กาพย์กุมารบรรพ

๏ อัส์สโม อันว่าอาศรมแสนสุราภิรมย์ร่วมรัก ที่พำนักนิหน่อพระมุนีศรีสรรเพ็ชญ์เพศสันดร อดุลดวงกระษัตร เธอสร้างสมดึงษบรมัตถบารมี ได้ยกยอดมิ่งมกุฎศรีวิสุทธิทาน ทางทุเรศรโหฐานสถิตย์ประเทศทิศที่ใด ชูชโกปิ แม้อันว่าชีชูชกใจกาจฉกรรจ์ ตะแก่เดาะเดินด้นดั้นแดนกันดาร โดยมารคมหาสิทธราจารย์จอมอจุตใจอารี เธอร่ำเรื่องราววิถีวิถารแถวพนัศพนมธารทิวไม้ มาด้วยโมหใจนึกจำนง ประสงค์แสวงหาลาภโลภล้นเหลือกำลัง ปัต๎วา ก็ล่วงลุถึงฝั่งสระสรงมหามงคลโบกขรณี สายัเณ๎ห พระสุรศรีสนธยาเย็นยอแสง พราหมณก็เคลือบคลายแคลงเคลิ้มจิตรจินตนาพินิจว่าไฉนหนอนี้นี่จะเปนที่สำนักนิพระหน่ออนุชิเนนทรธิบดี โดยพระดาบศอจุตฤๅษีเธอชี้เฉลย ว่าพราหมณเอย เมื่อใกล้ถึงทางอันหนึ่งนั้นน้อย พอจุรอยบทจรเดินได้แต่ผู้เดียว มาเจาะเข้าก็ประจักษ์เจียวจริงดังวาจาจอมอจุต ก็จวนเย็นยะย่ำจำจะหยุดอยู่ที่นี้น่อยหนึ่งก่อน การโลกีย์อันด่วนได้ก็ไม่ดีโดยบุราณ หนึ่งพระยุพยอดเยาวมาลย์มาศมัทรี จะเสด็จจากพนัศพนาลีสู่พระอาศรม สี่กษัตรจะชื่นชมชวนกันฉันผลไม้เมื่อไสมยยามนี้ สัตรีย่อมตรองตรึกนึกไม่เหนื่อยหน่ายในเสน่หา ไหนนางพญาจะยินยอมพร้อมด้วยพระราชศรัทธา ทางจะทักท้วงหน่วงให้ช้าเชือนแช จะให้ท้าวเธอผิดผวนปรวนแปรประวัติเวียนเข้าวงมือมารมัจฉิริยัศะโมหา มาตุคาโม หนึ่งทางก็เปนธรรมดาชั่วอุดน บรรดาหญิงนี้ย่อมแยบยนต์ยอดมารยา ยามจะยกยอดมิ่งมหามกุฎทาน มักกระทำสลวานโว้เว้ ให้ท้าวเธอหวนเหเหือดหาย เปนทางทานอันตรายเริศร้าง จะขัดเคืองระคายข้างปฏิคาหกเห็นดังอกอาตมา เส์ว ต่อวันพรุกนี้นางพญาจะเยียรยาตรลีลาศเล็มผลาผล แต่หน่อพระทศพลพ่อลูกทั้งสามกระษัตร จะเสด็จอยู่ณวงวัดวนาศรม เปนวันอุดมดิถีบัณรสีอุโบสถ สมเด็จพระดาบศจะบำเพ็ญเพิ่มพระโพธิญาณทานบารมี มาตรจะขอพระหน่อน้อยทั้งสองศรีนี้สดวกดาย จะบริจาคให้จ่ายๆ ด้วยใจงาม พรุกนี้เช้าก็เปนยามยิ่งมิ่งมงคลพ้นจากยามยายี เปนบูรณาดิถีทางลาภ ได้แล้วไม่เกรงจะกราบบังคมลา จะพาพระพี่น้องทั้งสองคลาให้คลาศแคล้ว อย่าให้นางแก้วเกษกระษัตรีได้ทัศนาหน่อพระศรีสรรเพ็ชญ์เพศสันดร จำจะผันผ่อนหาที่พึ่งให้พ้นไภย ตะแก่เลียบศิลาหาได้ซอกสิงขร พอจะซุกซ่อนเสือสิงสัตว์ร้าย เอาถุงเสบียงเบี่ยงบ่ายสบัดลงลาดต่างหมอน เหนื่อยมาพราหมณ์ก็นอนหลับไป กิริยาข้างสิงขรนั้นไซ้ กับอาศรมพระบรมราชฤๅษีพระมัทรีนั้นไซ้ มิสู้ใกล้สู้ไกลกันนักแล ๚

๏ ตํปน รัต์ตึ คืนวันนั้นเมื่อพราหมณนอนเหนือสิงขรข้างเขา เข้าตติยยามะเวไลยเปนปัจจุสไสมยเวลา สมเด็จพระมัทรีศริสุณิสาสญไชยราช ทรงพระไสยาศน์นิทรารมณ์ ยามจะนิราศพระโอรสทั้งสองสมเสมอชีวิตร ทรงซึ่งสุบินนิมิตรอัปมงคล เอโก ปุริโส ว่ายังมีชายทรชนชาติฉกรรจ์ผู้หนึ่งนั้นใจกาจ มิสกลกายกำยำ สามารถมหิมา กัโณ๎ห ผิวพรรณกายาอย่างย้อมหมึก ดำทมิฬมืดแลพิฦกดูดังเมฆ มีกิริยานั้นโกกเกกร้ายกาจ ปริทหิต๎วา นุ่งผ้าย้อมฝาดฟั่นเปนเกลียวเหนี่ยวเหน็บรั้งเรี่ยวแรง ผืนหนึ่งตระแบงพันพุงคุงขันเข้มแขง ปิลัน์ทิต๎วา ทัดดอกไม้แดงทั้งสองหู เห็นพิฦกดูเปนที่สุด อาวุธหัต์โถ มือถืออาวุธวะวาบ ดาบคมกล้าทำสง่าง่างาม ตัช์เชน์โต ตะคอกขู่คำรามร้องสำรากอื้ออึงคนึง ชายนั้นเดินดึงโดดเข้ามา เอาเท้าถีบถูกทวาระศาลาล้มลง ก็ตรูดตรงเข้าไปใกล้องค์นางไม่ปรานีเนตร ฉวยกระชากชฎา เกษเกล้าให้นางท้าวเธอล้มลงอุตตานะภาพ ซ้ำด้วยดาบตัดพระพาหา ขาดทั้งสอง ซ้ายขวาควักพระเนตรน่าเวทนา อุรํ ภิน์ทิต๎วา ผ่าพระทรวงล้วงหาหไทยเด็ดได้ดวงใจจิตรนาง ในฝันว่าเลีอดไหลเปนธารทางท่วมพระองค์ โอ้อนาถบุรุษได้ดวงหไทยแล้วก็ประลาศแล่นพาไป นางท้าวเธอตกใจจนตื่นฟื้นพระองค์ นางจำนงนึกว่าจริงใจหาย ยกพระกรซ้ายสัมผัสขวาคว้ากันดู ก็ยังปรากฎอยู่ทุกสิ่ง อันจะจริงประจักษ์แจ้งว่าฝันนิมิตรร้าย จะมีผู้ใดทักทำนายแน่นิมิตร นอกกว่านี้ฤๅจะศักดิสิทธิเสมอสมาน เหมือนพระจอมจุฬาจารย์จรรโลงโลกย์ ให้สิ้นความสงไสยโศกสงบลง ดำริห์แล้วนางก็ดำรงรื้อพระกาย ค่อยขยายยกพระหัดถ์สัมผัสพระพี่น้อง มิให้พระลูกทั้งสองรู้สึกองค์ นางก็ลอบลงลีลาศ มายังอาวาศพระภัศดา นางพญาก็ยกพระกรกราบถวายบังคม ขอบรมโทษก่อน ก็ยกพระกรเกาะเคาะพระทวาร ใบดาลดังกระทั่งถึงพระโสตร สดับแล้วก็โปรดประภาษมา ว่า โก ปุริโส ใครนั่นหนอมาเคาะพระทวารเราปานนี้ พระพุทธเจ้าข้ามัทรีมาทูลลอองธุลีพระบาท เออมัทรีเปนไรจึงลีลาศล่วงมาผิดเวลาฉนี้ พระพุทธเจ้าข้ามัทรีนี้ฝันร้าย จะรับพระราชทานทำนายแล้วจะลาไป เออเจ้าอย่าเข้ามาในนั่งอยู่แต่นอกนั้น แก้ความฝันเข้ามาเถิดพี่จึงจะทำนายไป สมเด็จพระมัทรีเธอก็ทูลไขข้อคดีโดยสุบิน แต่ต้นจนสิ้นอวสาน ครั้นได้ทรงพระเสาวนาการก็แจ้งประจักษ์ ในเล่ห์ลักษณความฝันว่า เส๎ว พรุกนี้จะมียาจกใจฉกรรจ์ร้ายกาจ จะมาขอสองดรุณรักราชร่วมพระไทย ทานธุระเราฝังไว้เนิ่นนาน ทีนี้จะเสร็จการพุทธการก จะได้ยอยกยอดพระปิยบุตรทาน โอ้สงสารสองสุดสวาดิ พรุกนี้เจ้าจะนิราศได้ยากไร้ไกลจากอกพระบิดา จำจะทำนายให้นางพญาย้อนหายคลายทุกข์ถึงความฝัน จึงตรัสว่ามัทรีเจ้าอย่าพรั่นพิโรธร้อนปรารมภ์มิเปนไร แต่เจ้าเคยเสวยศุไขสวริยสมบัติ ในบุรีรัตนราชนิเวศน์ จะสรงเสวยสรรพวิเศษทุกสิ่งยิ่งอย่าง ย่อมอรรครศเอมโอชสำอางเอกอุดม ที่บรรธมดังทิพยบรรจฐรณ์อ่อนลอออุ่น ล้วนแต่นวมนุ่นเขนยนอน เกษมศุขสโมสรด้วยบวรสุรางคนาง ไม่มีที่จะระคางระคายใจเจ้ามาตกไร้นิราศ ปราศจากศุขเสวยซึ่งทุกขทรมาน มากินแต่มูลผลาหารอันเฝื่อนฝาด เมื่อจะนอนก็นอนเหนือใบไม้ลาดลงกับดิน จะนอนจะกินก็วิการจึงเกิดกำเริบธาตุ นางจึงฝันปลาดลามก อย่าเปนวิตกดำริห์ร้อน เจ้าจงกลับไปก่อนปานนี้ พระพี่น้องทั้งสองศรีรู้สึกตัวจะตกใจ พระมัทรีเธอรับสุนทรสารใส่เศียรเกล้า บังคมลาลีลาศมายังอาศรม สร้วมกอดพระลูกเธอเชยชมชำระภักตรพาที ว่าพ่อชาลีแม่กัณหา อัป์ปมัต์ตา เจ้าอย่าประมาทหมั่นระวังกัน คืนนี้แม่นิมิตรฝันเห็นร้าย ท้าวเธอตรัสทักทำนายว่ามิเปนใด แม่นี้หวาดหวั่นไม่วางใจลงเลยเปนลางหลากอยู่แล้ว เธอสั่งสอนพระลูกแก้วจนใสสว่าง ท้าวนางเธอกลับไปปรนนิบัติตามพิกัดแต่ก่อนมา จึงกลับไปหาแสรกคานกระเช้าสานเสียมน้อย พาพระลูกทั้งคู่ค่อยดำเนินมาสู่พระอาศรม ถวายบังคมลาแล้วฝากพระลูกแก้วทั้งสองศรี พระพุทธเจ้าข้าได้ทรงพระปรานีพระหน่อน้อย ให้อยู่แต่ใกล้ใช้สอยอย่าเสียใจ ให้พระลูกเธอแล่นเล่นใกล้บาทยุคล เจ้าแม่เอยอย่าซุกซนซอกซอน ไปเที่ยวในซอกศิขรเขาใหญ่ไภยจะเกิดมี เจ้าเลี้ยงกันจงดีพี่น้องเห็นหน้ากัน เธอรับมิ่งหาขวัญพระลูกแล้วบังคมลาลีลาศ เหลียวมาแลดูพระศรีสวาดิทรามสงวน พระไทยเธอปั่นป่วนเปนอาไลย ด้วยพระลูกรักสายใจมิลืมเลย ทรงพระกรรแสงเสวยสร้อยเศร้า แล้วก็เสด็จเข้าไปยังไพรสณฑ์ แสวงหาผลาผลนั้นแล ๚

