข้าแย่งยื้อรื้อสาด | น้ำราดตักรดจนหมดโอ่ง |
เพลิงระงับดับหายกายโทง | เหนื่อยบอบหอบโครงแทบบรรไลย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เณรน้อยจึ่งว่าข้าบิณฑ์บาต | อย่าวิวาทตีด่าอัชฌาไสย |
โยมจงดีกันฉันจะไป | ฟืนไฟดับหมดอดโกรธา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จิงโจ้ค่อยสบายหายบ้า |
จึ่งว่านี่หากพ่อเณรมา | หาไม่นาวาจะไหม้วู |
บุญคณหนักหนาข้าขอบใจ | นั่นอะไรย่น ฯ ติดก้นอยู่ |
ข้าคิดสงสัยไม่รู้ | เจ้ากูจงบอกอย่าหลอกกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เจรจา บัดนั้น | เจ้าเณรยิ้มร่าว่าขัน |
ตาท่านฟางฝาดปลาดครัน | ที่ย่นๆ อยู่นั้นรัดประคด |
บอกพลางทางลาคลาคลาศ | ผัวเมียอภิวาทน้อมประหนต |
เณรน้อยถอยเรือพายเลี้ยวลด | ไปตามความบทไม่กลับมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โล้เชิด ยังมีเสือเหลืองเยื้องย่อง | คำรามร้องลอยว่ายบ่ายหน้า |
โครมครามข้ามฟากอยากกินปลา | ตรงมายังฝั่งชลธี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เชิดฉิ่ง ครั้นถึงฝั่งท่านาวาจอด | ด้อมดอดเข้าไปมิได้หนี |
หาภักษาสิ่งใดก็ไม่มี | พยัคฆีอ้าปากกินหมากพลู |
เข้าซุ่มอยู่ซุ้มทวารา | ริมข้างศาลาที่อยู่ |
หิวหอบหมอบจ้องมองดู | กินแต่พลูใบเหลืองชำเลืองตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าพญาจิงโจ้โผล่หน้า |
แลเห็นพยัคฆีที่ศาลา | เรียกหาเด็ก ๆ อยู่เกรียวกราว |
ลุกขึ้นมานี่ตีโกร่งกรับ | อย่าเพ่อนอนหลับจะเกิดฉาว |
ช่วยกันแทงเถืออ้ายเสือดาว | มันมาหมอบขาวอยู่ศาลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝูงเด็กต่างคนตกประหม่า |
บ้างฟื้นตื่นชะแง้แลมา | เห็นเสือใจกล้าตาโต |
ต่างคนตีเกราะเคาะไม้ | โห่ร้องก้องไปเสียงโหล่ |
บ้างขว้างต่างไล่พยัคโฆ | ทั้งจิงโจ้เท้งเต้งเก่งครัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เชิด เมื่อนั้น | เจ้าพญาจิงโจ้โมหันต์ |
เห็นเสือหนีไปในอรัญ | ชวนเมียจรจัลเข้าห้องนอน ฯ |
ฯ ๒ คำ เสมอรัว ฯ
บทร้อง
๏ หัดเชยมะเลยกุ๋ยกุ๋ย ตุ้มตะตุ้มตุ๋ย ต้อยติงนังหนอด ฯ
๏ แก้วตะละเผย | เอาลูกเขยกอดนอน |
หัวเจ้าตก | ก็มายกใส่หมอน |
ไหย้าไหหยวบ | ไม่ทันถึงขวบ |
ก็เป็นตัวจิ้งจก | แก้วตะละเผย ฯ |
๏ ย้ายย้าย ไอ้มะย้าย ย้ายเอย ฯ | |
๏ ใครตด | ก้นเหน้าก้นหนอน |
พระอินทร์ถือศร | ขี่ม้าไล่ฟัน |
ดวงจันทร์ลั่นป้อ | ยอเปี้ยวเลี้ยวปั๋ง ยั้งปู๊ด ฯ |
๏ มดตะนอย | ต่อยก้นขัน |
ใครยิงฟัน | คนนั้นขี้ตด ฯ |
๏ มดตะนอย | ต่อยใบพลู |
ใครแลดู | คนนั้นขี้ตด ฯ |
๏ เรือเอ๋ยเรือเล่น | สามเส้นสิบห้าวา |
จอดไว้ที่น่าท่า | คนก็ลงเต็มลำ |
หัวจดอยู่บางกอกน้อย | ท้ายก็ย้อยไปปากน้ำ |
คนลงอยู่เต็มลำ | พายจ้ำมาฉับฉับ |
พายดำพายแดง | เป็นปีกแสงแมลงทับ |
จ้ำมาหยับหยับ | ว่าจะรับนางสิบสอง |
เรือก็ล่มลงท่าจีน | มาปีนขึ้นเอาแม่กลอง |
เสียเข้าเสียของ | น้องชายเจ้าไม่คิด |
เหลือแต่ผ้าเช็ดหน้า | เจ้าพญาตีนติด |
ยังแต่ปลาสลิด | ติดตัวอุแม่นา ฯ |
๏ ลูกสาวใครเอย | ลูกสาวเขาชาวแพ |
นั่งเรียงเคียงแม่ | คิ้วเจ้าสุดหางตา |
ใครหนอที่รู้จัก | ช่วยชักให้หน่อยรา |
ยากเย็นเป็นข้า | หญิงคนนี้จะทำเนา |
กลางวันจะใช้เจ้า | กลางคืนจะเคล้าให้นางนอน |
ร่วมฟูกร่วมหมอน | ร่วมที่นอนเจ้าคนเดียวเอย ฯ |
รวม ๗ บท
บทขยาย
๏ วันหนึ่ง | จิงโจ้รำพึงถึงสมร |
เห็นอนงค์ทรงครรภ์ขึ้นอ่อน ๆ | อุทรเจ้าโตกว่าสักห้าเดือน |
ร้ายดีเป็นไฉนก็ไม่รู้ | จะต้องให้หมอดูกำหนดเคลื่อน |
คิดพลางทางเรียกนางต้นเรือน | อย่าแชเรือนไปเรียกตารอดมา ฯ |
ฯ ๔ คำฯ
๏ บัดนั้น | สาวใช้ประณมก้มเกษา |
กราบกรานคลานคล้อยถอยมา | จะไปหาท่านครูผู้ชำนาญ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชุบ ครั้นออกมานอกเก๋งกลาง | พร้อมหมู่ขุนนางแลทหาร |
ตรงเข้าไปวันทาท่านอาจารย์ | ว่ามีโองการให้หาไป |
เชิญท่านคุณรอดปอดแฉ่ง | จัดแจงตำราอย่าช้าได้ |
ให้ข้านำครูเฒ่าเข้าข้างใน | จงรีบครรไลยในบัดนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตารอดโหราตาปี๋ |
ได้ฟังสาวใช้พาที | ว่ามีรับสั่งให้หาตัว |
ผลัดผ้าคว้าคัมภีร์ผูกใหญ่ | เรียกหาข้าใช้อ้ายจีนตั้ว |
จงแบกตำรามาตามอั๊ว | ความกลัวอาญารีบคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เชิด ครั้นถึงจึ่งคลานเข้าเฝ้า | ก้มเกล้าวันทาอัชฌาไศย |
คอยฟังรับสั่งประการใด | หมอบอยู่มิได้เจรจา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนชะเลผู้มียศถา |
แลเห็นขุนรอดปอดแฉ่งมา | ก็กล่าวรสพจนาทักทาย |
