ฉันท์เยาวพจน์ ตอน ๓

บทละคร

๏ เรื่องนี้จะกล่าวความตามที่เด็กร้องเล่น และแม่ลูกอ่อนกล่อมลูกต่าง ฯ ให้แจ้งโดยเหตุว่าต้นเดิมอย่างไรเด็กและแม่ลูกอ่อนจึงได้ร้องได้กล่อมอย่างนั้น ลางคำก็แปลไม่ออก ก็มีมากด้วยเหตุอย่างไร เอาคำที่ไหนของใครมาสอนให้ ที่เป็นเจ้าของเดิมนั้นก็จะได้กล่าวให้แจ้งทุกประการ ก็เป็นคำที่แปลไม่ออก เหมือนคำว่า กะเกยเลยละ แลไปช่อม่วงช่อพลับ ว่าพอคล้องกันเล่นด้วยเหตุอย่างไร จึ่งจะได้แจ้งความให้เห็นบ้างพอเป็นเลา ฯ โดยสมมุติโบราณ จะเอาชัดทุกบทก็ไม่ได้ แต่จะกล่าวความให้ยาวออกเป็นเรื่องต่อกันไปดั่งนี้:-

๏ ปางต้นจะกล่าวบทไป ถึงท้าวสหัสสไนยไตรตรึงสา
ดำริดูรู้ทั่วทั้งโลกา ชาวมนุษย์เปรมปราทั้งแผ่นดิน
ปราศจากภัยพาลสำราญรื่น ชุ่มชื่นวายทุกข์เป็นสุขสิ้น
บ้างร้องรำทำเพลงบรรเลงพิณ ไม่ราคินเคืองขัดเป็นอัตรา
ทั้งลูกเด็กเล็กน้อยก็พลอยสนุก บันเทาทุกข์บำเทิงเริงร่า
แต่การเล่นเช่นชนจนปัญญา ยังไม่รู้ภาษามีอาจารย์
เป็นแต่เล่นกระโดดโลดโผน ขึ้นกระโจนตกร้องคะนองหาญ
ทั้งบิดามารดาน่ารำคาญ จะกล่อมปลอบลูกหลานก็ไม่เป็น
ครั้นเด็กร้องเข้าประคองว่าอือๆ จงนิ่งเสียอย่าดื้อพาเที่ยวเล่น
ไม่รู้จักกล่อมไกวให้ใจเย็น เคยแต่เล่นรำโลดกระโดดไป
ท้าวตรีเนตรเห็นเหตุดั่งนี้นั้น จึ่งสั่งพิศณุกรรม์เป็นครูใหญ่
ท่านจงแปลงตนปนลงไป จงสอนให้เด็กร้องทำนองเพลง ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

สามเส้า ให้แกว่งเปลเห่กล่อมถนอมปลอบ ตามชอบลูกอ่อนให้นอนเขลง
ทั้งลูกเด็กเล็กเล่นที่เต้นเครง ให้ทำเพลงบทร้องทำนองดี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพิศณุกรรม์เรืองศรี
โอนเกศรับคำสุชัมบดี บังคมลาจรลีเหาะลงมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