๏ ชูชโก อันว่าชีชูชกาจารย์ เมื่อตื่นจากซอกสิงขรธารข้างเขา เพลาเช้าล้างหน้าตา ก็ไต่เต้าตามมรคาเข้าไป ปางเมื่อปิ่นจอมไตรภพนารถ เสด็จดำเนินเหนือศิลาอาสน์น่ามุข มีพระกายศุขสมาธิมุ่งเมิลชม้อยคอยทางท่า ว่ายาจกจะมามั่นคง พระไทยเธอปลอดปลงเปลื้องราคี ดังรูปศรีสุวรรณปฏิมากร ทรงพระอนุสรเกษมสานต์ อยากที่จะทำทานนั่งท่า วิยสุราโสณ์ฑา ดังนักเลงเหล้าเพลาเช้าเหียนระหวยหิวนิ่วหน้า คอยเจ้าสุราเมื่อไรจะถึง ทรงพระรำพึงจะบำเพ็ญพระทาน เมื่อตรัสเห็นพฤฒาจารย์เดินมา ทรงพระปรีดาดีพระไทย อย่างผู้ยากไร้ทุรพลหม่นหมอง มีผู้เอาถุงทองมาทิ้งให้ ความดีใจจะจากจนพ้นไร้ มีอุประไมยเหมือนฉนั้น มิอาจอดกลั้นกล้ำกลืนซึ่งความชื่นไว้ได้ จนออกพระโอษฐโปรดปราไสเรียกทชี เอหิวัต์ตัพ์โพ พราหมณ์เอยจงมานี่เร็วรา ช่วยยกธุระอันร้างมาเปนช้านาน จะสำเร็จเพราะท่านในวันนี้ เมื่อจะตรัสใช้พระชาลีชี้ให้เชิญพราหมณ์ ความเคารพนบในสัปรุษทาน ก็ตรัสด้วยสารพระคาถาฉนี้ ๚

๏ อุฏ์เฐหิ ดูกรพ่อชาลีผู้มีศรีสุนทรลักษณ์ เจ้าจงยืนขึ้นตรงภักตร์พระบิดา แลไปดูตรงหน้าโน้นนั่นใคร พราหมณ์ฤๅไรระร่อยรี่เร็วเข้ามา พ่อจงคมนานบนอบให้ชอบการ ช่วยรับเครื่องบริขารของทชี พ่อเอยเหมือนเมื่อเรายังผ่านพระบุรีราชสมบัติ สพรั่งพร้อมพราหมณ์บริสัชแซ่ซ้องกันมา ทั่วทศทิศาเสือกสน อื้ออลวนทุกวันไม่เว้นวาย ทุกแพ่งพายพากันมารับทาน ทิฏ์ฐกาลโต จำเดิมแต่บิดาได้เห็นก็บันดาลให้ดีใจ แจ่มจิตรเจตนาในสมบัติบริบูรณ์ ทั้งมูลทานปฏิคาหกเปนต้นวิตกติดมา ยิ่งมีโสมนัศาแสนซาบ เสียวสกลเอิบอาบผิวพรรณมังสัง กระทั่งถึงกระดูกดั้นด้น จดจนสมองมุทธาทั่วสรรพางค์ เสจนกาโล วิย อย่างเมื่อยามร้อนฤดูแดดบันดาลให้หิวหอบไม่เหือดหาย มีบุรุษชาติเชื้อชายหนึ่งนั้นกรุณานำเอาน้ำอันเย็นใสสุทธา เทรดร้อยพันกละออมอบอวล ระรินรศหอมหวนหรรษา สงบร้อนระงับกายาเย็นใจ เจ้าพ่อเอยครั้งนี้มีอุประไมยเหมือนฉนั้น พระชาลีก็ทูลถวายอภิวันท์รับวโรวาท พระพุทธเจ้าข้าเห็นประหลาดแล้วแลไป พราหมณผู้ใดเดินมา กอปรด้วยอากัปกิริยาสังยม อย่างประหนึ่งว่าพรหม ประพฤติพร้อมพิธี ทางศิวงค์วัตรวิเศษ เปนดาบศธราเวทวิสิฐ อัต์ถิโก จะมีกิจกระมังมั่นคง จึงเจาะจงจรมา พระชาลีก็ลีลาแล่นไปก่อน กระติงกะแตงต้อนรับเคารพ ประจบว่าเจ้าจอมตาอาจารย์ เข้าของบริขารสิ่งใดหนัก จงส่งมาให้หลานรักจะรับไป ทชีก็เฉียวใจจินดารพ เออนี่มิเนื้อหน่อพระไตรภพบพิตรพระเพศสันดรแล้วแลฤๅมั่นคง จึงอาจองอ่อนหวาน ประจบประแจงเรียกว่าเจ้าจอมอาจารย์ให้อ่อนใจ อันลูกกระษัตรนี้สูงใหญ่ใจแกล้ว ครั้นกูขอไปได้แล้วจะลวนลามไม่ตามใจเจ้าจะจองหอง จะเลียบเรียกร้องว่าลุงตา ไม่เปนฉันทาษทาษาก็ท่าอาย จำจะเกริ่นกรายกริ้วโกรธ สำรากพิโรธแต่แรกก่อน พระอาการจึงจะอ่อนดังอำมฤค จึงจะแจ้งในสำนึกอำนาจกู ผู้จะเปนเจ้าแก่เผ่าพงษ์กระษัตรสืบไป พราหมณ์ก็ดีดมือสำทับไว้ด้วยวาจา ว่าฮ้าลูกของใคร เข้ามาขัดขวางทางผู้ใหญ่จะยาตรา อย่ามาเสนอหน้าตากูบัดนี้ พระชาลีก็หลบหลีกในซีกทางข้างหนึ่ง นิ่งรำพึงพิจารณา ไฉนหนอจึ่งวาจาจ้วงจาบ เปนผู้ใหญ่นี้ยุ่งหยาบถึงเพียงนี้ พระชาลีก็แลเล็งเพ่งพิจารณา แต่บาทาตราบเท่าเศียรเกล้าพฤฒาจารย์ ก็แจ้งบุรุษโทษสิบแปดประการประกอบในกาย เออจึงสมกับร่างร้ายรับกับวาจาทชี พระชาลีก็กำหนดไว้ในพระไทย ส่วนพราหมณก็เดินด้อมน้อมเข้าไป ยังสำนักนิ์บรมไทธิบดี ก็ทูลปฏิสันถารถามเปนท่วงทีถึงทุกข์ไภย โดยไนยพระคาถาฉนี้ ๚

ฯ กัจ์จินุ โภน์โต ฯ ๏ โภน์โต ข้าแต่พระบาทบพิตรพระดาบศผู้ทรงพรตพิธี จำเริญศรีสรรเพ็ชญ์โพธิญาณ กุสลํ อันว่าไข้ขบขันธมารยังมีมาเบียดเบียนพระบาทบ้างฤๅประการใด อนามยํ อันหนึ่งทั้งทุกข์ไภยพาฬมฤคราช ยังราวีเวียนเข้าอาวาศแวดชาย มาฉุดฉัดพระอาศรมล้มทลายลำบากบ้าง ด้วยก่อสร้างซ่อมแปลงเปนปลิโพธ ที่จะภูลพิโรธร้อนรน ยังปะปนเปนบ้างฤๅพระเจ้าข้า ฑํสา จ มกสา สรรพสัตวสาธารณ์ทั้งริ้นร่านห่านบุ้ง เหล่าเหลือบยุงยังยายี ทั้งทีฆชาติก็มีเปนมากหลาย ยังเลื้อยไล่ใกล้กรายแกล้งกระทำ ให้ท้าวเธอชอกช้ำประชวรป่วนจิตร ด้วยพวกพิศมพาธา ทั้งนี้นี่มีมาฤๅว่าหามิได้ ค่อยมีมโนภิรมย์รื่นใจจำเริญวัตร มิได้เคืองขัดขันธสันดานดีอยู่ดอกฤๅพระเจ้าข้า พระองค์จงเมตตาตอบสารให้ทราบเกล้า แก่ข้าเถ้าผู้ทูลถามในกาลบัดนี้แล ๚

๏ สมเด็จพระราชฤๅษี ทรงพระโสมนัศเปรมปรีดิ์โปรดปราน ประภาษตอบประฏิสันถารฉนี้ พ๎ราห๎เม ดูกรทชีเชื้อชาติภารทวาชวงษ์วัตร จำเดิมแต่วันแรกเราพลัดพระภารานิราศมาอยู่ป่า ปนไปด้วยไภยจะพรรณา นับมิได้ถึงเจ็ดเดือนโดยนิยมมาศ มิได้มีไภยพาลพยาธิ์ที่จะย่ำยี อย่างประหนึ่งจะไม่มีขาดขันธมาร ทั้งมูลผลาหารก็หาสดวกดาย พอภุกดาได้เปนศุขสบายไม่ขัดสนในไพรสาณฑ์ มาสร้างสมณก็นานถึงเพียงนี้ พึ่งเห็นหน้าทชีก็ชื่นชม อย่างประหนึ่งว่าพรหมเปนพราหมณพฤธี พร้อมทั้งเครื่องโหมหุดีดูสอาด ไม้เท้าที่ท่านถือนั้นแลประหลาดละเลื่อมเหลือง เล่ห์มะตูมสุกสีเรืองรองอร่าม ทั้งเต้าน้ำนั้นก็งามหนักหนา ส๎วาคตัน์เต ท่านมาในครั้งนี้เหมือนมิตรอันมีวิมลมงคล อย่างจะหยิบยื่นภัพผลแผ่ให้เรา ถึงท่านผู้เถ้ามาแต่ทางไกล ก็กล่าวว่าใกล้เถิดทชี เชิญชำระธุลีล้างลอองอันติดมา ชำระกายกายาให้เย็นใจ น้ำนี้เย็นใสสอาดอย่าอาเกียรณ์กินเถิดทชี พระมัทรีเธอตักมาแต่ทรอกทรึ้งภูผาพนมวงก์ ผลพฤกษาสิ่งประสงค์เนืองนอง ติณ์ฑุกา ทั้งทับทิมทองพลองพลับ มหาดแหนแห้วกระจับอินจันทน์ มธุเก ทุกสิ่งสรรพมะซางซุกซ่มสวายสอ มะก่อเกดระกำกุ่มกินนี่ก็หวานฉ่ำรศโอชา ฤๅจะฉันมะตูมตาดแตงป่าประยงคุ์ยม ทั้งมูลเผือกมันก็มีเปนถมในฐานที่นั้น เชิญทชีฉันให้สำราญในฐานที่นั้นเถิด อถ ต๎วํเกน อันหนึ่งโสดท้าวเธอโปรดประภาษ ถามเถ้าผู้เผ่าภารทวาชทวิชาจารย์ว่า เอออันหนทางนี้กันดารเปนแนวพนัศพนมไพร สิงสัตว์ย่อมอาไศรยก็ไกลกว่าไกลโสด ถึงหกสิบโยชน์ยากที่จะมา เกน เหตุนา เหตุไฉนณทอาจารย์จึงจงใจทรมานมุ่งหมาย ไม่คิดแก่ความตายตามมา ถึงคันธมาทน์มหาหิมวันต์ ช่างไม่หวาดหวั่นครั่นคร้าม ไม่ย่อหย่อนพยายามมาด้วยสามารถทั้งนี้ ในปราถนาของทชีนี้ก็จำนงประสงค์แสวงสิ่งใด จงบอกยุบลกิจแก่เราไป ในกาลบัดนี้เถิด ๚

