กากี กลอนสุภาพ

๏ จักกล่าวอดีตนิทานแต่ปางก่อน

เมื่อครั้งองค์สมเด็จพระชินวร ยังสัญจรแสวงหาโพธิญาณ
เสวยชาติเป็นสกุณาพระยานก จึงชักเรื่องชาดกมาบรรหาร
หวังแสดงแห่งจิตหญิงพาล ให้ชายชาญรู้เชิงกระสัตรี ฯ
๏ ยังมีราชบรมพรหมทัต ผ่านสมบัติกรุงแก้วพาราณสี
เป็นปฐมบรมราชธานี ศรีสนุกสุขเกษมศวรรยา
กว้างใหญ่ยาวได้สิบสองโยชน์ พลโจษจตุรงค์สังขยา
หมื่นเมืองเลื่องพระเดชเดชา ระอาออกอ่อนเกล้ามาอภิวันท์
เธอมีองค์อัคเรศวิไลลักษณ์ ประไพพักตร์งามเพียงอัปสรสวรรค์
ชื่อกากีศรีวิลาศดั่งดวงจันทร์ เนื้อนั้นหอมฟุ้งจรุงใจ
เสมอเหมือนกลิ่นทิพมณฑาทอง ผู้ใดต้องสัมผัสพิสมัย
กลิ่นกายติดชายผู้นั้นไป ก็นับได้ถึงเจ็ดทิวาวาร
ดั่งหทัยนัยเนตรกรุงกษัตริย์ พูนสวัสดิ์สังวาสเกษมสานต์
เป็นเอกองค์ในอนงคบริพาร ประมาณหมื่นหกพันกัลยา
ท้าวมีพี่เลี้ยงผู้เปรมปราชญ์ ชื่อว่านาฏกุเวรยักษา
ชำนิชำนาญการพิณอเนกา วิชาขับกาพย์เกลี้ยงกล่าวกลอน
บำเรอจิตอิศเรศให้เรืองรณ เมื่อทรงสกากลสโมสร
เฉลิมเมืองเรืองฤทธิ์ขจายจร ทุกนครเข็ดขยาดด้วยปรีชา ฯ
๏ ปางนั้นยังมีครุฑราช สุริยชาติลํ้าสกุณปักษา
สถิตสถานพิมานรัตน์รมยา ยอดมหาพฤกษาสิมพลี
ในเชิงเขาเมรุราชบรรพต ปรากฏด้วยกำลังปักษี
บินหนักกวักละโยชน์ด้วยฤทธี อาจจะข้ามนทีสีทันดร
ประกอบด้วยมนตรามหาเวท ทั่วประเทศเกรงจบสยบสยอน
เคยเที่ยวเล่นเป็นสุขทุกนคร สถาพรพูนสวัสดิ์อยู่อัตรา
กับบรมพรหมทัตปิ่นธเรศ เคยประเวศทรงสกากันหนักหนา
ถ้อยทีมีชัยแลอัปรา ก็ปรารภเพื่อจะทรงสกากล
ออกจากพิมานรัตนเรืองรอง ผาดผยองทยานขึ้นเวหน
ข้ามมหาสาคเรศวังวล ก็ลุดลแดนราชธานี
ลงยังรุกขพระไทรใบชิด นิมิตกายกลายเพศจากปักษี
เป็นมานพเสาวภาคโสภี จรลีนวยนาดดำเนินมา
เข้าพาราณสีบุรีเรือง ชำเลืองแลแปรพักตรส่ายหา
อันนารีตามรวดรัถยา ใครปะตามานพก็สบใจ
ครั้นถึงเข้าท้องพระโรงธาร อาการมิได้พรั่นหวั่นไหว
กรุงกษัตริย์ทัสนาก็แจ้งใจ บรรหารให้นั่งอาสน์อันบวร
จึงตรัสเรียกสกานั้นมาทรง กับองค์สุบรรณราชสโมสร
มานพเดินหลบไม่รบรอน แล้วทับถอนผ่อนแพ้กันหลายครา ฯ
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร ทินกรบ่ายคล้อยพระเวหา
ไม่เห็นองค์พงศ์กษัตริย์ภัสดา เสด็จมาสู่แท่นบรรทมใน
จึ่งตรัสถามสาวสุรางค์นางสนม ต่างประนมนิ้วทูลสนองไข
ว่าภูบาลสำราญราชหฤทัย ด้วยได้ทรงสกากับมานพ
ชายนั้นโฉมวิไลประไพพักตร แหลมหลักเชิงเล่นก็เจนจบ
ทั้งกิริยาคมสันครันครบ อันชายในพิภพนี้ไม่มีปาน
พระเทพีฟังคดีก็ดาลจิต ฉงนคิดพิศวงทรงสัณฐาน
ว่างามพริ้งยิ่งชายในดินดาล ยุพาพาลก็เสด็จลินลามา
ยืนแฝงใบบานทวาเรศ นัยเนตรชำเลืองลอดสอดหา
พอมานพบงสบนัยนา ประหนึ่งว่าศรแผลงแย้งยิงกัน
ต่างประหวัดหัททัยให้ไหววาบ เพลิงราคซ่านซาบเสียวกระสัน
สองจิตสองคิดประจวบกัน นางป่วนปั่นรันทดระทวยกาย
มิอาจยืนขืนจิตดำรงตรง ก็เลี้ยวองค์จรจรัลผันผาย
สู่อาสน์ไสยาศพรรณราย กรก่ายพักตราคนึงครวญ ฯ
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตทอดสกา เมื่อสุดาประทุษฐ์จิตให้ผิดผวน
เผอิญขัดซัดบาศก์ให้แปรปรวน ครุฑสำรวลแย้มยิ้มกระหยิ่มใจ
ครั้นชายแสงรวิวรอ่อนภพ มานพรัญจวนจิตพิสมัย
ก็ลากษัตริย์นิวัติครรไล สู่พระไทรสำนักแต่เดิมมา
กลายเพศจากมนุษย์เป็นครุฑราช เผ่นผงาดลิ่วลอยพระเวหา
แผ่หางกางปีกด้วยฤทธา บังแสงสุริยาอนธการ
บันดาลเป็นมหาวายุพัด จบจังหวัดเปรี้ยง เปรี้ยง เสียงประหาร
ครั่นครื้นตื่นทั่วจักรวาล ถีบทยานสู่สิงหบัญชร
เข้านั่งแนบแอบนางบนแท่นรัตน์ ประคองหัตถ์ลูบกายสายสมร
จึ่งกล่าวรสพจนาตถ์สุนทรวอน ไยสมรเสมอชีพไม่นำพา
ช่างนอนนิ่งอิงเขนยไม่เงยพักตร ความพี่รักรีบร้อนเข้ามาหา
พี่คือมานพน้อยชาญสกา หวังจะมาพาน้องไปครองกัน
ยังทิพสถานพิมานแมน อันแสนสนุกสุขลํ้าเกษมสันต์
แล้วจะพายุพราชจรจรัล ไปเที่ยวชมสัตตภัณฑ์สีทันดร
ทั้งทรายแก้วเพชรรัตน์ปัทมราช อันเดียรดาษพื้นพระเมรุสิงขร
ชมติมิงคละมัจฉาในสาคร ฝูงกินนรคนธรรพ์ในบรรพต
แล้วจะพาเจ้าไปยังไกรลาส อันเทวราชกัลยามาพร้อมหมด
จับระบำรำกรอ่อนชด เลี้ยวลดขับร้องบรรเลงลาญ
แล้วจะอุ้มไปเล่นอโนดาต อันใสสอาดที่เทพทรงสนาน
ประกอบเบญจโกสุมประทุมมาลย์ ตระการกลิ่นรินรสเรณูนวล
อย่าอาลัยในมนุษย์สมบัติเลย มาไปเชยพิมานทองของสงวน
พลางจุมพิตปรางน้องประคองนวล เย้ายวนหยอกยั่วภิรมยา ฯ
๏ กากีป้องปัดสลัดกร ชำเลืองเนตรคมค้อนให้ปักษา
เออไฉนไยอาจอหังการ์ มาเอื้อนอรรถวัจนาทุกสิ่งอัน
ไม่เกรงองค์นรินทร์ปิ่นธเรศ อันเป็นเกศกรุงไกรมไหศวรรย์
ถึงมานพจบเจนสกาพนัน ใช่จะหมายมุ่งมั่นให้มามี
