กลอนเพลงยาวสรรเสริญพระเกียรดิ

๏ บังคมบรมนารถนาถา
อันเปนปิ่นมงกุฎอยุทธยา บำรุงราษฎร์สาสนาให้ถาวร
ขอเฉลิมเพิ่มพูลพระเกียรติยศ ยุคลบทบพิตรอดิศร
ถวัลยราชราไชในนคร ดังทินกรแจ่มฟ้าทั่วธาตรี
ลอยสว่างกลางสวรรค์ชั้นทวีป ได้ชื่นชีพทั่วจังหวัดพึ่งรัศมี
ด้วยพระเดชเกษโลกโบกราคี ไม่หมองมัวทั่วศรีอยุทธยา
บุญฤทธิกิติยศระบือฦๅ พระไทถือทางเที่ยงไม่เดียงษา
แผ่ไปรอบขอบขัณฑเสมา พระกรุณาชุบเลี้ยงโดยเที่ยงธรรม์
สุริยวงษ์พงษ์ประยูรก็พูลยศ ให้ปรากฎพร้อมพริ้งทุกสิ่งสรรพ์
ทั้งสุรางค์นางสนมกรมกำนัล ได้รางวัลยศถาสง่างาม ฯ
๏ หนึ่งเสนาข้าหลวงทั้งปวงหมด พยุงยศเปนสง่ากล้าสนาม
ทั้งไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทุกนาม ก็มีความกรุณาทั้งธานี
มิให้ใครอุกอาจราชศักดิ์ ข่มเหงหักไพร่ฟ้าประชาหนี
พระไอยการบัญญัติสังกัดมี ไว้ตามที่พระกำหนดทศพิธ
ทั้งถานาบาเรียนที่เพียรเพิ่ม ก็แต่งเติมเสริมศักดิ์ให้อักนิฐ
นิจภัตรปัจจัยให้เป็นนิจ ทรงอุทิศศรัทธาทั้งตาปี ฯ
๏ หนึ่งนักโทษโปรดปล่อยทั้งน้อยใหญ่ ที่โทษใหม่ไภยถึงตัดเกษี
ก็งดไว้ไม่ฆ่าด้วยปราณี ไว้เพียงที่จำจองไม่ต้องตาย
แล้วโปรดสัตวจัตุบททวิบาท สั่งประกาศทั่วหมดตั้งกฎหมาย
ห้ามฆ่าเนื้อเบื่อปลาชีวาวาย ให้ลดคลายค่าน้ำนั้นต่ำลง
เฝือกกะบังขังรั้วตัวปลาเราะ ทรงสงเคราะห์ห้ามสิ้นทุกสิ่งประสงค์
ฝูงเนื้อป่าปลาชื่นได้ยืนยง ชีพคงชัณษาเพราะบารมี
ห้ามปลากัดตัดทุเรียนอาเพี่ยนไก่ พระมิให้เฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
เครื่องตัดลาภบาปหนาเปนราคี มักฆ่าตีฉกชิงแลวิ่งราว
ด้วยทรงพระกรุณาประชาราษฎร์ จึงห้ามขาดมิให้มีขึ้นมี่ฉาว
บำรุงหล้าผาสุกทุกแดนดาว ถ้าข่าวคราวราษฎร์ดีก็ปรีดา ฯ
๏ ถ้าราษฎร์ทุกข์ขุกเข็ญเปนวิบาก เกิดน้ำมากไฟไหม้ในเคหา
ทั้งเข้ายากหมากแพงฝนแล้งมา ที่ตกกล้าแห้งไปไม่สำราญ
ให้อาวรณ์ร้อนในพระไทยเทวศ ไปทั่วเขตรไพร่ฟ้าสุธาสถาน
จะอดอยากยากจนทนทรมาน ให้เกณฑ์การทดน้ำปิดทำนบ
ให้ตั้งราชพิธีพรุณสาตร ทั้งอังคาตวัดหลวงทั้งปวงจบ
นิมนต์สวดพุทธมนต์ไปจนครบ ฝนสงบน้อยไปมิใคร่มี
สู้ลำบากยากพระองค์ทรงที่นั่ง เสด็จยังพระอาวาศพิธีศรี
อุดมด้วยทวยมาตย์ราชกวี พระสังคีติกาถานานุกรม
ทรงเคารพจบพระหัดถ์อธิฐาน สมาทานศีลวัตรเป็นปฐม
พระสังฆราชถานาตั้งอารมณ์ ก็ระดมกันสวดพระพุทธมนต์
ด้วยบุญญาบารมีภินิหาร โพธิญาณแก่กล้าสถาผล
ให้ร้อนอาศน์จตุโลกบาลบน ไม่ทานทนบุญฤทธิทรงพิธี
บันดาลห่าพลาหกให้ตกฟุ้ง ลงทั่วทุ่งทุกประเทศเกษมศรี
ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินก็ยินดี ได้ทำที่ไร่นาสถาวร ฯ
๏ พระคุณสุดดังสมุทน้ำนมสวรรค์ มาเจือปันเลี้ยงโลกให้โศกถอน
ได้แช่มชื่นกลืนทิพปิโยธร ราษฎรได้พึ่งไม่ถึงกาล
ถ้าน้ำมากฟากเฝือเหลือขนาด ก็กัมปนาทพระไทยด้วยไภยสนาน
กลัวสาลีวิกลด้วยชลธาร ทรงสงสารราษฎรจะร้อนรน
ให้ตั้งกิจพิธีวารีปลาศ พระสังฆราชถานาโกลาหล
ชุมนุมนั่งตั้งสวดพระพุทธมนต์ ในมณฑลนาวาโยธาพาย
ครั้นเสร็จกิจพิธีแล้วตีน้ำ ยิงปืนซ้ำโห่ร้องคนองสาย
เสียงสนั่นครั่นครื้นคลื่นกระจาย พลพายพระสวดรวดลงมา
ด้วยบารมีภิเษกทรงเอกฉัตร ช่วยบำบัดภัยราษฎร์ยกสาสนา
ให้กัมปนาทอาจองพระคงคา ก็ลดลาลำเข้าขึ้นเพรารวง
ดังนารายน์เฟื่องฟื้นกลืนสมุท ให้เข้าผุดรุ่งเรืองทั้งเมืองหลวง
หมู่ไพร่ฟ้าหน้าขุนก็อุ่นทรวง ได้เด่นดวงปรีดาด้วยบารมี ฯ
๏ ถ้าเกิดไฟไหม้บ้านชานเรือนราษฎร์ เรือนอำมาตย์สุริยวงษ์ในกรุงศรี
ระทดในพระไทยแทนแสนทวี ก็กรูกรีพยุหะสละวัง
ขึ้นทรงพระที่นั่งบัลลังก์อาศน์ พร้อมอำมาตย์ซ้ายขวาทั้งน่าหลัง
พวกหอกแห่แลทวนล้วนกำลัง แห่สพรั่งคั่งคับไปดับเพลิง
กำลังไฟได้ลมระดมไหม้ เสด็จไปลมสงัดไม่พัดเถลิง
ไฟก็เหือดเผือดแสงไม่แรงเริง ก็สบเชิงคว้าขอตะกร้อน้ำ
เข้าฉุดชักตักสาดอยู่ฉาดฉ่า โยทกาแย่งยุบอุประถัมภ์
พระเพลิงร้ายพระพายรื้อกระพือทำ ก็แพ้อำนาจองค์พระทรงบุญ
ดังฝนฟ้าห่าแก้วแผ้วระงับ มาเด็ดดับเพลิงร้ายให้หายหุน
เห็นถนัดอัศจรรย์อนันตคุณ พระการุญรักษ์ราษฎร์บำบัดไภย ฯ
๏ ถึงฤดูพวกหมู่สมพัตสร เก็บอากรขุ่นข้องไม่ผ่องใส
ทั้งค่านาค่าน้ำเหลือล้ำไป โปรดมิให้พลเมืองเคืองรำคาญ
ให้นายระวางทั้งหมดสบถสิ้น มิให้กินเนื้อราษฎร์ทำอาจหาญ
ให้เก็บแต่พองามตามบุราณ พระโปรดปรานทั่วเขตรประเทศคาม
หนึ่งขุนหมื่นทั้งหลายทั้งนายไพร่ ไม่เคยได้ตราภูมิที่คุ้มห้าม