๏ ยถา วาริวโห เมื่อชีชูชกาจารย์จะรับพระราชทานทูลขอ พระหน่อนรินท์ปิ่นปิโยรสร่วมพระชนม์ ยอยกยุบลเปนอุบายบำรุงราชศรัทธา ถวายเปนทางอุประมานุประไมย ให้มีมโนภิรมย์แจ่มใสโสมนัศศรัทธา ว่าพระพุทธเจ้าข้าพระองค์ผู้ทรงพระญาณ ยอดกระษัตรมหาศาลสมมุติวงษ์วรมุนีศรีสรรเพ็ชญ์พุทธังกูร อันก่อสร้างให้เสร็จแก่สร้อยสูรภิเศกสมโพธิญาณ ก็สมควรทุกที่ฐานทางพระราชศรัทธา ทั้งพระกรุณาก็ไม่เหนื่อยหน่าย ในสัตวหญิงชายผู้ยากไร้ พระเมตตาญาณก็เย็นไปเปนสุคนธรศ ให้ฝูงสัตว์เปนศุขทั่วทศทิศา ล้วนพระมุทุตาปราโมทย์ มิได้มีอิสสาโสดวิหิงษา แก่ฝูงสัตว์คณาอันมั่งมีก็ดีพระไทย ทั้งพระอุเบกขาก็แผ่ไปเปนมัธยม มิได้ชิงชังชื่นชมชั่วดี ทุกหมู่สัตวอันมั่งมียากไร้ เสมอพระไทยทางพรหมวิหาร ที่จะหดหู่ให้ทานไม่ท้อระทด ทุกหมื่นเมืองก็มาหมดในชมพู เปนที่ชื่นชมช่วยชุบชุประชาชน จะชอบเชิงสิ่งใดก็ขอขนเอาเข้าของ มิให้ขัดข้องเคืองรคายปฏิคาหก ให้สำเร็จทุกสิ่งซึ่งวิตกตามแต่จะปราถนา มีอุปมาเหมือนแม่น้ำนที อันมีรศวารีทั้งห้าแถว ถ่องใสดังแสงแก้วก็มิปูนปาน ชลาไหลเปนท่อธารทดถั่ง เต็มในตาฝั่งฟูมฟอง ฝูงมัจฉาชาติชมชลาล่องโลดแล่น เกษมศุขอยู่เย็นย่อมอาไศรย สรรพจัตุบาทคณาน้อยใหญ่เมื่อยามร้อน ย่อมโซเซซอกซอนซานมา ได้ดูดดื่มรศธาราระงับหาย ที่หอบหิวก็เคลื่อนคลายสงบลง ฝ่ายมนุษคณานั้นมีประสงค์ก็เสือกสน บ้างกินอาบหาบขนบ่ขาดสาย ไม่สิ้นสุดศุขสบายก็เบิกบาน ด้วยรศวารีสำราญเริงใจ จะมีชีวิตรเปนไปทั้งนี้ เพราะพระคุณน้ำนทีทั้งห้า มีพระคุณแก่สัตว์คณาอนันตจะนับมิได้ เหมือนพระไทยท้าวเธอจะทำทาน ทั่วทิศาสารสรรพสัตวย่อมอาไศรย ไม่เสียสูญศรัทธาไทยทั่วหน้า มิได้เลือกเว้นทุกแห่งหนก็เห็นประจักษ์ ว่าเปนจอมจุฬาโลกย์เลิศลักษณฦๅชา ใช่เชิงข้าทชีจะว่าแต่เมื่อจะขอ จะปั้นป้อยอยกยั่วพระไทยท้าวเธอทำทาน เปนความสัจจริงของข้าทอาจารย์นี้ยากจน จึงอุส่าห์สู้ทุกข์ทนทรมานมา รับทานสองราชโอรสาทรามสวาดิไปเปนทาษทาษี จงทรงพระโสมนัศเปรมปรีดิ์ปราโมทย์ ที่หมายจะโปรดประชาชนให้พ้นสงสารไภยภาคน่า เพราะพระน้อยๆ หน่อนราราจทั้งสองศรี จงยกยอดพระบารมีมิ่งมกุฏทานเถิดทูลกระหม่อม ให้พร้อมด้วยพระราชศรัทธา พระราชทานสองเสน่หาให้แก่ข้าทชี ไนกาลครั้งนี้เถิด

๏ โพธิสัต์โต สมเด็จพระบรมโพธิสัตวตรัสได้ทรงฟังคดี ทชีชูชกาจารย์จะขอสองกุมารในวันนั้น ทรงเกษมสันต์ศรัทธา ด้วยพระไทยเปนธรรมดาบันดาล ญาณบารมีมหึมา แต่ประสูตรจากครรภ์พระมารดาเหยียดพระหัดถ์ออกพระวาจาจำนง ประสงค์ของพระราชทรัพย์บำเพ็ญทาน ท้าวนางเธอวางประดิษฐานถึงพระหัดถ์ พระวาศนานั้นปดิพัทธผูกพันมา จึงมีกำลังพระราชศรัทธาไม่ย่อท้อ เมื่อพราหมณตะแก่ทูลขอพระยอดรักร่วมพระชนม์ เธอจะยังเขาคันธมาทน์มณฑลให้สเทือน สท้าน ก็มีพระราชบริหารให้ทชี โดยท้าวเธอยินดีชื่นชม ว่าพราหมณเอย ทีนี้นี่สมเหมือนเรานึกคเนไว้ว่าท่านผู้เถ้า จะได้บำรุงธุระเราอันเริศร้าง จะให้เรานี้ถึงทางโพธิญาณ เรามิได้มีสันดานหวาดไหว ด้วยโลภมัจฉิริยธรรมภายในณทอาจารย์ ท่านจงเปนเจ้าแก่สองกุมารมิ่งวิมล ทั้งสองคนจงเปนทาษสิทธิขาดแก่ท่าน ตามแต่ทอาจารย์จะพาไป อันหนึ่งเราเห็นว่าเปนไสมยเวลาล่วงลง จวนอัษฎงคตเข้าราตรี จงนอนที่นี้ด้วยกันก่อนทางกันดาร จะด่วนไปก็มิเปนการจะเกิดไภยราวี หนึ่งนางมัทรีเธอจะได้อนุโมทนา อุปสึฆาเต จะได้จูบจอมชฎาระดับเกล้ากันเกษ เสียบแซมสุคนธัยประทุเมศมาลา แล้วจะเลือกผลพฤกษาเปนเสบียงแบ่งให้ จะได้สู่กันกินไปในมรคา พระพุทธเจ้าข้า ประการนี้ข้าทชีไม่ชอบใจ อันจะตามพระไทยท้าวเธอให้อยู่ท่านางพญาดาบสินี เปนสัตรีนี้ใจอ่อน จะอ้อยอิ่งวิงวอนให้วนเวียน นางจะซบเศียรกรรแสงโศกา ก็จะเกิดความเสน่หาหวนหันเปนอันตรายในทางธรรมเที่ยงแท้ เปนธรรมดาหญิงย่อมมิสู้แน่ในทางทานการกุศล มักเศร้าหมองมัวมนไม่เหมือนชาย ดังถือของด้วยมือซ้ายมิสู้สนัด มีแต่สกัดกางกั้นการกุศลให้เสียสูญ สัตรีมีมัจฉิริยเปนมูลกระแส ได้โปรดอย่าปรวนแปรปรีดา จงเรียกพระตรุณโอรสาทั้งสองศรี อย่าให้ทันพระมัทรีเธอเสด็จมา จะเปนทานมหามกุฏทาน เมื่อท้าวเธอทำลายขันธมารม้วยมิด ก็จะเสด็จขึ้นสู่ดุสิตเสวยสวรรค์ สมบัติอนันต์จะนับมิได้ ด้วยอำนาจเธอให้พระปิยบุตรทาน แก่ข้าทอาจารย์นี้แล ๚

๏ สมเด็จพระราชฤๅษี ตรัสว่าดูกรทชีใช่เชิงความ อันนางจะหยาบหยามยับย่อย อย่างหญิงที่น้อยศรัทธานั้นหามิได้ แต่จะว่าไปไยให้ยาวความ พรหมณ์สิไม่ปราถนาจะอยู่ท่าพระมัทรี ก็ตามทีที่ท่านจะพาพระพี่น้องไป แต่เราเห็นไม่เปนอันที่จะใช้ณทชี ด้วยเจ้าทั้งสองศรีสิยังอ่อนอบอาย กลิ่นน้ำนมยังไม่หายเห็นฉนี้ เราจะช่วยชี้ช่องลาภลํ้าเลิศให้ท่านเถิดทอาจารย์ จงพาสองกุมารนี้ไป ยังสำนักนิกรุงสญไชยธิบดี ได้ทอดพระเนตรเห็นพระสองศรีสุริยนัดดาตรุณน้อยๆ เปนนวลงามตามกันไป จะดีพระไทยท้าวเธอนัก หน่อพระหลานรักจะพิไรรํ่า ด้วยสุรเสียงเจ้าเฉื่อยฉํ่าชออนอ้อน ได้ทรงฟังก็จะอ่อนเอนดูพระนัดดาทั้งคู่เปนมั่นคง อันสิ่งของที่ท่านประสงค์แสนสมบัติ บพิตรจะแจงจัดบรรจงให้ เพราะเห็นท่านมีน้ำใจสามิภักดิ ถวายพระหลานรักร่วมพระไทย ฉนี้เถิดเปนไรณทชี เห็นจะดีสดวกได้ยิ่งกว่าใช้พระชาลีกัณหา พระพุทธเจ้าข้า ซึ่งโปรดเกล้าแก่ข้าเถ้าทรพล ถ้าเดชะกุศลได้สร้างมามิเปนใด ก็จะบันดาลดลพระไทยท้าวเธอกรุณา ว่าเถ้านี้นำพระนัดดาดวงตรุณรัตน์ มาจำเริญพระราชศรีสวัสดิภักดี ก็เปนความชอบของทชีใช่น้อย จะปูนบำเหน็จนับร้อยราชรางวัล ทุกสิ่งสรรพแสนพิพิธโภคโภคา เข้าของจะคณนาอเนกนับมิได้ ข้าเถ้าจะมียศใหญ่ไม่ย่อม จะถึงที่เจ้าจอมอาจารย์อย่างโปรดปรานฉนี้ กลัวเกลือกแต่ข้าทชีสิชาติทรชน การอกุศลจะสู่สนองนำให้เปนช่องระวางโทษ ท้าวเธอจะขู่เข็นเปนพิโรธรุกราน จะถูกกระทู้พระโองการแก้ไข จะขัดสนเห็นจะจนในใจความ ด้วยตัวสิเปนพราหมณ์ประพฤติพรหมจารี เปนไรจึงองอาจออกไปลอบลักเอาพระชาลีหลานหลวงทั้งคู่ จะขัดอยู่ในข้อนี้ จะให้ชิงเอาพระชาลีกัณหา เห็นโทษจะถึงพิฆาฏฆ่ามั่นคง บุญหนักแลจะลดลงลาหนึ่ง จะพึงทรงพระโกรธา ให้ลงพระราชอาญาด้วยไม้หวาย แทบบรรดาตายสาดเสีย จะโซเซไปหาเมียแต่มือเปล่า คาเรย๎หิส์สํ จะมีแต่ความโศกเศร้าแสนทวี ด้วยอมิตดานารีจะรุกราน จะว่ากล่าวประจานจ้วงจาบ จะยับระยำด้วยคำหยาบก็ยอกใจ ว่าเปนผู้ใหญ่ไม่อัธยา ให้ขาดจากทาษทาษาช่วงใช้ เท่านี้แลเปนการใหญ่พระเจ้าข้า ขอถวายบังคมลาพระลูกท้าวเธอทั้งสองไป เปนทาษช่วงใช้นางอมิตดา ในกาลบัดนี้แล ๚