แล้วจึ่งว่าท่านผู้เฒ่า | ทายเราแต่หลังมาทั้งหลาย |
ถูกต้องทุกคำที่ทำนาย | จงทายครรภ์นางให้แน่นอน |
จะเป็นบุตรฤๅบุตรี | ร้ายดีอย่างไรให้รู้ก่อน |
จะได้ป้องปัดตัดรอน | จะถาวรสืบไปไฉนนา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
เจรจา บัดนั้น | ตารอดอาจารย์หาญกล้า |
บังคมก้มเกล้าวันทา | นับยามสามตาตามเคย |
ว่าหนึ่งรองสองงามสามเป้ง | ตามเพลงทารกยกเฉลย |
จึ่งก้มเกล้าทูลทายพิปรายเปรย | ทรามเชยทรงครรภ์นั้นร้ายนัก |
เป็นบุตราแต่ว่าจะเสียสูร | ต้องเสนียดเหยียดคูณหางเลขหัก |
จะต้องแท้งแรงร้ายขายพักตร์ | อีกครู่เดียวจะประจักษ์ทันใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางจ้ำจี้ศรีใส |
ได้ฟังทำนายอายใจ | อรไทยป่วนปั่นในอุทร |
พอขยับกลับกายขยายเลื่อน | ก็คลอดเคลื่อนบุตราหน้าอ่อน |
สักเท่าจิ้งจกตกนอน | ม้วยมรณ์แน่นิ่งไม่ติงองค์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอด บัดนั้น | เท้งเต้งตนหนึ่งตลึงหลง |
เสียจริตคิดขำทำพะวง | หัวเราะเยาะส่งเป็นบทกลอน |
ว่าไหโย้พ่อแก้วไหย้าหยวบ | ไม่ทันขวบเป็นจิ้งจกก็ตกขอน |
ไอ้ตะละเผยลูกเขยเข้ากอดนอน | หัวเจ้าตกยกหมอนเข้ามารอง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
กราวรำ เมื่อนั้น | ขุนชะเลกริ้วกราดตวาดก้อง |
เหม่อ้ายเท้งเต้งเก่งคนอง | มาร้องเยาะหยันไม่พรั่นใจ |
เฮ้ยอ้ายจิงโจ้โปลิศ | จงผลาญชีวิตอ้ายบ้าใหญ่ |
อย่าช้าเร่งคร่าเอาตัวไป | ส่งให้บู๋ชูผู้ทำมะรง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จิงโจ้นายไพร่ไล่ส่ง |
บ้างเข้ามัดรัดพันธ์มั่นคง | พาไปในดงที่ฆ่าคน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เชิด เมื่อนั้น | ท่านท้าวจิงโจ้โกศล |
ได้ความอับอายกระวายวน | ชวนนางจรดลไปเก๋งกลาง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งนั่งเก้าอี้ | พรักพร้อมเสนีรอบข้าง |
เฝ้าแหนแน่นอยู่หมู่ขุนนาง | ค่อยสว่างอารมณ์ลมชวย |
ท่านท้าวขุนชะเลเหหัน | ท้องลั่นวิปริตคิดขวย |
บันดาลวาโยธาตุระทวย | ตะเพิดพวยพัดผึงตึงออกมา |
ก็กระหลบอบฟุ้งพลุ่งกลิ่น | เหม็นประทินพักตร์บิดติดนาสา |
ท้าวแสร้งแกล้งกล่าวพจนา | เอะนี่ใครใจกล้าเผยวาโย |
เสียงดังอยู่ข้างซ้ายพี่ | เหมือนเสียงสัตรีส่งกลิ่นโฉ |
มีความสงสัยไม่พาโล | ขอเชิญเจ้าพุงโรถอยออกไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจ้ำจี้ศรีใส |
ได้ฟังคั่งแค้นแน่นฤๅไทย | ทรามไวเคืองขัดสบัดพักตร์ |
เจ้าข้าเอ๋ยใคร ๆ ที่ในนี่ | ทั้งภูตผีเทวฤทธิสิทธิศักดิ์ |
ใครได้ยินกลิ่นให้ทายทัก | อย่าเห็นพักตร์ผู้ใดเกรงใจกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนชะเลนั่งล้อหัวร่อหยัน |
แม้นว่าสงสัยติดใจครัน | จะต้องไล่ไขพลันว่าลงใคร |
จึ่งว่ามดตะนอยต่อยก้นขัน | ใครยิงฟันผู้นั้นอย่าสงสัย |
เป็นสัตย์จังดั่งว่าตำราไทย | วิเศษเหลือเชื่อได้ไม่สงกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางจ้ำจี้เสนหา |
ฟังเรื่องเคืองขัดพัศดา | สาระแนแก้ว่าไปตามที |
นางว่ามดตะนอยต่อยใบพลู | ใครแลดูผู้นั้นก็เสียศรี |
เป็นคนเคยเผยกลิ่นสุมาลี | เที่ยวพาโลนารีไม่มีอาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนชะเลซ้ำว่าเจ้าอย่าหมาย |
เขาเห็นแน่ยังจะแก้ทำอุบาย | จนทายถูกตัวยังมัวดึง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จ้ำจี้แสนพิโรธโกรธขึ้ง |
เจ้าคารมขึ้นเสียงเถียงอึง | พักตร์บึ้งเคืองค้อนค่อนพาที |
ว่าใครซนก้นเน่าก้นหนอน | หยาบย้อนว่าให้ไม่บัดสี |
ไม่เขินเกินกํ้าคำไม่ดี | ให้ภูตผีอารักษ์ประจักษ์ใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ มาข้าจะกล่าวบทระบิล | ถึงท้าวโกสินทร์เป็นใหญ่ |
อาศน์อ่อนกลับร้อนดั่งไฟ | แข็งกระด้างผิดไปให้รำคาญ |
จึ่งเลงทิพยญาณการณ์เหตุ | สังเกตแจ้งจิตต์ทุกทิศาณ |
เห็นเหตุจิงโจ้โบราณ | บุญญาธิการเกินตน |
ไม่ควรจ้ำจี้ภริยา | จะหยาบช้าพาทีปี้ป่น |
จักต้องสำแดงฤทธิรณ | ให้ประจักษ์ตาชนในบัดนี้ |
ดำริพลางทางจับพระแสงศร | กับพระขรรค์คู่กรของโกสีย์ |
ออกจากพิมานแก้วมณี | มาเกยพาชีที่บัญชร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ม้าเอ๋ยม้าเทพย | สูงใหญ่โยเสบกว่าไกรสร |
ขาวผ่านเป็นอานบวร | หน้าใบโพธิอ่อนพองาม |
สีเท้าขาวด่างหางด้วย | ขนกายดำสลวยมีผ่านล่าม |
เป็นมงคลเวียนขวากล้าสงคราม | ประดับเครื่องเรืองอร่ามไม่ราคิน |
บังเหียนอานพานรัดสายกะสัน | เครื่องมั่นพรายเพริดเฉิดฉิน |