กลม ครั้นถึงเมืองมนุษย์บุถุชน ก็จรดลเข้าซุ่มพุ่มพฤกษา
บังเหล่าชาวนครที่จรมา แล้วร่ายเวทภาวนาแปลงกาย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ตระ ก็กลับเพศกายาชราร่าง ถือไม้ท้าวก้าวย่างผันผาย
เห็นหมู่เด็กพร้อมเพรียงเลี้ยงควาย ก็เดินกรายเข้ามาแล้วว่าพลัน
เฮ้ยอ้ายหนูเล่นอะไรไม่เป็นผล ทำกระโดดโลดลนไม่ขบขัน
กูอยากเล่นด้วยสักคนเข้าปนกัน ว่าพลางงกงันเข้ากลุ่มกลาง ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พวกเด็กต่างชอบเข้ารอบข้าง
จะเล่นอะไรคุณตาอย่าพราง ตามทางที่ถนัดไม่ขัดกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ตาแก่จึ่งว่าของข้าขัน
จะร้องเล่นฤๅจะเต้นเป็นกลุ่มกัน ฤๅจะผูกเถาวัลย์เข้าแกว่งไกว
อนึ่งจะเล่นยื้อปลํ้าจ้ำจี้ โย้สำเภาเข้าทีแล้วตบไก่
เล่นเอาเถิดไล่ทะลวงช่วงไชย ทั้งปิดตาหาไล่เราชำนาญ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พวกเด็กทั้งหลายทิ้งควายพล่าน
เข้าล้อมรอบชอบใจพระอาจารย์ จงหัดหลานให้เล่นเป็นทุกคน
บ้างก็เบียดเสียดแทรกแหวกวอน ข้าหัดก่อนเถิดขาจะจะว่าบ่น
บ้างก็ลุงบ้างก็ปู่อยู่รอบตน เล่นด้วยคนเถิดชวดบวชให้ตา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ตาเฒ่าชอบใจมิได้ว่า
นึ่แม่เจ้าอยู่ไหนจึ่งไม่มา สาวฤๅแก่บอกตาแต่ตามตรง
ต่างคนบอกแซ่ว่าแม่สาว บ้างว่าขาวบ้างว่าขำดำระหง
ตาแก่จึ่งตอบคำด้วยจำนง เองเรียกกูไม่ตรงต้องเลิกกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ อ้ายพวกเด็กเสียใจเฝ้าไต่ถาม จะเรียกตามคุณตาอย่าโกรธฉัน
ตาครูแก่ว่าแม่เองสาวครัน จงเรียกกันว่าพ่อก็พอดี
พ่ออ้ายเด็กแอบเสามันเมาแก่ ว่าน้อยแน่พ่อใครอยู่ไหนนี่
ช่วยสั่งสอนลูกเราก็เข้าที จะเล่นแม่อ้ายเหล่านี้ด้วยฤๅลุง
ตาแก่ทำตกใจไถลว่า กูหยอกเล่นดอกหวาอย่าพูดยุ่ง
ห่ายหยอกอะไรใส่กันนุง จะเลยลามเข้ามุ้งดอกกระมัง ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ฝูงเด็กเข้าล้อมอยู่พร้อมพรั่ง
เห็นบิดาเมามากเข้าลากรั้ง บ้างห้ามปรามตามหลังไปส่งโรง ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ แล้วพากันกลับมาหาตาครู อย่าถือเลยพ่อปู่แก่เคยโผง
ถ้ากินเหล้าเมามายคล้ายลำโพง ข้าพาไปส่งโรงมิให้มา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตาแก่แกล้งล้อหัวร่อร่า
มาอ้ายหนูเล่นอะไรก็ไคลคลา แล้วจงจำคำข้าไว้สืบไป
จึ่งสอนให้เด็กร้องทำนองโล้ เล่นจิงโจ้จ้ำจี้และตีไก่
ร้องโพงพางโพนเพนให้เจนใจ เสือข้ามห้วงช่วงไชยและกะเกย
เล่นปิดตาคว้าไขว่ให้เข้าเจ้า ทั้งเหยียดเท้านับวกว่านกเอ๋ย
จันทร์เจ้าเข้าแม่ศรีให้ดีเคย ลิงลมเอยแมงมุมซุ่มมะระตี
ทั้งเห่กล่อมซ้อมหัดให้พี่สาว ทำนองยาวต่าง ฯ ทุกอย่างนี้
ทำท่าทางสอนพลางต่างยินดี เล่นสนุกคลุกคลีออกแซ่ไป
ฝูงเด็กมากมายทั้งหลายนั้น ก็ช่วยกันร้องรำจนจำได้
บ้างจำได้คนละอย่างต่างๆ ใจ ที่เชาวน์ไวก็ได้มากหลากๆ กัน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ บัดนั้น ตาแก่สอนหมดทุกบทขัน
จึ่งว่าเด็กเหล่านี้ก็ดีครัน จงบอกกันต่อไปให้ทำเพลง
จะได้เป็นแบบอย่างทางทารก ไปร้องเล่นเช่นตลกเต้นโหยงเหยง
แต่เห่กล่อมซ้อมไว้ให้แม่เอ็ง มีน้องใหม่จะได้เพลงทำนองเรา
ว่าแล้วตาแก่ก็แปรหาย เด็กทั้งหลายหลากใจไม่รู้เท่า
ต่างคนกลับบ้านสำราญเนา บอกเล่าต่อกันจนวันนี้ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ รัวเชิด