ก็โปรดให้ได้ตราสง่างาม เที่ยวค้าขายได้ตามสบายใจ ฯ
๏ พระไทยใส่รอบคอบทั่วขอบเขตร ทอดพระเนตรเมืองหมองไม่ผ่องใส
อุประถัมภ์บำรุงซึ่งกรุงไกร ชำรุดไหนใส่สอบประกอบแปลง
ประตูยอดถอดไว้ทำใหม่ตั้ง ล้วนขึงขังแน่นครบจบตำแหน่ง
ที่สูงปราบฉาบป้อมซ่อมกำแพง ทั้งตกแต่งใบบานทวารตรึง
ที่ไหนบางทางศึกจะฮึกหัก ก็คิดดักทางทำให้ขำขึง
ล้วนหนาแน่นแผ่นปึกดูลึกซึ้ง ให้ทั่วถึงทนปืนแต่พื้นงาม
ข้างฝ่ายนอกพระนิเวศน์ประเทศลัด ให้ถางตัดทางไปในสนาม
สำหรับเมืองเคืองเข็ญเปนสงคราม จะได้ตามต้านตัดสกัดตี
ที่ปากน้ำท่ามกลางที่สร้างป้อม เป็นอ่าวอ้อมกว้างขวางทางศึกหนี
ยิงปืนไปไม่ถึงซึ่งไพรี ให้ถมที่ออกมาข้างท่ายิง
เปนสง่าข้าศึกไม่ฮึกหาญ กลัวสท้านทุกกรุงไม่สุงสิง
ดังรามสูรต้องสาปไม่ฉาบชิง นารายน์ยิงศรตัดสกัดแดน
ทางปากลัดจัดถนนตะพานช้าง ทั้งสองข้างปากน้ำมาตามแผน
ถนนกว้างทางทัพไม่คับแค้น ถึงหมื่นแสนเดินได้ไปจากกรุง ฯ
๏ แล้วขุดทางบางบอนที่ดอนตื้น ตลอดรื่นตามแนวทางแถวทุ่ง
ทั้งลึกกว้างทางใหญ่ไปหลายคุ้ง ตลอดวุ้งเวิ้งท่ามหาไชย
ที่ปากน้ำทำป้อมพร้อมเครื่องรบ ทั่วพิภพไปมาได้อาไศรย
ทั้งเรือแพฝางเสาค่อยเบาใจ ถวายไชยอวยผลมงคลพร
ฝ่ายประจิมภาราทวาเรศ ไปประเทศทางเรือเหลือถ่อถอน
ล้วนตมตื้นขึ้นเฝือติดเรือจร ต้องจ้างออนฉุดลากยังยากเย็น
หวังประโยชน์โปรดราษฎร์ที่ขัดข้อง ให้ขุดคลองลัดล่ามทางสามเสน
ออกปากน้ำโยทกาเสนาเกณฑ์ พวกจีนเจนขุดขนไปจนลุ
พอแล้วคลองนองลั่นอรรณพ ฦๅตลบทั่วเมืองกระเดื่องปรุ
ทั้งมนุษย์เทวาก็สาธุ ออกระบุพระนามตามกันมา
พวกชาวเรือเหนือใต้ดีใจสิ้น ไปทั่วถิ่นทุกทิศคิดหรรษา
เคยติดทางบางพลีก็ปรีดา มาเดินท่าคลองประทานสำราญใจ
ทั้งวันคืนขึ้นล่องไม่ต้องลาก ก็ออกปากสาธุการสท้านไหว
ถวายกรพรผลมงคลไชย เสียงครุ่นไปค่ำเช้าทุกคราวเรือ ฯ
๏ ด้วยพระทรงปรีชาอานุภาพ ดำริทราบเหตุผลนั้นล้นเหลือ
ทั้งดับไภยได้ผลกุศลเจือ ทั้งศึกเสือก็ระอาพระบารมี
ข้างฝ่ายในพระนิเวศน์เขตรสถาน ก็เสร็จการบำรุงซึ่งกรุงศรี
ล้วนยักอย่างสร้างใหม่สดใสดี ไปทั่วที่ใหญ่น้อยนับร้อยพัน
พวกช่างจีนสินจ้างรางวัลเพิ่ม ช่างไทยเติมเบี้ยหวัดล้วนจัดสรร
บ้างเลื่อนที่มีนามขึ้นตามกัน ทั้งช่างปั้นเขียนถากสลักกลึง
พิศดูเมืองเรืองปลั่งไปทั้งนั้น สารพันไม่มีที่เทียมถึง
จะแลเก๋งเล็งตึกล้วนลึกซึ้ง น่าตลึงลานใจวิไลยตา
ตำหนักในซ้ายขวามหาปราสาท พระโรงราชอาศน์แก้วแววเวหา
ล้วนใหม่ใหม่ใสสดรจนา ดูฉ้อฟ้าก่ายกันเปนหลั่นลด
ทั้งโรงแสงแขวงคลังสิ้นทั้งแถว ตลอดแนวนอกในล้วนใสสด
จะแลผ่านด้านไหนไม่ระทด ล้วนหมดจดสร้างใหม่ไปทั่วเมือง
แลดูน่าผาสุกสนุกสนาน ระโหฐานจริงจริงทุกสิ่งเครื่อง
ยิ่งแลยิ่งละลานสำราญเรือง ดังหนึ่งเมืองอินทรามานิมิตร
น่าลดเลี้ยวเที่ยวเล่นเห็นต่าง ๆ ล้วนยักอย่างยิ่งยงทรงประดิษฐ
ผู้ใดใครได้เห็นเขม้นพิศ ให้ต้องติดตาชมนิยมยล
พระวงษ์วังทั้งหลายมาถ่ายอย่าง เลียนไปสร้างตั้งแต่งทุกแห่งหน
ทั้งขุนนางสร้างเลียนเจียนทุกคน ทั่วตำบลน่าหลังสิ้นทั้งปวง
ออกอัดแอแซ่เซงทั้งเก๋งตึก อึกกะทึกรอบทั้งพระวังหลวง
ดังดาวรอบขอบคันพระจันทร์ดวง ขึ้นโชติช่วงอยู่ในชั้นพิมานรถ
เปนปิ่นปักนัคเรศทั่วเขตรทวีป มาสรวมชีพใต้บาทขยาดหมด
ใครคิดร้ายตายเองเกรงพระยศ สยองสยดพระเดชทั่วเขตรคัน ฯ
๏ ด้วยทรงมั่นขันตีภินิหาร บำเพ็ญทานอาจินต์ทรงศีลขันธ์
ให้ผลในทีฐประจุบัน สารพันไพบูลย์มาปูนปอง
ประชาชนพลเมืองไม่เคืองเข็ญ จำเริญเปนศุขทั่วไม่มัวหมอง
ทั้งหญิงชายหลายสกูลออกมูลมอง อยู่ทั่วท้องตำบลพ้นประมาณ
ทั้งสิบสองภาษามาอาไศรย ก็เพลินใจผาสุกสนุกสนาน
จะไปมาค้าขายไม่กันดาร บำราศพาลการศึกไม่นึกระวัง
เรือไหหลำสำเภาเหล่ากำปั่น สมอทอดจอดเปนหลั่นจีนฝรั่ง
แต่งบรรณามาถวายไม่วายครั้ง สิ่งของคั่งกันเข้าก็เยาว์ลง
แพรผ้าลายขายถูกไปทุกสิ่ง พวกชายหญิงนิยมสมประสงค์
นุ่งลายอย่างกางเพลาะเที่ยวเหยาะยง จนนุ่งลงทำงานการนิคม
ด้วยบารมีภิเศกสมโพธิ ระงับโทษไภยสิ้นมลทินถม
ทั้งปากใต้ฝ่ายเหนือเหลืออุดม เป็นบรมศุขทุกเพลา ฯ
๏ ยิ่งพูลเพิ่มก็ยิ่งเติมพระกุศล บำเพ็ญผลมิได้ขาดในสาสนา
ไม่เสื่อมสูญพูลพระราชศรัทธา ดังมหาเวสสันดรไม่ร้อนรน
โรงทานให้ไม่ขาดพระราชทรัพย์ ออกจ่ายจับเจือจานหว่านกุศล
ทั้งหวานคาวเช้าเย็นไม่เว้นคน ออกสับสนแซ่ซ้องมากองกิน
วิเศษผลัดจัดของสำรองเลี้ยง ออกเรียบเรียงรายอยู่ไม่รู้สิ้น