ล้วนสุวรรณ์แกมแก้วมณีนิล | ม้าเทียบเกยอัมรินทร์คอยที ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวอินโทเรืองศรี |
ถือศรจรขึ้นพาชี | อาชาพารี่เหาะลงไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงเท้งเต้งนาวา | พร้อมบรรดาไพร่นายน้อยใหญ่ |
เห็นจิงโจ้จ้ำจี้นั่งพิไร | ทุ่มเถียงเสียงใสไม่ปราณี |
ท่านท้าวโกสีย์ชี้หัตถ์ | เหม่นางปากจัดมะเหสี |
ไม่เกรงกำม์ทำก่อเวรี | เดี๋ยวนี้จะวินาศด้วยสาตรา |
ตัวเราเป็นใหญ่ในโลก | ต้องทำโทษดับโศกทุกแหล่งหล้า |
กริ้วพลางทางขับอาชา | ถือศรขี่ม้าเข้าไล่ฟัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
เชิด เมื่อนั้น | จ้ำจี้ตกใจไหวหวั่น |
ร้องกรีดหวีดว้ายตะกายกัน | กอดผัวตัวสั่นไม่วางมือ |
ทั้งเหล่านักสนมกรมใน | พวกผู้ชายนายไพร่บ้างวิ่งตื๋อ |
ชุลมุนวุ่นแหวกแตกฮือ | อึงอื้อเกรียวกราวออกฉาวไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวอัมเรนทร์เป็นใหญ่ |
บันดาลให้หมอกกลุ้มคลุ้มใน | ปิดแสงอโนไทยไม่รูจี |
แลเห็นจันทรอ่อนแสง | เด่นแดงลอยล่องไม่ผ่องศรี |
เลยอับลับเลี้ยวเมฆี | ก็ลั่นป้อจรลีหายไป |
ท่านท้าวโกสีย์ตีต้อน | ไล่เหล่าพลนิกรไม่ปราไศรย |
ยอเปี้ยวเลี้ยวปั๋งคลั่งใจ | อ่อนพระไทยยั้งปุ๊ดออกมาเอง |
เอ๊ะไฉนตัวกูเป็นผู้ใหญ่ | เป็นถึงสหัสไนยกล้าเก่ง |
มาขยายผายทิพย์เส็งเคร็ง | เพราะไล่ฟันเท้งเต้งจึ่งกาลี |
จะทำมันไม่ได้ต้องไปหละ | จะขืนอยู่เอะอะก็บัดสี |
ว่าพลางทางขับพาชี | เหาะระรี่ไปสวรรค์ชั้นอินทร์ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
เชิด เมื่อนั้น | ท่านท้าวขุนชะเลชำนาญสินธุ์ |
วุ่นวายหายเหตุภัยริน | ท้าวสิ้นโทมนัสส์ไม่ขัดเคือง |
จึ่งถามตารอดปอดแฉ่ง | มาเกิดเหตุร้ายแรงไม่รู้เรื่อง |
เฝ้ามีทุกข์ยุคเข็ญเป็นเนืองๆ | พระอินทร์ท่านขัดเคืองด้วยอันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตารอดปอดแฉ่งแจ้งทางไสย |
ดูลมนาสิกปราณชำนาญใน | แจ้งใจทูลความตามคดี |
ว่าเกิดเหตุเภทภัยใหญ่นั้น | เพราะหยาบช้ากว่ากันเมื่อตะกี้ |
พระอินทร์จึ่งสำแดงแผลงฤทธี | ไล่ฟันมเหสีที่หยาบคาย |
ครั้นแล้วพระอินทร์ก็เป็นเอง | ขยายทิพย์เส็งเคร็งจึ่งเหาะหาย |
สิ้นโทษเท่านั้นอย่าพรั่นกาย | ทูลทายแล้วก้มบังคมลง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางจ้ำจี้นวลหงส์ |
ได้สติตริเห็นเป็นมั่นคง | โฉมยงขอขะมาพระสามี |
บังคมก้มเกล้าวิงวอน | พระจงโปรดโทษกรมเหสี |
ที่ข้าผิดพลั้งครั้งนี้ | ภายหลังพาทีไม่หยาบคาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวจิงโจ้โมโหหาย |
รับขะมาอนุญาตไม่วุ่นวาย | ก็อยู่สุขสบายนานมา |
จนเจ้าขุนทองผ่องพักตร์ | ลูกรักเจริญวัยใหญ่กล้า |
ได้สิบหกชนมานชาญศักดา | ท้าวตริตราคิดจะใครให้คู่ครอง |
ได้ยินข่าวเล่าฦๅสื่อมา | ว่านางหนึ่งโสภาสิบสอง |
ล้วนรุ่นตรุณีพี่น้อง | อยู่ท่าจีนแม่กลองปากชะเล |
จะจัดแจงเรืองามสามเส้น | เป็นที่เรือเล่นเที่ยวพายเห่ |
ให้เจ้าขุนทองลองพเน | จรไปในชะเลรับนางมา |
ดำริพลางทางสั่งเสนี | ให้เตรียมนาวีอย่าช้า |
จะให้บุตรเราไปในคงคา | รับนางกัลยาสิบสองคน ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีกราบงามลงสามหน |
ได้รับสั่งถอยหลังจรดล | ออกมาชายชลที่เภตรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ จึ่งสั่งเท้งเต้งตัวนาย | ให้จัดฝีพายถ้วนหน้า |
ลงเรือสามเส้นสิบห้าวา | พระลูกยาจะเสด็จไปปากน้ำ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ เมื่อนั้น | เจ้าขุนทองหนุ่มนวลอ้วนล่ำ |
จัดแจงแต่งองค์ทรงดำ | งามลํ้าเลิศลักษณ์พักตร์ละออ |
แต่งองค์เสร็จสรรพจับพระแสง | อ้องแอ้งกรายกรอ่อนข้อ |
เอวกลมสมกายกรายกรอ | ไปเฝ้าท้าวพ่อจะทูลลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เสมอ ครั้นถึงจึ่งนั่งบังคม | กราบก้มบิตุเรศนาถา |
ทั้งพระชนนีก็วันทา | ขอบังคมลาไปแม่กลอง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เจรจา เมื่อนั้น | ท่านท้าวจิงโจ้ยิ้มย่อง |
ก็อำนวยชัยให้ขุนทอง | จงสมจิตต์คิดปองอย่ามีภัย |
แม้เจ้าจะไปอย่าได้ช้า | เร่งรีบกลับมาอย่าไถล |
จงได้นางสิบสองย่องใย | มาร่วมใจเอกองค์นงคราญ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนทองรับพรอ่อนหวาน |
บังคมก้มเกล้ากราบกราน | ลาไทยภูบาลทั้งมารดา |
ถอยหลังยั้งยืนขึ้นบังคม | คำนับก้มหันขยับกลับหน้า |
ออกจากที่เฝ้าเจ้าเภตรา | ลงไปนาวาทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เสมอประภาสตรา เรือเอ๋ยเรือเล่น | สามเส้นสิบห้าวาใหญ่ |