เจ้าก็เป็นพระยาครุฑอุดมเดช วิสัยเพศพงศ์ราชปักษี
สถิตสถานพิมานทิพสิมพลี เพราะบารมีอบรมสร้างสมมา
ไยไม่ระวังองค์มาหลงผิด กำเริบจิตลุโลภด้วยโมหา
เสพสมรมเยศกามา มิจฉาจารพานกรรมเข้าใส่กาย
ไม่ดีนะจงมีมโนหน่วง ประหารห่วงบ่วงเดียวให้ห่างหาย
เจ้าก็เรืองฤทธิ์เลิศประเสริฐชาย จงมุ่งหมายชมทิพพิมานทอง
ล้วนสุรางค์นางสวรรค์อันเนื้อทิพ จะยกหยิบที่ไหนก็ได้คล่อง
ซึ่งเมตตาว่าจะพาบินประคอง ไปเที่ยวท่องชมเชิงพระเมรุธร
ทั้งนทีสีขเรศสัตตภัณฑ์ ทุกสิ่งสรรพ์แสนสุขสโมสร
ก็ขอบคำนํ้าถ้อยสุนทรวอน น้องไม่อยากจรอย่าเจรจา ฯ
๏ พระยาครุฑฟังนุชสารสวัสดิ์ ประคองรัดรับขวัญกนิษฐา
เจ้างามคมสมศรีสุนทรา ทั้งวาจาจัดแจ่มไม่แย้มพราย
พี่ประมาทอาจองเพราะหลงรัก ด้วยประจักษ์สำคัญที่มั่นหมาย
มิได้คิดแก่ชีวิตจะวางวาย จึ่งว่ายฟ้าถาโถมประโลมลาญ
ก็ประจักษ์ว่าเป็นอัครนาเรศ ดั่งดวงเนตรท้าวรักสมัครสมาน
จะเป็นกรรมนำตนให้ทรมาน พี่ตริการก่อรื้ออยู่เรรวน
แต่ความรักหนักยิ่งเมรุมาศ ทั้งดินฟ้าอากาศสักแสนส่วน
จึ่งปลงจิตมิตรภาพไม่แปรปราน ประมวลมอบเสน่ห์ไว้ที่ในน้อง
ถึงนางฟ้าหกชั้นที่สรรค์ทรง จะเปรียบองค์สมรไม่มีสอง
ว่าพลางกางกรเข้าประคอง ตระกองโอบอุ้มแก้วกากี
ถีบทยานผ่านชั้นโพยมหน ด้วยฤทธิรณแรงราชปักษี
เฉียวฉิบพริบตาในนาที ก็ข้ามสีทันดรสะดวกดาย
ถึงสิมพลีวันวิมานทอง เข้าสู่ห้องวิเชียรรัตน์เรืองฉาย
วางอนงค์ลงบนแท่นพรรณราย ก็กลายเพศจากครุฑเป็นเทวัญ
ประดับเครื่องเรืองอร่ามงามทรง ดั่งองค์วิษณุรักษ์รังสรรค์
จากเกษียรสาครจรจรัล มาถวัลย์แท่นรัตนวิเชียรพราย
นั่งแนบแอบองค์ยุพเรศ ช้อนเกศอุ้มประโลมโฉมฉาย
จุมพิตปรางน้องตระกองกาย กรก่ายแนบสนิทชิดชวน
เลี้ยวลอดสอดกระหวัดสัมผัสต้อง เต้ามณฑาทองของสงวน
เชยชื่นรื่นรสรัญจวนชวน ป่วนกาเมศไหม้อยู่ไปมา ฯ
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสวัสดิ์ ร่วมสัมผัสแอบองค์ด้วยปักษา
กำเริบรื่นในรสกรีฑา แต่มายามานะกระสัตรี
ทำค้อนควักผลักกรแล้ววอนว่า ไม่กรุณาน้องเลยนะปักษี
ไปหักหาญรานเสน่ห์เจ้าธานี ไม่ทันล่วงราตรีมารีบร้อน
น้องยังไม่สบายวายทุกข์ สุดที่จะร่วมสุขสโมสร
จงรารักหนักหน่วงในอาวรณ์ ใช่จะจรจากบาทมุลิกา
น้องตกถึงสิมพลีพิมานเมศ แรมทุเรศร้างประยูรวงศา
ไกลบรมพรหมทัตภัสดา หมายจะพึ่งบาทาจนวันตาย ฯ
๏ พระยาครุฑฟังนุชเสนาะถ้อย ดั่งนํ้าพลอยเพชรรัตน์จำรัสฉาย
ถนอมกรรับขวัญแล้วบรรยาย เจ้าสายสุดสวาทโฉมประโลมลาญ
ซึ่งเรียมพามานิรานิราศรัก ประยูรศักดิ์นคเรศอันไพศาล
เพราะสวาทนาฏน้องยุพาพาล ไม่เกรงการอริราชและเวรา
ดั่งได้ดวงมณฑามหาวิเศษ ของตรีเนตรในดาวดึงสา
อันหอมหวลอวลอบทั้งโลกา จะหน่วงช้ามิให้ชมนั้นสุดใจ
จงสร่างโศกมาเกษมสวาทบ้าง อย่าให้ร้างเริดชิดพิสมัย
พลางกระหวัดรัดรวบภิรมย์ใน ชงฆะไขว้ในเชิงละเลิงลาญ
บันดาลพลาหกเทวบุตร ก็ผึ่งผุดตั้งทั่วทิศาศาล
พโยมพยับอับอึงอนธการ สท้านถึงเมรุราชสีขรินทร์
สัตตภัณฑ์บรรพตก็ไหวหวั่น คงคาลั่นเป็นละลอกกระฉอกสินธุ์
ฝูงมหามัจฉาในวาริน ก็โดดดิ้นเล่นนํ้าลำพองกาย
อันดอกดวงสิมพลีที่ตูมกลัด ครั้นฝนซัดเชยแช่มแย้มขยาย
ที่ตูมบานก้านกลีบขจรจาย รำพายกลิ่นรื่นรสเสาวคนธ์
แมลงภู่ทิพรีบร่อนมาเอาซาบ อาบละอองต้องทั่วทุกขุมขน
สองสุขสองเกษมเปรมสกนธ์ สองกมลสองสวาทไม่คลาดกัน
ครุฑลืมลงเล่นอโนดาต วรนาฏลืมมิ่งมไหศวรรย์
ครุฑลืมลงเล่นสัตตภัณฑ์ สุดาจันทร์ลืมพักตร์พระภัสดา
ครุฑลืมร่อนเล่นโพยมบน นฤมลลืมสนมสนิทหน้า
ครุฑลืมไล่คาบนาคา กัลยาลืมเล่นอุทยาน
ครุฑหลงชมทรงสมรชื่น นางหลงรื่นรสทิพปักษาศาล
ครุฑละเลิงหลงเชิงยุพาพาล เยาวมาลย์หลงเล่ห์ประหลาดโลม
ครุฑหลงกลิ่นแก้วขจรรื่น นางหลงชื่นรสทิพอันเฉิดโฉม
ครุฑหลงกระบวนชวนตระโบม นางหลงโสมนัสในสกุณา
ครั้นศศิธรคล้อยเคลื่อนเลื่อนลับ ดาราดับสิ้นแสงสว่างหล้า
พระพายชายพัดรำเพยพา สกุณาพร้อมเพรียงพิมานทอง
ดุเหว่าทิพที่ประจำสิมพลี ก็ร้องมี่ส่งเสียงสำเนียงก้อง
ภาณุมาศเร่งราชรถทอง ผาดผยองเยี่ยมยอดยุคุนธร ฯ
๏ พระยาราชสุบรรณก็พลันตื่น ประคองชื่นเล้าโลมโฉมสมร
พี่จะอุ้มยุพาพินบินจร ไปชมขุนสิขรชะเลวล
ว่าพลางทางประคองยุพเรศ อุ้มประเวศบินโดยพระเวหน
ราร่อนให้อ่อนด้วยลมบน พลางเชยชื่นกมลด้วยกลิ่นนาง
ชี้บอกยอดเขาพระเมรุมาศ แก้วประหลาดงามดีเป็นสี่อย่าง
แดงเขียวขาวเหลืองเรืองนภางค์ เกาะทวีปใหญ่กว้างทั้งสี่ทิศ
ทวีปน้อยสองพันเป็นบริวาร สัณฐานดังจอกลอยกะจิหริด
มีพฤกษาใหญ่ลํ้าประจำทิศ เกิดสถิตแต่ประถมแผ่นดิน
ชี้ชมเขาแก้วทั้งเจ็ดชั้น มีนํ้าคั่นหลั่นลดชลาสินธุ์
หมู่มหามัจฉาและนาคินทร์ อันอยู่ในวารินสีทันดร