ไม่เลือกหน้าว่าใครให้อาจินต์ มาก่อนกินแล้วไปพวกใหม่มา
ออกจอแจแซ่เสียงเลี้ยงกันวุ่น ชุลมุนไม่วายทั้งซ้ายขวา
พวกผ่ายผอมพิกลคนชรา ชวนกันมาคั่งคับเข้ารับประทาน
พระสงฆ์เณรเถรลาวพอเช้าถึง ออกอัดอึงเบียดบาตรอยู่ฉาดฉาน
เข้ายืนรอบขอบขันมิทันนาน ก็เปนการเข้าแกงพอแรงครอง
ที่ลางองค์ตรงเข้าไปนั่งที่ นายบาญชีถามวัดให้จัดของ
นักงานคนปรนนิบัติจัดสำรอง แล้วประคองสำรับจับประเคน
ล้วนของดีมีรศอันสดสวย สำราญรวยเหลือพระมหาเถร
ทั้งศิษย์น้อยพลอยซ้ำกับสามเณร ทั้งเช้าเพลอิ่มใจไปทุกองค์
ฉันเช้าแล้วให้ธรรมกะถึกเทศน์ เปนประเภทมิได้ขาดธรรมาศน์สงฆ์
ข้างในข้างน่ามาฟังนั่งเปนวง ล้วนบรรจงเครื่องมาบูชาธรรม
ถวายจตุปัจจัยมิได้ขาด ทั้งกัณฑ์ราษฎร์ธารณะอุประถัมภ์
ที่ใจกระด้างฟังเทศน์สังเกตจำ ก็ค่อยน้ำใจดีมีศรัทธา
ละของรักหักจิตรปลิดจำหน่าย ออกถวายพระธรรมเทศนา
ด้วยพระเดชพระคุณการุณา โปรดประชาให้สู่ชั้นพิมานทอง
ครั้นถึงวันอัฐบัณณรสี พูลทวีบริจาคฉลากของ
เครื่องบูชากากะโถนมีดโกนซอง ธูปเทียนรองเท้าพัดยานัดชาม
จิบเจี๋ยวทั้งอั้งโล่เสื่อโอหมอน สบงจีวรไม้ท้าวกะเป๋าย่าม
เครื่องชาร์มโคมขวดน้ำมันตาม ยาแก้ไข้ไอจามทำประทาน
ถวายพระสงฆ์องค์อันดับจับฉลาก ประมาณมากหลายวัดจัดของขนาน
เปนเวรเวียนเปลี่ยนอาวาศอังคาตกาล ฉลากทานถวายไปได้ทุกองค์
แล้วยะถาวารีสัพพีผล เปนมงคลพระนครด้วยพรสงฆ์
จำเริญฤทธิอิศโรภิญโญยง ก็ยิ่งทรงพระศรัทธานั้นถาวร
อันโรงทานปานต้นกัลปพฤกษ์ ได้สมนึกคนโซสโมสร
หมู่ยาจกตกยากวิบากจร ได้ดับร้อนรื่นรวยด้วยโรงทาน
ทวีปอื่นหมื่นเมืองไม่เฟื่องฟุ้ง ว่าเจ้ากรุงไหนกล้าศรัทธาหาญ
ห่อนสามารถอาจสร้างโรงทานนาน ไม่ปูนปานเหมือนพระราชศรัทธา
ทั้งสัตว์จตุบททวิบาท พระราชทานทั่วกันด้วยหรรษา
นักงานเช้าเอาเข้าให้ทานกา วันหนึ่งกว่าสามหาบมาฉาบกิน
เอาเข้ากองไว้ที่ช่องเชิงเทินป้อม กาเข้าล้อมเลี้ยงชีวิตรเปนนิจสิน
เข้าเหลือหกตกบ่าลงมาดิน แพะแกะกินชื่นบานสำราญใจ
เสียงกาก้องแพะร้องประสานเสียง ส่งสำเนียงดังจะร้องสนองไข
โมทนาพระกุศลมงคลไชย ประสาใจได้กินก็ยินดี ฯ
๏ ที่โรงหล่อต่อแต่งพระพุทธรูป ที่เสร้าซูบมัวหมองไม่ผ่องศรี
พระบุราณบ้านเก่าคราวกลี ตกอยู่ที่เมืองร้างวัดดั้งเดิม
ถูกแดดลมจมน้ำล้วนชำรุด ไปขนขุดมาบุรณะเฉลิมเสริม
ที่ด่างพร้อยร่อยหรอก็ต่อเติม พระภักตร์เจิมจุนพระศอต่อพระกร
พระนาภีพระนลาฎพระบาทหัดถ์ ที่วิบัติมาบุรณะปฏิสังขรณ์
พระประธานพระไสยาศน์ลีลาศจร ออกซับซ้อนน้อยใหญ่อยู่ในโรง
ล้วนสูงศักดิ์น่าตักนับวาหลวง ขึ้นเด่นดวงพระภักตร์ชักโอ่โถง
ที่องค์ยืนสูงใหญ่ต้องใส่ชะโลง เอาเชือกโยงไม้ยันขึ้นปั้นเจิม
เตรียมหล่อหลอมพร้อมพรั่งพวกช่างเสร็จ ก็เสด็จมายังที่นั่งเฉลิม
พร้อมอำมาตย์ราชวงษ์มาคงเติม ก็เร่งเริ่มกูณฑ์กองหลอมทองพร้อม
เสด็จทรงหยิบสุวรรณหิรัญนาก ใส่ในปากเบ้าเปลวที่เหลวหลอม
แล้วทรงคีบหนีบคีมเข้ารัดรอม เทถนอมทองรินประคิ่นกาญจน์
สู้ทนเพลิงเริงแสงที่แรงร้อน ไม่ย่อหย่อนพระศรัทธานั้นกล้าหาญ
แล้ววงษาข้าหลวงกระทรวงงาน ก็อลหม่านเทเติมเพิ่มทวี
ด้วยศรัทธาภินิหารไม่ฉานช้ำ ชนวนน้ำทองทั่วไม่มัวสี
พอเย็นทำสำเร็จก็เสร็จดี มิได้มีร้าวรั่วทั่วพระองค์
แล้วตะไบไสขัดจำรัสรูป ให้เลี่ยนลูบเกลี้ยงเกลาเพรารหง
แล้วแห่ไปใส่โบสถ์ที่โสรดทรง ในวัดวงแว่นแคว้นแดนนคร
องค์เก่าไปใหม่เพิ่มมาเติมตั้ง ปฏิสังขรณะสโมสร
องค์นี้แล้วองค์นั้นนิรันดร ไม่หยุดหย่อนพระศรัทธาพยายาม ฯ
๏ ที่ทิมกรมวังเปนคลังกุศล บำเพ็ญผลมิได้ขาดกระจาดหาม
ถวายพระปาติโมกข์สวดรวดอาราม ธูปเทียนย่ามรองเท้าตามคราวมี
บางทีสบงเสื่อลางเมื่อร่ม ตามนุกรมทุกวันบัณณรสี
ทรงถวายอัตราทั้งตาปี กระจาดมีของงามตามฤดู
ประกอบด้วยกล้วยขนมส้มเข้าสาร เครื่องคาวหวานเปรี้ยวเค็มล้วนเต็มอยู่
เณรศิษย์วัดอัตนังมาพรั่งพรู เปนหมู่หมู่รับกระจาดอยู่กลาดทิม
อลวนขนกระจาดไม่หวาดไหว บ้างแบ่งให้ทานคนที่จนหงิม
พวกขันปืน[๑]ยืนสอมาขอชิม ทั้งพวกริมเหล่านั้นขอทานกิน
ที่ขนไปไม่ไหวก็ให้มั่ง ที่มีกำลังแบกขนไปจนสิ้น
พระสงฆ์ฉันชื่นชมนิยมยิน เล่าเรียนภิญโญกล้าด้วยบารมี ฯ
๏ ที่โรงนางกรินีศรีเสวตร เปนบริเฉทเข้าบาตรสอาดศรี
มิได้ขาดอัตราทั้งตาปี ใส่ลงทีหนึ่งอิ่มพระกริ่มใจ
ทั้งกับด้วยกล้วยส้มขนมห่อ เวลาพอรุ่งพระมาไสว
ออกเรียงรายหลายวัดมาอัดไป เข้าขันใหญ่รับหยุดจนสุดองค์ ฯ