จอดไว้หน้าท่าชลาไลย | ฝีพายนายไพร่ก็เต็มลำ |
ศีร์ษะจดแค่คลองบางกอกน้อย | ท้ายย้อยยาวลากไปปากน้ำ |
ถ้าไม่เชื่อก็ไม่จริงทุกสิ่งคำ | ให้ออกเรือพายเจ้าไปฉับฉับ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โล้ ช่างงามพายดำพายแดง | ดูดั่งปีกแสงแมลงทับ |
พร้อมยกนกบินอยู่หยับ ๆ | ตั้งใจไปรับสิบสองนาง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เชิด ครั้นมาถึงท่าจีนอ่าว | คลื่นระลอกกลอกฉาวอยู่ผึงผาง |
เกิดพยุลมแดงแทงกลาง | คลื่นซัดปัดคว้างก็ล่มลง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
รัว เมื่อนั้น | ขุนทองตกน้ำต้ำผลง |
ทั้งฝีพายหว้ายวุ่นหมุนวง | ลอยคอแล่นตรงไปแม่กลอง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โล้ ครั้นถึงฝั่งบ้านจีนก็ปีนขึ้น | ง่วงเหงาเมาคลื่นสิ้นทั้งผอง |
ขุนทองเสียจิตต์คิดตรึกตรอง | เสียเข้าเสียของไม่ต้องคิด |
ยังเหลือแต่ผ้าเช็ดหน้า | เป็นของเจ้าพญาตีนติด |
ทั้งเข้าปลาอาหารก็ม้วยมิด | ยังแต่ปลาสลิดติดท้ายเรือ |
มิได้พบสบพักตร์นางสิบสอง | ขุนทองน้อยใจอาไลยเหลือ |
สั่งให้จุ้นจู๊ช่วยกู้เรือ | ให้ฝีพายบ่ายเหนือนาวาไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โล้ ค่อยรอพายชายดูหมู่ชน | เห็นนางหนึ่งชอบกลสดใส |
จึ่งถามฝีพายด้วยหมายใจ | นั่นลูกสาวของใครนะเจ้าเอย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เท้งเต้งรู้จริงไม่นิ่งเฉย |
ได้รู้จักกันมาว่าคุ้นเคย | จึ่งคำนับพิเปรยเปรียบทูล |
ว่านางนี้ลูกสาวเขาชาวแพ | นั่งเรียงเคียงแม่บุตร์จีนสูน |
รูปงามนามคมสมตระกูล | ชื่อนางทองพูลบุตรยายเพง |
ผ่องผิวคิ้วสุดหางตา | จะยากเย็นเป็นข้าก็เหมาะเหมง |
ข้าหมายรักเขาเปล่าทำเนาเอง | กับเราคนเส็งเคร็งเป็นฝีพาย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนทองชอบจิตต์คิดมุ่งหมาย |
แม้นเราได้เชยชมก็สมกาย | จะให้เจ้าได้สบายทุกเวลา |
แต่กลางวันนั้นพี่จะใช้เจ้า | ราตรีพี่จะเคล้าเสนหา |
ร่วมฟูกร่วมหมอนนอนสองรา | ไม่ห่างแหแม่นาด้วยอาลัย |
ขุนทองตรองความตามบท | กำหนดเรื่องราวกล่าวไข |
พอเห็นเป็นเลาเข้าใจ | แล้วเร่งพายคลาไคลไปเภตรา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
เชิด ครั้นถึงจึ่งทอดจอดประทับ | คนประคองรองรับอยู่น่าท่า |
ขุนทองค่อยย่องยาตรา | ขึ้นเฝ้าองค์บิดาในสำเภา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
บทร้อง
๏ โอ้ละเห่เห้เห่ | นาละเกต้นดก |
ปลูกไว้จะแถมพก | หนุ่มน้อยจะมีเมีย |
แค้นใจด้วยกะรอก | มันกัดแต่ดอกมะพร้าวเสีย |
เจ้าก็ชวดมีเมีย | ว่าจะกินยาตาย |
กินข้าวเหนียวหนึ้ง | น้ำผึ้งกับนมควาย |
กินเสียให้ตาย | เสียดายแต่นวลอุแม่นา ฯ |
๏ วันเอ๋ยวันนี้ | พี่จะไปช่อม่วง |
พบนางนมพวง | ตักน้ำรดพลู |
ฝนฟ้าเจ้าเอ๋ย | ตกลงมาให้ซู่ๆ |
เย็นทั้งรากพลู | เย็นทั้งนวลอุแม่นา ฯ |
๏ วันเอ๋ยวันนี้ | พี่จะไปช่อพลับ |
พบนางงามสรรพ | ตักน้ำมารดแตง |
ฝนฟ้าเจ้าข้าเอ๋ย | ตกลงมาให้แรงแรง |
เย็นทั้งรากแตง | เย็นทั้งนวลอุแม่นา ฯ |
๏ วัดเอ๋ยวัดนอก | มีแต่ดอกแคแดง |
ดอกคำยิ่งแพง | สาวน้อยจะห่มสีชมพู |
เจ้าก็มีผัวแล้ว | จะแต่งไปให้ใครดู |
แต่งไปล่อชู้ | เขาก็รู้อยู่เต็มใจ ฯ |
๏ วัดเอ๋ยวัดสิงห์ | มีต้นกะทิงแท่นแก้ว |
ดอกบัวบานแล้ว | ว่ายน้ำอรชร |
เด็กเอ๋ยอย่าเพ่อนอน | สาระเพ็ดยังอ่อน |
เด็ดเอาแต่เกสร | มาโรยที่นอนอุแม่นา ฯ |
รวม ๕ บท
บทขยาย
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวจิงโจ้เป็นเจ้า |
เห็นลูกรักกลับมาเวลาเช้า | พักตร์เศร้าเสียใจไม่ได้นาง |
จึ่งว่าเป็นไฉนไปแม่กลอง | มิได้นางสิบสองมาแนบข้าง |
ไม่พบกัลยาเจ้าอย่าพราง | มีเหตุภัยไปทางประการใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนทองกราบทูลสนองไข |
ว่าลูกไปครั้งนี้ไม่มีไภย | ถึงท่าจีนคลื่นใหญ่พายุตี |
ระลอกผางเข้ากลางนาเวศ | เรือล่มเหตุให้บัดสี |
ลอยคว้างไปกลางวารี | เลยท่าจีนปีนรี่ขึ้นแม่กลอง |
ได้รับความทุกข์ยากลำบากนัก | จึ่งมิได้พบพักตร์นางสิบสอง |
บัดนี้ลูกตั้งจิตต์คิดปอง | เห็นชาวแพแม่กลองนั้นโสภา |
ขอพระองค์จงโปรดปราณี | ไปขอนางคนนี้มาให้ข้า |
เห็นประกอบชอบทีกิริยา | เป็นคู่เสน่หาเจริญนาน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวจิงโจ้โวหาร |
ได้ฟังความโอรสพจมาน | ภูบาลตรองตรึกยินดี |
ซึ่งลูกสาวชาวแพแม่กลอง | จะมาเป็นคู่ครองก็สมศรี |
ด้วยต้องแบบบทพระบาลี | อยู่ในคัมภีร์ทาระกัง |
ดำริพลางทางชวนโอรสา | ไปดูนาละเกที่เคยหวัง |