๏ สมเด็จพระราชฤๅษี จึงตอบคดีด้วยกรุณา ว่าพราหมณ์เอยอย่าว่าฉนั้น อันท้าวเธอนี่ทรงธรรม์ถ้วนถี่ ถึงจะวิพากษาโดยคดีราชกิจประการใด ก็ดำรงพระไทย ให้แท้เที่ยง มิได้เอียงด้วยโทษฉันทา สถิตย์ในที่อุเบกขาญาณมัทยัด ยั่งยืนแล้วจึงตรัสพิพากษาพิจารณาเมื่อภายหลัง มิให้พลาดพลั้งเพลี่ยงพล้ำ ด้วยยุติธรรมท่วงที จะเหมือนคำของทชีหามิได้ จะดีพระไทยด้วยทัศนา พระหน่อน้อยนัดดาดวงพระเนตร จะยินยลพระเยาวเรศตรุณราช จะชื่นชมด้วยเชิงฉลาดหลักแหลม ล้วนเล่ห์ลมเจ้าสอดแซมเสนาะนัก ในจะเร่งจำเริญรักราชนัดดา ท่านจะลุลาภอเนกเปนหนักหนาในครั้งนี้ ทชีจงเชื่อชั่งใจ อันจะมีเหตุเภทไภยมาพะพาน เพื่อพระพี่น้องสองกุมารนั้นหามิได้ ท่านจงพาไปเถิดทชี พระพุทธเจ้าข้าซึ่งทรงพระปรานีแนะนำ นี่เนื้อจะอุปถัมภ์ข้าเถ้าบันทุกทุเลาลุลาภ เล่ห์นี้ก็ทราบเศียรเกล้า ไว้ในกลางกระหม่อมข้าเถ้านี้ทุกประการ แต่จะขอพระราชทานทูลลาพาพระลูกท้าวเธอไป เปนทาษช่วงใช้นางอมิตดา เห็นดีกว่าแล้วแล ๚

ฯ ตมัต์ถํ ฯ ๏ ภิก์ขเว ดูกรภิกษสงฆ์ผู้ทรงศีลสิกขา กุมารา ฝ่ายพระพี่น้องหน่อกระษัตรทั้งสองศรี ได้ทรงฟังคดีดึงดัน ของพราหมณเถ้าอาธรรม์ถุ้งเถียงทางผรุสวาท เปนใจกาจฉกรรจ์ ภยฐิตา พระองค์สั่นขวัญหาย พระชาลีผู้พี่ชายชวนชินานาฏน้องกัณหาละล้าละลัง ออกจากหลังพระบรรณศาลา แล่นหลบเข้าสู่สุมทุมป่าลเมาะไม้ หมอบพระองค์ลงมิให้เห็นตัว พระพี่น้องเธอกลัวพราหมณ์ เหมือนมาติดตามต้อนเอาตัวไป สดุ้งตกพระไทยทั้งคู่ จะยับยั้งอยู่ที่นั้นมิได้ ก็ชวนกันแล่นหลบไปจากที่นั้น ถึงเขตรคันสระศรี พระชาลีแลนางกัณหา นิวาเสต๎วา เธอนุ่งผ้าคากรองสักกระสันให้มั่นคง เธอไขรอยถอยหลังลงในสระศรี เอาวารีบังพระองค์ เอาใบบัวบุษบงเธอบังเกล้า เจ้าก็เร้นซ่อนพระบิดา ในฐานที่นั้นแล ๚

๏ วันนั้นชูชกพฤฒาจารย์ แลไม่เห็นสองพระราชกุมารในที่นั้น ตะแกหวนหันฮึดโกรธพาลพิโรธรุมร้อน เข้าตัดภ้อพระภูธรพุทธังกูรเกษกระษัตร โภ เวส์สัน์ตร ดูกรมหาเวสสันดรดาบศผู้ทรงพรตพฤธี นามชื่อว่าฤๅษีย่อมทรงสัตย์ ให้ม้วยมุดเปนบรมรรถไม่มุษา นี่มาเสียซึ่งสัจจาไม่มีจริง เดิมดูนี่เห็นเปนยวดยิ่งจะยกยอดพระบารมี มาตรออกปากขอพระชาลีกัณหา ก็ให้ด้วยปรีดาโดยด่วน แล้วก็เชิญชวนให้ช้าท่าท้าวนาง ครั้นขัดขวางไม่อยู่ ก็ยอยกยุให้ไปยังพระเจ้าปู่ปิ่นพิไชยธานี ครั้นทชีรู้ถึงเชิงชั้น ทันในท่วงที ท้าวเธอก้าวเฉียงเห็นเลี่ยงหลีกลี้ไม่ลงตาม ทำหน้าตาตึงไม่งดงามง่วงงงเปนพะวงพะวัก แล้วลอบลักแลดูหน้า ให้คิ้วตาตักเตือนพระลูกน้อย พระหน่อนิดกะจ้อยร่อยรู้ทีเดียวชวนก้นเฉียวฉิบ ตลิบหายไม่เห็นตัว ทำมึนมิมัวซัวไม่ศุขเสบย เธอทำเชิงเฉยเปนไม่รู้เห็น ตกจะลวงฬ่อกันเล่นพอให้เลื่องฦๅฉนี้ฤๅประการใด เออฤๅใครในโลกยนี้ ที่จะกล่าวมุษาวาทีเทียมเท่า ถึงพระเวสสันดรเจ้าองค์นี้ ก็เปนว่าหามิได้แล้วแล ๚

๏ สมเด็จพระราชฤๅษี เมื่อฟังทชีบริภาษ ว่าพระองค์กล่าวมุษาวาทเวทนา นึกในพระไทยว่าเปนไรฉนี้ ชรอยพระชาลีกัณหา กลัวชีชราร้ายกาจ จึงหลบหลีกประลาศหนีไป ตะแกจึงหยาบหยามไยไพโพนทนา จึงเอาพระเมตตาเข้าตอบ พราหมณ์ ประโลมไล้ด้วยใจงามฉนี้ ดูกรทชีจงช้าช้า จะครึ่งโกรธโกรธาไปทำไม สองกุมารจะหนีไปไหนอย่าร้อนรน เปนพนักงานเราจะรีบร้นเร่งหาให้แก่ท่าน ท้าวเธอคมนาการกำหนด ตามบทวลัญชร สองบังอร ออกไปถึงสระศรี โบกขรณี พิจารณา ก็เห็นรอยพระบาทาถอยหลังลง เธอก็ทรงพระสังเกต ว่าสองตรุณเรศเร้นช่อนทราบพระไทย ท้าวเธอตรัสเรียกพระลูกไปด้วยพระคาถา ๚

ฯ เอหิ ตาต ฯ ๏ ตาต ปิยปุต์ต พ่อเอยเจ้าชาลีศรีสุนทรลักษณ์ พระลูกผู้ร่วมรักพระบิดาเจ้าจงพาพระน้องนาฏกัณหาขึ้นมาก่อน ช่วยธุระร้อนอันอารภ พ่อนี้ผูกพันธ์ใคร่พานพบพระโพธิญาณ พระยอดสุดสงสารเสมอชีวิตร จงมาเปนมิ่งมิตรมหามงคลทาน จะเสร็จแก่สร้อยสารสัพพัญญู อันยอดยิ่งหยั่งรู้ทุกอารมณ์ เปนเอกอัฏอุดมของบิดา แต่ก่อนมาก็มิเคยได้ยินผู้ใดเลยจะล่วงลาม เจรจาหยาบหยามเหมือนอย่างทชี ว่าพ่อนี้มุษาวาท เปนอัประมาณเหมือนประมาทไม่เกรงใจ ความเจ็บร้อนนี่กระไรให้พลุ่งพล่าน ดังเพลิงผลาญลามลน ให้กายสกลกำเริบร้อนรุมระอุองค์ จะเอาน้ำอันใสสรงสุคนธรศหอม พันกละออมอันอบอาบ เอิบสกลซับซาบสรรพางค์ ให้เย็นยะเยือกอย่างนั้นณพ่อชาลี พระลูกเอยประเวณีหน่อนราราช จะโพนประพาศพนสณฑ์ ข้ามตำบลแสนกันดาร ให้ถึงที่เกษมสานต์แสนศุไข ก็ไปได้ด้วยยั่วยานยอดยศ เปนเอกอรรคอัศวรถคชาธาร อันอาจเอี่ยมเหี้ยมหาญหัศดินทร ประดับด้วยคชาภรณ์สายสพัดพรรณรายรัตนเรืองโรจ แสงชะช่วงโชติชัชวาลย์ วาวแววด้วยดาวแก้วกาญจนจงกล ประกอบด้วยพวงภู่ขนขจิตจามจุรีร้อยระย้า ทั้งไข่แก้วมุกดาระดับ ดาษลาดหลังละเลื่อมแสงจำรัส กาญจนกัมพลพัตรปูปกโขมด มยุรฉัตรฉัตรไชยวิโรจอร่ามฟ้า บังพระสุริยฉายายะยับ ธงเทียวสรรพสพรั่งพร้อมไพร่พลหาญแห่ห้อมคชาธาร ถือขอขี่ขับข้ามกันดารดับอาดูรภาพพ้นไภย ก็ถึงที่เกษมไสยมหานครราชธานี เปนแก่งกันดารโลกีย์เขาก็ข้ามถึงพระลูกเอย อนึ่งในทางท่ามมหาสมุท อันฦกซึ้งเปนที่สุดแสนสหัสสังขยา กันดารด้วยหมู่มัจฉาชาติร้าย ในกระแสสายชลชลาก็ข้ามได้ ด้วยนาวาวิสัยสรรพไปด้วยสิ่งเสาใบบรรจง จังกูดกงกระดานดาษมาดมูลไม่ล่มลื้น โลดแล่นไปตามคลื่นฝืนระลอก ก็กลับกลอกกลิ้งไปในกลางชลาไลยชเลหลวง ยังแล่นล่วงลุถึงฝั่งฟากเขตรข้ามสาคเรศรอดไป เปนอไภยพ้นกันดาร ก็ถึงฐานที่เกษมศุขสมดังปราถนา นั้นมีอุปไมยมาฉันใด ยานนาวา เจ้าจงตั้งใจจำนงเปนวิมงคลมหามกุฏทาน แทนอริยยานนาวาวิเศษ อจล มิได้หวาดไหวด้วยไภยเภทพาธา ช่วยข้ามส่งพระบิดาให้ได้ดวงรัตนในอนาวรญาณยอดสัพพัญญู หยุดถึงฝั่งฟากอมัตมหานครนฤพาน เหมือนด้วยหมู่โลกียยานเขาข้ามขนฝูงประชาชนดังนั้น แล้วพ่อจึงจะจัดแจงสำเภาธรรม์ทางพระโลกอุดรบวรศักดิ พระอัฏฐังคิกมรรคทั้งแปดประการ กล่าวคือญาณดำริห์สติวิริยา สมาธิหมั่นพิจารณาในพระอริยสัจทั้งสี่ พระโพธิปักขียกาญจนแจงจัด เปนสัตตภิรัตนรูจีศรีสำเภาแก้วแกมกาญจน์ จังกูดกงดาษกระดานอดุลรัตนาไมย วิมลหมดใสแสงสุริยสัศส่องระรองเรืองพรรณราย ด้วยรอกร้อยห้อยสายเสาใบบวรวิจิตรบรรจง อลงการแก้วกระหนกกระหนาบลาย ละเลื่อมแสงสุริยฉายโชติฟ้า เปนที่นั่งมหาพิมานมณเฑียรระเมียลมาศ จัตุรมุขประหลาดสีสหัสกุฏาระดับ ด้วยยอดแซมซ้อนสลับสพรั่งพรายพิโรภาษ ดังวิมานมาศเมืองฟ้า พระบิดาจะดูระดับทุกสิ่งสรรพสินค้า สัตตภิรัตนาอเนกเฉกโพชฌงค์ทั้งเจ็ดประการ ประกอบศีลสารสมาธิปัญญา ล้วนโลกกุตรสินค้าขนลงไม่ล่มลื้น บรรทุกทั้งหมื่นอมรมนุษย์นิกรสัตว์แสนสุรินทคนธรรพทานเวศ พร้อมทั้งพรหเมศอมรินทร์ ทั้งไตรโลกย์ลงสิ้นสู่สำเภาแก้ว ก็ผ่องแผ้วไม่เพียบลง แลสูงระหงเห็นตระหง่านสง่างาม พร้อมสัตวทั้งสามโลกย์ลงแล้ว พระบิดาจะทรงพระขรรค์แก้วกาญจนกล่าวคือปัญญา ย่างลงเหนือบรรยงก์รัตนาศรีสัตตภิรัตนเภตราไตรปิฎก บุษบกวิมานมณีศรี เมื่อเสร็จสฤทธิฤกษ์ดีได้เมื่อใด สัน์ตาเรส์สํ บิดาจะข้ามซึ่งเวไนยนรากร ให้พ้นแก่งกันดารดอนอาดูรไภย ชาติปารํ ถึงฝั่งฟากเกษมไสยสุดโสดสู่ศิวโมกขมารวิมุติ ให้สิ้นสุดสงสารชาติชราพยาธิม้วยมรณ์ ลุลาภพระโลกุดรได้ดังนี้ เพราะพระชาลีผู้ลูกอันเลิศลํ้า เปนพระยานสำเภาธรรมแท้เที่ยง ล่งพระบิดาให้แล่นเลี่ยงหลีกกันดารอกุศลสาธารณ์ทั้งสิบสี่ ได้โปรดสัตว์ให้สิ้นซึ่งราคีขันธมาร เข้าอมัตมหานครนิพพานพ้นไป ก็อาไศรยซึ่งยานสำเภาคือตัวเจ้าในครั้งนี้ พระลูกเอยถึงจะหนีโพยไภย จะพ้นได้แต่โดยปัจจุบัน เบื้องน่านั้นในสงสาร แสนกันดารเดือดร้อน พ่อเร่งรำพึงผ่อนพิจารณาเถิด ถึงสัตว์อันเกิดตายตามกระแสสายชลาโลกย์ ย่อมมีสรรพทุกข์โศกสู่จตุราบาย เปนเรือนเกิดแก่ตายของโลกีย์ พ่อจะหนีไฉนเล่า ขึ้นมาเถิดพระขวัญเข้าของบิดา อย่าให้พราหมณตะแก่นินทาตัดภ้อ จงช่วยพ่อบำเพ็ญทาน ในกาลบัดนี้เถิด ฯ