๏ บัณณรัสอัฐมีนิมนต์ฉัน เปนนิรันตระเลี้ยงพระสงฆ์
ทั้งพระโรงแลปราสาทไม่ขาดคง แต่ล้วนองค์ถานาราชาคณะ
บาเรียนขรัวทั่วทั้งอันดับฉัน ไม่เว้นวันอัฐบัณณรสะ
เปนเวรเวียนเปลี่ยนกันนิรันตระ ตามคณะอาวุโสเอกโทตรี
ถวายเครื่องสุทธากระยาหาร ทั้งคาวหวานอุชารศอันสดศรี
วันละร้อยถอยบ้างลางทีทวี ยามดิถีสารทสุดตรุษสงกรานต์
นักขัตฤกษ์สูรย์จันทร์วันวัสสา นิมนต์มาเกลื่อนกลาดพระราชฐาน
ทวีคูณพูนเพศตามเทศกาล กระยาหารเนยนมระดมทวี
ทั้งยาคูข้าวแช่แลปายาส กระยาสารทข้าวทิพเกษมศรี
ทั้งเครื่องเทียบเรียบเรียงผะเดียงดี พูลทวีเภสัชแลอัฐบาน
มีเทศนาตาปีมิได้ขาด มหาชาติธรรมวัตรจำรัสสาร
จนจบในพระไตรปิฎกกาล ไทยทานเครื่องกัณฑ์อนันตัง
ของต่างต่างอย่างดีล้วนวิเศษ พระนักเทศน์ใครดีมีหลายชั่ง
ก็ยิ่งเรียนเพียรจัดวัฒนัง ด้วยกำลังศรัทธาพระบารมี ฯ
๏ พระที่นั่งเฉลิมหล้ามหาปราสาท ก็พระราชศรัทธาเป็นราษี
ตั้งนักปราชญ์พวกราชบัณฑิตย์ดี บอกบาฬีสุริยวงษ์พระสงฆ์เณร
พระราชทานเงินเดือนบ้างเลื่อนยศ ด้วยสอนรศธรรมามหาเถร
กระยาหารหวานคาวทั้งเช้าเพล ถวายเณรพระสงฆ์ที่องค์เรียน
ทั้งเภสัชอัฐบานสำราญรื่น ให้แช่มชื่นชูจิตรพินิจเสถียร
วันละสามสิบเศษในเพศเพียร เข้ามาเรียนอัตถแปลแส้สำเนียง
บ้างเรียนมูลเรียนคัมภีร์อยู่มี่ฉาว ตั้งแต่เช้าจนบ่ายไม่วายเสียง
ที่แม่นยำจำได้ออกไล่เลียง แล้วชุบเลี้ยงเปนมหาแลบาเรียน
ถวายปัจจัยไตรปีมิได้ขาด ที่เณรราชบัณฑิตย์พินิจเสถียร
ให้บิณฑบาตในพระราชวังเวียน บำรุงเพียรปัญญาวิชาธรรม
ที่เรียนน้อยพลอยเพียรเล่าเรียนกล้า ด้วยพระศรัทธาเลี้ยงชุบอุปถัมภ์
เพราะพระราชกุศลเปนต้นนำ พระสัทธรรมจึงฟุ้งอยู่รุ่งเรือง ฯ
๏ ที่ทรงบาตรมิได้ขาดอังคาตพระ ราชาคณะแลอันดับสลับเหลือง
เปนเวรเวียนเปลี่ยนวัดจังหวัดเมือง อเนกเนืองบิณฑบาตไม่ขาดวัน
ทั้งเข้ากับสรรพสรรพันรศ ล้วนสวยสดมีครบเครื่องขบฉัน
แต่ละองค์ทรงใส่ลงให้ครัน จนพูนขันเข้าขาวพอเช้าเพล
วันละร้อยไม่ถอยพระกุศล ไม่ประดลเลือกหน้ามหาเถร
เสมอกันขันหนึ่งถึงสามเณร จนสิ้นเกณฑ์บิณฑบาตทรงอัตรา
ไม่เว้นวันจนชั้นประชวรพระยอด ก็ไม่ทอดเข้าบาตรที่ปราถนา
สู้ดำรงทรงทนเวทนา เช้าอุส่าห์มิให้ขาดทรงบาตรทาน ฯ
๏ ที่ห้องคลังศุภรัตไม่ขัดสน บำเพ็ญผลภิญโญระโหฐาน
เตรียมผ้าไตรมิได้ขาดในราชการ บริขารนานาสถาพร
เตรียมสำรองกองบุญไปครุ่นครบ ถึงงานศพสุริยวงษ์อดิศร
ทั้งผ้าตราผ้าพับสดับปกรณ์ เครื่องศพท่อนจันทน์ทองฉลององค์
กลองชนะพระสวดฉันน่าศพ ทั้งเครื่องอบหอมหวานประทานส่ง
ทั่วทุกศพครบครันจนวันปลง ไตรสบงไม่น้อยสักร้อยไตร
ที่กรมใหญ่ไตรดีทวีเพิ่ม พูลเฉลิมตามยศล้วนสดใส
ทั้งบริขารสังเคตพร้อมเสร็จไป หนังดอกไม้เครื่องเล่นเกณฑ์ประทาน
ทั้งพระเมรุเกณฑ์แห่แลแตรสังข์ สมกำลังยศศักดิ์อรรคฐาน
ทั้งศพในฝ่ายน่าพระอธิการ ก็ประทานตามยศล้วนงดงาม
ทั้งผ้าตราผ้าพับนับไม่ถ้วน ทั้งจำนวนผ้าไตรนั้นหลายหาม
ทั้งไตรปีที่ถานาทุกอาราม ทั้งไตรงามพระกฐินสิ้นทุกปี
ยังเครื่องบริขารทานกฐิน ทอดทั่วสิ้นวัดใหญ่ในกรุงศรี
ทั้งไตรเทศน์ไตรฉันพันทวี ทั้งไตรที่เพลิงไหม้ในอาราม
ที่พระสงฆ์องค์ไหนไตรครองหาย ก็ถวายทั่วสิ้นถิ่นสนาม
ไตรพระช่างตั้งเพียรปั้นเขียนงาม สร้างอารามมาช่วยรวยทุกองค์
ทั้งไตรแพรแลผ้าศรัทธาถวาย ให้เพริศพรายในเกณฑ์เณรพระสงฆ์
ตลกบาตรย่ามโอภิญโญยง ได้ทั่วองค์ที่มาสถาวร
พวกผ้าไตรในคลังตั้งแต่เพิ่ม พร่องแล้วเติมแต่งต่อไม่ท้อถอน
ดังมหาวารีสีทันดร ไม่หยุดหย่อนไหลมาทั้งตาปี ฯ
๏ จะตวงตักสักเท่าไรก็ไม่พร่อง เกิดด้วยกองบุญญาพระราษี
ก็ยิ่งเพิ่มเติมผลกุศลทวี สร้างกุฎีอารามอร่ามเรือง
ที่ชำรุดทรุดพังปฏิสังขรณ์ ให้ถาวรแจ่มจัดจำรัสเหลือง
ตั้งแต่เดิมเริ่มการได้ผ่านเมือง ก็เปลี่ยนเครื่องพุทธบาทพระสาศดา
มณฑปสบไสมยทั้งใหญ่น้อย ที่เศร้าสร้อยแซมใหม่ให้แน่นหนา
เสาเพดานบานผนังทั้งหลังคา ยอดฉ้อฟ้าฝาซุ้มหุ้มทองแดง
แล้วด้วยเหล็กชันดีบุกขมุกรัก ปั้นสลักลายลวดรวดตำแหน่ง
แล้วปิดทองล่องชาดกระจกแซง กระจ่างแสงจับสีระวีวรรณ
กดึงรายชายคาระย้าย้อย โพธิ์ทองห้อยคอยลมระดมผัน
เสียงเสนาะเพราะขานประสานกัน ทั้งคืนวันบันเลงดังเพลงตี
ที่บัวหงายปลายเสาก็เพราพริ้ง ผนังกิ่งก้านแย่งเปนแสงสี
พื้นเงินเก่าเบาบางก็สร้างทวี แล่นบัดตรีผลัดเปลี่ยนให้เลี่ยนงาม
พระมณฑปน้อยในก็ใหม่อ่อง แล้วด้วยทองแกมแก้วแววอร่าม