เป็นของเราเสี่ยงทายหมายสัจจัง | ว่าแล้วไปยังอุทยาน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
เพลง ครั้นถึงสวนศรีที่สำคัญ | เห็นกะรอกอาธรรม์ใจหาญ |
กัดมะพร้าวผลดอกทั้งตูมบาน | ใบก้านเหลืองหล่นป่นไป |
ท้าวยิ่งเศร้าสร้อยน้อยจิตต์ | เราจะถึงชีวิตักษัย |
หวังภักดิ์ไม่เป็นผลจนใจ | แต่นี้ไปจะระกำชํ้าฟก ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เหมือนว่าโอละช้าโอละเห่ | โอ้ต้นนาละเกผลดก |
ปลูกไว้หมายว่าจะแถมพก | ยอยกหนุ่มน้อยให้มีเมีย |
แค้นใจด้วยอ้ายกะรอก | มากัดดอกมะพร้าวของเราเสีย |
บ่าวน้อยบุตรเราชวดเคล้าเคลีย | จะให้เตี่ยต้องกินยาตาย |
ครวญพลางทางเรียกเอายาพิศม์ | เป็นเครื่องกายสิทธิ์หลากหลาย |
เข้าเหนียวนึ่งกับน้ำผึ้งนมควาย | จะกินเสียให้ตายเสียกายเดียว |
ร่ำพลางทางหันเข้าปั้นจิ้ม | เสวยเข้าเหนียวอิ่มจนพุงเขียว |
จิงโจ้กายสิทธิ์ฤทธิเรียว | ก็ฉับเฉียวสูญหายตายไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
รัว เมื่อนั้น | ขุนทองตัวสั่นหวั่นไหว |
เห็นบิดามาม้วยบรรไลย | หายไปต่อหน้าไม่ช้าที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โล้ โอ้ว่าเจ้าประคุณทูลหัว | เพราะลูกผิดคิดชั่วบัดสี |
ให้บิดาวอดวายหายกายี | โทษข้าจะมีติดไป |
ทิ้งลูกให้อยู่ผู้เดียว | จะเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวหมองไหม้ |
สิ้นที่พึ่งพักหนักใจ | พลางโศกาไลยถึงบิดา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอด ค่อยคลายวายวิโยคโศกส่าง | แสนระคางคิดไปให้กังขา |
สงสัยไม่แจ้งในวิญญา | ไฉนหนอบิดาจึงหายไป |
จะต้องกลับแจ้งการกับมารดา | ให้ถามโหราคัมภีร์ไสย |
ท่านจะเป็นเทพยดาฤๅว่าไร | คิดแล้วคลาไคลไปเก๋งกลาง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เชิด ครั้นถึงจึ่งเข้าไปวันทา | น้ำตาไหลนองหมองหมาง |
สุดขืนให้สะอื้นไปพลาง | ไม่ส่างชลนาโศกาไลย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอด เมื่อนั้น | นวลนางจ้ำจี้ศรีใส |
เห็นโอรสายาใจ | ร้องไห้ไม่เป็นสมประดี |
กรประคองต้ององค์โอรส | เป็นไรจึ่งกำสรดหมองศรี |
จงบอกมารดาอย่าโศกี | ร้ายดีจงเล่าให้เข้าใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนทองฝ่าฝืนสะอื้นไห้ |
บังคมทูลมารดรถอนฤทัย | แต่นี้ไปจะเหงาเศร้าทรวง |
เมื่อบิดาคลาไคลไปสวน | เห็นมะพร้าวยอดด้วนเป็นตัวด้วง |
กะรอกร้ายกัดสิ้นกินดอกดวง | โหว่ร่วงเหี่ยวแห้งเป็นแมงมี |
ท้าวครวญคร่ำร่ำไรอาไลยนัก | กลัวลูกรักไม่ได้ชมประสมสี |
ก็เสวยยาพิศม์ปลิดชีวี | หายไปทันทีไม่เห็นองค์ |
มาเป็นเช่นนี้ฉันใด | สงไสยสุดจิตต์คิดหลง |
ชะรอยเป็นเทวันมั่นคง | ลูกเห็นตรงแน่นักประจักษ์ตา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจ้ำจี้เสนหา |
ได้ฟังโอรสพจนา | ว่าพระบิดาบรรลัย |
นางตระหนกอกสั่นขวัญหาย | ทอดกายแบหลาไม่ปราไศย |
สองกรค่อนอุราเป็นบ้าใจ | ร้องไห้ไม่เป็นสมประดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอด ทั้งนางแก่เถ้าเหล่าสนม | ต้องระงมโศกศัลย์ขวัญหนี |
บ้างคร่ำคราญหวลหาทุกนารี | อีกทั้งเหล่าเสนีย์โศกาไลย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมเจ้าขุนทองหมองไหม้ |
ครั้นคลายวายวิโยคโศกใจ | จึ่งวอนไหว้มารดาอย่าโศกี |
ซึ่งพระบิตุรงปลงชีวิต | ม้วยมิดไม่กลับมาเห็นผี |
ที่จะคืนมาได้ก็ไม่มี | ชนนีหักอารมณ์อย่าตรมใจ |
ซึ่งพระบิดามาสูญหาย | ไม่วายคิดพะวงสงไสย |
อันตารอดโหราปัญญาไว | พระมารดาจงให้หาตัวมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางจ้ำจี้ดวงยี่หวา |
ฟังพระลูกชายคลายโศกา | พรรณนาวอนปลอบชอบที |
จึ่งสั่งแก่เหล่าสาวใช้ | เจ้าจงรีบไปขมันขมี |
หาท่านอาจารย์ผู้ชาญดี | ให้มาบัดนี้อย่าได้ช้า ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สาวน้อยค่อยประณมก้มเกษา |
คลานคล้อยถอยตนออกมา | ไปกลางนาวาบัดใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชุบ ครั้นถึงจึ่งจ้องมองหา | ตารอดโหราผู้ใหญ่ |
อยู่พร้อมบรรดาเสนาใน | ก็เข้าไปวันทาท่านอาจารย์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ บัดนี้มีรับสั่งให้หา | พระแม่เจ้าใช้ข้ามาเชิญท่าน |
จงรีบครรไลยอย่าได้นาน | ให้ทันราชการบัดนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตารอดโหราตาหรี่ |
ได้ฟังรับสั่งเสาวนีย์ | จัดแจงคัมภีร์ลนลาน |
ทั้งสมุดดินสอห่อม้วน | กับกะดานชะนวนส่งให้หลาน |