๏ เมื่อพระชาลีกุมาร ได้รับสั่งสารสุนทรกถา พระบิดาตรัสเรียกวันนั้น มิอาจะอดกลั้นซึ่งโศกา ก็นึกว่าแต่ก่อนกาล จะเรียกด้วยราชบริหารถึงสองที แล้วพระชาลีจึงรับสั่ง จะมีมาทแต่สักครั้งหนึ่งหามิได้ พราหมณจะทำประการใดก็ดี ก็ตามกรรมที่มีได้ทำมา ทำไมจึงจะให้พระบิดาตรัสให้หาถึงสองหนฉนี้นี่ จะนับว่าเชื้อชาติพระชินศรีสมมมุติวงษ์ฤๅว่าไร ก็แขงขืนด้วยขัติยมานะโนกระษัตรา เธอจึงเลิกใบบัวบังพระเกษาเศียรเกล้า เจ้าก็กลิ้งเกลือกเสือกซบพระเศียรเข้ามากอดพระบาทพระบิดาดูสงสาร ทรงกรรแสงกราบกรานสอื้นอั้นอัดพระทรวงซบภักตรา กับบาทบาทาพระบิตุเรศ ท้าวเธอทอดพระเนตรมิได้เห็นพระกัณหา จึงตรัสถามว่าพระน้องยาเจ้าอยู่ไหน พระชาลีเธอกลัวไภยมุษาเปสุญวาท ก็รับพระศรีสุนทโรวาทใส่เกล้า กราบทูลเปนข้อเค้าในคำกลาง พระเจ้าข้าเปนท่าทางธรรมดาสัตว์ เมื่อโพยไภยสัมผัสมาพะพาน ต่างคนต่างก็ภิบาลบำรุงตัว เปนล้นเกล้าด้วยกลัวซึ่งโพยไภย เปนพ้นคิดที่จะทูลให้ทราบพระบาทา ท้าวเธอก็แจ้งว่านางกัณหาอยู่ในสระน้ำ จึงมีพระสาสนซ้ำสนองเรียกราชกุมารี เหมือนเรียกเรื่องพระชาลีไม่หลีกกัน พระน้องนางก็ขมีขมันหมอบม่อยเข้ามา ก็กอดข้อพระบาทาเบื้องซ้ายสะอื้นไห้ นํ้าพระเนตรไหลลงหลังพระบาท เหมือนบัวบานประทุมมาศมารับรอง น้ำพระไนยเนตรพระหน่อสองกระษัตรา ส่วนสมเด็จพระมหามหิศเรศ ก็กลั้นน้ำพระเนตรมิได้ พระอัสสุชลชลาไหลลงเหนือหลังพระพี่น้อง ดุจดังแผ่นกระดานทองรองรับอัสสุธารา วิลินมานโส เหมือนจะมีหทยาถอยหลัง แล้วก็ตั้งพระสติพระโพธิญาณ จึงยังพระลูกทั้งสองสงสารให้ยืนยังพระภักตรา ก็ตรวจตรัสพิกัดค่าดังโคบาลประมาณมูลค่าโคเปนของขาย ว่าพระลูกรักหญิงชายของพ่อเอย ทั้งคู่เจ้าเคยเข้าใจในจิตรของพ่อนี้ ผ่องใสศรัทธาที่จะทำทานเปนทางโพธิญาณย่อมหยั่งรู้ เจ้าเพื่อนเข็ญทั้งคู่อย่าเคืองใจ จงจำคำของพ่อไว้ณพ่อชาลี แต่ตัวของเจ้าผู้เดียวนี้หน่อกระษัตร ถ้าใคร่เปนไทสันทัดพ้นทาษทชี จึงหาทองไถ่ที่ดีเนื้อน้ำเปนนิกขคำควรค่า พันตำลึงตราตรวจไว้ณเจ้าจึงเปนไทพ้นทาษ แต่พระน้องนาฏนางกัณหา ศรีศุภลักษณาหน่อกระษัตร จะสืบวงษ์วรพัฒนาไป น้องเปนหญิงยิ่งจะใหญ่ยุพาพาล จะขัดค่าแต่น้อยพอประมาณหมื่นก็มิควร จะมีชายชาติทรามลามลวนเลียบเข้ามาหา เถ้าชราสิไร้ทรัพย์นับแต่เงินทอง จะมีผู้เอาเข้าของสิ่งละน้อยมาโอบอ่อยอวยให้ เปนสินไถ่พระกัณหา ก็จะพาไปกระทำตามวิไสยชาติสมเภท ก็จะเสียสูญวรเวศวงศ์กระษัตรสุริยพงษ์ของเราไป หนึ่งเจ้าอย่าน้อยพระไทยว่าพ่อนี้ไม่เที่ยง ที่รักลูกลำเอียงอาธรรม์ มาขัดค่าไม่เสมอกันประการนี้ พ่อชาลีมาเราจะขัดค่าพระน้องกัณหาให้มากมูล ด้วยสรรพทรัพย์ไอสูรย์สวรรยสมบัติ ทุกสิ่งสัตว์กะราชทรัพย์ศฤงฆาร เปนต้นแต่คชสารสินธพชาติ โคอุสุภราชทาษชายหญิงสิ่งละร้อย กับนิกขคำร้อยตำลึงตรา พระลูกเอย เว้นแต่ขัติยพงษาสมมุติวงษ์ อันมีศักดิจึงทรงทรัพย์ได้ถึงเพียงนี้ พ่อชาลีจงจำไว้ นี้เปนสินไถ่แม่กัณหา มาเราจะไปเถิดอย่าอยู่ช้าทชีจะคอย เธอก็พาพระหน่อน้อยๆ ดำเนินนาด นั่งเหนือศิลาอาศน์ออกพระโอษฐโปรดเรียกทอาจารย์ ว่าเชิญทชีมารับเอาสองกุมารบัดนี้ พระหัดถ์เธอทรงพระเต้าสิโตทกวารีแลสองราชกุมาร พระไทยผูกพระโพธิญาณหยั่งลง จับพระเต้าน้ำนั้นกรวดตรงในมือพรามหณ์ จึงตรัสด้วยพระไทยงามฉนี้ พราหมณ์เอย อันพระชาลีกัณหา จะเปนลูกชั่วช้าชิงชังมิชอบใจ จึงยกให้แก่ท่านหามิได้ ดังดวงชีวิตรจิตรใจไนยนา แต่เรารักพระสัพพัญญูญาณยิ่งกว่าพระยอดรักสงสาร ถึงแสนส่วนหมื่นประมาณมิเทียบเท่าเปนเที่ยงแท้ อิทํ ทานํ อันทานนี้จงเปนกระแสอานิสงส์ส่งให้เสร็จ ซึ่งสรรเพ็ชดาญาณ ในอนาคตกาลอย่าเกินกำหนด เธอก็เปลื้องปลดปลงพระไทย ให้สองกุมารแก่ชูชกาจารย์วันนั้น พร้อมด้วยศีลสมาธิขันธปัญญา มีพระมหากรุณาเปนมูล บริบูรณ์ด้วยทัศบารมีมหัศจรรย์ ก็เกิดมีอเนกอนันตนานา เมื่อท้าวเธอยกพระยอดสองเสน่หาให้เปนทาน แก่ชูชกพฤฒาจารย์นั้นแล ๚