ล้วนลวดลายพายพราวดูวาววาม แต่ฐานงามถึงยอดตลอดปลี
ที่บัวทองรองรอบขอบพระบาท ก็โอภาษแจ่มจรัสด้วยรัศมี
ดูสวยสดด้วยสุวรรณหิรัญมณี ล้วนผ่องศรีใสสดรจนา
ดูปูนปานดังพิมานอมเรศ อยู่ในเขตรแดนดาวดึงษา
ขึ้นลอยปลั่งตั้งประทับบนบรรพตา ดูโอฬาร์เลิศพร้อมด้วยซ่อมแปลง
พระเจดีย์วิหารที่ฉานฉ่ำ ก็แต่งบำรุงจัดจำรัสแสง
ศาลาบ่อหอระฆังทั้งกำแพง ที่ร้าวแล่งแต่งใหม่ให้ไพบูลย์
แล้วมอบเวรเกณฑ์คนให้ปรนนิบัติ เปนเลขวัดพุทธบาทไม่ขาดสูญ
ประขาวนายไพร่บ่าวเป็นเค้ามูล ให้เพิ่มพูลปรนนิบัติอยู่อัตรา
แล้วทรงเปลื้องเครื่องต้นวิมลมาศ อันโอภาษสูงศักดิ์นั้นหนักหนา
ออกบูชาพุทธบาทพระสาศดา เพิ่มมหาบารมีด้วยปรีดิ์เปรม
ไว้ทั้งสามสำรับสำหรับเปลี่ยน ถวายเวียนตามเทศกาลเกษม
เครื่องลูบไล้ไพโรจน์อันโอชเอม ทั้งหงษ์เหมฉัตรธงอลงกรณ์
ทั้งเครื่องทองรองเรืองทั้งเครื่องแก้ว ประทีปแถวโคมยามตามสลอน
ทั้งธูปเทียนมาลาสถาพร ไตรจีวรเทียนวะษาน่าฤดู
บริขารถมปัดจัดถวาย เครื่องฉัตรฉายสูงศักดิ์มีอักขู
แล้วแผ้วถางทางเดินตัดเนินคู ถึงฤดูสัปรุษอยุทธยา
ชวนกันไปสักการสำราญชื่น หนทางรื่นสบายทั้งซ้ายขวา
ตลอดถึงพุทธบาทพระสาศดา ได้ทัศนามณฑปมีครบครัน
ก็โมทนาสาธุพระกุศล อวยพรผลมาให้ในไอสวรรย์
เสียงอื้อฉาวคราวปีเปนนิรันตร์ ทั้งฉ้อชั้นเทวาสาธุการ ฯ
๏ ครั้นเสร็จสรรพจับสร้างพระอาวาศ ทั่วพระราชนิเวศน์เขตรสถาน
ที่เศร้าหมองทองมัวแลรั่วราน โบสถ์เจดีย์วิหารแลการปเรียญ
ทั้งกุฎีที่ฐานตะพานเขื่อน ที่หลุดเลื่อนสร้างใหม่ให้เสถียร
ทั้งพระปรางพระระเบียงเฉวียงเวียน ที่หักเหี้ยนเปลี่ยนใหม่ไปใส่เติม
ทั้งหอไตรหอระฆังทั้งโรงกรัก ที่ปรักหักพังก็สร้างเสริม
ที่ขาดค้างสร้างเก่าแต่เค้าเดิม ก็สร้างเพิ่มลงใหม่ให้ไพบูลย์
ทั้งศาลาน่าหลังก็สร้างแซก ทำแปลงแปลกปลูกใหม่มิให้สูญ
ที่ลานลุ่มภูมิวัดก็จัดพูล ที่เนินนูนเกลี่ยปราบให้ราบเรียง
คลองถนนหนทางที่ขวางวัด ก็ถมตัดลัดหลีกฉีกเฉลียง
กุฎีไหนไกลน้ำขัดลำเลียง ขุดคูเคียงเข้าไปได้วารี
ได้ตักหาบอาบสงฆ์ลงเรือง่าย แต่งถวายปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ทั้งสระบ่อท่อน้ำนำทวี แต่งภูมิที่โอ่โถงทั้งโรงควง
ไม่เลือกว่าวัดไหนให้ก่อสร้าง เห็นโรยร้างแล้วก็จัดเปนวัดหลวง
เที่ยวซ่อมแปลงแต่งตั้งสิ้นทั้งปวง ร่ำแต่ตวงทรัพย์สร้างไม่ว่างวัน ฯ
๏ ให้นายช่างร่างแผนที่ถวาย ไม่แยบคายเขินขัดให้จัดสรร
ทรงประดิษฐคิดสร้างละอย่างกัน ล้วนเหมาะมั่นอิฐไม้มิใคร่เปลือง
ใบระกาหน้าบรรพ์สุวรรณปิด ไม่ทนฤทธิ์ฝนรดก็ปลดเปลื้อง
กระจกเจียนเปลี่ยนผลัดจำรัสเรือง ทั้งขาวเหลืองเขียวแดงแลแสงคราม
ที่สีเหลืองเรืองรองเหมือนทองสุก แลเลื่อมลุกล้ำทองผ่องอร่าม
จับแสงแดดแผดเอาเป็นเงางาม ดูสุกวามวาบวับเข้าจับตา
ทั้งขาวแดงแสงระยับสลับสี รัศมีโรจรุ่งพุ่งเวหา
น้ำค้างลมถมทับไม่อัปรา ทั้งฝนฟ้าตกต้องไม่หมองมัว
ทั้งงามทนล้นเหลือดังเนื้อแก้ว ดูผ่องแผ้วท่วงทีไม่มีชั่ว
ซุ้มคูหาน่าบรรพ์ชั้นฐานบัว ตลอดทั่วทุกวัดที่ดัดแปลง
ช่างสลักถากกลึงแลปั้นเขียน ก็พากเพียรทำถวายไม่หน่ายแหนง
ให้เบี้ยหวัดจัดสรรรางวัลแรง ทั่วตำแหน่งเบิกเผยที่เคยการ
พวกรายงานการตรวจก็กวดเก่ง เที่ยวเร้าเร่งทั่ววัดที่จัดสมาน
ไล่กำหนดจดหมายไว้รายงาน เข้ามาอ่านทูลถวายไม่วายวัน
ทูลเรื่องอื่นมิได้ชื่นเหมือนเรื่องวัด เวียนแต่ตรัสถามไต่ให้ใฝ่ฝัน
ถึงวัดนั้นวัดนี้เป็นนิรันตร์ ถึงเรื่องปั้นเขียนถากสลักกลึง
วัดโน้นแล้ววัดนี้ยังรับสั่งเร่ง เตือนตำเบงทำไปให้ขำขึง
พวกนายด้านนายงานเร่งการตะบึง ให้ทั่วถึงถ้วนวัดจังหวัดราย
โบสถ์วิหารการปเรียญก็เขียนวาด เพดานดาดชาดทองอันผ่องฉาย
โบสถ์ผนังอย่างเก่าเสาทำลาย บุบสลายมัวมอมก็ซ่อมแปลง
เครื่องเขียนหลวงตวงเติมเพิ่มจำหน่าย น้ำกระสายกาวนวนกวนเป็นแสง
ช่างประสมกลมเกลียวทั้งเขียวแดง ละลายแบ่งเขียนวาดสอาดดี
ล้วนหมดจดสดใสไปทั่วแห่ง ทั้งพลิกแพลงภาพหาญประสานสี
ดูไม้เขาเหล่าสัตว์พื้นปัถพี ทั้งท่วงทีเส้นสายแลลายทอง
ล้วนประเสริฐเพริศพริ้งทุกสิ่งเสร็จ งามสำเร็จทั่วที่ไม่มีหมอง
วัดละอย่างต่างกันเปนชั้นรอง ตามทำนองเรื่องลายหลายกระทรวง
ที่ลางโบสถ์โปรดระบายเปนลายแย่ง วัดลางแห่งเขียนลายเปนไม้ร่วง
บ้างเขียนเปนลายชั้วเข้าพัวพวง ลายฮ่อหน่วงเหนี่ยวรัดเครื่องศัสตรา
บ้างเขียนเรื่องเบื้องบททศชาติ เรื่องนิบาตน้อยใหญ่ในคาถา