สารพัดมีสัตว์จตุบาท คชสีห์สิงหราชและไกรสร
สิงโตโคกิเลนและมังกร นรสิงห์กินนรและคนธรรพ์
แล้วชี้บอกรุกขชาตินารีผล อันติดต้นเปล่งปลั่งดั่งสาวสวรรค์
แต่ไม่มีวิญญาเจรจากัน วิชาธรคนธรรพ์มาเชยชม
ครั้นเจ็ดวันก็อันตรธานไป แล้วบันดาลเกิดใหม่ได้สู่สม
พลางบอกพลางหยอกสำราญรมย์ แล้วพาบินลอยลมมาสิมพลี
สองสนิทพิศวงสวาทจิต ชื่นชิดปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ไม่แหห่างร้างรักสักนาที ในห้องรัตนมณีพิมานบน ฯ
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตนฤเบศร์ ครั้นหายเหตุเกิดการกุลาหล
ไม่ยลพักตรกากีนฤมล คิดฉงนฉงายเหงาเปล่าฤทัย
เมื่ออนงค์เนาแท่นไสยาอาสน์ หลากประหลาดจรดลไปหนไหน
จึ่งให้ค้นทั่วมณฑิราลัย ทั้งนอกในพระปรัศเรือนจันทน์
มิได้พบจบสกลวังราช ภูวนาถโศกโทมนัสศัลย์
โอ้กากีศรีสุดาลาวัณย์ เจ้าผู้ขวัญเมืองมิ่งวิมลมาลย์
สงวนน้องมิให้ต้องธุลีลม ยามชมมิให้ช้ำล้วนคำหวาน
ยามต้องค่อยประคองแต่พอพาน ยามประสานเนตรน้องแต่พอนวล
ยามแนบพี่ถนอมมิให้หนัก ผจงรักนิ่มน้องครองสงวน
อยู่หลัดหลัดฤๅมาซัดให้เรียมครวญ โอ้ว่านวลหน่ายแหนงไปแห่งใด
พระถวิลหวั่นใจให้เทวศ อัสสุชลนองเนตรพิลาปไหล
พระลืมองค์หลงทัสนาใน เห็นเงาไหวคล้ายเคลิ้มว่ากากี
ยุรยาตรจากอาสน์โองการตรัส ศรีสวัสดิ์ไยหมางระคางพี่
แล้วง่าหัตถ์รับขวัญไปทันที ไม่ยลศรีสุดาลักษณ์แล้วโศกา
เสด็จยังที่นั่งเย็นไม่เห็นหาย ผ่อนระบายอัดอั้นในนาสา
สะท้อนถอนฤทัยถวิลแล้วลินลา ชำเลืองหารอบริมภูเขายล
ที่เคยสรงสนานในอ่างแก้ว อันทดแถวนํ้ากระจายเป็นสายฝน
ที่เคยเล่นมิได้เห็นนฤมล ฤๅเจ้าดลแดนสระประทุมมาลย์
พระเสด็จเลี้ยวชลาไปท่าสระ มิได้ปะนิ่มอนงค์ยิ่งสงสาร
พระเยี่ยมยลแต่อุบลแบ่งบาน โอ้ว่ากานดาดวงไปแห่งใด
แล้วเสด็จเกยแก้วกุญชริน ยุพาพินมาประพาสฤๅไฉน
ไม่สบสมรแล้วก็จรจรัลไคล สู่ไพชยนต์รัตนเรืองพราย
เอนองค์ลงกับอาสน์อิงเขนย กรเกยพระนลาตแล้วใจหาย
ชลเนตรคลอเนตรลงพร่างพราย โอ้สายสวาทร้างอุราทวา
นิเวศน์วังตั้งเที่ยวตระหลบจบ มิได้พบนิ่มน้องสนองหน้า
ฤๅอิศเรศประเวศทรงอุสุภา ลักสุดาเหินเหาะไปหิมพานต์
ฤๅจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงครุฑ มาลักนุชพี่ไปร่วมภิรมย์สมาน
ฤๅธาดาทรงมหาหงส์ทยาน ลักสมรไปสมานพิมานพรหม
ฤๅอินทร์องค์ทรงพระยาไอยเรศ ลักดวงเนตรพี่ไปดาวดึงส์สม
ฤๅสุริยงค์ทรงรถอันลอยลม มาลอบชมกลิ่นแก้วแล้วพาจร
ฤๅพระเพลิงฤทธิรงค์ทรงแรด มาเวียนแวดพาน้องไปสมสมร
ฤๅพระพายชายทรงอัสดร มาอุ้มบังอรแอบอุราไป
ฤๅครุฑาวาสุกรีวิทเยศ มาโลมลวงดวงเนตรไปฤๅไฉน
เสียดายเอ๋ยมิได้เคยระคายใจ เวรใดจึ่งคลาศที่เคล้าคลึง
จะหาทรงสุดวงศ์กษัตริย์สิ้น จะหากลิ่นสามภพไม่หอมถึง
พระสอื้นรัญจวนครวญคนึง ถึงเมื่อราเมศร้างแรมสีดา
ยังได้ข่าวทศพักตร์มันลักนุช ข้ามสมุทรไปนครของยักษา
พระหริวงศ์กับองค์อนุชา ได้โยธาพานรินทร์ก็รีบตาม
จองถนนยกพลพยุหทัพ ไปตั้งรับชิงชัยในสนาม
ล้างอสูรแหลกลงในสงคราม ได้นงรามคืนยังอยุธยา
ปางพระไทรโอบอุ้มอนิรุธ ไปสมสุดสวาทสร้อยศรีอุสา
แล้วพาพรากจากรักภิรมยา ให้สองรานิราศร้างกันกลางคัน
ยังมีนางศุภลักษณ์เที่ยววาดทรง ประสบองค์อนิรุธรังสรรค์
แล้วพาเหาะสมอุสาวิลาวัณย์ สองกระสันแสนสุขสถาพร
ปางพระสมุทรโฆษชำนาญศิลป์ บำเรอพินทุมดีศรีสมร
แสนวิโยคโศกข้ามชโลธร ขี่ขอนคลื่นซัดให้พลัดกัน
อันแสนยากปิ้มปานไม่พานพบ ก็ยังสบร่วมรสภิรมย์ขวัญ
คืนสถานผ่านภพโรมคัล ถวัลยราชย์สืบวงศ์ประเวณี
ปางสุธนแรมร้างมโนหเรศ นางประเวศไกรลาสคิรีศรี
ก็ตามติดมิได้คิดแก่ชีวี ข้ามนทีกรดยากลำบากกาย
ทั้งแสนเขาป่าคั่นอรัญเวศ ทางทุเรศไปได้เหมือนใจหมาย
ถึงไกรลาสสมน้องประคองกาย แล้วพาผายสู่อุดรปัญจา
ปางท้าวธตรฐมหาหงส์ จากอนงค์เหมราชปักษา
ไปในห้องเขมะสระปทุมา ต้องติดบ่วงพรานป่าอยู่รึงรัง
กับสุมุขเสนาพระยาหงส์ ดั่งชีวิตจะปลิดปลงในกรงขัง
พเนจรคอนถึงนิเวศน์วัง แล้วกลับหลังยังถํ้าคูหาทอง
ชมคณานางหงส์ทั้งหกหมื่น สำราญรื่นเปรมปรีดิ์ไม่มีสอง
บรรดาจากพรากคู่ยังคืนครอง แต่นิ่มน้องจรดลไปหนใด
ถึงจะข้ามหิมวาสาคเรศ ประจักษ์เหตุแล้วจะตามไปจงได้
นี่สุดจิตสุดคิดก็สุดใจ สุดอาลัยก็สลบลงแดยัน ฯ
๏ ฝ่ายนางพระสนมสนิทเฝ้า ก็สร้อยเศร้ากำสรดกำสรวลศัลย์
บ้างสองกรข้อนอุราเข้าจาบัลย์ โอ้พระขวัญเมืองมิ่งวิมลมาลย์
เคยเย็นเกล้านารินเป็นปิ่นปัก พระปลงรักมิได้ร้างห่างสมาน
ไยสมรจึ่งมาจรให้แดดาล จนท้าวลาญชีพล่วงชีวาลัย
แม่สถิตปรางค์ทองไม่ต้องลม กรรมนิยมจรดลไปหนไหน
ฤๅเคืองขัดในภูวนัษไตร ก็ควรไขข้อแจ้งกิจจาขจาย