ผลัดผ้าหวีผมสมอาจารย์ | ก็ตามนางนงคราญครรไลยไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เชิด ครั้นถึงจึ่งเข้าไปบังคม | หมอบก้มกายาอัชฌาไสย |
คอยฟังเสาวนีย์คดีใด | เห็นต่างเหงาเศร้าใจทุกตัวตน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจ้ำจี้เป็นต้น |
เห็นตารอดโหรามาบัดดล | นฤมลจึ่งถามตามสงกา |
ว่าท่านท้าวจิงโจ้โอ่อาจ | ผิดปลาดหายไปไฉนหนา |
ได้เคยพบเห็นที่เป็นมา | จงดูตำราให้แจ้งใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตารอดปอดแฉ่งแจ้งทางไสย |
พลิกดูตำราแล้วว่าไป | เอ้กาปาใส่ประสมโท |
ตกที่ฉะเพาะเคราะห์ร้าย | ท่านจึ่งสูญหายจากจิงโจ้ |
กลับชาติมนุษย์เป็นเทโว | เรืองฤทธิอิสสโรอยู่เมืองบน |
แม่เจ้าอย่าละห้อยน้อยจิตต์ | อุตส่าห์คิดก่อสร้างทางกุศล |
ให้ขุนทองครองคุ้มคุมพล | ข้าขอฝากตนต่อไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางจ้ำจี้ศรีใส |
ฟังคำโหรทายค่อยคลายใจ | ก็คลาไคลเข้าที่ศรีไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ เมื่อนั้น | โฉมเจ้าขุนทองพงษา |
อยู่ยังห้องท้ายเภตรา | กับสนมกัลยานารี |
เอนอิงนิ่งนึกตรึกตรอง | จะใคร่หาคู่ครองมเหสี |
ให้สบสมอารมณ์ยินดี | จะเที่ยวไปตามทีที่ชอบใจ |
จึ่งว่าแก่นางสาวสนม | พี่จะไปชมป่าใหญ่ |
พอให้สบายคลายฤทัย | วันนี้พี่จะไปช่อพลับ |
แม้นว่ามารดามาไต่ถาม | ว่าพี่จะไปตามนางงามสรรพ |
สั่งพลางแต่งองค์ทรงระยับ | ออกจากห้องหับขึ้นบกไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
เชิด มาถึงบ้านไร่ชายป่า | ที่สวนยายกะตาอาไศย |
ชื่อบ้านช่อพลับชายไพร | เห็นหลานสาวยายไทยมารดแตง |
จึ่งเข้าไปซุ่มพุ่มไม้ | คอยดูทรามไวยที่แอบแฝง |
จะงามเหมือนฦๅล่ำยังคลำแคลง | ก็เข้าไปไร่แตงบังกาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เสมอ บัดนั้น | นวลนางงามสรรพโฉมฉาย |
เจ้าค่อยดัดจริตกรีดกราย | ผันผายหาบกะออมอ้อมมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เพลง ครั้นถึงไร่แตงแฟงฟัก | ก็ตักน้ำรดผักอยู่ซ่าๆ |
ค่อยวักสาดนาฎกรลี้ลา | งามจริตกิริยานารี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
สีนวน เมื่อนั้น | ขุนทองมองซุ่มพุ่มพฤกษี |
เห็นโฉมงามสรรพโสภี | ให้รักใคร่ไมตรีพอใจ |
จึ่งกล่าวโลมเลี้ยวเกี้ยวพา | กะแอมไอแล้วว่าปราไศรย |
สงสารนงนุชสุดอาไลย | ตักน้ำเจ็บไหล่เวทนา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ขอจงฝนฟ้าเจ้าข้าเอ๋ย | ช่วยเชยตกลงมาซู่ซ่า |
ให้เย็นทั้งรากแฟงและแตงกวา | เย็นทั้งนวลอุแม่นายาใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | โฉมนางงามสรรพศรีใส |
ยินเสียงชายเกี้ยวเลี้ยวฤทัย | ตกใจวิ่งหนีลับตน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เชิด เมื่อนั้น | ขุนทองเสียใจไม่เห็นหน |
หายไปไม่รู้ตำบล | ก็จรดลกลับมานาวาพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เชิด ครั้นถึงจึ่งขึ้นบนเภตรา | พอเพลายอย่ำสุริย์ฉัน |
เยื้องย่องเข้าห้องสุวรรณ์ | หลีกเหล่ากำนัลเข้าไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ นอนนึกตรึกตรองคะนองจิตต์ | วันนี้พี่ผิดเป็นหนักหนา |
เสียเชิงสตรีหมีได้มา | แม้นเข้าใกล้ไขว่คว้าคงได้การ |
พรุ่งนี้เราจะไปดูไร่อื่น | ให้ได้สมชมชื่นมาสมาน |
แต่เฝ้านึกตรึกตรองรำคาญ | ดึกประมาณเก้าทุ่มก็หลับไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ตระ ครั้นแจ้งแสงทองส่องฟ้า | ตื่นจากไสยาเกษมไสย |
อ้าองค์สงพักตร์สบายใจ | เสวยโภชนาในห้องเภตรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นอิ่มหนำสำเร็จเสร็จสิ้น | แต่งองค์เฉิดฉินผลัดผ้า |
ประเครื่องสุคนธ์ปนทา | หวีผมสมหน้าเสร็จพลัน |
จึ่งมีวาจาว่าไป | สั่งกำนัลในสาวสรร |
วันนี้พี่จะไปอีกวัน | บ้านช่อม่วงนั้นไม่เคยจร |
เจ้าอยู่ดูของห้องหับ | ตะวันเย็นจึ่งจะกลับพอแดดอ่อน |
สั่งพลางเยื้องย่องจากห้องนอน | ขึ้นจากสาครไปชายไพร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
เชิด มาถึงริมป่านาหลวง | นามบ้านช่อม่วงชายไพร |
เหลือบเห็นสุมทุมพุ่มไม้ | ก็เข้าไปแอบอยู่ดูสตรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ เมื่อนั้น | นวลนางนมพวงโฉมศรี |
บิดามารดาก็ไม่มี | เทวีอยู่กับยายกะตา |
รูปโฉมโลมจิตต์พิศมัย | นมพวงพอใจเสนหา |
ไม่มีคู่ครองสองรา | กัลยาเข็ญใจทำไร่พลู |
เคยเวลาเช้าเจ้าครรไลย | จะออกไปสาดรดไม่อดสู |
ฉวยกะออมขึ้นบ่าน่าเอ็นดู | โฉมตรูกรายกรจรมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