เรื่องปฐมสมโพธิรจนา เรื่องเทวาขับรำประจำงาน
บ้างเขียนเรื่องปิดตาหารักเร้น บ้างเขียนเปนเรื่องโลกสัณฐาน
ทั้งเรื่องเทพชุมนุมประชุมการ เรื่องสะสนานบ้างจัดเรื่องอัฐธุฎงค์
ครั้นแล้วช่างข้างคหัฐเบี้ยหวัดให้ พระเณรได้ไตรย่ามงามระหง
เขียนถวายหลายวัดจัดบรรจง ได้ทั่วองค์พระเถรจนเจนการ ฯ
๏ วัดทั้งหลายคล้ายกันเป็นอันมาก ไม่หนีจากอย่างเก่าเปนเอาวสาน
แต่วัดเครือวัลใหม่อำไพพาน หนีบุราณแปลกเพื่อนไม่เหมือนใคร
เขียนชาดกยกเรื่องโพธิสัตว์ ทอดประทัดตีตารางสว่างไสว
เปนห้องห้องช่องละชาติออกดาษไป นับชาติได้ห้าร้อยสิบชาติตรา
ด้วยทรงพระศรัทธาเมตตาช่าง ให้สินจ้างช่องละบาทดังปราถนา
ด้วยบุญญาอานิสงษ์ทรงศรัทธา ไม่ต้องหาช่างเขียนเวียนมาเอง
เอาเงินฬ่อพอใจไม่เจ็บหลัง อุส่าห์นั่งพิเคราะห์ให้เหมาะเหมง
ที่เที่ยวหามาพบก็สบเพลง อลเวงชิงกันประชันมือ
ทั้งลายปั้นบรรจงก็ทรงจ้าง งามสำอางพร้อมมูลชั้นปูนถือ
ล้วนเกลี้ยงเกลาเพราตาพากันฦๅ ออกระบือพระนามถามขจร
เหมือนครั้งคราวท้าวไทอไภยทศ อันปรากฎบุญฤทธิ์อดิศร
สร้างพระนาคเจดีย์ศรีนคร ราษฎรช่วยบ้างก็รางวัล
อันทรงสร้างครั้งนี้เปนที่ล้น พระกุศลพ้นที่จะเศกสรร
อุโบสถรจนาสารพัน ทั้งซุ้มบรรพ์คูหาจารณำ
พระประธานฐานองค์ก็ทรงซ่อม ที่มัวมอมกลับงามอร่ามขำ
ทั้งน้อยใหญ่ใสผ่องด้วยทองคำ ล้วนเก้าน้ำเนื้อกษัตริย์จำรัสเรือง
แล้วหุ้มห่มภูษาล้วนผ้าสี รัศมีจับพระภักตร์จำหลักเหลือง
เสวตรฉัตรกั้นบังมลังเมลือง แล้วด้วยเครื่องตาดโหมดดูโลดลอย
ที่ลางวัดฉัตรแดงแลแสงขาว แขวนติดดาวเพดานตระหง่านห้อย
ระย้าแก้วแววฉายดูพรายพรอย ทั้งใหญ่น้อยห้อยแขวนล้วนแสนงาม
ขึ้นลอยเด่นเป็นระนาวติดดาวดาษ จับแสงชาดฉลุทองผ่องอร่าม
ดูวับแวมแจ่มวาวเปนเงางาม ห้องละสามสายห้อยดูพรอยพราย
กระจกซุ้มรุมเรียงขึ้นเคียงตั้ง อยู่เหนือหลังทวารบัญชรฉาย
ช่องละสามตามชั้นอันดับราย มีลวดลายกรอบซุ้มล้วนหุ้มทอง
สว่างเงาเข้าจับระย้าแก้ว ดูเพริศแพร้วเพราทั่วไม่มัวหมอง
มีม่านกว้างกางกั้นกันละออง ทั้งอาศน์รองขวดตั้งทั้งราวเทียน
กระถางธูปรูปงามตามทุกโบสถ์ ที่วัดโปรดก็วิจิตรพินิจเสถียร
ล้วนเครื่องทองของแก้วแวววิเชียร การปเรียญแลวิหารตระการตา
ทั้งเลขวัดจัดจ่ายถวายขาด ทั่วอาวาศมากมายทั้งซ้ายขวา
แล้วรื้อเก๋งอย่างดีมีราคา ขนออกมาจากวังที่ข้างใน
เที่ยวปลูกฝังสร้างถวายรายอาวาศ แล้วด้วยชาดแลทองอันผ่องใส
แล้วให้เทศนาอัตราไป สำหรับในวัดนั้นสามวันยก
เครื่องบูชาผ้าขาวรองเท้าร่ม ตามนุกรมทำนองไม่พร่องบก
ทั้งเครื่องราษฎร์ศรัทธามาสาธก มิให้ตกหล่นได้ในอาราม
พระสงฆ์เณรเวรเวียนเปลี่ยนกันเทศน์ ที่จิตรเจตไม่ชำนาญก็ชาญสนาม
เคยอุทัศขัดข้องก็คล่องความ พระสูตรตามวินัยต่อพระปรมัตถ์
จนจบในพระไตรปิฎกสิ้น เปนที่ถิ่นดับโทษให้โปรดสัตว์
ทรงให้ธรรมเปนทานทั้งบ้านวัด รู้บำบัดบาปกรรมกระทำบุญ
ข้างฝ่ายวัดก็จัดของเทศนา ที่อุส่าห์พากเพียรเล่าเรียนหนุน
ไม่มีใครอุประถัมภ์ช่วยค้ำจุน ได้ทุ่นทุนรับประทานแต่งานเดือน
ได้เทศน์ทันกัณฑ์หลวงกระทรวงวัด ได้เจนจัดจนดีไม่มีเหมือน
สัปรุษบุถุชนนิมนต์เตือน ไปเทศน์เรือนโรงธรรมค่อยฉ่ำใจ
ได้เครื่องกัณฑ์ฉันบ่อยอร่อยจิตร เปรื่องความคิดเทศน์คล่องด้วยผ่องใส
บ้างถึงเวรเกณฑ์การท่านชาญไชย รับเทศน์ไว้หลายแห่งต้องแบ่งทุน
ให้พระเณรเกณฑ์เรียนนั้นเปลี่ยนผลัด เทศน์ที่วัดสัปรุษก็อุดหนุน
ได้เครื่องกัณฑ์ฉันฉ่ำเขาทำบุญ ก็เรียนครุ่นร่ำไปจนได้ดี
ด้วยพระราชกุศลเปนต้นก่อน จึงถาวรเรืองรุ่งทั้งกรุงศรี
ประกอบก่อบ่อบุญพูลทวี ไปทั่วที่พระนิเวศน์ทุกเขตรคาม ฯ
๏ แล้วเปลี่ยนขนานนามวัดที่จัดสร้าง ให้คงอย่างภูมิ์ถานที่เรียกถาม
วัดทองนั้นชื่อสุวรรณทาราม วัดนาคนามชื่อว่าพระยาทำ
วัดแจ้งแปลงสมญาตามอาวาศ อรุณราชธารามอันงามขำ
วัดเลียบชื่อราชบุรณะเรียกประจำ วัดบางลำภูล่างเรียกต่างกัน
ขนานนามงามวิเศษเสวตรฉัตร วัดหมูผลัดชื่อว่าอัปศรสวรรค์
วัดประโคนโอนชื่อดุสิตพลัน วัดพลับนั้นชื่อราชสิทธี
วัดบางจากชื่อภัคคินีนาฏ ท้ายตลาดโมลีโลกเฉลิมศรี
วัดนครเขื่อนขันธ์พันทวี ลงบาญชีชื่อวัดโปรดเกษงาม
แต่วัดกลางวัดระฆังทั้งวัดกุฎ ไม่สมมุติชื่อเสียงเรียงสนาม
ทั้งวัดเกาะก็จำเภาะอยู่คงนาม ทั้งอารามวัดสระเกษก็เพศกัน
ทั้งวัดสมอรายไม่กลายชื่อ วัดคอกกระบือคงเดิมไม่เจิมขวัญ
ถ้วนสิบเก้าเข้าทั้งวัดเครือวัล[๒] สาระพันจำรัสสวัสดี ฯ
๏ ยังไม่เปรมเอมอิ่มพระกุศล บำเพ็ญผลต่อไปไม่หน่ายหนี