อยู่ดีดีต่อมีมหัศจรรย์ พอเหตุนั้นเหือดห่างนางก็หาย
ครั้นจะคิดเบาความว่าตามชาย ก็สุดหมายที่จะมุ่งประมาณการ
รํ่าพลางทางเชิญสุคันธรส ทั้งโอสถชะโลมองค์สรงสนาน
บางอนงค์นวดฟั้นอยู่งาน นฤบาลค่อยได้ฤทัยคืน
ลืมเนตรเห็นสนมสนิทแน่น ยิ่งโศกแสนโศกีไม่มีชื่น
พระจากอาสน์ฝืนองค์ดำรงยืน ก็ออกพื้นพระโรงรัตน์วัจนา
เล่ายุบลคนธรรพ์ว่านางหาย เฉาฉงายไป่แจ้งที่แห่งหา
ไฉนนายจะได้สายสมรมา เจ้าปรีชาช่วยผดุงจรุงความ ฯ
๏ คนธรรพ์อภิวันท์ถวิลหวาด เชิงฉลาดชำนาญชาญสนาม
ทูลสนองให้ต้องสำเนาความ ซึ่งนงรามนิราศแรมนรินทร์
เมื่อพระองค์ทรงสกากับมานพ ข้าเบือนพักตร์พอพบก็ดาลถวิล
เห็นตาชายต่อตายุพาพิน ข้าคิดกินใจช้ำระกำแทน
พอเกิดการโกลาในอากาศ เห็นสมมาดนางหายข้าหมายแม่น
ชะรอยครุฑเป็นมนุษย์มาในแดน ลักแสนสุดสวาทของท้าวไป
จะอาสาธิบดินทร์ปิ่นธเรศ ฟังระหัสแห่งเหตุที่สงสัย
อีกเจ็ดวันเห็นสุบรรณจะคลาไคล มาโรงชัยข้าจะดูให้รู้กล
แม้นประหลาดก็จะล่วงครรไลตาม ไม่เข็ดขามจะเข้าแซกในขุมขน
ให้ถึงสถานพานพักตร์นฤมล จะแก้กลปักษีให้ส่งนาง
ท้าวสดับคนธรรพ์เสนาะถ้อย ที่โศกสร้อยหฤทัยค่อยใสสว่าง
กลับยังบัลลังก์รัตน์คนึงนาง มิได้ว่างวายเว้นทิวาวัน ฯ
๏ ฝ่ายพระยาครุฑราชฤทธิรอน เชยสมรสมานชมภิรมย์ขวัญ
ในห้องทิพพิมานสำราญครัน ต่างกระสันแสนสวาทไม่คลาศคลาย
ถึงกำหนดเจ็ดวันจะทรงสกา สุบรรณานิ่งนึกแล้วใจหาย
มิไปเล่นเห็นท้าวจะเคืองรคาย ดำริแล้วอภิปรายประโลมนาง
เจ้าดวงมณฑาทองทิพมาศ แสนสวาทพี่มิใคร่จะไกลข้าง
เมื่อพี่ไปทรงสกาแล้วพานาง เห็นจะหมางมุ่งเรียมทั้งบุริน
รุ่งพรุ่งนี้พี่จะลาพงางาม ไปตัดความสงสัยเสียให้สิ้น
เจ้าอยู่ไพชยนตร์รัตน์มณีนิล บ่ายแสงทินกรจะจรมา ฯ
๏ กากีได้สดับคดีสั่ง ให้แค้นคั่งคำราชปักษา
ดั่งเพลิงพิษติดรุมอุรภา ชลนาคลอเนตรละลุ่มลง
จึ่งวอนว่าข้าแต่สุบรรณราช เจ้าว่าแสนพิศวาสให้น้องหลง
สู้บ่ายบากจากตระกูลประยูรวงศ์ อีกทั้งองค์พรหมทัตภัสดา
ก็มุ่งหมายว่าจะวายชีวาด้วย จึ่งเอออวยร่วมรสเสน่หา
ไม่ทันไรจะนิราศให้อาทวา อนิจจาใจจางมาหมางใจ
ข้ารู้เชิงอยู่ว่ามีที่เชยชื่น แต่แสร้งอำนำอื่นมาแก้ไข
ถ้าหน่ายแหนงแล้วจงแจ้งแต่จริงไป ใช่จะหน่วงเสน่ห์ไว้เมื่อไรมี ฯ
๏ พระยาครุฑฟังนุชแล้วแย้มสรวล ไฉนนวลมาพิโรธรำพันพี่
ใครเล่าแจ้งฤๅเจ้าแคลงกมลมี ฤๅใส่สีพอให้สมอารมณ์ปอง
เจ้าเนื้อหอมเป็นจอมจรรโลงหญิง เห็นสุดสิ่งที่จะเปรียบเสมอสอง
ว่าพลางเชยคางเคียงประคอง ประจงต้องเต่งเต้าปทุมมาลย์
เจ้าอย่าหมองใจหมางระคางสวาท จำนิราศไปกรุงไกรไพศาล
ดับกระหายบังวายที่อัปรมาณ เพราะถึงการกำหนดเป็นสัญญา
แม้นมิไปไหนเลยจะพ้นพักตร์ เสียดายศักดิ์เขาจะแสร้งว่ามารษา
ไม่ถึงวันก็จะพลันนิวัติมา ยุพาพาลจงสำราญวิมานทอง ฯ
๏ กากีฟังครุฑเห็นสุดห้าม ประจักษ์ความบรรยายก็หายหมอง
ชุลีกรวอนรํ่าเป็นทำนอง จะจากห้องให้น้องเอกากาย
ฤๅษีสิทธิ์วิทยาวิชาธร ย่อมฤทธิรอนเหินเหาะได้มากหลาย
ถ้ารู้ความก็จะหยามหยาบรคาย หญิงฤๅจะสู้ชายเห็นสุดที
แต่เสียหนึ่งได้สองก็ต้องห้าม ถ้าซํ้าสามปฏิพัทธ์โอ้บัดสี
จงตริการอย่าให้พานราคีมี เหมือนช่วยชีวิตน้องให้นานวัน ฯ
๏ พระยาราชเวนไตยได้สดับ ถนอมรับกรน้องประคองขวัญ
เจ้างามงอนช่างฉอ้อนรำพันครัน อย่าครั่นคร้ามอริราชจะแผ้วพาน
จะร่ายมนต์ผูกทวารวิมานไว้ ถึงผู้ใดจะเข้าผลักหักประหาร
ไม่อาจทำลายเวทวิเศษชาญ เยาวมาลย์แม่อย่าหมองกมลใน
แต่เวียนปลอบเวียนสั่งสังวาสน้อง จนแสงทองเรืองรางสว่างไข
ประโลมเล้ากานดาแล้วคลาไคล ออกจากไพชยนตร์รัตน์เรืองสุวรรณ
ก็โอมอ่านมนตรามหาเวท อันวิเศษผูกบานทวารมั่น
แล้วบินโบยโดยฤทธิ์แรงสุบรรณ ไม่ทันพริบตาถึงธานี
ลงสู่รุกขนิโครธก็แปลงเพศ เป็นมานพเยาวเรศเฉลิมศรี
เข้าสู่พระโรงธารธเรศตรี นฤบดีทัสนาเห็นมานพ
จึ่งเอื้อนโองการตรัสวัจนา ดูราเจ้าผู้ชำนาญในการจบ
ข้าคอยนายจนสายสว่างภพ คิดว่าสบธุระร้อนไม่จรมา ฯ
๏ ครุฑฟังทรงธรรม์ก็หวั่นหวาด เชิงฉลาดทำฝืนให้ชื่นหน้า
สนองสารซึ่งข้านานเวลามา เพราะวิญญาไม่สบายข้างภายใน
พรหมทัตฟังอรรถสุบรรณบอก ดั่งเสี้ยนยอกเสียบทรวงยิ่งสงสัย
พระแสร้งชื่นฝืนพักตร์ประภาษไป ตรัสให้ยกสกานั้นมาทรง
ต่างทอดต่างเดินไม่เพลินจิต ต่างคิดต่างคนึงตะลึงหลง
จนบ่ายชายแสงพระสุริยงค์ ครุฑพะวงพิศวาสถึงกากี
ก็อำลานรินทรจรจรัล ฝ่ายคนธรรพ์แจ้งใจในปักษี
ด้อมสกดโดยบทสกุณี ครั้นถึงที่พระไทรก็แปลงตน
ส่วนมานพกลับกลายเป็นสุบรรณ คนธรรพ์เป็นไรเข้าในขน
ถาบถาราร่อนโพยมบน ก็ลุดลสิมพลีพิมานทอง
ร่ายมนต์แก้บานทวารไข สำราญจิตครรไลเข้าในห้อง
นั่งแนบแอบเนื้อนวลละออง เชยน้องต้องเต้ามณฑาธาร ฯ