เพลงสีนวล เมื่อนั้น | ขุนทองแอบมองช่องพฤกษา |
เห็นโฉมนมพวงดวงตา | โสภาเลิศล้ำขำคม |
คิ้วต่อคอกลมนมพวง | ดุจดวงสัตตบุษย์สุดสม |
ไหล่ผึ่งเอวกลึงดูกลม | เนตรขำดำคมดุจนิล |
กรายกรอ่อนหยัดหัตถ์เรียว | สุดเสียวอารมณ์ชมสิ้น |
ต้องจิตต์พิศสวาทยุพาพิน | ขุนทองสุดถวิลในวิญญา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ลำตวงพระธาตุ จึ่งว่านมเอยนมพวง | ดุจดวงบงกชสดจ้า |
เจ้าตักน้ำรดพลูเวทนา | สงสารกัลยาลำบากใจ |
เจ้าข้าเอ๋ยเทวาวฬาหก | บันดาลให้ฝนตกสักห่าใหญ่ |
ให้เย็นทั้งรากพลูเย็นฤทัย | เย็นในทรวงน้องอุแม่นา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย เมื่อนั้น | โฉมนางนมพวงเสนหา |
ยินชายอายพักตร์ไม่เจรจา | กัลยาจรลีหนีไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนทองได้ท่าเที่ยวคว้าไขว่ |
แก้วตาอย่าหนีพี่ไป | โจนไล่จับนางกลางเตียน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เชิดฉิ่งระบำ เข้าใกล้ไขว่คว้าผ้าสะไบ | นางสลัดปัดไปหันเหียน |
กุมารต้านสกัดวนเวียน | นางเมี้ยนทำชะม้อยถอยที |
ขุนทองไล่รุกบุกรก | นางวกวนเลี้ยวเอี้ยวหนี |
ขุนทองย่องย้อนต้อนตี | จับได้เทวีหมีได้วาง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย เมื่อนั้น | นมพวงดวงจิตต์คิดหมาง |
เจ้ากลัวตัวสั่นแสนระคาง | ไม่วางข้าจะร้องให้ก้องไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนทองสมจิตต์พิศมัย |
ชื่นชอบตอบนุชสุดอาลัย | พี่ได้ดวงแก้วแล้วไม่วาง |
ถึงเจ้าจะร้องให้ก้องป่า | อย่าสงกาที่จะปล่อยให้เหินห่าง |
เนื้อเหลืองอย่าเคืองคิดระคาง | จะเชิญนางไปภิรมย์ชมเชย |
อย่าตระหนกตกจิตต์คิดหมอง | ความรักจักประคองนะน้องเอ๋ย |
ใช่จะฆ่าตีไม่มีเลย | เชิญไปชมเชยเภตรา |
ว่าพลางกางกรโอบอุ้ม | เชิญชุ่มแนบสนิทเสน่หา |
จะให้เจ้าเป็นใหญ่กัลยา | ว่าแล้วก็พาอุ้มไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
เชิด ครั้นถึงเภตราวารี | อุ้มองค์เทวีไปเก๋งใหญ่ |
เยื้องย่างเข้าห้องสุวรรณใน | คลาไคลเข้าที่ศรีไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ วางองค์ลงเหนือบรรจถรณ์ | กางกรกอดแก้วเสนหา |
พลางปลอบให้ชอบในวิญญา | ด้วยรสพจนาโลมใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โลมชาตรี น้องแก้ว | บุญแล้วพบนางอย่าหมางไหม้ |
พี่หวังตั้งจิตต์คิดไป | อยากได้นุชน้องมาครองกัน |
ตัวพี่ไม่มีภรรยา | เที่ยวเสาะแสวงหาประสพขวัญ |
อย่าระคางหมางจิตต์คิดดึงดัน | แม่นมั่นไม่พ้นมือเรียม ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นมพวงดวงใจยิ่งอายเหนียม |
ทั้งจับใจไพเราะห์ที่เลาะเลียม | เจ้าเจียมตัวจนเป็นพ้นใจ |
จึ่งว่าน้องนี้ไม่มีญาติ | ต่ำชาติไร้ทรัพย์เป็นชาวไร่ |
พอเลี้ยงยายกะตาทุกวันไป | ไม่ควรพิศมัยเป็นคู่ครอง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โลมชาตรี น้องรัก | พี่นี้ก็ประจักษ์อยู่ทั้งผอง |
ชั่วดีมีจนเงินทอง | ของเราก่ายกองในเภตรา |
ขอพี่ชื่นชมสมรัก | ผินพักตร์มาข้างนี้พี่จะว่า |
พลางขยับจับต้องกายา | เชยชิดสนิทหน้ายวนยี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นมพวงดวงตามารศรี |
ได้ร่วมรสรักเปรมปรีดิ์ | ยินดีในเสน่ห์เล่ห์ลม |
แล้วมีวาจาว่าไป | น้องได้มาร่วมภิรมย์สม |
พระอย่าให้หมองตรองตรม | อายเหล่าสาวสนมแลชาวไพร |
ยายตาข้านี้เป็นที่รัก | สงสารแกนักจักร้องไห้ |
ไม่มีใครเลี้ยงดูอยู่ไกล | จงได้เมตตาปราณี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนทองตอบว่าอย่าหมองศรี |
พี่จักเลี้ยงดูให้อยู่ดี | เทวีอย่าวิโยคโศกใจ |
ว่าพลางทางต้องประคองชม | แสนภิรมย์ปรีดิ์เปรมเกษมใส |
ล่วงเข้ายามสองเสียงฆ้องไชย | สองสนิทพิศมัยก็ไสยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ตระ ครั้นรุ่งรางสร่างสีระวิวร | ทินกรเด่นแดงแสงจ้า |
สององค์หลงสนิทนิทรา | ก็ตื่นจากไสยามาสรงชล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอลงสรง เปรมใจไขก๊อกวารี | ต่างผลัดขัดสีสับสน |
ขุนทองรองรดกะถดตน | นฤมลถอยหนีรี่ไป |
กุมาราคว้าไขว่ไล่สาด | วรนาฎหลบพักตร์ผลักไส |
ต่างเริงรื่นชื่นเชยเสบยใจ | เอาแป้งร่ำน้ำดอกไม้มาปรุงทา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เสร็จสรงแต่งองค์ทรงผลัด | ภูษาขัดดอกแย้งแดงจ้า |
อรไทยทรงสะไบสีจำปา | เสร็จแล้วไคลคลาเข้าห้องใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ เมื่อนั้น | โฉมนางนมพวงดวงไข |
ผ่องพักตร์รักงามทรามไวย | เจ้าอยากห่มสะไบย้อมคำ |