จบปาง ๑

บทร้อง

๏ จิงโจ้เอย มาโล้สำเภา หมาไล่เห่า จิงโจ้ตกน้ำ
หมาไล่ซ้ำ จิงโจ้ดำหนี ได้กล้วยสองหวี ทำขวัญจิงโจ้ โห่ฮิ้ว ฯ
๏ เท้งเต้งเอย เท้งเต้งเรือลอย มดตะนอย ต่อยเรือเท้งเต้ง ฯ
๏ โอละเห่เห้เห่ เจ้าขุนชะเลละลอกเอย
คลื่นซัดมาเหมือนจอก ละลอกซัดมาเหมือนแหน
พลัดพ่อพลัดแม่ เลี้ยงเจ้าไว้จะเอาบุญ
เติบหน้ากล้าแข็ง มีเรี่ยวมีแรงจะแทนคุณ
เลี้ยงเจ้าไว้จะเอาบุญ เจ้าขุนชะเลละลอก เอย ฯ

รวม ๓ บท

บทขยาย

๏ เมื่อนั้น โฉมเจ้าจิงโจ้เรืองศรี
รูปร่างคมขำดำพี หัวหูยู่ยี่ชอบกล
คิดจะใคร่ไปค้าเมืองไกล ทุนกำไรคิดเห็นจะเป็นผล
เห็นดีมิช้าเวลาจน จรดลเดินออกมานอกชาน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งสั่งบ่าวไพร่เคยใช้สอย ใหญ่น้อยแน่นคลุกอยู่พลุกพล่าน
เฮ้ยเตรียมเภตราอย่าได้นาน ทั้งบริวารจิงโจ้โล้สำเภา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น จิงโจ้ผู้ใหญ่ใจเห้า
ฟังนายบ่ายหน้ายืนเซา เรียกบ่าวจัดแจงแต่งเภตรา
บ้างวนขนสะเบียงเสียงเอ็ด พร้อมเสร็จถอยทอดเข้าจอดท่า
รีบกลับมาแสดงแจ้งกิจจา เรียนพญาจิงโจ้ผู้โสภณ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จิงโจ้โอหังฟังนุสนธิ์
รีบรัดจัดแจงแต่งตน เลียขนเลียเข่าเกาคอ
ยื่นเท้าก้าวหยัดดัดขี้เกียจ มือเหยียดยื่นหน้าตาป๋อหลอ
แก้วโจนลงเภตราไม่รารอ ถอนสมอขานโห่ให้โล้ไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ต่างคนช่วยโล้โย้โยก ลมโกรกคลืนกรอกละลอกใหญ่
โคลงเคลงคล่องแคล่งแกว่งไกว เหไถลหันถลำขมำพลิก
จิงโจ้โย้เยือกเสือกท้าย กลับลำคว่ำหงายขลุกขลิก
คลื่นซัดปัดป่วนสรวลริก หลุกหลิกลุกลนซนซาน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุนัขาหน้าเกาะเที่ยวเราะร่าน
เห็นจิงโจ้โย้เหย่าสำเภาพาน พลุกพล่านวิปริตผิดเชิง
สำเภาอะไรไม่เคยเห็น จิงโจ้โย้เล่นเที่ยวแล่นเหลิง
ต่างโมโหโกรธาร่าเริง หน้าเบิ่งรุกเร้าเห่าอึง
บ้างกระโชกโฮกโฮโผโผน โจมกระโจนแล่นโลดกระโดดผึง
ตามตะเภาเห่าเล่นเผ่นตึง อึงคนึงฮอกแฮกบ๊อกแบ๊กไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จิงโจ้ตัวสั่นหวั่นไหว
สุนัขเร้าเห่าฮกก็ตกใจ กะโจนตกน้ำไปทันที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ รัว