๏ ฝ่ายคนธรรพ์เป็นไรเข้าเร้นซ่อน ที่บัญชรพิมานชัยไพศาล
ส่วนครุฑแนบนุชนงพาล สองสมานร่วมรสฤดีทวี
เปรียบดั่งองค์ปโรตเทวัญ เมื่อฤดูวัสสันต์เกษมศรี
เมขลาชูช่วงดวงมณี อสุรีรามสูรก็โกรธา
ถือขวานเหาะทยานขยิกไล่ เวียนรไวในจังหวัดพระเวหา
นางแบแก้วแวววับให้จับตา อสุราขว้างขวานไปราญรอน
เมขลาล่อแก้วอสุรินทร์ ไม่สุดสิ้นที่จะร่วมสโมสร
เกิดสำหรับกัปกัลป์นิรันดร เหมือนสมรสมานสุขสกุณินทร์
ครั้นอรุณเรื่อรางสว่างภพ จบจักรวาไลและไพรสินธุ์
ครุฑตระโบมโลมลายุพาพิน พี่จะบินไปเที่ยวพระหิมพานต์
จงเนาในแท่นทองอย่าหมองพักตร์ ไม่ช้านักจะกลับมาสู่สถาน
สั่งสมรแล้วก็จรจากพิมาน ร่ายเวทผูกทวารแล้วบินไป ฯ
๏ คนธรรพ์ครั้นครุฑจรดล ก็กลับตนตามเพศวิสัย
เข้านั่งริมแท่นรัตนามัย ประจงใจดูเล่ห์กัลยา
กากีเหลือบเหลียวเห็นคนธรรพ์ ให้หวาดจิตอัศจรรย์เป็นหนักหนา
เออไฉนไยนาฏกุเวรมา นางประหม่าพักตร์เผือดแล้วพาที
ว่าดูราคนธรรพ์พี่เลี้ยงท้าว แดนด้าวทางทุเรศนทีศรี
เหตุไฉนไยแจ้งแห่งคดี จึงมาดลสิมพลีพิมานชัย
อันบรมพรหมทัตปิ่นธเรศ เมื่อเกิดเหตุข้าหายนั้นเป็นไฉน
ยังทุกข์โทมนัสถึงคะนึงใน ฤๅอาลัยลืมละไม่นำพา ฯ
๏ คนธรรพ์ครั้นสดับคดีถาม ดำริความเชิงชาญด้วยโวหาร์
นางหลงเล่ห์เมถุนสกุณา จะร่ำเรื่องภัสดาก็ป่วยความ
ประเวณีสตรีได้เตร่จิต จำจะคิดเหมือนเอาเสี้ยนมาบ่งหนาม
จะเย้ายั่วให้มัวในกลกาม ปิดความอันตรายแห่งเวนไตย
ตริแล้วจึงสนองวรนาฎ อันจอมราชสามีที่พิสมัย
ครั้นนางหายแล้วก็หน่ายอาลัยใจ แต่พี่ไซร้สวาทเจ้าทุกเพลางาย
ด้วยเป็นศรีพระนครขจรเดช มาทุเรศแรมไกลน่าใจหาย
ครั้นทราบข่าวผ่าวร้อนดังเพลิงพราย ว่าครุฑพาสายสวาทมาสิมพลี
มิได้คิดแก่ชีวิตจะวายชนม์ กำบังตนซ่อนราชปักษี
จึ่งยลพักตร์อัคเรศสุดาดี พี่ก็มีโสมนัสเสน่ห์น้อง
นิจจาเอ๋ยถึงเสวยสุขสวรรค์ ผิวพรรณเคยนวลฤๅควรหมอง
ว่าพลางทางประโลมเลียมลอง ดูทำนองในเชิงพนิดา ฯ
๏ นางสลัดปัดกรแล้วค้อนคม แต่อารมณ์ปฏิพัทธ์ประหวัดหา
แสร้งเสด้วยเล่ห์มายา อนิจจานี่ฤๅว่าปรานี
ได้พบพักตร์เหมือนพี่บังเกิดเกล้า ที่ใจเศร้าค่อยสร่างกรรแสงศรี
ควรฤๅมาให้ช้ำระกำทวี นี่เห็นดีแก่ใจอย่างไรนา
อนิจจาเห็นว่าข้าอยู่เดียว มาโลมเลี้ยวลอบชิดด้วยอิจฉา
เป็นน่าแค้นแสนเวทนาตา จะใคร่ว่าเสียให้สมอารมณ์พาล ฯ
๏ คนธรรพ์รับขวัญแล้วจุมพิต กรสกิดเลี้ยวลอดสอดประสาน
เคล้าเคล้นเล่นดวงประทุมมาลย์ ยุพาพาลแม่อย่าหมองกมลใน
ซึ่งโทษผิดชิดโฉมประโลมเล้า ด้วยร้อนเร่าสวาทหวังไม่ยั้งได้
อย่าถือความจงประนามประนอมใจ พี่จะไว้ชีพด้วยวนิดา
ว่าพลางทางประจงปลงจิต เนื้อสนิทแนบกันกระสันหา
สองชื่นรื่นรสภิรมยา ดั่งราหูจู่จับพระจันทร
อ้าโอษฐ์โกรธเกรี้ยวกระหยับย้ำ กรกำเรือนรถจะสังหร
แสงจันทร์อับชะอํ่าในอัมพร ด้วยกำลังฤทธิรอนอสุรินทร์
พสุธาอากาศก็อับแสง ไม่แจ่มแจ้งแหล่งหล้าวนาสินธุ์
ประจักษ์จันทร์อุปราค์ทั้งแดนดิน ก็อึงอินทเภรีระดมปืน
ฆ้องระฆังกังสดาลประสานเสียง สำเนียงโห่ลั่นหล้าไม่ฝ่าฝืน
ประเวณีคลี่คลายขยายคืน ก็แช่มชื่นเด่นดวงศศิธร
สองสุขสองสมภิรมย์รส ยังไม่หมดสุขสโมสร
คนธรรพ์ครั้นบ่ายรวีวร สั่งสมรแล้วก็จรเข้าซ่อนกาย ฯ
๏ ฝ่ายครุฑเที่ยวเล่นในหิมวันต์ สุริยาสายัณห์ก็ผันผาย
สู่สถานวิมานรัตน์พรรณราย ก็ร่ายเวทเปิดทวารเข้าไพชยนต์
นั่งแนบแอบแก้วกานดาดวง แล้วยื่นพวงอัมพาผลาผล
กินเล่นให้สำราญบานกมล พลางยิ้มแย้มแกมกลให้ยั่วยวน
ร่วมภิรมย์สมสมัครดั่งใจปอง ระเริงริกซิกสองเกษมสรวล
ปักษีมิได้หมางระคางนวล เชยชวนชื่นชิดสนิทนาง
กากีสมปองเป็นสองชื่น กลางคืนครุฑแอบอยู่แนบข้าง
ทิวาวันคนธรรพ์เข้าแนบนาง ต่างรสสดชื่นให้โอชา ฯ
๏ ครั้นสร่างแสงสุริโยวโรภาส อากาศแจ่มแจ้งในแหล่งหล้า
พระยาครุฑสั่งนุชนงพงา กำหนดเล่นสกาในกรุงไกร
พี่จะลาสายสมรจรจรัล สายัณห์ก็จะมาอย่าหม่นไหม้
เสร็จสั่งออกยังพิมานชัย วิสัยรูปกลายกลับเป็นสุบรรณ
คนธรรพ์เป็นไรเข้าในขน ครุฑผูกด้วยมนต์ทวารมั่น
บินทยานผ่านข้ามสัตตภัณฑ์ ก็บรรลุสำนักนิโครธา
แปรเป็นมนุษย์อุดมเดช คนธรรพ์กลับเพศเป็นยักษา
ต่างแยกจรจรัลมรรคา เข้ามหานิเวศน์แก้วปราการ
มานพถึงท้องพระโรงรัตน์ กรุงกษัตริย์ทัสนาแล้วบรรหาร
พระดำรงทรงสกากับชายชาญ แต่วิญญาณยวนคิดวนิดา ฯ
๏ คนธรรพ์ครั้นถึงชุลีกร นรินทรยิ้มละไมอยู่ในหน้า
จะตรัสถามก็เป็นความในอุรา แต่ชำเลืองนัยนาดูคนธรรพ์
คนธรรพรับเนตรภูวนาถ มิอาจเสนอในสนามด้วยความขัน
แต่บุ้ยบอกให้พระองค์ผู้ทรงธรรม์ ว่าชายนี้คือสุบรรณมาลักนาง
หมู่เสวกามาตย์ฉลาดคิด ต่างวินิจนิ่งนึกอางขนาง