ฯ ตมัต์ถํ ตทาสิยํ ฯ ๏ ภิก์ขเว ดูกรภิกษุสงฆ์ผู้ทรงพรหมจรรยา สมเด็จพระเวสสันดรนราธิบดี เธอทรงจับกรพระชาลีกัณหา ให้แก่ชีชราร่างไร้ ราชหฤไทยเธอมาดหมายมารคญาณสัพพัญญู ยามเมื่อยกยอดพระเยาว์ทั้งคู่เข้าถึงมือพราหมณ์ พร้อมด้วยศีลสารทั้งสามทันใด ภึสนกํ ขณะนั้นไซ้เสียงสุธาดลบันดาลวิจลจลาจลหวาดไหว ประวัติผัดผันไปเพียงภมรจักร ก็หันหักจะพกควํ่าทำลายโลกย์ล่มลง มิอาจสู้ทรงทรุดลั่น มัต์ตวารโณว ดังพระยาช้างสารซับมันเมามีกำลัง แล่นระเสิดระสังสอยเสย งวงงาเงยง่านสบัด เท้าฉุดฉัดฉกรรจ์ ห้าวหาญหันให้สำเนียงอำนาจ ประแปร้นเปรี้ยงโกญจนาทนี่สนั่น คชมานา เสียงสัททบันฦๅลั่นบรรเลง คระเครงครึกครั่นครื้น กว่าหมื่นแสนแซ่เซง เสียงระบัดระเบงบนเวหาก้องกึก ฟังพิฦกระดมดัง วิราวสัท์ทํ ดังเสียงสัททกังสดาล บุคคลให้ประหารด้วยค้อนเหล็ก ลั่นพิฦกเปนเสียงเล็กแลใหญ่น้อยได้ละร้อยละพัน เสียงสนั่นเนียรนาทในนภากาศโกลา สาคโร ทั้งสาครคงคามหาสมุทอันฦกสุดสังขยา คณนานับอนันต์ถึงสี่พันแปดหมื่นโยชน์ เสียงอุโฆษกึกก้อง ก็ฟัดฝั่งฟูมฟองฟะเฟื่องฟื้น คะเคลื่อนคลุ้มไปด้วยคลองคลื่นยะยาบโยน สูงเปนเทือนโทนสุดโสดหกสิบโยชน์นับคณนา ชื่อคังคาวิจิระลอกกะฉอกชลาล้น ไหลกระทบจดจนจักรวาฬบรรพตภูผา สท้อนถอยกลับกลิ้งมาในอากาศ กำเริบเสียงเนียรนาทคะโครมครื้น ฝูงมัจฉาชาติตกตื่นตามระลอกก็กลิ้งกลอกกลับ บ้างก็บ่ายหัวหูหางหับหกหัน สารพางคผันผุดโผนพ่นน้ำโดนโดดดิ้น เปนคลื่นคลุ้มสายสินธุกระฉอกชล ชลาไหลเปนวังวนเวียนหวั่น ฝูงสัตว์ในน้ำอนันตคณนา ติมิงคลมหามัจฉาก็ชื่นชม ชูเศียรภิรมย์ผุดผู้ ฝูงมังกรเสือกเงือกงูบ้างก็พุ่งพู่ผกผุด เต้นตามตะรังคอุตลุดพัลวันแหวกว่าย ก็ตีฟองฟุ้งกระจายจำรัสแสง สรรพภุชงคนิกรสำแดงบันดาลฤทธิ วิชุลิตลิ่วลอยเปนฝอยฝน ฝูงสกลสมุทเทพาอุทกรักขสาปิศาจ ผีเสื้อน้ำเนียรนาทอำนวยพรภูลภิรมย์ยินดี สิเนรุปัพ์พตราชา ทั้งพญาสุวรรณคิรีราชสิงขร ขุนเขายุคนธรล้อมเหล่าสัตภัณฑ์ ก็ป่วนปั่นคะเคลื่อนเหมือนจะถอดถอนทำลายลง ก็น้อมยอดประโคมมาตรงเขาพระหิมพานต์วงกฏ ทั้งแปดหมื่นสี่พันบรรพตก็โอนอ่อน ระทวยทอดดังจะถอดถอนถวายอภิวาทต่อบาทบงษุ์วงกฏคีรี ทั้งพยัคฆพญาราชสีห์สรรพสัตว์จัตุบาท ก็เผ่นผาดแผดร้อง ระเริงฤทธิก้องโกลาหลสนั่น ทั้งฝูงเทพอับศรสาวสวรรค์คณานิกรทุกฉ้ชั้นส้องสุม โสฬศพรหมพร้อมชุมชวนกันชื่นชมบูชาไชยวาท บ้างก็โปรยปรายทิพมาศมาลา ล้วนสัตพิธรัตนวษามาไลย เสียงบันฦๅลั่นสนั่นไปเปนโกลี ด้วยทิพยสังคีตะขับขาน ทุกเทพบุตรเบิกบานบัญชรแช่มชื่น บ้างก็นั่งยืนเยี่ยมแย้มพระโอษฐ์อวยพร ว่า สามิ เวส์สัน์ตร ข้าแต่พระเวสสันดรอดุลดาบศ พระบาทมาทรงพรตพิธี ช่างประสาทพระลูกทั้งสองศรีเสนหา เห็นยากที่ผู้จะศรัทธาจะทำได้ดังนี้ นี่เนื้อหน่อพระอริยมุนีจะนำสัตว์ให้พ้นวัฏสงสาร จงเสร็จแก่โพธิญาณสัพพัญญูยอดโลกย์ จงข้ามข้าพระองค์ให้พ้นโอฆสาครพระเจ้าข้า ซะแซ่ซ้องสาธุการบูชาฉนี้ เสียงอเนกอึงคนึงมี่มโหฬารเปนพิฦกลั่นสนั่นฟ้าฝอยฝน ให้เสียวสยองพองขนชันทุกเส้น หนาวยะเยือกเย็นคระครั่นคร้ามกลัว เปนเมฆหมอกมืดมัวทั่วทุกทิศา เกิดอัจฉริยาดิเรก ด้วยอำนาจเอกมกุฏปิยบุตรทาน เอกโกลาหลํ บันดาลให้ดังรดมทั้งลมฝนดินฟ้าสมุททาสนั่น เสียงสัททบันฦๅลั่นเปนอันหนึ่งอันเดียวดังนี้ แต่พื้นปัถพีถึงภวัคพรหม พร้อมระงมชมพระโพธิสมภาร ครั้งสมเด็จพระบรมขัติยมหาศาลสรรเพ็ชญ์เพศสันดร อวยสองบังอรให้เปนทาน แก่ชูชกพฤฒาจารย์ ในกาลนั้นแล ๚

ฯ ตโต โส รัช์ชุมาทาย ฯ ๏ ภิก์ขเว ดูกร ภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวร เมื่อพราหมณ์เถ้าได้รับสองบังอรออกมา ฉิน์ทิต๎วา กัดได้เครือเขาขาดแล้ว ก็ผูกพันพระกรแก้วกัณหาชาลี แล้วก็ตามต้อนตีกระหน่ำเน้นนวด เอาปลายวลีลดาหวดซ้ายขวา พาไปเฉภาะหน้าพระที่นั่ง ฉวิ อันว่าพรรณผิวหนังพระน้อยหน่อลอออ่อน เมื่อทชีขู่ข้อนด้วยเครือเขาแขง พระโลหิตไหลละลุมแดงดูอนาถ พระองค์เธอสั่นหวั่นหวาด วอนไหว้ ท่อยทีท่อยเธอให้หลังแทนกัน ทชีเดินด้วยด่วนสดุดสำคัญล้มตะแคง เครือเขาแขงข้อพระหัดถ์อ่อนก็ลุ่ยหลุดจากพระกรกระษัตรพี่น้อง ก็บ่ายหน้าหนีพราหมณทั้งสองเธอโศกา พระชาลีกรรแสงทูลพระบิดาด้วยคาถาฉะนี้ ๚

ฯ ตมัต์ถํ เต กุมารา ปัก์กาม ฯ ๏ ภิก์ขเว ดูกรภิกษุสงฆ์ผู้ทรงไตรสิกขา กุมารา ฝ่ายพระชาลีกัณหา เมื่อหนีเถ้าชราโบยรัน พระกายระริกสั่นหวั่นไหว ปานประหนึ่งว่าใบไม้อ่อนอันต้องลม ยกพระกรกราบประนมน้อมอภิวาท กับพระบาทพระบิดา พระชาลีเธอทูลทุเลาลาพิลาปร่ำไร ว่าพระพุทธเจ้าข้า ถึงพระบาทจะเลื่อมใสศรัทธาที่จะทำทาน แก่ทอาจารย์ผู้นี้ กระหม่อมฉันชาลีมิได้ขัดพระอัชฌาไศรย แต่ลูกนี้มาอาไลยรฦกถึงพระแม่เจ้า มิได้แจ้งว่าพระปิ่นเกล้าบำเพ็ญทาน ให้กระหม่อมฉานแก่ทชี ของดท่าพระชนนีน่อยหนึ่งก่อน เพลาก็จวนเธอจะเสด็จจรสู่อาศรม ขอให้ลูกนี้ล่ำลากราบบังคมพระคุณแล้ว จะได้โลมเล้าพระน้องแก้วกัณหา ให้เสวยมูลผลากษิราหาร พระคุณของลูกจะได้เบิกบานบันเทาทุกข์ที่ทับพระไทย ด้วยได้เชยชมชื่นใจพระแม่เจ้า จะฝากฝังแก่พราหมณ์เถ้าเปนท่วงที พระแม่มัทรีจะมิสู้เศร้าโศก ด้วยความวิโยคลูกผู้เพื่อนยาก อันไม่แจ้งกิจก่อนนี้จะลำบากเวทนา พระแม่เจ้าจะโหยหาไห้รํ่า ไม่เปนเสือกส่ำที่จะสรงเสวย ด้วยลูกทั้งสองนี้ค่อยเคยเปนคู่เข็ญใจ ไม่แจ้งเหตุว่าลูกไปร้ายฤๅดี พระคุณจะไผ่ผอมตรอมทุกราตรีทิวาวาร ขอพระราชทานงดท่า ให้พระมารดาเธอยินยอม พร้อมด้วยพระราชศรัทธา หเนย์ย วา ถึงพราหมณ์ผู้นี้จะตีด่าฆ่าขายเอาเข้าของ ปองประโยชน์ด้วยสิ่งใดก็ดี ข้าพระพุทธเจ้าชาลีลูกชาย มิได้ย่อท้อแก่ความตายจะตามพระไทยพระเจ้าข้า อยํ พ๎ราห๎มโณ พราหมณผู้นี้ไซ้สามาญ มีบุรุษโทษสิบแปดประการประกอบในกายวิกล ถ้าเดินไปกลางหนผู้เห็นก็จะโจทกันว่าพราหมณ์นี้เปนมนุษย์ฤๅว่ายักษา ข้างผู้เห็นแท้จะวิสัชนาว่าพราหมณนี้ยักษ์ มํสโลหิตโภชโน ย่อมจะเอาเนื้อมนุษย์เปนภักษโภชาหาร ลูกทั้งสองนี้จะมอดม้วยในมือมารเปนแม่นมั่น ใจนี่กระไรมาร้ายฉกาจฉกรรจ์ก่นแต่จะทำโพย มาผูกพันรันโบยลูกนี้ยับย่อย มิใช่มนุษย์ชรอยนี่เปนยักษา แสร้งนิมิตรเปนพราหมณ์มามิให้สงไสย จะขอลูกทั้งสองไปเปนอาหาร ลับพระเนตรแล้วมารก็จะฉีกเนื้อ ลูกทั้งสองนี้จะเปนเหยื่อของยักษา ไม่ทรงพระกรุณานั่งนิ่งเสียได้ ไม่มีอาไลยแก่ลูกผู้เพื่อนยาก ธรรมเนียมโลกย์เห็นลูกลำบากก็เมตตา อันนี้กระไรพระไทยอุเบกขาไม่เอื้อเฟื้อ เหมือนมิใช่น้ำเนื้อในพระวงษ์ ดังแผ่นศิลารัดด้วยพืดเหล็กลงไม่หวาดไหว ตะแก่ตีลูกทั้งสองนี่กระไรไม่เมตตา ดังบุคคลตีข้าเค้าโคกระบือ กระนี้ฤๅควรพระองค์มาดูได้ พระคุณเอย เอนดูลูกผู้เพื่อนไร้ทั้งสองรา ได้โปรดเกษแก้วกัณหาน้องน้อยยังไม่หน่ายนม พระชนนีจะได้เชยชมชูพระไทย ถึงกัณหาจะไปก็จะป่วยการ ด้วยทางกันดารพราหมณจะเร่งร่ำรีบร้อน ตีให้เดินก่อนระกำใจ เจ้าจะร้องไห้เหือดแห้ง รทวยหุดสุดแรงร้องตาย เหมือนลูกเนื้อน้อยยังมิวายที่จะกินนม ข้าพระเจ้านี้ปรารมภ์ด้วยพระน้องนาง เห็นจะวายวางในกลางไพร ของพระราชทานไว้แต่เจ้ากัณหา เปนเพื่อนศาลาพระแม่เจ้า ได้โปรดเกล้าข้าชาลี ในครั้งนี้เถิด ๚