๏ บัดนั้น ฝูงสุนัขไล่ซ้ำเข้าจ้ำจี้
ตามเห่าเร้ารุกคลุกคลี จิงโจ้ดำหนีลี้ไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น ชาวเรือเท้งปล่อยลอยไหล
คลื่นซัดโคลงเคลงเท้งเต้งไป เจ๊กจีนปีนไขว่อยู่ไปมา
ลอยเลาะเข้าเกาะบรรพต ทอดสู้หมู่มดตะนอยป่า
เห็นเรือลอยต่อยกลุ้มรุมร้า เท้งเต้งนาวาก็ราลอย
พวกจีนดิ้นรนทนไม่ไหว ขัดใจบ้างสลัดปัดล่อย
ปาหมับปับหมุบทุบทอย ทั้งต่อยทั้งต่ายหลายพัน
บ้างหัวโนโปปวดยวดยิ่ง ลุกลนซนเป็นลิงแทบหัวลั่น
บ้างโอยอุ๋ยอุยน่าคว้าสำคัญ ร้องลั่นว่าเลี๊ยะวิ่งเดียะไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ เมื่อนั้น จิงโจ้ลอยตามแม่น้ำไหล
ดำรี่หนีสุนัขหนักใจ เห็นเท้งเต้งเรือใหญ่ครรไลลอย
จึ่งเข้าหยุดยุดสมอพอผ่อนพัก เหนื่อยนักเต็มประดาหน้าจ๋อย
เห็นเจ๊กจีนปีนไขว่ไล่มดตะนอย นิ่งคอยฟังดูไม่รู้ความ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พวกชาวเรือเบื่อใจมิได้ขาม
ต่างขยี้บี้มดตะนอยลาม หมื่นแสนแน่นหลามบรรลัยลง ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ เท้งเต้งค่อยคลายวายทุกข์ เล่นสนุกร้องลำทำส่ง
ว่าเท้งเต้งเรือน้อยลอยวง มดตะนอยต่อยตรงลูกตาเอย ฯ
พอแลเห็นจิงโจ้โผล่หน้า ต่างคนสงกาอะไรเหวย
ผีเสื้อน้ำฤๅอะไรไม่รู้เลย ยังไม่เคยรู้จักแต่สักคน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น จิงโจ้องอาจฉลาดด้น
ว่าตัวข้ารักษาชลาวน คือตนขุนชะเลละลอกลอย
ครั้นเกิดเหตุการณ์พาลพิษ จึงแผลงฤทธิ์มาดูให้รู้ถ้อย
เราก็ได้ปรากฏมดตะนอย มันตอมต่อยเจ้าฆ่าก็สาใจ
กูจักครรไลไปก่อน ทุกข์ร้อนภายน่าจะมาใหม่
จงระลึกถึงกูให้รู้ไว จึ่งจะได้มาช่วยอย่างวยงง ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เท้งเต้งฟังว่าพากันหลง
สำคัญว่าศักดิ์สิทธิ์ฤทธิรงค์ ต่างก็ลงไหว้กราบออกราบไป
ว่าท่านผู้ศักดาวราเดช จงสมเพทพวกข้าอย่าไปไหน
จงอยู่ในเท้งเต้งอย่าเกรงใคร จะขอเป็นข้าใช้ช่วยคุ้มครอง ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จิงโจ้ยินดีไม่มีสอง
ฟังพวกเท้งเต้งเกรงทำนอง สมปองรอดกายไม่วายปราณ
เออกูจะอยู่ในเรือนี้ จงจัดแจงแต่งที่ให้พูมถาน
รีบลงมารับกูอย่าอยู่นาน ด้วยรำคาญคลื่นละลอกกระฉอกชล ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พวกเท้งเต้งพร้อมพรั่งฟังนุสนธิ์
ต่างลงมารับรองประคองตน ให้ขึ้นบนเรือใหญ่มิได้ช้า
บ้างจัดแต่งที่เก้าอี้โต๊ะ มีโคมโป๊ะตั้งกลางวางไว้ท่า
ทั้งหับห้องของใช้ในนาวา อีกเอมโอชโภชนาสาระพัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จิงโจ้ปรีเปรมเกษมสันต์
มาขึ้นนั่งเก้าอี้ที่กัปตัน พวกเหล่านั้นหมอบราบกราบกราน
จึ่งมีวาจาว่าไป กูนี้มีใจสงสาร
จะป้องกันสัตรูหมู่พาล มิให้ทำรำคาญกวนใจ
บริวารของกูมีอยู่หลาย เที่ยวลอยว่ายกลางทเลอยู่เป๋ไป๋
คอยระวังฟังเหตุเพทภัย แต่ล้วนใจห้าวหาญชาญชิด
เจ้าจงไปรับมาไว้ด้วย จะได้ช่วยปกครองป้องปิด
จงบอกว่าตัวกูผู้เรืองฤทธิ์ มาสถิตย์อยู่ที่นี่ไม่บีฑา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เท้งเต้งได้ฟังสั่งว่า
ให้ไปรับจิงโจ้โยธา บ้างจัดแจงนาวาคลาไคล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ โล้