เขม้นหมายมานพไม่เว้นวาง พลางจะฟังรหัสเหตุแห่งคนธรรพ์ ฯ
๏ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร ครั้นครุฑจรจากห้องพิมานสวรรค์
ไม่ยลพักตรชู้นางที่กลางวัน ให้กระสันราคร้อนอารมณ์นาง
อนิจจาโอ้ว่าพี่คนธรรพ ไปลี้ลับอยู่ไหนทำใจหมาง
เจ้าเคยแอบแนบน้องประคองปราง ไยมาห่างหายเนตรอนาถใจ
แรกรักรู้รสมาปลดสวาท แรมนิราศไปนิเวศน์ฤๅไฉน
ฤๅบังกายซ่อนน้องจะลองใจ ฤๅหมองไหม้ไม่สมัครสมานการ
มาเถิดน้องจะถนอมกล่อมจิต จะผ่อนผิดผันหาเกษมสานต์
นางรํ่าหาในห้องทิพพิมาน ไม่พบพานก็พิลาปละเวงใจ ฯ
๏ ฝ่ายพระยามานพทรงสกา สุริยาเย็นลับเหลี่ยมไศล
ถวิลถึงสุดาเดียวเปลี่ยวใจ ก็ลาไทธิบดินทร์ลินลามา
ถึงต้นไทรกลายเพศเป็นครุฑราช เผ่นผงาดรเห็จห้องพระเวหา
ถึงสถานลานโลมวนิดา โดยผาสุกภาพประเพณี ฯ
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตภูวเรศ ครั้นมานพประเวศจากกรุงศรี
จึ่งเอื้อนอรรถสุนทราวาที โดยพระมีมาโนชเปรมปรา
อ้าดูระพี่เลี้ยงเสมอชีพ ท่านเร็วรีบสืบเสาะแสวงหา
ยังสบสายสุดสวาทของอาตมา เนานิวานิวาสสถานใด
คนธรรพ์อภิวันท์สนองถ้อย ข้าโดยรอยมานพถึงป่าใหญ่
แปรสกนธ์เป็นครุฑวุฒิไกร ข้าเป็นไรแทรกขนสุบรรณบิน
เร็วรีบยิ่งมหาวายุพัด กวักกวัดปีกข้ามชลาสินธุ์
ทางทุเรศเขตเขาสิขรินทร์ ก็เต็มบินสู่สิมพลีวัน
ประสบนางในปรางค์พิมานมาศ แสนสวาทครุฑครองประคองขวัญ
เสวยทิพสถานสำราญครัน จะรำพันพ้นสุขสวรรยา ฯ
๏ พรหมทัตแจ้งอรรถคนธรรพ์ทูล บดินทร์สูรแสนโสมนัสา
ดั่งได้แก้วจักรพรรดิมาทัสนา เป็นมหามิ่งมิตรมงคลเมือง
จึ่งดำรัสประภาษนาฏกุเวร เจ้าผู้เจนจงแสดงให้แจ้งเรื่อง
นางนิราศโภคัยได้ขุ่นเคือง ฤๅปลดเปลื้องธุระรักในฝ่ายเรา
ฤๅเพลิดเพลินจำเริญสมบัติครุฑ อันสูงสุดถึงเมรุขุนเขา
ได้พบพานประมาณจิตยุพเยาว์ จะนิ่งเนาฤๅจะกลับบุรีรมย์ ฯ
๏ คนธรรพ์หวั่นจิตจำสนอง อันพระน้องร้างท้าวภิรมย์สม
ไปสู่สิมพลีวันอันอุดม เห็นนิยมสมบัติสกุณา
ข้าพบพักตรแต่จะทักก็ทั้งยาก ทำบ่ายบากเฉยเชือนไม่เบือนหน้า
จนจิตที่จะคิดให้คืนมา กิริยาดั่งจะบอกยุบลครุฑ
ข้าพรั่นตัวกลัวจะวายทำลายชนม์ ทั้งเกรงบาทยุคลเป็นที่สุด
จึ่งจำล้างในทางเสน่ห์นุช หวังจะแก้แค้นครุฑให้ส่งนาง
แกล้งประโลมลองใจดูในที ก็เร็วรี่ปฏิพัทธ์ไม่ขัดขวาง
จึงได้สบสมสองทำนองนาง โทษข้าถึงล้างทำลายปราณ ฯ
๏ พรหมทัตฟังอรรถแสดงสดับ หทัยวับเพียงเพลิงเถกิงผลาญ
เปรียบดั่งวาสุกรีไกรชัยชาญ ใครประหารขนดหางให้โกรธา
ด้วยอาลัยในสุดาดวงสวาท ไปร่วมราชปักษีแล้วมิสา
ยังซํ้าคนธรรพ์อันธพาล์ เสียแรงว่าจงใจให้ไปตาม
ควรฤๅคนธรรพ์ประทุษฐ์จิต ทำลายมิตรให้กลิ้งกลางสนาม
เราไซร้ก็มิใช่ชายทราม มาทำความบังเหตุให้อัปรมาณ
ครั้นจะล้างเสียให้วางชีวิตม้วย ก็เกรงด้วยครหาจะว่าขาน
เมื่อหญิงร้ายชายโหดสันดานพาล ไม่ต้องการที่จะก่อเวราไป
ดำริพลางทางตรัสแก่คนธรรพ เราอาภัพเสียมิตรที่พิสมัย
ซึ่งท่านทำความชอบเราขอบใจ เหมือนนกไร้ไม้โหดก็ตามที
เราเสียดวงสมรไปได้อัปรยศ จะหย่อนยศทั่วทิศทั้งสี่
ทำไฉนจึ่งจะได้กากี คืนบุรีให้เรืองเดชาชาญ
นาฏกุเวรอภิวาทบาทมูล อย่าอาดูรพระทัยจงใสสานต์
จะแก้กลเวนไตยให้อัปรมาณ หมางสมานในสมรให้รอนรัก
ให้มาส่งคงคืนยังนิเวศน์ เรืองพระเดชเฟื่องฟ้าอาณาจักร
จะขับอ้างแต่ปางไปลอบลัก จนข้าร้างห่างรักมาบุริน
เห็นครุฑก็จะอายเสียดายยศ จะปลิดปลดสังวาสสวาทสิ้น
ท่วงทีก็จะส่งองค์ยุพิน องค์นรินทรราชอย่าร้อนใจ ฯ
๏ ท้าวสดับพี่เลี้ยงฉลองฉลาด เห็นสมมาดแก้กลปักษีได้
พระราชทานบำเหน็จอนงค์ใน ทั้งศฤงคารโภคัยให้คนธรรพ์
ครั้นรุ่งกรุงกษัตริย์สรงสนาน ประดับองค์อลงการทรงพระขรรค์
ออกพระโรงวินิจฉัยพรายพรรณ เสนานั่งคั่งคัลดาษดา ฯ
๏ ฝ่ายครุฑครั้นครบสัตตวาร ก็สั่งสารวรนุชเสน่หา
แล้วบินโบยโดยแดนทิฆัมพรา ดลพระไทรสาขาก็แปลงกาย
เป็นมานพเข้าสู่นิเวศน์วัง ขึ้นยังพระโรงรัตน์เรืองฉาย
กรุงกษัตริย์เอื้อนอรรถอภิปราย เชิญนายผู้ชำนาญชาญสกา
ราชากับพระยามานพเล่น จำเป็นจำแสร้งเป็นสุขา
แสนระกำชํ้าจิตดั่งพิษยา ด้วยสองรารักร่วมฤดีดาล ฯ
๏ คนธรรพ์ครั้นเห็นกรุงกษัตริย์ แจ้งรหัสให้เนตรดั่งบรรหาร
น้อมศิโรตม์รับรสพจมาน จับพิณดีดประสานสำเนียงครวญ
แกล้งประดิษฐ์คิดขับเป็นกาพย์กลอน กระแสเสียงลอยร่อนโหยหวน
โอ้พระพายชายกลิ่นมารัญจวน หอมหวนนาสาเหมือนกากี
รื่นรื่นชื่นจิตพี่จำได้ เหมือนเมื่อไปร่วมภิรมย์ประสมศรี
ในสถานพิมานสิมพลี กลิ่นยังซาบทรวงพี่ทั้งวรกาย
นิจจาเอ๋ยจากเชยมาเจ็ดวัน กลิ่นสุคันธรสรื่นก็เหือดหาย
ฤๅว่าใครแนบน้องประคองกาย กลิ่นสายสวาทซาบอุรามา ฯ
๏ พระยาราชเวนไตยได้สดับ สำเนียงขับกล่าวกลิ่นกนิษฐา