๏ เมื่อพระชาลีศรีสุนทรกุมาร กราบทูลสารกรรแสงไห้ พระองค์จะได้ตรัสประการใดก็ไม่มี พระชาลีก็ทรงพระกรรแสงปริเวทนา กับน้องกัณหาด้วยพระคาถาฉนี้ ฯ น เม อิทํ ฯ ควรจะสงสารด้วยพระชาลี เมื่อกราบทูลถ้วนถี่ทุเลาลา พระบิดามิได้โปรดประภาษ เหมือนใจจะขาดคอยพระมารดา เธอทรงพระกรรแสงกับพระกัณหารํ่าไป กัเณ๎ห เจ้าเพื่อนเข็ญใจของพี่ ทุกข์อันใดที่พราหมณ์ตีตามต้อนมาขับข้อนเคี่ยวเข็น ความทุกข์ทั้งนี้ก็เปนธรรมดา ทั่วทุกหญิงชายอันเกิดมาในสงสาร ทุกข์ทั้งนี้ก็เปนประมาณมิเปนใด ลูกนี้เปนทุกข์ใจด้วยพระแม่เจ้า เพลาเช้ากำชับลูกทั้งสอง กรรแสงสั่งด้วยน้องนาฏกัณหาเปนอาไลย มิใคร่จะจากลูกไปประหนึ่งรู้องค์ ว่าจะจากลูกมั่นคงในครั้งนี้ ถ้าพระแม่มัทรีเธอเสด็จมา ไม่เห็นหน้าลูกน้อยๆ จะทรงพระอาไลยละห้อยไห้หา อัฑ์ฒรัต์เต จ รัต์เต วา แต่หัวค่ำคุมเที่ยงคืน จนดึกดื่นอาดูร ด้วยลูกจะสาบสูญสิ้นทั้งสองฤๅประการใด จะทรงพระสงไสยสร้อยเศร้า ทั้งพระบิดาเจ้าจะตรอมพระไทย จะชวนกันทรงพระกรรแสงไห้จนเหือดแห้ง รหวยหุดสุดแรงเธอร้องร่ำ นทีว เหมือนแม่น้ำอันน้อยหนองต้องแสงสุริโยภาษ เมื่อไสมยมาศฤดูแล้งจะเหือดแห้งหายไป พระคุณของลูกทั้งสองราจะอาไลยด้วยลูกน้อย นับนานด้วยร้อยราษราตรีตรึกตรอม จะไผ่ผอมผิดพระรูปร่าง พระโรคจะทำลายล้างให้พิราไลย ลูกจะได้พึ่งใครในครั้งนี้ จะเปนกำพร้าพรากพระชนนีแต่น้อยๆ อนาถา โอ้จะทูลสักเท่าใดพระบิดาก็ดูดาย ไม่ปริปรายโปรดปรานห้ามทอาจารย์เสียมั่งเลย พระน้องเอยเปนผลวิบาก สรรพจะจากที่จงรักจำจะนิราศ ทุกถิ่นที่ประพาศผูกชิงช้า ชัม์พุกา หว้าไสวไทรสนสารภีพิกุลแก้ว เปนแถวสล้างยางซาย เวทิสา ถ้าสบายบริบูรณ์ด้วยกิ่งก้านกั้งบังสุริโยภาษ เราเคยลีลาศแล่นเล่น ที่นั่งเย็นเมื่อยามร้อน เคยหลับนอนเปนนิจมา ทั้งธารท่าที่นั่งสรงมงคลโบกขรณี น้ำนั้นใสสีส่องถึงดินเคยอาบกินแต่ก่อนมา เราชวนเก็บมลิลำดวนประดับเกล้า อุปริปัพ์พเต เหนือสิงขรเขาคันธมาทน์ เคยเชยชมบุปผาชาติทุกเวลา หัต์ถิกา อัส์สา โอ้รูปคชาสารสิงห์เสือทรายกะต่ายโตโคป่า ทรงพระกรุณาปั้นประทานให้เราเล่น แต่นี้จะนานเห็นหักหาย จะกระจัดกระจายรายร้าง ทุกถิ่นฐานเคยสว่างอารมณ์เรา ชหาม๎หเส ทีนี้จะเปลี่ยวเปล่าปละวาง นิราศร้างแรมไกลไปด้วยพฤฒาจารย์ ในกาลบัดนี้แล ๚

๏ เมื่อพระชาลีทรงพระปริเทวนากับด้วยนางกัณหามิช้า เถ้าชูชกพฤฒาจารย์ใจฉกรรจ์ ตะแก่แล่นตามตีรันพระพี่น้อง ผูกพันสองราชกุมาร ตะแก่ก็ตีต่อหน้าฉานที่นั่งพระบิดาพาไป ในกาลนั้นแล ๚

ฯ ตมัต์ถํ นิยมานา กุมารา เต ฯ ล ฯ ตีติ ฯ ๏ ภิก์ขเว ดูกรภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลสิกขา เมื่อทชีตะแก่พาพระพี่น้องสองกระษัตรรัดเร่งไป พระชาลีเธอทูลเปนอาไลยเหลียวมา แลดูพระภักตราพระบิตุเรศ น้ำพระเนตรเธอนองหน้า กราบทูลอำลาเปนอาไลย พระพุทธเจ้าข้า ลูกทั้งสองนี้จะลาไปกับพราหมณ์แล้ว ที่ไหนเลยลูกแก้วจะได้กลับมา สนองพระบาทบาทาแทนพระคุณ ได้ทรงพระการุญโปรดเกล้า จงตรัสประโลมเล้าเล่าคดี แก่พระแม่มัทรีเมื่อเสด็จมา ว่าลูกชาลีกัณหาละห้อยไห้ อวยพระพร ไว้กราบลา พระแม่อย่ามีโรคาเคืองพระไทย จงพ้นจากโพยไภยอันตราย จงเสวยพระศุขสบายสมบูรณ์ ทั้งพระพ่อเจ้าจงเพิ่มภูลภัพผล ให้พ่ายพ้นไภยพยาธิ์ยายีพระบาทอย่ามีมา เมื่อพระมารดาของข้าพระพุทธเจ้าจะเสด็จเข้ายังอาวาศ ไม่เห็นข้าพระบาททั้งสองศรี จะทรงพระโศกโศกีกรรแสงสร้อยเศร้า จงโปรดเกล้าพระชนนีของลูกด้วย อย่าให้พระแม่เจ้าม้วยมรณา ลูกจะได้เห็นพระภักตราสืบไป พระคุณของลูกจงได้กรุณาแนะนำ เอาเครื่องซึ่งทำประทานลูกให้ลากเล่น เอาออกเสนอให้พระแม่เจ้าเห็นต่างหน้า ว่ารูปสิงห์สัตว์อัสสาคชสารทั้งนี้ ของชาลีลูกกัณหา ให้ดูต่างพระภักตราอย่าตรอมใจ ถึงพระแม่เจ้าจะมีพระไทยทุกข์ร้อน ได้เห็นของก็จะผ่อนทุเลาลง จะมิสู้ทรงพระโศกา ได้ทรงพระกรุณาลูกเถิดแต่เท่านี้ พระชาลีพิลาป สั่งสารเสร็จแล้วก็ไปแก่พฤฒาจารย์ ในกาลบัดนั้นแล ๚

ฯ ตมัต์ถํ ตโต เวส์สัน์ตโร ราชา ฯ ล ฯ ตีติ ๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิปัญญา เมื่อพระเวสสันดรนราธิบดี พระราชทานพระชาลีกัณหา ได้ฟังพระลูกเธอโศกากรรแสงสั่ง ก็เกิดความสงสารคับคั่งเคืองขุ่น พระหฤไทยอุ่นอุระร้อนระทดสท้อนทอดพระไทยใหญ่ กัม์ปมาโน พระกายหวาดไหวระริกสั่น ดังพระยาช้างสารซับมันมหิมา อันพญาไกรสรสิงหราคาบคั้นไว้ มิฉนั้นไซ้เสมือนพระจันทร์ อันเข้าในปากมหันตราหู มิอาจยับยั้งอยู่ที่นั้นได้ น้ำพระเนตรไหลลงหลั่งหลั่ง ก็เสด็จเข้ายังพระบรรณศาลา ก็ทรงพระโศกากรรแสงพิลาปร่ำไร ว่าโอ้เวลานี้เปนไสมยสายัณห์เย็นลง ฝูงคนย่อมประสงค์รศาหาร บ้างห้อมล้อมลูกหลานเปนเหล่าเหล่า ชวนกันกินเข้าขนมส้มสูกสรรพโภชนาหาร เปนศุขสำราญรงับร้อน โอ้สองบังอรเจ้าพ่อเอย เจ้ามิเคยได้ความยาก ปานนี้จะอดอยากผลาหาร ทอาจารย์ใจฉกรรจ์ก่นจะตีรันเร่งรัด จะเจ็บปวดเปนสาหัสเวทนา ใครจะเปนญาติกาจูงพระกร ใครจะป้อนผลาผลไม้เจ้าเพื่อนไร้ของบิดา จะอดนมน้ำในมรคากันดาร โอ้แสนสงสารพระลูกเอย กระไรเลยอนาถา ทั้งพราหมณ์เถ้าก็ไม่เมตตาตีกระหน่ำ นี่เนื้อแกล้งให้เราชอกช้ำแตกฉานในมกุฏทานบารมี เหมือนชายชาติเสื่อมศรีฤษยา มาตีกั้นสกัดปลาที่น่าไซ บรรดาจะได้พระโพธิญาณ เพราะพระปิยบุตรทานบารมี ทชีไม่ช่วยชูสนอม ชอบแต่จะโอบอ้อมอารี ด้วยได้ระดอกสดวกดีที่จะสงวนจึงควรแก่พราหมณ์ นี้กะไรไปหยาบหยามอย่างจะเยาะเย้ย แต่ก่อนก็ไม่เคยใครจะเข้ามาทำเข็ญ อย่างเช่นทชีชราหามิได้ โดยแต่ทาษสินไถ่ถึงสี่ชั่วชั้นทาษ ผู้อื่นรู้ก็มิอาจที่จะเอื้อมเข้ามาโอหัง เขาก็เกรงกลัวเรามั่งไม่เหมือนพราหมณ์ กระไรมาหยาบหยามยับย่อย อย่างพระเยาวหน่อน้อยๆ นี้ควรจะกรุณา นี่ตีต่อหน้าตาตั้งใจ เปนว่าใครจะทำไมแก่กูมีพราหมณ์เอย กูก็เปนกระษัตรศรีสุริยชาติ เช่นประหนึ่งอย่างเถ้านี้จะมาประมาทหมิ่นกูเจียวฤๅหือทชี กูจะทรงพระขรรค์ไชยศรีธนูศร จะยิงให้ล้มคว่ำลงก่อนบัดเดี๋ยวนี้ จึงจะชิงเอาพระชาลีกัณหา พ่อลูกจะได้เห็นหน้ากัน การอะไรจะให้แก่เถ้าอาธรรม์ทุรชาติ เมื่อมีพยาบาทวิหิงสาเสียดแซก เปนแขกเข้ามาระคนข้างอกุศลสิบสี่ สิ้นทั้งนี้เพราะเสนหา จึงเกิดพระสัมพระชัญญายอดญาณ พวกโสภณบริวารยี่สิบห้า มีศรัทธาเปนต้น กับกุศลเจตนาเกิดขึ้นในสันดาน สัท์ธัม์มมัญ์ญา หยั่งเห็นในโบราณประเวณีสนัด ก็นิ่งนึกภ้อตัดพระองค์เอง ว่าเอออะไรไม่กลัวเกรงเจียวนะเจ้าเวสสันดร โดยแต่ก่อนผู้จะก่อการกฤษฎาภินิหารทานบารมี จะเสร็จแก่สร้อยศรีสรรเพ็ชญ์โพธิญาณ ย่อมอาไศรยซึ่งเบญจทานบริจาคไม่รู้ฤๅว่ายากยอดรัก ตัวก็หาญหักเห็นแก่พระโพธิญาณ จึงองอาจอำนวยทานทำทั้งนี้ได้ สิทธิขาดอาไลยใช่พระลูกแล้ว ควรจะผ่องแผ้วผูกพันสรรพรรญุตญาณ เออก็การอะไรเล่า ข้ากับเจ้าเขาจะตีกัน ทีนี้อย่ากระนั้นนะมหาเวสสันดร เธอตรัสสั่งสอนพระองค์เองให้ละอายเกรงกลัวบาป พระไทยเธอราบคาบเข้าอุเบกขาญาณ ภารมัทยัดตัดเสนหา พระภักตราก็ผ่องใส เสด็จออกไปนั่งณน่ามุข พระมังสะเปนสีสุกสุนทร ดุจรุปพระปฏิมากรทองทั้งแท่ง อันบุคคลแกล้งตั้งไว้ ในฐานที่นั้นแล ๚