ดำริห์การหว่านผลกับมนตรี จะให้มีศรัทธาสร้างอาราม
หวังจะให้ได้ผลกุศลมาก บริจาคทรัพย์หลวงออกตวงหาม
ให้มนตรีสุริยวงษ์ผู้ทรงนาม ได้มีความบริพัตรพูลศรัทธา
เอาทรัพย์หลวงตวงจ่ายไปหลายวัด ไม่สังกัดนับชั่งในสังขยา
สุริยวงษ์ทรงรับกับพระยา ก็ปรีดาปราโมทย์ด้วยโปรดปราน
คิดเลื่อมใสไปสร้างเริ่มร่างวัด บ้างเปลี่ยนผลัดสร้างใหม่หลายสถาน
ด้วยทรัพย์หลวงตวงล่อลงพอการ ก็พลอยจานเจือลงประจงเจิม
เปนวิสาธารณะพระกุศล ก็เกิดผลเพิ่มพูลประมูลเสริม
ทรงปราโมทย์โปรดปรานประทานเติม พูลเฉลิมชาดรักกระจกทอง
กาวเครื่องเขียนเวียนตั้งเบิกคลังหลวง ไปเติมตวงจนถ้วนจำนวนฉลอง
ครั้นเสร็จการขนานนามตามทำนอง วัดในคลองบางยี่เรือทั้งสามนาม
อินทารามจันทารามนามบัญญัติ อิกทั้งวัดราชคฤห์เข้าเปนสาม
วัดท่านราชมนตรีที่อาราม ขนานนามชื่อวัดคหบดี
วัดท่านโชดึกสร้างกลางสนาม ชื่อนพคุณทารามอร่ามศรี
คุณพระคลังสร้างใหม่ท้ายบุรี ลงบาญชีชื่อวัดประยุรวงษ์
วัดพระยาศรีพิพัฒน์บัญญัตินาม พระยาญาติการามงามระหง
สามปลื้มชื่อจักรวรรดิอันหยัดยง เจ๊สัวหงคงนามอยู่ตามเดิม
วัดศาลาสี่หน้าชื่อคูหาสวรรค์ เชิงเลนนั้นชื่อบพิตรพิมุขเฉลิม
อิกสองวัดกรุงร้างไปสร้างเติม ชื่อคงเดิมโลกสุธาศาลาปูน
สิบสามวัดด้วยกันเปนอันดับ พระราชทรัพย์เจือไปมิให้สูญ
วัดพระยาน้อยใหญ่จึงไพบูลย์ ได้เพิ่มพูลสร้างงามตามทำนอง
ประทานวัดละพระยาวงษาสร้าง ที่เริ่มร่างสร้างใหม่จนได้ฉลอง
ที่ได้สร้างต่างนิยมด้วยสมปอง พาพวกพ้องบ่าวไพร่ไปทำบุญ
เลี้ยงพระสงฆ์สบงจีวรถวาย ของทั้งหลายต่าง ๆ ก็สร้างหนุน
ออกจำแนกแจกทานคิดหว่านทุน ในการบุญเบ็ดเสร็จทั้งเทศน์ธรรม์
ทั้งเครื่องเล่นเต้นรำทำฉลอง ทั้งขับร้องดีดสีทุกสิ่งสรรพ์
จำเริญศรีมีสง่าสาระพัน ด้วยพระปัญญายอดที่ทอดทุน
ด้วยทรัพย์หลวงตวงก้อนทรงผ่อนผัน จึงชวนกันศรัทธาขึ้นหนาหนุน
ได้กำไรหลายส่วนจำนวนบุญ ประทานทุนทรัพย์หลวงที่ตวงไป
เหลือล้นคณะนาหนักหนานัก เวียนเติมตักพระราชทรัพย์ไม่นับได้
ทองเครื่องเขียนเวียนตั้งเบิกคลังใน แต่จดไว้ก็หลายสมุดตรา
พระวงษาแลพระยาที่สร้างวัด ก็แจ่มจัดปรากฎฦๅยศถา
ทูลถวายพระกุศลผลผลา ทรงโมทนาปราโมทย์โปรดภิปราย
ที่ได้สร้างฟังชื่นดังกลืนแก้ว มีใจแผ้วผ่องเหมือนหนึ่งเดือนหงาย
ที่ใครไม่ได้สร้างระคางอาย ไม่สบายหมอบก้มลงตรมตรอง
พิเคราะห์ความตามกระแสพระกุศล เห็นเปนผลยวดยิ่งกว่าสิ่งของ
โสมนัศศรัทธาทูลฝ่าลออง ตามทำนองที่ทางสร้างอาราม
เอื้อนพระโอษฐโปรดปรานประทานให้ ได้ขนไขราชทรัพย์ออกนับหาม
ประทานไปสร้างวัดจำรัสงาม แล้วเติมตามอย่างกันเปนหลั่นไป
บ้างเริ่มตั้งฝังรากบ้างถากที่ ยังไม่มีชี้แจงแถลงไข
สุดแต่ใครศรัทธาไม่ว่าใคร ประทานให้ทุกวัดทรงศรัทธา ฯ
๏ แต่วัดระฆังสร้างซ้ำทำสองครั้ง ด้วยวัดบังเกิดเพลิงเริงนักหนา
ไหม้กฏิแถบคลองของนานา แล้วลามมาการปเรียญจนเลี่ยนลง
พระประธานฉายช้ำระยำยับ ด้วยขื่อทับหักแตกแหลกเป็นผง
พระสงฆ์เถรเณรตื่นยืนไม่ตรง เสียสบงจีวรสท้อนใจ
บ้างคว้าได้ไม้มั่งทั้งหนังสือ ออกวิ่งฮือตามกันสนั่นไหว
ทุกสิ่งของกองเหลวด้วยเปลวไฟ รับสั่งให้ไปดับระงับเพลิง
ทั้งมนตรีสุริยวงษ์องค์น้อยใหญ่ เสด็จไปไฟยังกำลังเหลิง
ให้พร้าขอกะตร้อน้ำเข้าร่ำเปิง เข้าตัดเชิงไฟมอดลงวอดวาย
ครั้นรุ่งแจ้งให้แต่งกระยาหาร ทั้งคาวหวานน้อยใหญ่ไปถวาย
พระสงฆ์ที่หนีไฟไม่สบาย ไม่ทันสายเลี้ยงเสร็จสำเร็จการ
กะบะงามชามใหม่ถวายทั่ว เปนเครื่องครัวสืบต่อบริขาร
ถวายไม้ไผ่หลายลูกปลูกรองงาน ทำโรงร้านอยู่พลางพอบังกาย
แล้วถวายไตรตรองที่พร่องบก องค์ใดตกตื่นเพลิงกระเจิงหาย
แต่บรรดาผ้าพลัดกระจัดกระจาย ก็ถวายให้ถ้วนล้วนสำอาง
แล้วให้ปลูกกะฎีพ้นที่ไหม้ ไปปลูกไว้ท้ายวัดถัดคลองขวาง
ระดมกรมน้อยใหญ่ไพร่ขนนาง ให้ปลูกสร้างคนละหลังอยู่พรั่งพรู
เสาไม้แก่นแล่นฝากระแชงอ่อน เต้าตงกลอนเรียงเรียบทั้งเสียบหนู
จั่วต้านลมคมหลบแลกบทู กะไดประตูน่าต่างสำอางตา
หมายรับสั่งสร้างถ้วนจำนวนร้อย ที่วัดน้อยแคบไปทั้งซ้ายขวา
ได้เก้าสิบเศษทั่วขรัวถานา พระราชาคณะแลพระครู
ทั้งอันดับสรรพเสร็จทั้งบริขาร เสื่อมุ้งม่านหมอนผ้าได้อะขู
กฎีใครได้สร้างต่างเลี้ยงดู ทั้งหมากพลูสิ่งของฉลองทาน
แล้วขุดร่องคลองขวางถึงทางถนน ให้ขังชลฉันง่ายในสถาน
ที่กลางคลองช่องข้ามทำตะพาน สูงตระหง่านมุงกระเบื้องล้วนเครื่องปรุง