ประหลาดจิตพิศดูคนธรรพา จินตนานิ่งนึกคนึงใน
เออไฉนไอ้นี่จึ่งกล่าวกลอน ถึงกลิ่นแก้วดวงสมรมาเสียดใส่
ฉุนโกรธแล้วระงับดับไว้ จะฟังไปให้รู้ในเรื่องความ ฯ
๏ นาฏกุเวรเจนแจ้งในทีโกรธ จึ่งเอื้อนโอษฐ์คำขับขยับขยาม
โอ้ว่าแก้วกานดาพงางาม ยามนี้เจ้าจะนิ่งอนาถองค์
ถ้าพี่อยู่จะได้ชูประคองชื่น สำราญรื่นร่วมมิตรพิศวง
เสียดายจากพรากเนื้อนวลผจง คิดจะใคร่คืนคงยังสิมพลี ฯ
๏ ครุฑฟังยิ่งคั่งฤทัยแค้น ดั่งหนึ่งแสนอัคนิรุทรมาจุดจี้
เสแสร้งสุนทราวาที ว่าดูก่อนเสนีเสนาะพิณ
เราได้ฟังกังวานประสานสาย บรรยายหลากจิตคิดถวิล
อนึ่งนายก็เป็นชายแต่เดินดิน ไฉนรู้เสร็จสิ้นในสิมพลี
เราแจ้งทางทุเรศเขตอรัญ สัตตภัณฑ์คั่นสมุทรใสสี[๑]
แม้นจะขว้างแววหางมยุรี ก็จมลงถึงที่แผ่นดินดาล
ด้วยนํ้านั้นสุขุมละเอียดอ่อน จึ่งชื่อสีทันดรอันไพศาล
ประกอบหมู่มัจฉากุมภาพาล คชสารเงือกนํ้าแลนาคินทร์
ผู้ใดข้ามนทีสีทันดร ก็ม้วยมรณ์เป็นเหยื่อแก่สัตว์สิ้น
แสนมหาพระยาครุฑยังเต็มบิน จึ่งล่วงสินธุถึงพิมานทอง
นี่แนะนายไปได้ไฉนเล่า ฤๅโดยเดาว่าเล่นพอเห็นคล่อง
ฤๅเหาะเหินเดินได้ดั่งใจปอง จึงไปเห็นห้องพิมานชัย
ฤๅประกอบกายสิทธิ์ฤทธิเวท วิเศษด้วยมนตราเป็นไฉน
เราก็หวังอยู่ด้วยยังไม่เคยไป คิดจะใคร่ศึกษาเป็นอาจารย์ ฯ
๏ คนธรรพ์ครั้นฟังก็แย้มสรวล แสร้งสำรวลเยาะเย้ยเฉลยสาร
อันเวทมนต์ฤทธิไกรไม่เชี่ยวชาญ แต่จิตหาญแทรกขนสุบรรณจร
พระยาครุฑครองชู้เป็นชายเฉา มาพาเราผู้ชู้ไปสู่สมร
ราตรีปักษีเข้าแนบนอน ทิวากรเราแนบประจำนาง
ต่างชู้ต่างชื่นทุกคืนวัน แต่สุบรรณงมจิตไม่คิดหมาง
เป็นสัจจังดั่งพร้องไม่อำพราง ข้าระคางกลัวเกลือกจะมีครรภ์
ว่าพลางขับครวญกระบวนพิณ โอ้กลิ่นกากีพี่หมายมั่น
เสียดายพักตร์รับพักตร์พี่เมียงมัน เสียดายกรรณรับรสพจนา
เสิยดายขนงก่งพักตร์เมื่อยักยวน เสียดายเนตรนำชวนเสน่หา
เสียดายปรางช่างเบือนกระบวนมา ให้นาสาสูบรสรัญจวนใจ
เสียดายโอษฐ์อ่อนคำให้กำหนัด เสียดายกรกอดรัดกระหวัดไหว
เสียดายเต้าเคล้าชื่นอุราใน เสียดายใจนํ้าใจทุกสิ่งอัน
นิจจาเอ๋ยชวดเชยเพราะสองชู้ ถ้าคงคู่ก็ไม่ร้างภิรมย์ขวัญ
เวทนาด้วยพระยาสุบรรณครัน ขับแล้วอภิวันท์กษัตรา ฯ
๏ พระยาครุฑได้สดับมันขับอ้าง จึ่งกระจ่างแจ้งข้อไม่กังขา
สลดจิตเสียคิดเสียสุดา ดั่งต้องจักราบรรลัยลาญ
สะท้อนถอนหฤทัยอยู่ในอก แสนวิตกตัดรอนสมรสมาน
ประดุจดั่งจอมจักรมัฆวาน เมื่อกรุงพาณลอบโลมสุจิตรา
พระเสียเดชเพราะทนงด้วยองอาจ พระเสียสวาทเพราะห่างเสน่หา
พระเสียมนต์เพราะกลอสุรา สุจิตราจึงพรากไปจากกัน
เราเสียแก้วกากีศรีสวาท เพราะประมาทไม่ถนอมเป็นจอมขวัญ
เสียฤทธิ์เพราะไม่คิดจะป้องกัน คนธรรพ์มันจึ่งแทรกเข้าซ้อนกล
ครั้งนี้เสียรักก็ได้รู้ ถึงเสียชู้ก็ได้เชาวน์ที่เฉาฉงน
เป็นชายหมิ่นชายต้องอายคน จำจนจำพรากอาลัยลาญ
ตริแล้วพาทีแก่คนธรรพ ท่านช่างขับเฉื่อยฉํ่าล้วนคำหวาน
เสาวพากย์กล่าวเกลี้ยงกลอนการ ชำนาญนักเรานับว่าเป็นชาย ฯ
๏ ว่าพลางทางลาบรมนาถ ลีลาศจรจรัลผันผาย
ถึงพระไทรสำนักก็แปลงกาย เป็นสุบรรณบินว่ายโพยมมาน
ลุสิมพลีวันก็ร่ายเวท เบิกบานทวาเรศมุกดาหาร
ขึ้นนั่งเหนือแท่นรัตน์ชัชวาล จึ่งกล่าวรสพจมานแก่กากี
ว่าดูรายุพราชประหลาดโฉม เราประโลมเจ้าจากพาราณสี
มาเนาในพิมานรัตน์สวัสดี ได้สิบสี่ราตรีทิวากาล
นุชแจ้งจริงคำอย่าอำไว้ ยังมีใครมาสถิตถึงสถาน
กากีฟังคดีตระดกดาล เยาวมาลย์กล่าวแก้พิรากล
แต่พระพามาชมสมบัติทิพ อันลอยลิบลิ่วฟ้าเวหาหน
ข้าอยู่เดียวเปลี่ยวเอกาสกนธ์ ยังไป่ยลพักตร์ใครมาใกล้กราย ฯ
๏ พระยาครุฑฟังนุชสนองคำ พิโรธซํ้าดั่งฟ้าคนองสาย
ดูดู๋คบชู้มาพรางชาย จนชู้หน่ายใจชู้แล้วจู่จร
เสียแรงรักหักจิตไม่คิดบาป นิยมหยาบฉกพามาสมสมร
ก็เจือใจมิให้อนาทร ประคองนอนแนบข้างไม่ห่างกาย
เชยชื่นดั่งวิเชียรเจียรไน มิรู้ไฝฟองช้ำสลํ่าสลาย
ยังไม่รับจนเราจับได้ชู้ชาย คือนายนาฏกุเวรที่เจนกัน ฯ
๏ กากีฟังคดีสนองถ้อย เป็นน่าน้อยใจเพียงชีวาสัญ
อนิจจาว่าข้ากับคนธรรพ์ คือใครเล่ายืนยันจำนรรจา
จงนำมาสอบใส่ไต่สวน ถ้าเป็นสัตย์แล้วควรลงโทษา
นี่กระไรพระไม่พิจารณา มาเสกแสร้งแกล้งว่าดั่งจริงจัง
เออพิมานสิมพลีก็สูงสุด มนุษย์ฤๅจะมาได้ดั่งใจหวัง
แล้วร่ายเวทผูกบานทวารบัง ประดุจดังข่ายเพชรสักเจ็ดชั้น
อย่าว่าแต่มนุษย์ในแหล่งหล้า ถึงสุราสุรเทพในสรวงสวรรค์
ก็ไม่หาญทำลายเวทสุบรรณ คนธรรพ์ฤๅจะมาได้ดั่งใจจง
หนึ่งคนธรรพ์ก็เป็นทาสบาทมูล ต่ำตระกูลดั่งกามาแกมหงส์
ถึงข้าพลัดภัสดามาเอองค์ ก็รักวงศ์เหมราชไม่แกมกา
ซึ่งพระไม่กลัวเวรเพราะหวังสวาท พานิราศมาร่วมเสน่หา