จึ่งเจ้าโอนอ่อนวอนผัว | พ่อทูลหัวช่วยชุบอุปถัมภ์ |
ให้สมจิตต์น้องคิดประสงค์ทำ | ที่วัดนอกดอกคำก็มีชุม |
โปรดให้สาวใช้ไปซื้อมา | เมียจะย้อมผ้าให้ชื่นชุ่ม |
แม้นได้ห่มชมพูสะไบคลุม | จะแสนนุ่มเนื้อดีสีสะไบ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ วัดเอ๋ยวัดนอก | มีแต่ดอกแคแดงอยู่ไสว |
ดอกคำน้ำแห้งแพงสุดใจ | สาวน้อยจะใคร่ห่มชมพู |
เจ้ามิใช่สาวแท้เหมือนแต่ก่อน | จะย้อมผ้าย้อมผ่อนไม่อดสู |
มีผัวแล้วแต่งไปให้ใครดู | จะแต่งไปล่อชู้รู้เต็มใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ็บเอ๋ยเจ็บจิตต์ | ช่างประดิษฐ์แกล้งกลั่นสรรค์ใส่ |
แต่เพียงข้ามราตรีมิทันไร | ยังกินแหนงแคลงใจภูมี |
จะอยู่ไปไหนเลยจะมีสุข | จะเฝ้าทุกข์โทมนัสส์บัดสี |
ท่านก็คงเขี้ยวเข็ญราวี | นานจะถึงเฆี่ยนตีให้ตรอมใจ |
สุดแสนแค้นคำชํ้าจิตต์ | ดังพิศม์เพลิงกาลผลาญไหม้ |
ร่ำพลางนางคลอชลไนย | อรไทยก็ทรงโศกี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอด เมื่อนั้น | โฉมเจ้าขุนทองละอองศรี |
เห็นเมียเสียใจในวาที | จึ่งมีวาจาว่าวอน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี น้องเอ๋ยน้องแก้ว | พี่ผิดไปแล้วดวงสมร |
ความรักจักหยอกดอกบังอร | แก้วตาอย่าอ้อนโศกา |
จงหายโกรธโทษพี่ที่ผิดพลั้ง | ทีหลังต่อไปมิได้ว่า |
ถ้าขืนกล่าวเจ้าจงตีพี่ยา | แล้วหยิกขาเสียให้เขียวเจียวแม่คุณ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย ขุนทองโลมน้องประคองปลอบ | ให้ชื่นชอบวิญญาอย่าหันหุน |
พี่จะให้เจ้าชมสมบุญ | ได้อุ่นผ้าห่มสีชมพู |
จะพาเจ้าสาวสวัสดิ์ไปวัดสิงห์ | ดอกคำมีจริงก็รู้อยู่ |
ขอเชิญขวัญใจไปเลือกดู | ซื้อมาย้อมชมพูตามชอบใจ |
ว่าพลางทางสั่งกำนัล | ให้บอกเตรียมกันนายไพร่ |
ทั้งจิงโจ้เท้งเต้งเร่งไป | เราจะครรไลยไปวัด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กำนัลกราบไหว้มิได้ขัด |
คลานคล้อยถอยมารีบรัด | ไปจัดสั่งกันให้ทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ มาถึงเก๋งกลางขุนนางพร้อม | นางจึ่งอ่อนน้อมเป็นศักดิ์ศรี |
จึ่งกล่าววาจาพาที | แก่ท่านเสนีย์ผู้เป็นนาย |
ว่ามีรับสั่งพ่อขุนทอง | ท่านเป็นแม่กองจงบาทหมาย |
จะเสด็จอารามตามสบาย | ไพร่นายจงพร้อมเพรียงกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เจรจา สั่งเสร็จกำนัลพลันกลับ | จะไปคำนับณรังสัน |
พลางลาเสนาจรจรร | เข้าไปอภิวันทน์ภูธร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ เมื่อนั้น | ขุนทองยิ้มยวนชวนสมร |
ต่างองค์ทรงเครื่องอาภรณ์ | งามเสร็จบวรแล้วคลาไคล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ มาถึงเก๋งกลางข้างหน้า | พร้อมหมู่โยธาน้อยใหญ่ |
ให้เร่งข้ามสะพานทะยานไป | เข้าในไพรเขินเนินแนว ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เชิด ครั้นถึงทุ่งลัดวัดสิงห์ | ที่ใต้ต้นกะทิงใบอ่อน |
จูงนางย่างย้ายกรายกร | สู่แท่นอันบวรในอาราม ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ บัดนั้น | เหล่านางสาวสรรหลายหลาม |
ต่างเห็นสระปทุมกลุ่มงาม | โครมครามลงว่ายหมายชิง |
บ้างเข้าเด็ดหักฝักอ่อน | ว่ายแหวกแซกซ้อนภาษาหญิง |
ดอกฝักหักยับทับพิง | บ้างร้องว่าปลิงเข้าลูกตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เพลงฉิ่ง เมื่อนั้น | โฉมเจ้าขุนทองพงษา |
เห็นเหล่าสาวสรรกัลยา | เด็ดดอกปทุมาขจายจร |
จึ่งว่าเด็กเอ๋ยอย่าเพ่อเด็ด | สาระเพ็ดบัวนั้นมันยังอ่อน |
เลือกเด็ดเอาแต่เกสรซ้อน | มาโรยที่นอนอุแม่นา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยังมีนายพรานชำนาญป่า |
จับได้ไก่ต่อล่อมา | กับนกเขาชะวาคารมดี |
เห็นเจ้าขุนทองผ่องพักตร์ | หวังจักเข้าถวายหมายที่ |
จะใคร่เป็นขุนนางต่างบุรี | ก็นำสัตว์จรลีเข้ามาพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เสมอ ครั้นถึงจึ่งนั่งบังคม | ประณมทูลอวดกวดขัน |
ไก่ต่อล่อดีตีพะนัน | กับนกเขาสำคัญถวายไทย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ขุนทองฟังพรานขานไข |
ทูลถวายนกครมสมใจ | กับไก่ต่อดีมีราคา |
จึ่งถอดเอาธำมะรงค์วงใหญ่ | ประทานให้นายพรานชำนาญป่า |
ขอบใจท่านให้เรามา | เอาไปเลี้ยงภรรยาตามที |
แล้วจึ่งสั่งเหล่าสาวใช้ | ให้ไปซื้อคำมาเร็วรี่ |
ว่าพลางทางชวนเทวี | จรลีกลับยังเภตรา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
เชิด ครั้นถึงจึ่งเข้าห้องใน | สุขเกษมเปรมใจหรรษา |
พอพลบค่ำย่ำแสงสุริยา | จูงกรกัลยาเข้าห้องทอง ฯ |