แล้วปลูกกฎีลงที่ไฟไหม้ใหม่ ทั้งน้อยใหญ่พร้อมทั่วทั้งครัวหุง
ล้วนฝากระดานมั่นคงทรงบำรุง แต่ล้วนมุงกระเบื้องเครื่องสำอาง
กะไดอิฐติดต่อก่อล่องถุน กฎีเจ้าคุณทั้งสามงามสล้าง
คณะละห้าหลังทั้งหอกลาง ทั้งหอขวางหอรีมีพาไล
กฎีเจ้าคุณใหญ่นั้นใส่เก๋ง ดูปลั่งเปล่งด้วยทองอันผ่องใส
แถวถานาบาเรียนเวียนออกไป นับหลังได้สามสิบทั้งเก๋งทอง
หอสวดมนต์บนล่างสำอางเกลี้ยง ซี่กรงเรียงเรียบทั่วไม่มัวหมอง
ถนนแนวแถวงามตามทำนอง ไปตามช่องแถวข้างหว่างกฎี
การปเรียญเปลี่ยนผลัดจัดเปนตึก ปั้นผนึกกันเพลิงที่เริงศรี
นายแจ้งสร้างพระทองต้องอัคคี มีภักดีภิปรายถวายมา
จึงโปรดให้ใส่แทนที่แท่นเก่า แต่งเฉลาเพริศพรายทั้งซ้ายขวา
แล้วพูลเพิ่มเติมกำแพงแต่งศาลา ทั้งซ้ายขวาน่าชานการปเรียญ
ดูเพริศพริ้งยิ่งกว่าเก่าไม่เท่าถึง เปนที่พึ่งทั่ววัดจังหวัดเฉวียน
ไม่เลือกว่าวัดไหนที่ไฟเบียน เห็นไม่เตียนสร้างเติมเพิ่มทวี
ยิ่งไหม้ก็ยิ่งสร้างไม่ค้างเขิน จึงจำเริญทั่ววัดรัศมี
จะแลดูวัดไหนในบุรี ล้วนผ่องศรีเรียบเรียงทั้งเวียงไชย ฯ
๏ วัดไหนไหนไม่ฦๅระบือยศ เหมือนวัดราชโอรสอันสดใส
เปนวัดเดิมเริ่มสร้างไม่อย่างใคร ล้วนอย่างใหม่ทรงคิดประดิษฐทำ
ทรงสร้างด้วยมหาวิริยาธึก โอฬารึกพร้อมพริ้งทุกสิ่งขำ
ล้วนเกลี้ยงเกลาเพราเพริศดูเลิศล้ำ ฟังข่าวคำฦๅสุดอยุทธยา
จะรำพรรณสรรเสริญก็เกินสมุด ขอยกหยุดพองามตามเลขา
กำหนดสร้างพระอาวาศโดยมาตรา ประมาณช้านับได้สิบสี่ปี
จึงเสร็จการอาวาศราชโอรส อันฦๅยศเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
แล้วสมโภชโปรดปรานการทวี การที่มีเหลือล้นคณนา
สมโภชรวบควบกันเปนอันดับ กำหนดนับเก้าวัดโดยสังขยา
ยังไม่เปรมเอมอิ่มพระศรัทธา ในมหากุศลนิพนธ์ทวี
มาปฏิสังขรณะพระอาวาศ พระศรีสาศดารามอร่ามศรี
ดูเลิศล้ำโลกาในธาตรี ใครไม่มีเทียมโทมโหฬาร์
แต่ทรงสร้างพระอาวาศทั่วราชฐาน ตั้งแต่กาลวัดราชโอรสสา
จนเสร็จวัดทั้งปวงที่ล่วงมา สิ้นอิฐผาปูนกระเบื้องขนเปลืองเติม
แม้นรวมรวบควบเข้าทั้งเก่าใหม่ ประมาณใหญ่สักเท่าภูเขาเฉลิม
ทั้งน้ำเชื้อเนื้อรักที่ตักเจิม สิริเพิ่มกันเข้าเท่านที
ทั้งเสาสักจากหวายไม้ร่างร้าน มากกว่าบ้านเรือนแพในกรุงศรี
เครื่องเขียนกาวราวสิบลำสำเภาพี กระจกที่เคลือบขลิบสักสิบเกวียน
คำเปลวทองสักสองสามสิบหาบ เที่ยวทาทาบทั่ววัดจังหวัดเฉวียน
ปรางเจดีย์วิหารการปเรียญ สิ้นทองเขียนปิดพระอนันต์ครัน ฯ
๏ ขออนุโมทนาอานิสงษ์ ที่พระองค์ทรงสร้างสว่างสวรรค์
ให้ภิญโญยศยิ่งทุกสิ่งอัน อุปัทวันตรายอย่าได้มี
บรมศุขทุกพระอิริยาบถ ใครคิดคดให้พ่ายกระจายหนี
ให้พระชนม์ยาวยืนอยู่หมื่นปี ให้เปรื่องปรีชาฤทธิมหิทธิญาณ
พระโรคาอย่าแผ้วให้แคล้วคลาศ จงผุดผาดผ่องศรีเพียงสุริย์ฉาน
พระเกียรติยศปรากฎทั่วจักรวาฬ ดังอวตารผ่านโลกเปนโจกจอม
ให้ท้าวพระยาสามนต์มงคลทวีป มาสรวมชีพใต้บาทภิวาทถนอม
ให้ซื่อต่อบพิตรคิดประนอม ให้นำน้อมเครื่องคำนับมาอภิบาล
สิ่งใดพระไทยรักพวักหวัง ให้สมดังพระประสงค์ดำรงสถาน
ให้ล่วงลามข้ามเขตรกิเลศมาร ให้ศีลทานผ่องใสในมโน
ให้พระราชศรัทธานั้นกล้าหาญ บำราศพาลเปนบรมศุโข
ให้สำเร็จเสร็จกิจอิศโร เปนสัมมาสัมพุทโธมโหฬาร
มาราขออย่ามาประจญได้ ตั้งพระไทยอุดมพรหมวิหาร
เหมือนพระเมตไตรยในอนาคตกาล พระนฤพานจงลุโหตุเต
สุขิโตโหตุภวันติ ให้สิทธิสมพระไทยไม่ห่างเห
อิจฉิตังปัตถิตังวะรังวะเร ด้วยเดชเดชะพุทธวรพร ฯ
๏ สรวมชีพรจนาสามิภักดิ์ เฉลิมศักดิ์บพิตรอดิศร
ไว้สำหรับกัปกัลป์นิรันดร ให้ถาวรพิพัฒน์สวัสดี
ขอคุณพระไตรรัตน์เปนฉัตรแก้ว มาปักแผ้วกันไภยในเกษี
ให้พระจอมโลกาทรงปรานี พอพ้นที่ช่างเขียนเปลี่ยนวิชา
ขอฉลองพระคุณไปในอาลักษณ์ ด้วยจิตรรักจงสมปราถนา
ควรมิควรโปรดทรงพระเมตตา ชีวิตรไว้ใต้ฝ่าธุลีเอย ฯ
๏ สรรเสริญพระเกียรดิเรื้อง กรุงศรี
ข้าพเจ้านายมี สืบสร้าง
ด้วยจิตรคิดภักดี จอมราช
เฉลิมลักษณ์ไว้อ้าง โลกเหลื้องฦๅบุญ ฯ

๏ ข้าพระพุทธิเจ้า นายมี บุตรพระโหรา แต่งมาทูลเกล้า ฯ ถวายไว้ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ณวันประหัศจตุรเกณฑ์กาฬปักษ์ เดือนแปด จุลศักราช ๑๑๙๕ ปีมะเสงเบญจศกเสร็จ ขอเดชะ ฯ


[๑] ที่เรียกว่า “พวกขันปืน” คือพวกที่ขันลำกล้องปืนใหญ่ ซึ่งสร้างในรัชกาลที่ ๓

[๒] เรื่องพระราชทานนามวัดต่างๆ ที่กล่าวในกลอนนี้ ผิดบ้างไม่ถูกหมด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