ถนอมน้องมิให้หมองสักเวลา พระคุณลํ้าดินฟ้าแลสาคร
ไม่ทันไรฤๅใจจะทุจริต พระวินิจตรองตริดำริก่อน
ธรรมดาว่ารักจะรานรอน เพราะหลงกลเขาซ้อนให้เสียการ ฯ
๏ พระยาครุฑฟังนุชสารแสดง มโนแหนงดั่งมณีที่แตกฉาน
จึ่งตรัสว่าอ้าดูระหญิงพาล ช่างกล่าวสารสอดแก้สำนวนกล
เราทราบสิ้นซึ่งระบิลมันขับอ้าง จึ่งกระจ่างแจ้งข้ออนุสนธิ์
ได้อัปรยศมาตยาพลาพล ดั่งจะด้นดินม้วยด้วยคำพาล
เพราะมีชู้ไม่รู้ให้รอบเชิง หลงระเริงว่าเจ้ารักสมัครสมาน
คิดว่าหงส์จะจงแต่ชลธาร กลับบันดาลกลั้วเกลือกด้วยเปือกตม
ตัวนางเป็นไทแต่ใจทาส ไม่รักชาติรสหวานมาพานขม
ดั่งสุกรฟอนฝ่าแต่อาจม ห่อนนิยมรักรสสุคนธาร
นํ้าใจนางเปรียบอย่างชลาลัย ไม่เลือกไหลห้วยหนองคลองละหาน
เสียดายทรงวิไลแต่ใจพาล ประมาณเหมือนหนึ่งผลอุทุมพร
สุกแดงดั่งแสงปัทมราช ข้างในล้วนกิมิชาติเบียนบ่อน
เรารู้ใจแล้วมิให้อนาทร จะพาคืนนครในราตรี ฯ
๏ กากีชุลีกรแล้ววอนว่า อนิจจาพระไม่โปรดเกศี
บริภาษข้าบาทไม่มีดี นี่เนื้อว่าเวรีมาราญรอน
เพราะหลงกลไม่รู้จึ่งเสียกล หลงฉงนแหนงหน่ายสโมสร
แม้นคนธรรพ์ว่าแก้วในอุทร ตกจะรอนรานอุราผ่ากาย
พระฟังคำข้างเดียวมาเกรี้ยวโกรธ ทุเลาโทษขอพิศูจน์สัตย์ถวาย
แม้นพิรุธทุจริตก็ควรตาย ไม่เสียดายชนม์ชีพเท่ายองใย
อยู่หลัดหลัดฤๅจะซัดไปส่งเสีย ไม่โปรดเมียจงประหารให้ตักษัย
มิขอคืนนครำให้ช้ำใจ จะไว้สัตย์สู้ม้วยในสิมพลี ฯ
๏ พระยาครุฑได้สดับคดีนาง ยิ่งหมองหมางวางสวาทมารศรี
จึ่งตรัสว่าอ้าดูระกากี หญิงกลีเล่นลิ้นพิรากล
จะเลี้ยงเจ้าเราอัปรยศยศ จะฦๅหมดทั่วหล้าเวหาหน
ว่าพลางทางอุ้มนฤมล ออกจากไพชยนต์ในราตรี
เผ่นผงาดผาดผยองล่องฟ้า ถึงพาราเจ้าทวีปชมพูศรี
วางอนงค์ลงหน้าพระลานคลี จึ่งมีรสพจนาดถ์นี่แนะนาง
ไปอยู่กับเราเดียวเปลี่ยวนัก ที่นี้จักพรั่งพร้อมอยู่ล้อมข้าง
เชิญเชยเสวยสุขสวรรยางค์ ตั้งแต่ปางนี้ไม่ขอพบกัน
ตราบสิ้นดินฟ้าพระเมรุมาศ แสนชาติไม่ขอร่วมภิรมย์ขวัญ
กว่าจะเสร็จศิวโมกษ์ทางธรรม์ สั่งเสร็จรเห็จหันไปสิมพลี ฯ
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตนรินทร ทิพากรรุ่งรางสว่างสี
พระอ่าองค์สรงพักตรแล้วจรลี ไขสีหบัญชรเยื้องชำเลืองมา
เห็นกากีศรีสมรบวรนาฏ ให้ร้อนราชฤทัยรุ่มดั่งสุมผา
พระระงับดับเดือดด้วยปรีชา จึ่งเอื้อนพจนาเย้ยยุพินพลัน
ว่าดูราสุดาดวงเนตร เจ้าประเวศไปสู่พิมานสวรรค์
พี่ตั้งหน้าท่าน้องทุกคืนวัน พึ่งเห็นขวัญตาตกถึงธานี
จะอยู่ไยในหน้าพระลานเล่า ขอเชิญเนาในนิวาสน์ปราสาทศรี
พี่ขอบใจในสวาทแสนทวี มิเสียทีที่บำรุงผดุงมา
แต่ยังเยาว์คุ้มเท่าเป็นเอกองค์ ปิ่นอนงค์นางในทั้งซ้ายขวา
คิดว่าจะไว้ชื่อให้ฦๅชา มิรู้ว่าเริงรวยไปด้วยครุฑ
เพราะแรงราคจากรสพาราณสี ไปลอยเล่นสิมพลีอันสูงสุด
แล้วเบือนบ่ายหน่ายเล่ห์เสน่ห์ครุฑ กลับมายุดยึดชมกับคนธรรพ์
หนึ่งแล้วสองเล่าเจ้าซํ้าสาม ช่างทำงามพักตราน่ารับขวัญ
เมื่อเป็นหญิงแพศยาอาธรรม์ จะให้เลี้ยงนางนั้นประการใด ฯ
๏ กากีอภิวันท์ด้วยบัญจางค์ กำสรดพลางทางทูลสนองไข
เป็นความสัตย์เกิดวิบัติจึ่งจำไกล ใช่จะร้างแรมรสบทมาลย์
ด้วยมืดมนอนธการในอากาศ ครุฑบังอาจพาพรากไปจากสถาน
ข้ารํ่าไห้เพียงจักทำลายปราณ แต่โหยหาภูบาลไม่เห็นตาม
ข้ารำพันเพิดพ้อไม่ท้อครุฑ จะโจนลงในสมุทรไม่เข็ดขาม
ขอตายด้วยสัจจาพยายาม สุบรรณบินรีบข้ามไปสิมพลี
แต่พูนเทวศเนตรนองเป็นโลหิต ไม่มีจิตจงรักในปักษี
เขาเรืองฤทธิ์จนจิตเป็นสัตรี ก็สุดที่แท้ว่ากรรมจึงจำเป็น
ถึงกระนั้นจริงใจไม่ปฏิพัทธ์ เป็นความสัตย์ว่าไปใครจะเห็น
พรํ่าบวงบนเทพเจ้าทุกเช้าเย็น ขอให้ครุฑเคลิ้มเคล้นมาส่งคืน
พอเจ็ดวันคนธรรพ์ไปถึงสถาน ได้แจ้งการภูวนัยไม่มีชื่น
ให้อัดอั้นตันจิตดั่งพิษปืน สลบลงกับพื้นพิมานบน
ซึ่งพี่เลี้ยงทำการทุจริต ที่จริงจิตมิได้แจ้งในเหตุผล
ดั่งร่างผีมิได้รู้สึกสกนธ์ เท็จจริงก็เหมือนจนประจานกาย
เพราะกรรมนำเหตุให้หฤโหด ประมาณโทษนั้นผิดอยู่แหล่หลาย
แม้นมิโปรดเข่นฆ่าก็ท่าตาย ขอไว้ลายสู้ม้วยด้วยสัตยา ฯ
๏ นฤบาลฟังสารสำนวนกล่าว หทัยผ่าวดั่งเพลิงประลัยหล้า
บริภาษโดยราชบัญชา อ้าหญิงใจกล้ากลำพร
กูเป็นปิ่นไกรกรุงผดุงเดช ใช่จะไร้อัคเรศสโมสร
อย่าพักกล่าวกลว่าให้อาวรณ์ จะเลี้ยงไว้ในนครก็หนักดิน
ทุกนิเวศน์เขตขัณฑ์บุรีเรือง ถ้ารู้เรื่องจะตำหนิติฉิน
ชอบแต่ใส่แพลอยในวาริน จึ่งจะหมดมลทินที่นินทา
พระตรัสพลางสั่งเสวกามาตย์ ก็รับราชโองการนาถา
นำนาฏกากีลีลามา ถึงท่าใส่แพแล้วลอย เอย ฯ


[๑] มีผู้จำได้อีกความหนึ่งว่า “เราทราบทางทุเรศเขตสิขร ในสาครลึกกว้างทางวิถี”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