๏ พอพบจิงโจ้โยธี ลอยว่ายวารีอยู่ไสว
สำคัญว่าศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกร บ้างวอนไหว้คำนับรับตัวมา
พร้อมพรั่งคั่งคับอยู่สับสน เป็นพรรคพลพาหนะแน่นหนา
ต่างยินยอมพร้อมจิตต์คิดพึ่งพา ขอเป็นข้าช่วงใช้อยู่ในเรือ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เท้งเต้งผู้ใหญ่ใจเสือ
คิดจะใคร่ให้สนิทชิดเชื้อ ก่อเกื้ออุดหนุนจุนจูง
จะยกเจ้าจิงโจ้ให้โตใหญ่ หวังจะได้พึ่งพักศักดิ์สูง
เหมือนหนึ่งร่มไม้ใหญ่ยูง หมู่ฝูงนกกามาแอบอิง
จึ่งว่าพวกเราทั้งหลาย เจ้านายเรานี้เป็นที่ยิ่ง
ควรจะทำการใหญ่ให้เห็นจริง จะเป็นมิ่งมังคลั่งคิดตั้งนาม
ต้องสมโภชทำขวัญช่วยกันโหว่ย มาเร็วโวยพวกเราก็หลายหลาม
แต่สะเบียงอาหารนั้นขัดทราม ให้งดงามนั้นไม่ได้ด้วยไม่มี
จะหาของสิ่งใดถวายเจ้า ในเรือเรามีแต่กล้วยอยู่สองหวี
จะทำขวัญจิงโจ้ผู้โสภี ตามมีตามเกิดเถิดพ่อคุณ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ มโหรี

๏ เข้านั่งล้อมจุดเทียนเวียนโห่ เจ้าพระยาจิงโจ้ก็ยิ้มกรุ่น
ครั้นเสร็จสรรพดับเทียนมาเจิมจุณ ให้ชื่อขุนทเลละลอกแล
ด้วยคลื่นลมซัดพามาเหมือนจอก ซ้ำละลอกคัดเคลื่อนมาเหมือนแหน
พลัดบิดามารดามาเดียวแด บุญแท้เลี้ยงไว้ให้เป็นนาย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย ต่างให้พรเสร็จสรรพคำนับน้อม พรักพร้อมชื่นชมสมหมาย
แสนสนุกสุขใจไม่ระคาย ตามแบบบทอภิปรายเปรียบมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ รัว

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