ฯ สัจ์จํ กิร ฯ ๏ เมื่อพราหมณตะแก่พาพระพี่น้องทั้งสองศรี พระชาลีพิลาปร่ำไรอยู่แจ้วแจ้ว กัเณ๎ห ดูกรแก้วกัณหา ถ้อยคำท่านว่ามาแต่โบราณ ว่ากุมารกุมารีผู้ใด หาบิดามิได้โดยอนาถา ยังแต่มารดาได้โลมเลี้ยงรักษาสงวน ไม่เสียความกรุณาควรที่จะเหนื่อยหน่าย ในลูกหญิงชายไม่มีชิงชังชื่นชม ช่วยบำรุงรักภิรมย์ไม่นิราศได้ กุมารนั้นไซ้โสภา ได้ชื่อว่ามีบิดามารดาพร้อมทั้งสองฝ่าย กุมารผู้ใดแม่ตายยังแต่พ่อ ก็พยาบาลพอเปนท่วงที จะปรานีนั้นน้อยในลูกรักหญิงชาย ได้ชื่อว่าพ่อแม่ตายทั้งสองสูญ สัจ์จํ คำนี้ก็แน่เปนเค้ามูลมีมาแต่โบราณ ดังอกเราทั้งสองน่าสงสารอนาถา พระมารดาเธอทิ้งไว้ ใกล้ยุคลบาทพระบิดา เธอดูได้ไม่เมตตาให้พราหมณ์ตี จะทรงพระปรานีโปรดห้ามปรามแก่พราหมณผู้พิโรธ อย่าให้กริ้วโกรธกระทำทัณฑ์ ถึงกะไรแต่จะว่ากันกับตะแก่บ้าง ก็บร้างจะเร่งรัดเราไป ให้ร้อนระกำใจถึงเพียงนี้ จะว่าสักน้อยหนึ่งก็ไม่มีมามึนมิ ไม่โปรดปริพาที นัต์ถัต์โถ กัณหาเจ้าพี่น่าน้อยใจ จะอยู่ไปไยอย่างนี้ จะกลั้นใจตายวายไปเปนผีให้พ้นทุกขทรมาน เราจะนิราศจากถิ่นฐานที่ประพาศคันธมาทน์คิรี ในกาลบัดนี้แล ๚

ฯ ตมัต์ถํ นิยมานา ฯ ๏ ภิก์ขเว ดูกรภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลสาร เมื่อทอาจารย์ใจกาจ พาสองกุมารไปวันนั้น สดุดที่สำคัญพลาดความประมาทก็ล้มลง วลีหลุดจากพระกรกระษัตรทั้งสองทรงกระกรรแสง วิ่งด้วยแรงรีบเข้ามา ยังสำนักนิ์พระบิดาด้วยความกลัว พระกายระรัวร่ำโศกา พระกัณหาสอื้นไห้ ควรจะอาไลยหนักหนา ว่าข้าแต่สมเด็จพระบิดาเจ้า ได้โปรดเกล้าลูกกัณหาน้อยนี้ก่อน พราหมณ์ตะแก่ตามต้อนเตือนตี ด้วยวลีเครือเขาไม่ลาลด หลังลูกนี้เลือดไหลหยดเปนหยาดมาหยัดย้อย โบยตระบอยบรรดาเสีย ดังโบยข้าในเรือนเบี้ยก็มิปาน เปนประเวณีโบราณเริ่มมา เปนพราหมณ์ชีนี้ย่อมมีเมตตาไม่ต่อตี แต่เห็นเด็กร้องไห้ย่อมอารีรับขวัญ นี่กระไรไปดุดันบันดาลโกรธ ก่นแต่จะพิโรธร้ายกาจ เด็กเท่านี้ฤๅช่างตีก็ตวาดให้วิ่งแล่นแสนทุกขเวทนา ชรอยจะเปนยักษาแสวงเหยื่อด้วยความอยาก จึงตีลูกให้ลำบากบอบแล้ว จะพาลูกแก้วไปกินเปนอาหาร ก็เห็นตระหนักในน่าฉานฉนี้ ยังไม่ทรงพระปรานีนิ่งเฉย พระคุณของลูกเอย จงออกพระโอษฐ์ได้โปรดปราน เกล้ากระหม่อมฉานกัณหา อันจะจากพระบาทพระบิดาในครั้งนี้เถิด ๚

๏ สมเด็จพระเวสสันดรราชฤๅษี ได้ทรงฟังคดีนางกัณหา ทรงพระโศกากำสรดระทดพระไทย น้ำพระเนตรไหลเปนหยาดเลือด สุดสดสีแสงแดงเดือดดั้นออกมา จากพระไนยนาทั้งสอง จะระบายอัศสาสะปัศสาสตามคลองก็คับคั่ง จึงตั้งพระสติตามระฦกตรึกไป ว่าความทุกข์ทั้งนี้ไซ้เกิดมาแต่ความเสน่หารักลูก จึงพันผูกพิจารณาในพระอุเบกขามัทยัด ตัดความโศกสงบลง พระกายก็ปลดปลงเปลื้องราคี ดังศรีสุวรรณปฏิมากรทองทั้งแท่ง อันบุคคลแกล้งประดิษฐานไว้น่ามุขนั้นแล ๚

๏ เมื่อชูชกพฤฒาจารย์ใจฉกรรจ์ ตะแก่ผูกพันพาพระพี่น้องไปใกล้จะถึงประตูป่า พระกัณหาละห้อยไห้เห็นเวทนา ว่า อิเม โน ปาทุกา ดูกรพระพี่ยาชาลีของน้อยเอย น้องไม่เคยที่จะเคืองแค้นแสนทุกขเวทนา ด้วยบาทาทั้งสองก็พองพุ ระบุบวมบอบช้ำ ทชีฉุดไม่ปรานีตีกระหนํ่ากระหนาบไป ทีโฆ จัท์ธา หนทางก็ยังไกลกว่าไกลนัก พี่ไหนน้องรักจะรอดชีวิต นีเจ โวลัม์พเก ทั้งพระอาทิตย์ก็ถอยถดลดลงต่ำ เปนเพลายํ่าสนธยา พราหมณยิ่งเตือนต้อนตีด่าให้เดินโดยด่วน อกใจนี้เจ็บปั่นป่วนเปนเวทนา ที่ไหนน้องจะได้เห็นหน้าพระชนนี นับวันนับแต่จะลับลี้ล่วงแล้ว ไม่เห็นทางที่จะวี่แววตามมา ไม่มีใครที่จะกรุณานำสาร ให้ทราบพระบาทบทมาลย์พระแม่เจ้า จะเห็นแต่เทพยขุนเขาคิริยพฤกษพิมาน ที่จะฝากสารสั่งไว้ เราไม่มีอันใดที่จะบูชา จะประชุมชุลีศีรษาประสานเศียรทั้งสอง อุทิศแทนประทุมทองถวายอภิวาท สองเธอซบพระเศียรประสาทสั่งสาร พระสุรเสียงสท้านสเทือนทั่วทุกเทพหมู่ไม้ ว่า โภน์โต ข้าแต่พระไพรพฤกษเทเวศร์ อันสิงสถานทุกขอบเขตรคิริถํ้าท่าธาร ห้วยละหานหุบเหวผา โอสโถ๎ย ทุกเครือหญ้ายอดไม้ จงมารับอภิวาทไหว้บูชา ช่วยบอกแก่พระมารดาแต่โดยดี ว่าลูกชาลีกัณหามากับพราหมณ์ ความกรุณาหาโรคามิได้ จะบันเทาพระไทยเธอทุกข์ร้อน ถ้าแจ้งว่าพรามหณตะแก่ขับข้อนโบยตี ไหนพระชนนีจะมีพระชนม์ จะระเหระหนละห้อยไห้ จะอาสัญบรรไลยด้วยลูกน้อย ถ้าพระแม่เจ้าจะตามรอยบทจรมา เร่งให้พระมารดามาตามหนทางนี้ตรงมิได้คด แต่อาศรมบทมาถึงนี้ อโน วตเร ชฏินิ ไฉนหนอพระแม่เจ้า เข้าป่าแต่เช้าไม่ควรจะช้า จะรีบร้อนเข้ามาขมีขมันให้ทันที ที่ท้าวเธอปรานีเราพี่น้อง ฤๅพระแม่ได้สิ่งของผลไม้มากกว่าแต่ไรแต่ก่อนมา เชิงจึงช้าในวันนี้ ถ้าพระชนนีเจ้ามาทัน ก็จะแบ่งปันผลไม้ให้ทชี จะมีเมตตาปรานีไม่เน้นนวดหวดหวาย ที่กริ้วโกรธก็จะเหือดหายลดลงบ้าง บร้างที่จะเร่งรัดเราไป โอ้เปนกรรมไฉนฉนี้ พระชนนีจึงไม่ตามมา สงสารสองเธอทรงพระโทมนัศากรรแสงสั่ง เสนาะในพนมวังหิมเวศ ทุกฝูงอมรเมศวิมานไม้ มีพระอาไลยตระลึงเหลียว เอี้ยวพระองค์แอบวิมาน เอียงเงี่ยพระกรรณซ้องสดับสารสองกระษัตรา เย็นยะเยียบเงียบพฤกษาสิงสัตว์บ่ร่าร้อง มาตุคิท์ธิโน พระพี่น้องกำหนัดในพระมารดา ซาบเสนหาพระชนนี พราหมณ์ตะแก่ต้อนตีเตือนไป พระสุรเสียงกรรแสงไห้โหยหา ฟังวิเวกเวทนา อนาถนิราศพระมารดา แทบคีรีทวารประตูป่า อิติ เมาะ อิมินา ปกาเรน ด้วยประการดังนี้แล ๚

๏ กุมารปัพฺพํ นิฏ์ฐิตํ ประดับด้วยพระคาถา ๑๐๑ พระคาถา ๚

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